แนะนำ 5 จุดหมายน่าเที่ยว Sweden ช่วงหน้าหนาวนี้

แนะนำ 5 จุดหมายน่าเที่ยว Sweden ช่วงหน้าหนาวนี้

ถ้ากำลังมองหาประเทศไปเยือนช่วงฤดูหนาวนี้ “สวีเดน” ถือเป็นอีกประเทศที่น่าสนใจมากๆ เพราะนอกจากบรรยากาศบ้านเมืองทั้งเมืองใหญ่และเมืองเล็กที่สะอาด สวยงามลงตัว และให้ฟีลสง่างามแล้ว ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ โดยเฉพาะหากเดินทางขึ้นไปในเขตธรรมชาติทางเหนือของประเทศ

1. กรุง Stockholm เมืองหลวงที่งดงามที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย

2.Kiruna เมืองในเขต Lappland ที่ช่วงหน้าหนาวปกคลุมด้วยหิมะหมดทั้งเมือง

3.ICEHOTEL โรงแรมน้ำแข็งชื่อดังอยู่ในเขต Jukkasjärvi สามารถเข้าพักในห้องน้ำแข็งได้ตลอดทั้งปี

4.Luleå เมืองท่าริมชายฝั่ง มีลากูนกลางเมืองที่กลายเป็นลานน้ำแข็งขนาดใหญ่

5.Malmö เมืองท่าหลากวัฒนธรรม เสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร 

ยิ่งกว่านั้น การเดินทางจากเมืองไทยก็สามารถทำได้สะดวกสบายมากๆ ด้วยไฟลท์ของการบินไทยเส้นทาง Bangkok (BKK) - Stockholm (ARN) บินตรงแบบไม่ต้องต่อเครื่องจากกรุงเทพสู่กรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน

อีกทั้งเวลาบินก็ดีมากเพราะออกช่วงดึก หลับยาวข้ามคืนไปถึงช่วงเช้าที่สวีเดนทำให้สามารถเริ่มเที่ยวต่อได้เลย พร้อมด้วยการบริการแบบพรีเมียม Full Service พนักงานน่ารัก ยิ้มแย้มตลอดเวลา และคอยดูแลช่วยเหลือตลอดการเดินทาง ทำให้ตอบโจทย์เต็มๆ ครับ

จากที่เราได้ไป “เที่ยวเอง” ในสวีเดนมาแล้วหลายเมือง รีวิวนี้เลยอยากแนะนำจุดหมายไม่ควรพลาดมาให้ชมกัน รับรองว่าจะทำให้หลงรักประเทศนี้แบบเดียวกับเราอย่างแน่นอน

ทุกครั้งที่ไปเที่ยวในแถบสแกนดิเนเวีย เราเลือกใช้การบินไทยตลอด เพราะมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยัง 3 เมืองหลักยอดฮิต คือ Oslo ประเทศนอร์เวย์, Stockholm ประเทศสวีเดน และ Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องให้เสียเวลา แถมเวลาบินก็ดี ออกช่วงดึกข้ามคืนถึงเช้าพอดี

ถ้าเป็นสมาชิก Royal Orchid Plus Gold ก็สามารถเข้าใช้บริการห้องรับรองพิเศษรอยัลออร์คิดก่อนบินได้ด้วย ภายในเลาจน์มีที่นั่งสบาย พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มแบบจัดเต็มเรียกว่าอิ่มท้องตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเครื่องเลย

สำหรับใครที่สนใจสามารถเช็คราคาและเที่ยวบินได้ที่เว็บไซต์การบินไทยได้เลย คลิกไปที่

Oslo, Norway - https://bit.ly/TG-Oslo-Norway

Stockholm, Sweden - https://bit.ly/TG-Stockholm-Sweden

Copenhagen-Denmark - https://bit.ly/TG-Copenhagen-Denmark

บินตรงกับการบินไทยตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์จริงๆ ครับ รู้สึกอุ่นใจเหมือนได้อยู่กับคนรู้จัก ประทับใจในบริการ Full Service ระดับพรีเมียมทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องการบินไทย

สิ่งที่ชอบมากๆ ของการบินไทยคืออาหารบนเครื่องเพราะมั่นใจว่าทานได้แน่นอน เป็นรสชาติอาหารที่คุ้นเคย ยิ่งเป็นไฟลท์ขากลับจากยุโรปที่โหยหาอาหารไทยยิ่งฟินกว่าเดิมอีก

อีกอย่างที่ชอบคือสามารถเลือกอาหารล่วงหน้าก่อนเดินทางได้ด้วย และยังเลือกที่นั่งได้ฟรีเมื่อทำการ online check-in ก่อนเดินทาง 24 ชั่วโมงอีกด้วย

เมืองแรกที่ยังไงก็ต้องห้ามพลาดอยู่แล้วคือ กรุง Stockholm เมืองหลวงและเมืองศูนย์กลางทุกด้านของประเทศสวีเดน “สตอกโฮล์ม” ได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงที่งดงามที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย ถึงขนาดได้รับขนานนามว่า “ความงามบนผิวน้ำ (Beauty on Water)” หรือราชินีแห่งทะเลบอลติก

กรุง Stockholm มักติดอันดับเมืองหลวงที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเป็นประจำ โดยเขตเมืองมีลักษณะเป็น archipelago หรือกลุ่มเกาะ ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ทั้งหมด14 เกาะที่เชื่อมต่อด้วยสะพานมากมายกว่า 50 สะพาน ซึ่งโอบล้อมด้วยทะเลบอลติกและทะเลสาบ ทำให้เมืองดูมีมิติ ไม่ราบเรียบ

จุดเช็คอินแรกที่ห้ามพลาดคือ Stockholms stadshus หรือ Stockholm City Hall อาคารที่ทำการเมืองที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ในสไตล์ National Romantic เมื่อปี 1923 บนเกาะ Kungsholmen ซึ่งเป็นสถานที่มอบรางวัลโนเบลในเดือนธันวาคมของทุกปี

ต่อด้วย Gamla stan หรือ Old Town เกาะเมืองเก่าของสตอกโฮล์มที่อยู่ระหว่างศูนย์กลางเมืองกับเกาะ Södermalm จึงเรียกอีกชื่อว่า Staden mellan broarna ที่แปลว่า The Town between the Bridges

ในบริเวณเมืองเก่าเป็นที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างสำคัญหลายแห่ง เช่น Stockholms slott (Stockholm Palace), Storkyrkan (Stockholm Cathedral), Sankta Gertruds kyrka (German Church), Nobel Prize Museum

ว่ากันว่ามาเที่ยวสตอกโฮล์มต้องไม่พลาดชมงานศิลป์ของสถานีรถไฟใต้ดินที่แต่ละสถานีออกแบบตกแต่งต่างกัน เรียกได้ว่าเป็นอาร์ทแกลเลอรี่ที่ยาวที่สุดในโลก โดยสถานีที่สวยๆ คนนิยมไปถ่ายรูป เช่น Solna centrum, Rådhuset, T-Centralen, Kungsträdgården

สำหรับสายประวัติศาสตร์ต้องมุ่งหน้าไปยัง Vasamuseet หรือ Vasa Museum พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดของสวีเดนซึ่งภายในเก็บรักษาเรือรบวาซา เรือรบหลวงที่สร้างเสร็จเมื่อปี 1628 ที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็นเรือรบที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับจมลงหลังออกจากท่าเรือสตอกโฮล์มไปได้เพียง 1 กิโลเมตร โดยจมอยู่ใต้ทะเลนานกว่า 333 ปีกว่าจะถูกกู้ขึ้นมาได้

ออกนอกใจกลางเมืองไปหน่อยเป็นที่ตั้งของ Drottningholms Slott หรือ Drottningholm Palace พระราชวังที่ประทับของกษัตริย์ Carl XVI Gustaf แห่งสวีเดน และพระราชินี Silvia สร้างขึ้นเมื่อปี 1662 บนเกาะ Lovön ทางตะวันตกของเมือง ในสถาปัตยกรรมคล้ายกับพระราชวังแวร์คซายส์ของฝรั่งเศส

ในบริเวณสวนของพระราชวังมี Kina slot (Chinese Pavilion) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังหลวงของสวีเดนและมรดกโลกขององค์การ UNESCO ด้วย

มาต่อกันที่จุดหมายที่ 2 นั่นคือ Kiruna เมืองใหญ่ในเขต Lappland ทางเหนือของสวีเดนที่ช่วงหน้าหนาวปกคลุมด้วยหิมะหมดทั้งเมือง เมืองนี้ได้ชื่อว่าอากาศหนาวแบบสุดขั้วแต่ก็งดงามด้วยความขาวตัดกับสีสันในเมือง

เมืองหลักในเขต Lappland ทางตอนบนของสวีเดนแห่งนี้เป็นเหมือนศูนย์กลางในทุกด้าน ถึงแม้เป็นเมืองใหญ่แต่เขตเมืองก็ไม่ได้กว้างใหญ่มาก ออกแนวเป็นเมืองเงียบๆ มากกว่าด้วยซ้ำ โดยส่วนมากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไกลถึงเมืองนี้ก็เพื่อใช้เป็นฐานในการออกไปชมธรรมชาติทั้งป่าสน ภูเขา และทะเลสาบรอบบริเวณ รวมทั้ง ออกไปล่าแสงเหนือในช่วงกลางคืนในฤดูหนาว

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองคือ Kiruna kyrka หรือ Kiruna Church หนึ่งในโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดนซึ่งเริ่มต้นสร้างขึ้นเมื่อปี 1909 ในสไตล์โกธิคประยุกต์ ก่อนปรับปรุงใหม่ในสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโวอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

ด้านในของ Kiruna kyrka ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์ตามแบบฉบับศิลปะนอร์ดิก ทุกอย่างดูสมมาตรและคุมโทนด้วยสีน้ำตาลอ่อนกับดำ คลาสสิกสุดๆ

มาถึงทางเหนือของสวีเดนแล้ว จุดหมายห้ามพลาดคือ ICEHOTEL โรงแรมน้ำแข็งชื่อดังอยู่ในเขต Jukkasjärvi ชานเมือง Kiruna ห่างออกไปเกือบ 20 กม. ซึ่งสามารถเข้าพักในห้องน้ำแข็งได้ตลอดทั้งปี แต่ห้องมีจำนวนจำกัด และมีห้องพักอีกหลายประเภท/หลายราคาให้เลือก ถ้าโชคดีก็จะได้เห็นแสงเหนือจากห้องพักเลย

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษของเขต Lappland แห่งสวีเดนอย่างการเข้าพักที่ ICEHOTEL โรงแรมน้ำแข็งชื่อดัง

ห้องน้ำแข็งมีทั้งที่เปิดถาวรตลอดทั้งปีและที่เปิดชั่วคราวตั้งแต่เดือนธ.ค.-เม.ย. แต่ละห้องสร้างจากน้ำแข็งเกือบทั้งหมด โดยเชิญศิลปินชื่อดังจากหลายประเทศมาออกแบบและแกะสลักก้อนน้ำแข็งเนรมิตให้กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งอันงดงามเว่อร์วัง

บาร์น้ำแข็งคืออีกโซนไฮไลท์ของที่นี่ ทุกอย่างทำจากน้ำแข็งเกือบหมด แม้กระทั่งแก้วน้ำก็ทำมาจากน้ำแข็ง เรียกว่าดื่มด่ำบรรยากาศความเย็นยะเยือกที่แท้จริง

สิ่งที่ชอบมากของ ICEHOTEL คือการประดับตกแต่งทุกอย่างด้วยความละเมียด ส่วนของห้องโถงกลางที่เหมือนหลุดเข้าไปในโลกน้ำแข็งของจริง

ทุกอย่างเป็นน้ำแข็งไปหมด ห้องอ่านหนังสือที่ไม่รู้จะได้อ่านหรือเปล่า 555

แน่นอนว่ากิจกรรมช่วงค่ำคืนคือการออกมาชมแสงเหนือหน้าที่พัก ถ้าโชคดีท้องฟ้าเปิดอากาศเป็นใจก็จะได้ชมแสงเหนือแบบไม่ต้องออกไปล่านอกสถานที่กันเลย แต่อยากบอกว่าแถวนี้หนาวหนักมากจริงๆ ดังนั้น เตรียมอุปกรณ์กันหนาวมาให้พร้อมนะครับ

ส่วนกิจกรรมช่วงกลางวันสามารถเลือกขี่สุนัขลากเลื่อนท่ามกลางหิมะขาวโพลนเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งได้ ถือเป็นกิจกรรมยอดนิยม ดังนั้นควรจองล่วงหน้ามาก่อน โดยราคาเริ่มต้นประมาณคนละ 7,500 บาท

จุดหมายถัดไปยังคงอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ นั่นคือ Luleå เมืองท่าริมชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของสวีเดน ซึ่งผสมผสานความเก่าและใหม่ได้อย่างกลมกล่อม โดยมีลากูนกลางเมืองที่กลายเป็นลานน้ำแข็งขนาดใหญ่เป็นจุดขายสำคัญ

ช่วงฤดูหนาว ผืนน้ำบริเวณ Norra hamn ลากูนตรงใจกลางเมืองจะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด ทำให้สามารถลงไปเดินเล่นบนน้ำแข็งได้ โดยห้ามพลาดลองเล่น spark (kicksled) บนผืนน้ำแข็งนะ สนุกดีครับ

เมืองท่าทางตอนเหนือของประเทศที่มีบทบาทสำคัญในช่วงยุคศตวรรษที่ 13-15 แห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมด้านไอทีที่สำคัญลำดับต้นๆ ในแถบสแกนดิเนเวีย

ภายในเขตเมืองใหม่เรียงรายด้วยบ้านเรือนสไตล์สวีเดนยุคใหม่มากมาย โดยเป็นที่ตั้งของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีมากกว่า 10 แห่ง

ความหนาวเย็นขั้นสุดทำให้น้ำในลากูนกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด ลงไปเดินเล่นได้เลย แต่ก็ต้องระวังด้วยนะครับ

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของเมือง ได้แก่ Luleå domkyrka มหาวิหารหลักที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1893 ด้วยศิลปะสไตล์โกธิคสมัยใหม่ ดูดีมีสง่าราศรีมากๆ

ถ้ามีเวลาแนะนำให้ออกนอกเมืองไปยังเขตเมืองเก่า หรือ Gammelstad ซึ่งต้องนั่งรถเมล์ออกไปประมาณ 15 นาที แน่นอนว่าสถานที่ท่องเที่ยวหลักคือ Nederluleå kyrka โบสถ์โบราณที่เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก

ภายในเขตเมืองเก่านี้เต็มไปด้วยบ้านไม้สีแดงเก่าแก่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกหลัง พอตัดกับสีขาวโพลนของหิมะ ยิ่งสวยงามแปลกตาไม่เหมือนที่ไหน ตรงนี้ถ่ายรูปกันได้เพลินๆ เลย

เมืองสุดท้ายที่เราอยากแนะนำลงมาทางใต้สุดของประเทศกันบ้าง นั่นคือ Malmö เมืองขนาดใหญ่และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของสวีเดนที่ตั้งอยู่ในเขตเทศมณฑล Scania ทางตอนใต้สุดประเทศ ฝั่งตรงข้ามช่องแคบ Øresund คือกรุง Copenhagen เมืองหลวงของเดนมาร์ก 

นี่คือเมืองยั่งยืนแห่งอนาคตที่แท้จริงเพราะทุกวันนี้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์และพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

มัลเมอคือเมืองขนาดใหญ่และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของสวีเดน โดยตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดประเทศใกล้กับเดนมาร์ก 

ในอดีตจึงอยู่ภายใต้การปกครองของเดนมาร์กมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งปี 1658 ถึงค่อยถูกผนวกเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสวีเดน ดังนั้น บ้านเรือนและบรรยากาศในเขตเมืองเก่าเลยยังคงกลิ่นอายแบบเดนนิช ซึ่งเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์เฉพาะตัว

แลนด์มาร์กของมัลเมออยู่ที่ Optimistorkestern หรือ Optimist Orchestra รูปปั้นขบวนนักดนตรี 4 คนที่ยืนเข้าแถวบรรเลงดนตรี ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1985 เพื่อเฉลิมฉลองวาระการเปิดถนนคนเดินสายแรกของเมือง ผู้ออกแบบและแกะสลัก คือ Yngve Lundell ประติมากรชาวสวีดิช

เขตเมืองเก่าของ Malmö ได้รับการสงวนรักษาไว้เป็นอย่างดีเช่นกัน บริเวณ Lilla Torg หรือ Little Square คือพิกัดสำคัญในการมาสัมผัสบรรยากาศเมือง รอบบริเวณรายล้อมไปด้วยบ้านเรือนโบราณสไตล์ half-timbered ที่ปัจจุบันเปิดเป็นร้านค้าและร้านอาหาร ซึ่งผู้คนนิยมมาจิบเบียร์แกล้มบรรยากาศ

เดินออกนอกใจกลางเมืองเก่ามาหน่อยเป็นที่ตั้งของ Malmöhus หรือ Malmö Castle แนวป้อมปราการโบราณที่สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1434 ซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวประวัติศาสตร์และศิลปะของมัลเมอตั้งแต่อดีตกาล

ด้วยความที่มัลเมอได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ นวัตกรรมด้านไอที รวมทั้งเทคโนโลยีชีวภาพ นอกเขตเมืองเก่าเลยเป็นที่ตั้งของตึกสูงมากมาย โดยหนึ่งในตึกที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ Turning Torso ตึกระฟ้ารูปทรงโมเดิร์นความสูง 190 เมตร สัญลักษณ์สำคัญของเมือง

ตึกนี้เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 2005 จากการออกแบบของ Santiago Calatrava สถาปนิกชาวสเปน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการหมุนลำตัวของคน โดยเขาได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการสร้างทั้งหมด และที่สำคัญคือการออกแบบให้ตัวตึกมีลักษณะไม่ก่อให้เกิดมลพิษด้วยระบบการรีไซเคิลขยะ และนำพลังงานที่ได้มาใช้ในโรงงานเตาเผาของเมือง

สำหรับใครที่สนใจอยากไปเที่ยวประเทศสแกนดิเนเวีย สามารถเช็คราคาและเที่ยวบินได้ที่เว็บไซต์การบินไทยได้เลย 

Oslo, Norway - https://bit.ly/TG-Oslo-Norway

Stockholm, Sweden - https://bit.ly/TG-Stockholm-Sweden

Copenhagen-Denmark - https://bit.ly/TG-Copenhagen-Denmark