“10 เมืองเล็กน่าเที่ยวของนอร์เวย์ เที่ยวง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ สวยทุกฤดู”

10 เมืองเล็กน่าเที่ยวของนอร์เวย์ 

เที่ยวง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ สวยทุกฤดู

เมื่อพูดถึงนอร์เวย์ หลายคนอาจนึกถึงฟยอร์ดสุดอลังการและแสงเหนือที่เต้นรำอยู่กลางฟากฟ้ายามค่ำคืน แต่จริง ๆ แล้ว ประเทศนี้ยังซ่อนเสน่ห์อีกมากมายให้ค้นหา — โดยเฉพาะ “เมืองเล็ก ๆ” ที่โอบล้อมด้วยขุนเขา น้ำตก และธารน้ำแข็งแบบนอร์ดิกแท้ ๆ ซึ่งยังคงความบริสุทธิ์ เงียบสงบ และเหมาะกับนักเดินทางที่อยากสัมผัสธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง

แม้เมืองเหล่านี้อาจไม่ได้มีชื่อเสียงเท่า Oslo, Bergen หรือ Tromsø แต่กลับเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ความอบอุ่น และความงดงามเรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านริมฟยอร์ดสุดโรแมนติก เมืองมรดกโลกกลางหิมะ หรือจุดชมวิวบนยอดเขาที่รอให้คุณเดินเท้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง เหมาะเป็นพิเศษสำหรับ...
🌲 สายธรรมชาติ – ที่อยากพักใจในหมู่บ้านกลางหุบเขา
🛶 สายลุย – ที่มองหาเส้นทางเดินป่า ล่องเรือ หรือลุยธารน้ำแข็ง
📸 สายชิล – ที่อยากเก็บภาพวิวสวย ๆ และดื่มด่ำวัฒนธรรมนอร์เวย์แท้ ๆ

📅 เที่ยวนอร์เวย์ช่วงไหนดี? 

• กรกฎาคม – กันยายน: เป็นฤดูร้อนในนอร์เวย์ เหมาะกับการเที่ยวธรรมชาติ ล่องฟยอร์ด และเดินป่า
  
• ตุลาคม – ธันวาคม: เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ทิวทัศน์เปลี่ยนสี สวยและโรแมนติกไปอีกแบบ
• มกราคม – กุมภาพันธ์ (หนาวที่สุดของปี) เป็นช่วงที่เหมาะกับการล่าแสงเหนือ, เล่นสกี, หรือนอนชมวิวหิมะ

บทความนี้เราได้คัดสรร 10 เมืองน่าเที่ยวของนอร์เวย์ ที่เดินทางง่ายจากออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ แต่ให้ประสบการณ์ธรรมชาติสุดประทับใจไม่แพ้ที่ไหนในโลก พร้อมช่วงเวลาแนะนำในการเดินทาง เพื่อให้คุณวางแผนได้สะดวกที่สุด  ไปดูกันว่า... เมืองเล็กเหล่านี้มีดีอะไร และน่าไปช่วงไหนกันบ้าง 🌍 

แนะนำ 10 เมืองเล็กน่าเที่ยวในนอร์เวย์  ที่ธรรมชาติสวยจนใจละลาย  เหมาะสำหรับเดินทางไปเที่ยวในช่วง ก.ค. – ธ.ค. นี้ 

1. Flåm – หมู่บ้านฟยอร์ดสไตล์นอร์ดิกแท้

Flåm คือหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมฟยอร์ดในเขต Vestland ที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันน่าทึ่งของภูเขาสูง น้ำตก และลำธารใสไหลเย็น ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสฟยอร์ดแบบใกล้ชิด รวมถึงขึ้นรถไฟสาย Flåmsbana ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดสายหนึ่งในโลก เหมาะกับคนที่อยากมาพักผ่อนท่ามกลางวิวธรรมชาติระดับโลก

🗓 ช่วงแนะนำ: พฤษภาคม – กันยายน (หน้าร้อน วิวสวย เดินทางง่าย) 

🚗 การเดินทาง: นั่งรถไฟจาก Oslo ไป Myrdal (~4.5 ชม.) ต่อรถไฟ Flåmsbana ไป Flåm (~1 ชม.)

📍 ไฮไลท์: "รถไฟ Flåmsbana วิ่งผ่านวิวภูเขาและน้ำตกตระการตา สู่หมู่บ้านฟยอร์ด Flåm"

หรือหากไปช่วงหน้าหนาวก็จะได้บรรยากาศไปอีกแบบ 

Credit photo: Sverre F. Hjørnevik - Fjellandsby

ล่องเรือชมฟยอร์ด Nærøyfjord

จุดชมวิว Stegastein

2. Lofoten – หมู่เกาะมหัศจรรย์แห่งนอร์เวย์เหนือที่ควรไปสักครั้งในชีวิต

Lofoten คือหมู่เกาะทางตอนเหนือของนอร์เวย์ที่มีธรรมชาติอันน่าทึ่งและบรรยากาศเหมือนภาพวาด เต็มไปด้วย “หมู่บ้านเล็ก ๆ” ที่มีบรรยากาศน่าหลงใหล ตั้งแต่ฟยอร์ดสีมรกต ภูเขารูปทรงแปลกตา ชายหาดขาวสะอาด ไปจนถึงหมู่บ้านชาวประมงสุดโรแมนติก หมู่เกาะแห่งนี้เหมาะสำหรับสายธรรมชาติ นักถ่ายภาพ และผู้ที่ตามหาแสงเหนือในฤดูหนาว หรือพระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อน

🗓 ช่วงแนะนำ:
พฤษภาคม – สิงหาคม (พระอาทิตย์เที่ยงคืน, เดินเล่นหมู่บ้าน, ถ่ายภาพ)
กันยายน – มีนาคม (ล่าแสงเหนือ ชมหิมะกลางทะเล และพักผ่อนแบบ slow life)

🚗 การเดินทาง: บินจาก Oslo ไปสนามบิน Svolvær หรือ Leknes (ประมาณ 2.5–3 ชม. รวมต่อเครื่อง)
จากนั้นเช่ารถขับเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ สะดวกและวิวสวยมาก

📍 ไฮไลท์:

Henningsvær – หมู่บ้านชาวประมงที่เรียกกันว่า “เวนิสแห่งนอร์เวย์เหนือ” มีบ้านไม้สีสด คาเฟ่เก๋ สนามฟุตบอลกลางเกาะวิวทะเล

Nusfjord – หมู่บ้านประมงเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นมรดกวัฒนธรรม บ้านไม้สีแดงเรียงรายริมทะเล สงบและงดงาม

Hamnøy & Sakrisøy – หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีวิวคลาสสิกของบ้านไม้แดงริมฟยอร์ด และเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมใน Instagram

Reine – จุดชมวิวระดับโลกที่มองเห็นภูเขาและฟยอร์ดสุดอลังการ 

3. Geiranger – ฟยอร์ดระดับโลก

Geiranger เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมฟยอร์ดที่ตั้งอยู่ใน Geirangerfjord ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ด้วยวิวที่สวยตระการตาราวกับภาพวาด มีภูเขาสูงชัน น้ำตกไหลลงมาสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง และเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยกลางธรรมชาติ

🗓 ช่วงแนะนำ:

• พฤษภาคม – กันยายน (ฤดูการเดินเรือเปิด) 

• ตุลาคม – ธันวาคม (ช่วงเปลี่ยนฤดูและเข้าหน้าหนาว)

🚗 การเดินทาง: บินภายในประเทศจาก Oslo ไป Ålesund (~1 ชม.) แล้วขับรถต่อ ~2.5 ชม. หรือขับรถต่อเนื่อง ~8 ชม.

📍 ไฮไลท์:

"เรือท่องเที่ยวล่องผ่าน Geirangerfjord ฟยอร์ดระดับโลกที่งดงาม

จุดชมวิว Flydalsjuve

จุดชมวิวสวยจากยอดเขาสูง

น้ำตก Seven Sisters

แม้ Geiranger จะโด่งดังในฤดูร้อน แต่ฤดูหนาวก็มีความงามแบบเงียบขรึม ฟยอร์ดปกคลุมด้วยหมอกบาง น้ำตกกลายเป็นน้ำแข็งเป็นบางส่วน และไม่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน บางเส้นทางจะปิดในฤดูหนาว แต่ก็เหมาะกับคนที่ต้องการความเงียบสงบ และภาพถ่ายสุดโรแมนติก

Credit photo: Fredrik Ahlsen, Maverix / Visitnorway.com

4. Odda – เมืองกลางหุบเขา ประตูสู่ Trolltunga

Odda ตั้งอยู่ปลายสุดของ Sørfjorden ซึ่งเป็นแขนหนึ่งของ Hardangerfjord ทางตะวันตกของนอร์เวย์ ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง น้ำตก และฟยอร์ดที่สวยงาม ตัวเมืองมีขนาดเล็กแต่น่ารัก บรรยากาศสงบ เหมาะเป็นฐานพักสำหรับเที่ยวธรรมชาติรอบ ๆ โดยเฉพาะเส้นทางปีนเขา Trolltunga อันโด่งดัง

🗓 ช่วงแนะนำ:

• มิถุนายน – กันยายน: เหมาะสำหรับเดินขึ้น Trolltunga และชมธรรมชาติ
• ตุลาคม – มีนาคม: ฤดูหนาว บรรยากาศโรแมนติก แต่ไม่สามารถขึ้น Trolltunga ได้ด้วยตัวเอง (ต้องจองไกด์)

🚗 การเดินทาง:

จาก Oslo:

• ✈️ บินไป Bergen (~50 นาที) แล้วขับรถต่อไป Odda ~3 ชม.
• 🚗 ขับรถจาก Oslo ตรง ~6–6.5 ชั่วโมง (เส้นทางผ่าน Geilo – Hardangervidda)

📍 ไฮไลท์:

มุมเมืองเล็ก ๆ ที่ถูกโอบกอดด้วยภูเขาสูง และฟยอร์ดที่สวยงาม

Trolltunga – หน้าผารูปลิ้นหินที่ยื่นออกจากหน้าผาสูง จุดถ่ายภาพระดับโลก

Photo credit: Trolltunga Adventures

Photo credit: Trolltunga Adventures

Photo credit: Trolltunga Adventures

Latefossen Waterfall – น้ำตกคู่ริมถนน วิวสวยตระการตา

🌿 หมู่บ้านเล็ก ๆ วิวฟยอร์ด เส้นทางธรรมชาติ และบรรยากาศเงียบสงบ

5. Ålesund – เมืองท่าอาร์ตนูโว ที่มีสีสันและดีไซน์เฉพาะตัว

Ålesund เป็นเมืองท่าริมทะเลบนชายฝั่งตะวันตกของนอร์เวย์ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ Art Nouveau ที่มีสีสันและดีไซน์เฉพาะตัว ตัวเมืองสร้างขึ้นใหม่หลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1904 และปัจจุบันกลายเป็นเมืองที่ทั้งสวยงามและมีเอกลักษณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของนอร์เวย์

🗓 ช่วงแนะนำ:

• พฤษภาคม – กันยายน
• ธันวาคม – มีนาคม (สำหรับคนชอบหิมะ วิวโรแมนติก และกิจกรรมกลางแจ้งเบา ๆ)

🚗 การเดินทาง: บินตรงจาก Oslo ประมาณ 1 ชม. หรือขับรถจาก Geiranger ~2.5 ชม.

📍 ไฮไลท์:

"วิวเมือง Ålesund จากจุดชมวิว Aksla พร้อมทะเลสีคราม"

เมืองท่าที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะและสีสัน สถาปัตยกรรม Art Nouveau ทำให้ทุกมุมของเมืองเหมือนเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง พร้อมวิวทะเลสวยจับใจจากเนินเขา Aksla

สถาปัตยกรรม Art Nouveau

ประตูสู่ฟยอร์ดและภูเขารอบๆ

Photo credit: Toke Mathias Riskjær - Visit Norway

ในฤดูหนาว Ålesund แปลงโฉมเป็นเมืองท่าที่โรแมนติกยิ่งขึ้น

6. Olden –  เมืองเล็กกลางหุบเขา สัมผัสฟยอร์ดและธารน้ำแข็งสุดตระการตา

เมืองเล็ก ๆ ที่เป็นประตูสู่ธารน้ำแข็งและฟยอร์ดกว้างใหญ่ เงียบ สงบ แต่เปี่ยมเสน่ห์ เหมาะกับคนที่อยากออกจากความวุ่นวายมาใช้ชีวิตกลางธรรมชาติ

🗓 ช่วงแนะนำ: 

• พฤษภาคม – กันยายน (อากาศดี เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งและปีนเขา)
• ตุลาคม – มีนาคม (บรรยากาศโรแมนติก หิมะปกคลุมหมู่บ้าน)

🚗 การเดินทาง: ขับรถจาก Bergen หรือ Ålesund ~4-5 ชม. หรือจาก Stryn โดยรถบัส

📍 ไฮไลท์:

น้ำตก Briksdal Glacier  หรือที่เรียกว่า Briksdalsbreen ตั้งอยู่ในหุบเขา Olden ประเทศนอร์เวย์ Briksdal Glacier เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็ง Jostedalsbreen ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป 

Photo credit: Marte Kopperud - VisitNorway.com

ฟยอร์ด Nordfjord กว้างใหญ่และเงียบสงบ 

The Olden Old Church in Olden, Norway

7. Åndalsnes – เมืองแห่งยอดเขาและธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

Åndalsnes คือเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมฟยอร์ดในเขต Rauma Municipality ของนอร์เวย์ตะวันตก ขึ้นชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งยอดเขา” เพราะถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงชันนับสิบลูก เช่น Romsdalshorn และ Trollveggen (กำแพงโทรลล์) จุดหมายยอดนิยมของสายปีนเขา นักถ่ายภาพ และผู้ที่หลงรักธรรมชาติในทุกฤดู

🗓 ช่วงแนะนำ: 

• พฤษภาคม – กันยายน (ฤดูเดินป่า ปีนเขา ถ่ายวิวธรรมชาติ)
• ตุลาคม – มีนาคม (หิมะบนยอดเขาและบรรยากาศสงบเหมาะกับการพักผ่อน)

🚗 การเดินทาง: นั่งรถไฟจาก Oslo ไป Åndalsnes (6–7 ชม.)

📍 ไฮไลท์:

ปีนเขา Romsdalseggen Ridge

Trollstigen เส้นทางดังสุดอลังการ

จุดชมวิว Rampestreken

8. Røros – เมืองมรดกโลกกลางขุนเขา ที่กาลเวลาไม่อาจกลืนกิน

Røros เป็นเมืองเหมืองแร่เก่าในภาคกลางของนอร์เวย์ที่เต็มไปด้วยบ้านไม้สีสันเรียงราย และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO มีทั้งความโรแมนติกในฤดูหนาว และเสน่ห์แบบหมู่บ้านนอร์เวย์ดั้งเดิมที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี ในช่วงฤดูหนาว Røros จะกลายเป็นเมืองหิมะสุดคลาสสิกที่ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย บ้านไม้แบบดั้งเดิมเรียงรายใต้หิมะขาวโพลน พร้อมแสงไฟสลัว ๆ จากหน้าต่าง บรรยากาศโรแมนติกอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาว นอกจากนี้ยังมีเทศกาลฤดูหนาว “Rørosmartnan” ที่เต็มไปด้วยสินค้าท้องถิ่นและขบวนม้าลากเลื่อนย้อนยุค
🗓ช่วงแนะนำ:

ฤดูหนาว (ธันวาคม–มีนาคม): คือช่วงเวลาที่โรโรสงดงามราวเทพนิยาย บ้านไม้โบราณปกคลุมด้วยหิมะ มีกิจกรรมเลื่อนหิมะ ล่ะแสงเหนือ และเทศกาล Rørosmartnan (ตลาดฤดูหนาวแบบย้อนยุค) ที่มีชีวิตชีวา

ฤดูร้อน (มิถุนายน–สิงหาคม): เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเดินเล่นชมสถาปัตยกรรมเมืองเก่า พิพิธภัณฑ์ และสำรวจเหมืองทองแดงเก่าท่ามกลางธรรมชาติ

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน–ตุลาคม): ใบไม้เปลี่ยนสีทั่วภูเขา บรรยากาศอบอุ่น โรแมนติก และนักท่องเที่ยวน้อย เหมาะกับการพักผ่อนแบบเงียบสงบ

🚗 การเดินทาง: นั่งรถไฟตรงจาก Oslo ไป Røros (~5.5 ชม.)

Credit photo: Terje Rakke - VisitNorway.com

Credit photo: Terje Rakke - VisitNorway.com

Credit photo: Thomas Rasmus Skaug - VisitNorway.com

📍 ไฮไลท์:

"บ้านไม้สีสันสดใสในย่านเมืองเก่า Røros ที่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก"

ย่านเมืองเก่าอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไม้แบบดั้งเดิม

เหมืองแร่ Røros Copper Works

9. Trondheim – เมืองประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมริมแม่น้ำ Nidelva

Trondheim อาจไม่ใช่เมืองเล็กโดยขนาด เพราะเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของนอร์เวย์ แต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงและพลุกพล่านเท่า Oslo หรือ Bergen และยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวไทยมากนัก เมืองนี้จึงมีเสน่ห์แบบ “เมืองเล็ก” ที่เหมาะแก่การพักผ่อน

Trondheim ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Nidelva โดดเด่นด้วยบรรยากาศเงียบสงบ วิถีชีวิตท้องถิ่น และเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ โดยมีมหาวิหาร Nidaros Cathedral อันยิ่งใหญ่เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและศิลปะของนอร์เวย์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินเล่นชมเมือง แวะคาเฟ่ และแกลเลอรีศิลป์ในบรรยากาศชิค ๆ

🗓 ช่วงแนะนำ:
พฤษภาคม – กันยายน (อากาศอบอุ่น เดินเล่น ชมเมือง)
หรือ ธันวาคม – กุมภาพันธ์ (บรรยากาศคริสต์มาสและฤดูหนาว)

🚗 การเดินทาง: บินภายในประเทศจาก Oslo ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือขึ้นรถไฟจาก Oslo ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง (เหมาะสำหรับคนชอบชมวิวระหว่างทาง)

มุมยอดฮิตที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำ Nidelva

ไฮไลท์  Nidaros Cathedral
มหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญของประเทศ

จุดถ่ายรูปสวย สะพานเก่า  The Old Town Bridge หรือ  Gamle Bybro หรือ Bybroa  

Munkholmen คือเกาะเล็ก ๆ (islet) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง Trondheim บริเวณปากแม่น้ำ Nidelva ที่ไหลลงสู่อ่าว Trondheimsfjord

บรรยากาศในช่วงหน้าหนาวของเมือง Trondheim

Credit Photo: Svein-Erik Knoff - Explore Trøndelag

Credit Photo: Svein-Erik Knoff - Explore Trøndelag

Photo Credit:  Fredrik Ahlsen - Visit Norway

Photo credit: Fredrik Ahlsen - Visit Norway

10. Sogndal – เมืองเล็กริมธารน้ำแข็งและฟยอร์ด

Sogndal ตั้งอยู่ริม Sognefjord ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่ยาวที่สุดในนอร์เวย์ เมืองนี้ผสมผสานความเรียบง่ายแบบท้องถิ่นเข้ากับกิจกรรมทางธรรมชาติ เช่น การเดินป่ารอบธารน้ำแข็ง Nigardsbreen Glacier และการแวะเยือนหมู่บ้าน Fjærland ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ “หมู่บ้านหนังสือ”

ในฤดูหนาว Sogndal เป็นอีกเมืองที่เงียบสงบและสวยงามด้วยวิวหิมะและฟยอร์ดผืนใหญ่ กิจกรรมยอดนิยมคือการเดินเล่นริมทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็ง ชมบ้านไม้หลังเล็ก ๆ และถ้าอากาศเป็นใจ ก็สามารถเห็นแสงเหนือได้บ้างในบางคืน

🚗 การเดินทาง:  บินภายในประเทศจาก Oslo ไปสนามบิน Sogndal (ประมาณ 50 นาที) หรือ ขับรถจาก Oslo หรือ Bergen ประมาณ 4–5 ชั่วโมง

🗓 ช่วงแนะนำ:

• มิถุนายน – กันยายน (อากาศดี เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้ง)

• พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ (หิมะปกคลุม วิวฟยอร์ดหน้าหนาว สงบมาก)

📍 ไฮไลท์:

"ธารน้ำแข็ง Nigardsbreen หนึ่งในจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของ Sogndal"

Kayaking ในเมือง Sogndal

Photo credit: Hans Petter Sørensen / FarOutFocus – Visit Norway

Fjærland หมู่บ้านหนังสือชื่อดัง

วิวทะเลสาบและฟยอร์ด Sognefjord

✈️การเดินทางจากกรุงเทพฯ  ไปยังประเทศนอร์เวย์ 

การเดินทางไปนอร์เวย์ไม่ยากอย่างที่คิด หากเพียงเราวางแผนการเดินทางดีๆ สามารถช่วยให้เราเดินทางสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ ปัจจุบัน Thai Airways (การบินไทย) เปิดให้บริการ เที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ (BKK) สู่กรุงออสโล (OSL)  โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องให้ยุ่งยาก

🛤️ เมื่อถึงออสโลแล้ว คุณสามารถ

• นั่งรถไฟต่อไปยังเมืองรองต่าง ๆ เช่น Flåm, Røros, Åndalsnes
  
  
• เช่ารถขับเที่ยวเองตามเส้นทางฟยอร์ด
  
  
• หรือต่อเครื่องบินภายในประเทศไปยังเมืองไกล เช่น Ålesund, Sogndal

✅ ข้อดีของการบินกับ Thai Airways ไปออสโล ประเทศนอร์เวย์

• สะดวกสบาย บินตรงไม่ต้องต่อเครื่อง
  ช่วงเวลาบินดี บินรอบดึกถึงเช้าออกเที่ยวต่อได้เลย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบ
• มีบริการสัมภาระเช็คอินให้ สามารถเลือกที่นั่งและอาหารได้ล่วงหน้าก่อนเดินทาง
• พร้อมการบริการที่ดี แบบพรีเมียม Full Service พร้อมการต้อนรับที่อบอุ่น ยิ้มแย้มตลอดเวลา และคอยดูแลช่วยเหลือตลอดการเดินทาง
• สำหรับสมาชิก Royal Orchid สามารถเข้าใช้บริการห้องรับรองพิเศษ รอยัลออร์คิด ที่มีที่นั่งสบาย พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อพักผ่อนและเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง
• สะสมไมล์กับ Royal Orchid Plus ได้อีกด้วย ไมล์ที่สะสมได้ไม่ใช่แค่ใช้แลก ตั๋วเครื่องบิน เท่านั้นนะ แต่ยังสามารถเอาไปแลกของรางวัลเท่ ๆ อย่าง Lifestyle Awards เช่น ไอเท็มสุดชิค ที่พัก แพ็คเก็จท่องเที่ยว คูปองและดีลร้านอาหารทั้งไทยและต่างประเทศ ได้สิทธิพิเศษไปเต็ม ๆ
  

💰 ราคาตั๋วเครื่องบิน
ราคาตั๋วไป-กลับโดยประมาณเริ่มต้นที่ 25,000 – 40,000 บาท (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรโมชั่น และช่วงจอง)
แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 2–3 เดือน เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด

สามารถเข้าเช็คราคาและเที่ยวบินได้ที่เว็บไซต์การบินไทย คลิก  Flights to Norway