
เปิดวันด้วยการนัดหมายกับรุ่นพี่ขาลากในเช้าอากาศที่สดใส แสงแดด ไม่เยอะมาก มารวมพลที่ร้านภูนั่งยอง Cafe (https://maps.app.goo.gl/p5Ho8K...) ซึ่งเป็นวันที่คนที่มาซ้อมสนาม Trail Master Series (TMS) จำนวนมากเพื่อเตรียมพร้อมกับงานที่จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ โดยทางเราได้เริ่มออกเดินทางเข้าป่าเวลา 06:40 โดยเริ่มจากจุดเริ่มเข้าป่าเลย นี่แหละคือทางเทรลที่ดี

เดินไปเรื่อย ๆ เป็นการวอร์มอัพร่างกายไปตามลำดับ เป็นทางเดินเข้าป่าธรรมดาไม่ชันมาก ซึ่งเส้นทางที่ได้เดินไปนั้นเป็นเส้นทางของ TMS ของเส้น 25 กิโลเมตร แต่จะเป็นการวิ่งแบบตัดตอนเหลือ 16 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าไม่ไกลมากเท่าไร จากนั้นเนินแรกที่เราจะต้องเจอ ก็ไม่ชันเท่าไร

ในรูปคือเนินแรก ที่เป็นเนินรับแขก ที่มาพร้อมขึ้นเขาแรกของเรา ซึ่งในรูปเหมือนไม่ชันเท่าไร แต่ตอนขึ้นดันลมไม่พัดเป็นอะไรที่สุดยอดมากร้อนแบบสุด ๆ เมื่อถึงข้างบนแล้ว

ก็จะเจอต้นไม้เรียงรายอย่างสวยงาม ซึ่งทางผู้เขียนก็ไม่ทราบถึงพรรณไม้แต่อย่างใด แต่จากการเดา ๆ คือเป็นป่าปลูกเพราะมีการเรียงระเบียบของต้นไม้ เมื่อถึงยอดเขาแล้วก็ทำการพักสักครู่ก่อนที่จะดำเนินการลงจากเขามา เมื่อถึงตีนเขาแล้วก็จะเจอวิวอันสวยงาม

เป็นวิวตีนเขาก่อนที่จะเดินทางไปต่อที่คอกวัวเพื่อพร้อมจะขึ้นเขาอีกลูก ซึ่งจุดเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะสำหรับกินลมชมวิว ทำให้หายเหนื่อยไปนิดเดียว แค่นิดเดียวเท่านั้นจากนั้นไปกันต่อ

ในรูปคือเส้นทางไปคอกวัว เดินตามทางไปเรื่อย ๆ และก็ปีนเขา ไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะเอาเป็นว่ากระโดดไปจุดชมวิวเลยละกัน

เป็นจุดชมวิวภูนั่งยองที่วิวสวยงาม สุด ๆ เราหยุดตรงนี้กันนานมากจนมีกลุ่มคนวิ่งผ่านไป 4-5 กลุ่ม แน่นอนถึงจุดนี้พึ่งได้แค่ 3 กิโลเมตรเอง ยังเหลืออีก 13 กิโลเมตร จากนั้นเราเดินทางไปกันต่อก็จะเจอหญ้าที่ท่วมหัว

เพื่อเดินทางมาจุด Signature ของป่าแห่งนี้คือ เถาวัลย์ถามพี่ๆ เขามีอายุถึง 15 ปีแล้วซึ่งก็แวะมาถ่ายรูปกันอย่างเฟี้ยวฟ้าว

และสถานีต่อไปคือสะพานหิน เป็นเส้นทางที่เราต้องเดินผ่านหินเป็นจำนวนมาก แต่ก่อนที่จะไปสะพานก็มีหมาตัวนึงซึ่งมีชื่อว่า ขจรศักดิ์ เป็นหมาที่อยู่แถวภูนั่งยองอยู่แล้ว และเป็นมิตรกับคนที่เดินไปด้วยกัน แต่ก่อนไปก็ได้แวะให้น้ำขจรศักดิ์หน่อย

เนื่องจากความใจดีเลยให้น้ำขจรศักดิ์ไปครึ่งขวด ซึ่งน้ำกับนักวิ่งเทรลเป็นของล้ำค่ามาก เป็นการเตรียมตัวออกมาอย่างดีเพื่อให้วิ่งไปถึงปลายทาง แต่ด้วยการที่ขจรศักดิ์ลิ้นห้อยมากเลยทำการให้น้ำไป และขจรก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางนี้


เป็นการเดินขึ้นเขาผ่านสะพานหินจนถึงยอด แต่ระหว่างสะพานหินนั้นโครตร้อนเลย เป็นพื้นที่ที่ลมไม่พัด ทำให้ร้อนมากมาย แต่ก็ได้หยุดหลังจากสุดเส้นทางสะพานหินได้

สุดเส้นสะพานหินก็เป็นทางลงยาว ๆ ผ่านต้นไม้ใบหญ้าแล้วลงไปตีนเขาเข้าหมู่บ้านเพื่อเตรียมจะขึ้นยอดที่ 2 ใช่แล้ว เส้นนี้มี 2 ยอด ยอดแรกผ่านไป Elevation Gain อยู่ที่ 350 เมตร ถือว่าเหนื่อยอยู่แล้วเมื่อลงมาถึงตีนเขาก็ดำเนินการเดินผ่านหมู่บ้าน ผ่านสำนักสงฆ์แล้วเตรียมเข้ายอดต่อไป


เมื่อถึงป้ายสำนักสงฆ์เขานางหย่องก็เลี้ยวขวาเข้าป่าเพื่อเตรียมตัวขึ้น ซึ่งไม่ชันมาก แต่โครตตตตชัน

ซึ่งเป็นทางที่ขึ้น ขึ้น และก็ขึ้นอย่างเดียวจนไปถึงจุดชมวิวไหม ไม่เพราะป่าปิดหมดแล้ว เรียกว่า "ลานหินตั้ง" ซึ่งก่อนหน้านั้นจะมีที่เผา และเนินสวรรค์ ซึ่งครั้งนี้ไมไ่ด้ไป

ก็จะพักกันตรงนี้พักใหญ่ นานมากกกกกกกก เพื่อให้หายเหนื่อย "ลานหินตั้ง" เป็นจุดที่สูงที่สุดแล้ว Elevation Gain อยู่ที่ 400 เมตร ซึ่งจะอยู่อย่างสงบ อยู่กับตัวเองจะได้ยินเสียงนกร้อง เสียงลมพัด เสียงป่าไม้ เสียงสิ่งมีชีวิตดำรงชีพ หยุด และเงียบ รับฟังธรรมชาติผ่านการสงบของจิตใจ จะได้ยินความไพเราะผ่านไป เมื่อหายเหนื่อยแล้ว ก็ลงยาว ๆ อีก 4 กิโลเมตร จนถึงตีนเขาผ่านเสาไฟแรงสูง ผ่านจุดที่แจกน้ำของ TMS เมื่อปี 2024 ที่มีปัญหาการโดนขโมยน้ำ จนนั่งวิ่งไม่มีน้ำกิน วิ่งไปตามเส้นทางจนสุดท้ายกลับมาสู่ที่รถจอด ณ จุดนี้ไม่มีอะไรโดดเด่นแล้ว วิ่งจ๊อกกิ้งอย่างเดียว ซึ่งสรุปรวมทั้งสิ้นได้ Total Elevation Gain 703 เมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบ 5 ชั่วโมง

และสามารถดูรายละเอียดทั้ง Route ที่ใช้วิ่งได้ในนี้
https://www.strava.com/activit...
สามารถติดตามกันได้ มาครั้งนี้เกาะวิ่งมาเหมือนกัน เป็นการวิ่งที่สนุกอยู่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ไม่ได้ยากมาก แต่ขึ้นเนินยาวไปแค่นั้น ปวดขาไหม ไม่ปวด เดินได้ปกติ เหมาะสำหรับมือใหม่ ทางดีมี 7-11
เด็กน้อยที่ดอยสูง
วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 23.58 น.