รีวิวเชียงใหม่(บ้านกอดลมห่มดอย)

"บันทึกเดินทาง..11-14 /02/68

             จุดหมายยอดฮิตของนักท่องเที่ยวคงหนีไม่พ้นจังหวัดเชียงใหม่ ที่เด่นด้วยวัฒนธรรม อาหารและธรรมชาติ  ตอบโจทย์ผู้มาเยือนทั้งแบบกลุ่ม คู่รักและที่สำคัญคนที่เดินทางคนเดียวแบบเราที่เดินทางในช่วงปลายหนาวต้นร้อน แม้จะร้อนหน่อยแต่นับว่าเป็นทริปที่ช่วยชาร์จแบตและมีกำลังใจให้กลับไปทำงานต่อสำหรับมนุษย์เงินเดือนได้อย่างดีเลยละ

11/02/68 - เริ่มการเดินทางด้วยรถไฟสายรังสิต-เชียงใหม่ ด่วนพิเศษCNR แบบนอนชั้นสอง น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับเราที่ไม่เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาก่อน เบาะสีแดง แอร์เย็นฉ่ำและนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเต็มขบวน รถไฟขบวนนี้ออกจากรังสิตเวลา 19.07 น. เมื่อถึงเวลาที่พนักงานทยอยปูที่นอนแอบดีใจไม่น้อยที่เลือกเตียงล่าง เพราะมีหน้าต่างชมวิวระหว่างทางไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเกินไป

" ท้องฟ้ายามเย็นสถานีรถไฟรังสิต"

นั่งๆนอนๆ หลับไม่สนิทเพราะกลัวจะนอนเพลิน 5555 นั่งสิบกว่าชั่วโมงจากฟ้ามืดจนเริ่มสว่าง ประมาณ 07. 15 น. รถไฟจอดเทียบชานชาลาพร้อมเสียงประกาศว่าถึงสถานีปลายทางเชียงใหม่ ความรู้สึกแรกทั้งตื่นเต้น กังวลและทำอะไรต่อดีเพราะนัดกับที่พักบนเชียงดาวไว้บ่ายสอง

เราเลือกจองโฮสเทลแถวขนส่งช้างเผือกเพื่อฝากกระเป๋าและอาบน้ำก่อนจะเดินเล่นรอบเมือง ไปหอศิลป์และวัดซึ่งระหว่างทางมีภาพวาดบนผนังและน้องแมวทำให้เดินไปเพลินๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก

หลังจากเดินเที่ยวเล่นประมาณเที่ยงกลับโฮสเทลเพื่อเก็บกระเป๋าแล้วไปขนส่งช้างเผือกเพื่อไปเชียงดาวต่อ การเดินทางในเชียงใหม่เราเลือกใช้แอพ Maxim ซึ่งราคาดีและเรียกได้ง่าย เมื่อมาถึงขนส่งช้างเผือกขึ้นรถบัส (มีทั้งแบบแอร์-ไม่แอร์) เชียงใหม่-ท่าตอน ถ้าแบบพัดลมราคา 46 บาท นั่งยาวๆประมาณชั่วโมงกว่าเส้นทางคดเคี้ยวนิดหน่อย แต่ได้นั่งมองวิวข้างทางให้ลมเย็นปะทะหน้าทำให้ใจฟูและไม่เมารถเลย

- สำหรับที่พักในทริปนี้เลือกที่ "บ้านกอดลมห่มดอย" แม่ซ้าย เรานัดคุณลุงที่จะพาไปที่พักตรงเซเว่นแม่นะแต่..... นั่งเลยไปขนส่งเชียงดาวซึ่งห่างเกือบเจ็ดกิโล ดังนั้นถ้าใครมาให้บอกคนขับไม่ก็พี่ที่เก็บเงินว่าให้เตือนเราด้วยนะว่าจะถึงตอนไหน หลังจากให้รถมารับที่ขนส่งเชียงดาวเพื่อไปที่พักทางที่รถผ่านโค้งเยอะและชันบางส่วนแต่ยังสามารถนำรถขึ้นไปได้แค่ต้องระวังตอนที่สวนกัน เราคุยกับคุณลุงไปเรื่อยก็มาถึงหน้าบ้านที่เราจะอยู่ 3 วัน 2 คืน  อย่างแรกที่สัมผัสได้คือการต้อนรับที่เป็นกันเองกับวิวรอบๆที่สวยยยยมาก

"ทางไปบ้านพักชื่อกอยหมอก"

"อาหารเช้าและขันโตก"

บ้านที่พักชื่อกอยหมอกต้องเดินลงไปข้างล่างทางชันพอสมควร ลงไปข้างล่างอีก 70 เมตรมีน้ำตกให้ลงเล่นน้ำเย็นและสดชื่นมาก

- ราคาที่พัก 850 บาทรวมอาหารเช้า-เย็น (ขันโตก) มาคนเดียวคืออิ่ม ในวันที่สองมื้อกลางวันสามารถสั่งอาหารกับทางที่พักได้ ซึ่งมีทั้งอาหาร ขนมและชา-กาแฟให้เลือกได้ตามใจ

- จุดชมวิวไร่ภูเคียงดาว

   จุดชมวิวอยู่ห่างจากที่พักไป 400 เมตร ขึ้นไปประมาณ 06.30 น. 

เส้นทางชันเล็กน้อยแต่เดินไม่ยากไปคนเดียวก็จะตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงอะไรนิดอะไรหน่อย 5555 ร้องเพลงไปช่วยได้เยอะ แต่โชคดีที่ด้านหลังมีคนเดินตามมาบ้างทำให้ไม่น่ากลัวมาก ตอนเดินขึ้นไปแนะนำให้เตรียมน้ำเปล่า ยาดมหรือลูกอมไปด้วยเพราจะเหนื่อยมีโอกาสหน้ามืดจนเกือบเป็นลมได้

-จุดชมวิว พักใจ หายเหนื่อย คุ้มค่าเหนื่อย

ไร่ภูเคียงดาวอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านกอดลมห่มดอยเป็นจุดชมวิวและกางเต็นท์ มีวิวภูเขารายล้อม 360 องศาเหมาะกับการนั่งชิลเพราะมีเก้าอี้และชิงช้าให้เราสูดกลิ่นธรรมชาติได้เต็มปอด

-วันว่างๆ ใช้ชีวิตแบบอิหยังนิแต่มีความสุขที่สุด

วันที่สองกับการพักผ่อนที่แปลว่าไม่ทำอะไรเลยนอกจากดื่มด่ำกับวิวหน้าที่พักกับอ่านหนังสือเล่มโปรดพร้อมกับฟังเพลงโดยไม่คำนึงถึงเวลาปลดปล่อยความคิดและโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งหาไม่ได้จาการทำงานในชีวิตประจำวัน บางครั้งความสุขที่หามานานอาจจะไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ขอแค่มีเวลากับตัวเองหันกลับมามองสิ่งที่เคยมองข้ามนับว่าเป็นการสร้างแรงใจในการใช้ชีวิตต่อไปได้เหมือนกัน

"เจ้าบ้านมาทักทายซักหน่อย"

"มีหนมมั้ยนะนุด"

- ยามค่ำคืนที่แสนสงบ ดวงดาวบนท้องฟ้าระยิบระยับ ความเงียบที่ไม่ทำให้น่ากลัวแต่ทำให้ใจเย็นและสงบเป็นคืนก่อนเข้านอนที่พาให้ฝันดีตลอดคืน

"ทุกสิ่งมีคุณค่าแค่รอเวลาให้คนที่มองเห็นมันอย่างแท้จริง"

-วันสุดท้ายแต่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดการเดินทาง

อากาศที่เชียงดาวช่วงเช้าก่อนกลับเย็นกว่าปกติเหมือนส่งท้ายก่อนกลับมาเจอสภาพอากาศและฝุ่นในเมืองกรุง

หลังจากเก็บของและกินข้าวเช้าถึงเวลาบอกลา ออกจากที่พักสิบโมงเพื่อไปขนส่งเชียงดาวกลับเชียงใหม่ที่ขนส่งช้างเผือก ก่อนลาคุณลงคนขับรถแนะนำว่าสิ้นปีนี้มาพิชิตดอยหลวงเชียงดาวได้นะวิวจะสวยกว่าที่เคยเห็นในทริปนี้หลายเท่า เราขอบคุณสำหรับคำแนะนำและบอกลาครั้งสุดท้าย บาย บาย เชียงดาว

- ก่อนกลับเพิ่มพลังด้วยร้านอาหารจีนใกล้ขนส่งช้างเผือก เมนูที่สั่งคือ ขนมจีนเนื้อเปื่อยยูนนานรสชาติแปลกใหม่แต่อร่อยดี 

- 15.00 น. แวะพักที่คาเฟ่ The Baristro at Train Station เพื่อรอรอบรถไฟขากลับเวลา 17.00 น. ขนมและชาที่นี่อร่อย บรรยากาศที่ร้านดี แอร์เย็นมีปลั๊กไฟเหมาะกับนักเดินทางที่หาที่นั่งรอรถไฟ

- Goodbye เชียงใหม่

ขากลับนั่งรถไฟ บนท.ป.40 ชั้น2 รอบ 17.00 น. ดวงอาทิตย์ค่อยๆหายไปจากท้องฟ้ารู้ตัวอีกทีก็มองไม่เห็นวิวข้างทางแล้ว ที่นั่งถูกปรับเปลี่ยนเป็นที่นอนประมาณสองทุ่มภายในขบวนรถไฟเริ่มเงียบต่างคนต่างอยู่ในพื้นที่ตัวเอง สำหรับเรายังคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ผ่านไปเร็วมากทั้งที่รอคอยมาเกือบครึ่งปี  และรับรู้ว่าเที่ยวคนเดียวสอนอะไรหลายอย่างและมีอีกหลายเรื่องที่สอนเราเพื่อนำไปใช้ในนการเที่ยวครั้งหน้า เช่น ความกล้าที่จะถาม เรียนรู้ความผิดพลาดและทิ้งอีโก้ตัวเองเพื่อความรอบคอบปลอดภัย รวมถึงการคุมงบประมาณและวางแผนการใช้จ่ายให้ดี สุดท้ายนี้ขอบคุณตัวเองที่ออกมาจากที่เดิม ขอบคุณรีวิวในแพตฟอร์มต่างๆที่เหมือนเป็นแผนที่นำทางในทริปนี้ แล้วเจอกับการผจญภัยครั้งหน้านะ. :)