ต่อเนื่องจากกะทู้ที่แล้ว http://pantip.com/topic/35882403
เราออกเดินทางจากที่พัก อุ่นไอมาง ในช่วงสายๆ เพื่อจะมายังที่พักคืนที่สองของเราในทริปนี้
"โรงเรียนชาวนาตำบลศิลาเพชร"
หลายคนอาจสงสัย ที่นี่มีอะไรดีทำไมเราถึงเลือกมาพัก จริงๆแล้วเราว่าเดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่นิยมหลีกหนีความวุ่นวายของสังคมเมือง
ออกไปแสวงหาความสุขแบบเรียบง่ายตามวิถีสโลไลฟ์ตามต่างจังหวัดซะส่วนมาก ซึ่งที่นี่ก็ตอบโจทย์นี้ได้ดีทีเดียว
จากหมู่บ้านสะปัน ใช้เส้นทางบ่อเกลือ มายังอำเภอ ปัว ระยะทางประมาน 58 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมานชั่วโมงครึ่งเนื่องจากเป็นเส้นทางโค้ง เลยทำให้ขับเร็วมากไม่ค่อยได้
เมื่อเจอป้ายหน้าทางเข้าแบบนี้ ก็แสดงว่าถึงแล้ว โรงเรียนชาวนา
ที่นี่จะมีห้องพักทั้งหมด 4 แบบ
กระโจมหิ่งห้อย
-พักได้ 2 คน ไม่มีห้องน้ำในตัว ราคา 600 บาท
บ้านดูดาว
-พักได้ 2 คน มีห้องน้ำในตัว และมีแอร์ด้วย ราคา 1200 บาท
บ้านไม้ไทลื้อ
-อันนี้หลังใหญ่พักได้ 4 คน ราคา 2000 บาท
เรือนรจนา
-พักได้ 2 คน มีอ่างอาบน้ำ
ห้องทุกแบบราคารวมอาหารเช้าแล้วนะคะ
สอบถามจากพี่เจ้าของบอกสามารถเสริมที่นอนได้คิดเพิ่มคนละ 300 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/homestayfarmerschool/?fref=ts
ในรูปคือห้องพักที่เราจองมา ชื่อ เรือนรจนา ห้องนี้จองยากมากเพราะมีแค่หลังเดียว และส่วนมากจะเต็มตลอด
ส่วนบริเวณบ้านของเรือนรจนา ติดกับสระน้ำที่เลี้ยงปลาไว้ และด้านหลังมีระเบียงชมวิวทุ่งนา
มาดูที่ห้องนอนของเราคืนนี้ เปิดโล่งโปร่งสบาย รับแอร์ธรรมชาติมากๆ ตอนเราไปก็อากาศเย็นสบายประมาน 22 องศา
เดี๋ยวนี้เค้าฮิตพักผ่อนด้วยการนั่งโง่ๆอยู่ตามที่สงบๆนะรู้ยัง 555
มองไปรอบๆจะเห็นวิวทุ่งนาสีเขียวอมเหลือง พร้อมสูดอากาศบริสุทธ์หอมกลิ่นนาข้าว
มาดูห้องน้ำกันบ้าง การได้นอนแช่อ่าง มองออกไปมีแต่ธรรมชาติรายล้อม มันช่างฟินจริงๆ
มุมนั่งเล่นพักผ่อนอีกมุมของ เรือนรจนา
ห้องนี้กว้างขวางและพื้นที่เยอะ แถมใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ มิน่าใครๆก็อยากจะจองแต่ห้องนี้
ส่วนหลังนี้คือ กระโจมหิ่งห้อย อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรือนรจนาที่เราพัก
ศาลาเล็กๆไว้สำหรับนั่งเล่น นอนเล่น ชมวิวทุ่งนา หรือจะเอาหนังสือเล่มโปรดซักเล่มมานั่งอ่านเรื่อยๆก็เพลินดี
มุมนี้เป็นมุมเก้าอี้นั่งเล่น หน้าห้องพักของกระโจมหิ่งห้อยส่วนอันนี้เป็นระเบียงหน้าห้องพัก บ้านไม้ไทลื้อ จริงๆมีคนพักอยู่ แต่เราขึ้นมาขอถ่ายแป๊บนึงภาพมุมสูงของโรงเรียนชาวนาเราใช้โดรนบินถ่ายเก็บบรรยากาศมุมสูง จะเห็นว่ามีบางส่วน นาข้าวได้เริ่มเกี่ยวไปบ้างแล้วหลังจากถ่ายรูปเล่นซักพัก เราก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขับรถออกมาจากที่พัก เพื่อจะไปหาข้าวกิน รวมทั้งดูด้วยว่า แถวนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ขับมาประมาน 10 นาที ก็จะเจอกับร้านกาแฟ บ้านไทลื้อ ที่นี่นอกจากจะขายกาแฟแล้ว ยังขายผ้าทออีกด้วย
ราคาเครื่องดื่มของที่นี่ เราว่าราคาไม่แพงนะคะ ถ้าเทียบกับวิวและบรรยากาศภายในร้าน
อย่างชาเย็นที่เราสั่งมานี่ แก้วละ 30 บาท แต่รสชาติเข้มข้มหอมมันอร่อยมาก
นั่งจิบชาไปมองวิวทุ่งนาไป เพลินจริงๆ จะนั่งแช่นานเท่าไหร่ก็ไม่มีใครว่า
บรรยากาศภายในร้านจะมีผ้าทอสีสันสดใสแขวนไว้ตรงสะพานทางเดิน เป็นพล็อพถ่ายรูปได้ด้วยเก๋ๆ
ที่นั่งมีให้เลือกมากมาย ทั้งแบบเป็นซุ้ม เป็นเรือนไม้ เป็นกระท่อมปลายนา
มาดูภาพมุมสูงของร้านกาแฟไทลื้อกันบ้าง เสียดายช่วงที่เราไป นาข้าวเริ่มเก็บเกี่ยวไปเยอะแล้ว ถ้าใครอยากมาช่วงนาเต็มๆสวยๆ แนะนำให้มาช่วงเดือน ตุลาคมค่ะ
ทางเดินเป็นสะพานไม้ไผ่ เวลาเดินก็ต้องระวังนิดนึงนะคะ มันดังเอี๊ยดอ๊าดพอสมควร

ที่นี่มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะมาก
เดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็เจอลุงเค้ากำลังเกี่ยวข้าวอยู่ เรารีบจัดแจงไปบอกลุงทันที ว่าหนูช่วย ลุงคงคิดในใจว่าจะช่วยหรือจะทำให้เสร็จช้ากว่าเดิมกันแน่ 555
วีถีชีวิตของคนที่นี่ส่วนมากก็จะเป็น ชาวนาค่ะ เพราะที่ ปัว นี่เราว่าขับรถไปทางไหนก็เจอแต่ทุ่งนาที่นี่ขายผ้าเยอะมาก เป็นผ้าทอ หลายแบบหลายชนิด ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย เราก็ซื้อติดไม้ติดมือมา 4-5 ชุดออกจากร้านกาแฟไทลื้อ เราก็ไปแวะทานขนมจีนแถวๆนั้น เสร็จแล้วก็กลับมาที่พัก
เอิ่ม.. ตากล้องบอกเปลี่ยนชุดอีกแล้วหรอ แหมก็ขนมาเยอะ ก็ต้องใส่ให้ครบทุกชุดเซ่ะ 555

ระหว่างเดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศที่พักไปเรื่อยๆ เราก็เจอที่หลบแดดแล้ว ชอบมากเก๋อ่ะ

เราเจอกับพี่เจ้าของ พี่เค้าบอกเดี๋ยวช่วงเย็นๆจะพาไปเดินเล่นชมสวนมะนาวพร้อมกับวิวทุ่งนาอีกด้านของที่พัก

ภาพนี้ถ่ายจากอีกฝั่งนึงของที่พัก มองไปด้านหลังไกลๆ จะเป็น เรือนรจนา
พี่เค้ากำลังนำหญ้าที่ตัดไว้เตรียมไปให้วัวขอนั่งซ้อนท้ายติดรถไปสวนมะนาวด้วยถึงแล้วสวนมะนาว มีหลายต้นเลย แถมแต่ละต้นผลดก และลูกใหญ่มากๆอาหารเช้าของที่นี่จะเป็นแบบง่ายๆ มีข้าวต้มข้าวกล้อง แกงจืด แล้วก็น้ำพริก ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล ขนมปัง แยม กาแฟ
มื้อเช้านี้อิ่มอร่อย ไปพร้อมกับวิวสวยๆ แถมอากาศดีดี๊
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จเราก็รีบกลับไปที่ห้อง เก็บของเช็คเอ้าท์ เตรียมเดินทางกันต่อไปยังที่พักใหม่ ที่ต้องออกจากที่พักแต่เช้า เพราะคืนที่สามนี้เราจะไปนอนกันที่ ภูลังกา จ.พะเยา เลยต้องใช้เวลาขับรถนานพอสมควร
บรรยากาศของส่วนที่เป็นร้านอาหาร มองไปจะเห็นวิวทุ่งนา เสียดายที่เรามาช้าไป ไม่ทันเห็นช่วงทุ่งนาเขียวๆ เคยเห็นรูปจากคนอื่นๆ สวยมาก
เราขึ้นมานั่งบนชั้น 2 ของร้านอาหาร วิวดีทีเดียว

สั่งชาเขียวมากิน ระหว่างรออาหาร รสชาติเข้มข้นใช้ได้
อาหารส่วนใหญ่แทบทุกอย่างจะมีส่วนผสมของเห็ด เนื่องจากที่นี่เป็นฟาร์มเห็ดที่ใหญ่ที่สุดของ อ.ปัว
เราสั่งพิซซ่ามาลองทานแค่อย่างเดียว เพราะยังอิ่มจากอาหารมื้อเช้าอยู่ ตัวแป้งบางกรอบโรยหน้าด้วยเห็ดและชีสอร่อยดีค่ะ
นักท่องเที่ยวสามารถชมเดินชมและศึกษาการเพาะเห็ดนานาชนิดได้ด้วย
ออกจากฟาร์มเห็ด เราก็มาแวะไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลกันที่ วัดภูเก็ต
วัดภูเก็ต ตั้งอยู่บนเนินเขา โดดเด่นที่ระเบียงมุมสูงด้านหลังวัด มีฉากทุ่งนากว้างรับกับทิวเขา อช.ดอยภูคาจบทริป ปัวด้วยรูปนี้ ถ่ายระหว่างทางที่เราเดินทางต่อไปยังพะเยาค่ะ
ติดตามอัพเดตทริปใหม่ๆกับรูปภาพของเราได้ที่
https://www.facebook.com/somewheresomeone/
ติดตามกระทู้อื่นๆของเราได้ที่
http://pantip.com/profile/3464322
Somewhere Someone
วันพฤหัสที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.25 น.