ช่วงนี้สวนน้ำในเมืองไทยกำลังมาแรงค่ะ มีเปิดใหม่มากมายหลายแห่ง แถบชะอำ-หัวหิน เท่าที่นับได้ก็ไม่ต่ำกว่า 3 แห่ง
และน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดล่าสุดเมื่อต้นปี 2558 คือสวนน้ำวานา นาวา หัวหินค่ะ
เด็กจิ๋วไม่อยากตกเทรนด์ ขอไปลุยสวนน้ำสุดฮิตด้วยคนนะคะ
แดดประเทศไทยจะแรงแค่ไหนก็ไม่หวั่นค่ะ โปะกันแดดพร้อม หมวกพร้อม ลุยกันเลยค่ะ...
**รีวิวนี้เป็น SR นะคะ สิ่งที่ครอบครัวเด็กจิ๋วได้รับจากทริปนี้ ก็คือ
บัตรเข้าสวนน้ำสำหรับผู้ใหญ่ 2 คนและเด็ก 1 คนค่ะ
เด็กจิ๋วออกเดินทางท่องเที่ยวมาตั้งแต่อายุ 5 เดือนนะคะ ชมเรื่องราวการเดินทางของเด็กจิ๋วได้ที่นี่ค่ะ
https://www.facebook.com/DekJewChillOut
http://www.dekjewstory.blogspot.com/
https://www.youtube.com/user/DekJewChillOutที่ วานา นาวา นี่แม่เล็งไว้อยากจะมาตั้งแต่ยังไม่เปิด เพราะขับรถผ่านเห็นเครื่องเล่นอลังการเด่นมาแต่ไกล น่าเล่นเป็นที่สุด
แถมครอบครัวของเพื่อนเด็กจิ๋วมาบิ้วท์มากๆว่าที่นี่ดีมาก และสนุกสุดๆ
บวกกับกระแสแรงๆของที่นี่ออกมาที่ Pantip ช่วงนั้นพอดี แม่ยิ่งอยากไปพิสูจน์ว่าจริงๆ แล้วเป็นยังไงกันแน่
หาวันว่างได้ก็ไม่รอช้า ไปพิสูจน์กันเลยค่ะ
(ปะป๊าไม่มีภาพมุมสูง และรวมๆแบบนี้ค่ะ เลยขอยืมรูปจาก website ของ Vana Nava มาประกอบให้เห็นภาพนะคะ ขอบคุณมากค่ะ)
ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนว่า ถึงแม้รีวิวนี้จะเป็น SR แต่เราจะให้ข้อมูลที่เป็นความจริง ที่เราได้เจอมาจริงในวันที่ไปและจดบันทึกมา (ค่าใช้จ่ายต่างๆ และค่าอาหาร)
และความคิดเห็นจากมุมมองของครอบครัวเรานะคะ การบริการทุกอย่างที่ได้รับตามจริง และเหมือนกับคนอื่นๆทุกประการ
เพราะไม่มีพนักงานคนไหนในสวนน้ำทราบว่าเราจะมาทำรีวิว เราได้รับสายรัดข้อมือก่อนหน้าจะเข้าสวนน้ำ
และเข้าไปใช้บริการเหมือนคนอื่นๆ เป๊ะทุกประการค่ะความตั้งใจแรกอยากไปถึงสวนน้ำตั้งแต่เช้าเวลาเค้าเปิดกันเลยทีเดียว กลัวคนเยอะ เพราะรู้ว่าที่นี่ฮ๊อตฮิตมาก
(ตอนขายบัตรสวนน้ำที่งานท่องเที่ยว ผู้คนก็ต่อแถวยาวกันจนเกือบจะล้นออกไปนอกศูนย์ประชุมฯแล้ว)
แต่พอจะออกจากบ้าน มีหลานๆอยากจะตามมาด้วย เลยรอกันไปมา กว่าจะมาถึงแดดเปรี้ยงเที่ยงวันพอดี ร้อนสุดๆค่ะ
มาถึงแล้วก็ไปซื้อบัตรให้หลานๆกันก่อน เด็ก 2 คนสูงเกิน 122 ซม.กันหมดแล้ว แปลว่าจะเล่นได้ทุกอย่าง
ฉะนั้นก็เสียราคาผู้ใหญ่คือ 1000 บาท แต่แม่มีบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ เลยลดได้ 10% เหลือคนละ 900 ค่ะ
ราคาบัตรก็ตามนี้เลยค่ะ...
ผู้ใหญ่ (สูงตั้งแต่ 122 เซนติเมตรขึ้นไป) 1,000 บาท
เด็กสูงตั้งแต่ 91 - แต่ไม่เกิน 122 เซนติเมตร 600 บาท
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 600 บาท
เด็กเล็กที่มีความสูงน้อยกว่า 91 เซนติเมตรเข้าฟรีค่ะ
นอกจากนี้ยัง package สำหรับครอบครัวผู้ใหญ่ 2 (สูง 122ซม.ขึ้นไป) + เด็ก 2 (91 – 122 ซม.) ราคา 2,600 บาท
(บ้านไหนลูกสอง จะคุ้มเลยค่ะโปรนี้)
พอเราซื้อบัตรเข้าสวนน้ำ เราจะได้สายรัดข้อมือ RFID เอาไว้สแกนเข้า-ออกประตูสวนน้ำ เติมเงินเพื่อซื้อเครื่องดื่มและอาหาร เช่าตู้ล็อคเกอร์ และถ่ายรูปค่ะ
ที่ว่าถ่ายรูปก็คือทางสวนน้ำจะมีเจ้าหน้าที่คอยถ่ายรูปให้เรา เราก็เอาสายรัดข้อมืออันนี้สแกนกับเครื่องของช่างภาพ เพื่อบอกว่ารูปของเราเบอร์อะไรแล้วก็จะเก็บไว้ในระบบค่ะ พอเราเล่นน้ำเสร็จก่อนกลับบ้านก็แวะรับรูปได้โดยเอาสายรัดไปสแกนเพื่อดึงรูปของเราขึ้นมาค่ะ
(ภาพถ่ายเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มนะคะ แต่ช่วงที่เด็กจิ๋วมา มีโปรโมชั่นได้ฟรีคนละ 1 รูปค่ะ)
สายรัดข้อมือจะเป็นแบบคล้ายนาฬิกา สายเป็นกระดาษปรับขนาดได้ตามข้อมือ แบบที่ข้อมือของหลานในรูปนะคะ
เราต้องเสียค่ามัดจำสาย RFID อันละ 100 บาทด้วยค่ะ ก่อนกลับบ้านเรานำไปคืนก็จะได้เงินมัดจำนี้คืนค่ะ
เริ่มแรกเราจะเจอ Adventure Zone ก่อน ตรงนี้จะอยู่ก่อนทางเข้าสวนน้ำ
ประกอบไปด้วยกิจกรรมไต่เชือก ปีนผา และเล่นเซิร์ฟบอร์ด ซึ่งทั้งสามอย่างนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างหากค่ะ
บ้านเราไม่ได้ทดลองเล่นนะคะ เพราะมีเด็กๆไปทั้งนั้น ใจเด็กพุ่งเข้าไปอยู่ในสวนน้ำ ที่สไสเดอร์ต่างๆแล้วค่ะ
ราคาของแต่ละเครื่องเล่นก็ตามนี้เลยค่ะ...
- ปีนผาจำลอง 150 บาท/30 นาที
- ไต่เชือก 150 บาท/30 นาที
- เซิร์ฟ @ Chang Surf Zone 400บาท/ 60 นาที
ก่อนจะเข้าด้านในสวนน้ำเราก็เปลี่ยนชุดและฝากของในล็อกเกอร์กันก่อน
ชุดที่ใช้ใส่เล่นในสวนน้ำ เค้าก็บอกว่าขอให้เป็นชุดว่ายน้ำนะคะ เพื่อความสะอาด แต่ก็อนุญาตให้สวมเสื้อยืดทับ ใส่กางเกงขาสั้นทับได้
แต่ห้ามกางเกงยีนส์ และกางเกงต้องไม่มีซิปหรือกระดุมหลังค่ะ
(บ้านเราใส่ชุดว่ายน้ำทุกคน มีแค่ปะป๊าที่สวมเสื้อยืดทับ เพราะไม่งั้นหลังไหม้แน่นอนค่ะ)
ตรงนี้เป็นอาณาจักรล็อคเกอร์และห้องน้ำค่ะ
ราคาค่าเช่าล็อกเกอร์ 150 บาท
ค่าเช่าผ้าเช็ดตัว 100 บาท และค่ามัดจำ 100 บาท ซึ่งจะได้คืนหลังคืนผ้าเช็ดตัว
(ตรงนี้บ้านเราเอามาเอง ไม่ได้เช่าค่ะ)
ตรงข้ามกับโซนล็อคเกอร์ จะเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม
ซึ่งคนที่ไม่ได้เข้าไปเล่นเครื่องเล่นด้านในสามารถนั่งรอครอบครัวตรงจุดนี้ได้ค่ะ มีร่มเงา เย็นสบาย ไม่ร้อนเลยค่ะ
ชั้นบนของโซนร้านอาหารเป็นบาร์เครื่องดื่มค่ะ ใครอยากมานั่งชิลล์สั่งเครื่องดื่มเย็นๆทานบนนี้ก็ได้เหมือนกันค่ะ
ที่นี่ก็เหมือนสวนน้ำ สวนสนุกที่ได้มาตรฐานอื่นๆ ทั่วไป คือห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มจากภายนอกเข้าสวนน้ำโดยเด็ดขาด
เค้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจอย่างเข้มงวด
ฉะนั้นแม่ก็เลยอยากให้ข้อมูลเรื่องอาหารที่นี่ด้วย คิดว่าหลายคนคงอยากทราบเพราะว่าเป็นหนึ่งในประเด็นร้อน ในช่วงที่ผ่านมา
ราคาอาหารและเครื่องดื่มที่นี่แพงกว่าร้านทั่วๆไปข้างนอกแน่นอนค่ะ แต่ไม่ได้แพงจนรับไม่ได้
บางอย่างคิดว่าราคาปกติด้วยซ้ำนะคะถ้าเทียบกับของที่ขายในสถานที่คล้ายๆแบบนี้
ขอยกตัวอย่างราคาอาหารที่ซื้อทาน และไปเดินดูๆมา นะคะ
- น้ำเปล่าขวดละ 30 บาท แต่ถ้าซื้อจาก Café Amazon ด้านหน้า น้ำจะขวดละ 20 บาท
(ซึ่งแม่ซื้อจากตรงนี้ และซื้อน้ำปั่นจากที่นี่สามารถนำเข้าสวนน้ำได้ค่ะ ราคาปกติเท่ากับในปั๊ม PTT)
- Popcorn 1 กล่อง ราคา 40-65 บาท แม่ซื้อไซส์ 65 บาทให้เด็กๆแบ่งกัน ปริมาณเยอะใช้ได้ค่ะ
- อาหารจานเดียวอื่นๆ เท่าที่เดินดูก็ราคาเริ่มต้นที่ 65-70 ขึ้นไป
อันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่เจอมาค่ะ แล้วแต่แต่ละท่านพิจารณาเลยค่ะ ถูก-แพง รับได้-ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะคะ
สำหรับบ้านเรา ให้ที่นี่ผ่านในเรื่องอาหารและราคาค่ะ
(อาจจะเป็นเพราะว่าสัปดาห์ก่อนหน้าจะมาที่นี่ ไปสวนน้ำอีกที่นึง แม่ซื้อไก่ทอด เฟรนช์ฟราย น้ำเปล่า 2 น้ำปั่น 1 โดนไป 700 ค่ะ ตกใจช็อคเลยค่ะ 555)
พอเราสแกนข้อมือเข้าไปในบริเวณ Water Jungle Zone สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือ หาที่มั่นเพื่อวางของปักหลักกัน
เราเลือกเช่าคาบาน่าหลังใหญ่ เพราะมากันหลายคน นอกจากครอบครัวเราแล้วยังมีหลานๆมาด้วย
คาบาน่าที่นี่มีสองขนาด คือเล็ก กับใหญ่ ลักษณะเป็นศาลาไม้ มีเบาะและหมอนใบใหญ่ นั่งสบายมากๆ
ทุกหลังมีพัดลมให้ด้วย หลังใหญ่ราคา 1000 บาทต่อวัน และหลังเล็ก 600 ค่ะ
เช่นเคยค่ะ ราคานี้เรารับได้สุดๆ เพราะไปเจออีกที่มา หลังเล็กกว่านี้ ร้อนกว่านี้ และที่นั่งไม่สบายเท่านี้ ราคา 1600 บาท (ช็อคไป 5 วิ 555)
ปะป๊าก็ห่วงเล่นน้ำไม่แพ้เด็กๆเหมือนกัน กลับมาดูไฟล์รูปที่บ้าน ไม่ถ่ายรูปคาบาน่ามาเฉยเลย
เลยต้องขอยืมรูปจาก website ของ Vana Nava มาอีกแล้วค่ะมาดูรอบๆบริเวณสวนน้ำกันก่อนจาก clip นี้นะคะ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาลงน้ำกันแล้วค่ะ
แม่ขอเล่าเรื่องแบบแบ่งเป็นโซนๆ เพื่อความไม่งุนงงนะคะ
เพราะในความเป็นจริง เด็กวิ่งเล่นโซนนั้นโซนนี้กันคนละหลายๆรอบเลยค่ะ
เรน ฟอร์เทรส (Rain Fortress)
เริ่มด้วยเครื่องเล่นสำหรับวัยเด็กจิ๋วกันก่อนนะคะ ตรงนี้จะเป็นกลุ่มสไลเดอร์ 7 อัน สำหรับเด็กๆ ที่มีส่วนสูงระหว่าง 102-136 cm. เท่านั้น
ด้านบนมีถังน้ำยักษ์ที่จะคอยเทลงมาเป็นระยะๆเรียกเสียงกรี๊ดจากเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยืนรอกันด้านล่างได้เป็นอย่างดีค่ะ
เด็กจิ๋วชื่นชอบโซนนี้มากที่สุดนะคะ เล่นนานมากๆ ไม่ไล่ไม่เลิกค่ะ
คลิปเด็กจิ๋วเล่นน้ำโซน Rain Fortress ตอน 1 ถ่ายโดยปะป๊าค่ะ ซึ่งจะคอยตามดูเด็กจิ๋วได้ แต่จะลงสไลเดอร์ไม่ได้
ตอนนี้ก็จะเป็นภาพจากภายนอก slider เท่านั้นค่ะ มาดูบรรยากาศความสนุกสนานของเครื่องเล่นนี้กันค่ะ
คลิปเด็กจิ๋วเล่นน้ำโซน Rain Fortress ตอน 2 ถ่ายโดยหลานอายุ 10 ขวบค่ะ
โชคดีที่หลานที่ไปด้วย สูงยังไม่เลยกำหนด ปะป๊าเลยฝากกล้องให้ถ่ายเด็กจิ๋วให้หน่อย
เล่นไปด้วยถ่ายไปด้วย ซึ่งก็สามารถถ่ายได้ดีเลยค่ะ มาลองดูฝีมือน้องกันนะคะ
ตรงนี้สำหรับเด็กเล็กลงมาอีกค่ะ คือช่วงความสูงตั้งแต่ 91-132 cm.
เป็นสไลเดอร์อันเตี้ยๆและสระว่ายน้ำเด็กที่มีน้ำพุให้เล่น
ถึงแม้ตรงนี้จะเป็นของน้องเล็ก แต่เด็กจิ๋วก็ชอบเล่นนะคะ
คลิปเด็กจิ๋วเล่นน้ำโซน Kiddie Cove
อันนี้เค้าบอกว่าเป็นเครื่องเล่นลักษณะนี้แห่งแรกของประเทศไทยเลยนะคะ คือเรียกง่ายๆว่าเป็นเครื่องเล่นเดินวิบากละกันค่ะ
ต้องเดินทรงตัวไต่ไปบนทางแคบๆขนาด 1 ฝ่ามือ หรือทางเชือก ทางโยกเยก มากมายหลายแบบ
แล้วขณะที่ต้องเดินทรงตัวไม่ให้ตกนั้น ก็จะมีปืนฉีดน้ำด้านนอก ที่ใครก็สามารถมายิงใส่เราได้ ให้เราเสียศูนย์เล่นๆ
แต่เราก็สามารถตอบโต้ได้นะคะ มีปืนฉีดน้ำให้ยิงสู้กับคนด้านนอกได้เหมือนกัน อันนี้สนุกมากๆค่ะ เด็กจิ๋วก็เล่นได้ แต่ต้องเดินคู่ไปกับผู้ใหญ่ค่ะ
(ถ้าสูงเกิน 122 cm. สามารถเล่นคนเดียวได้เลยค่ะ)
ทีแรกมายืนมองอยู่ว่าเครื่องเล่นนี้จะสนุกยังไง สูงจากพื้นไม่น่าเกิน 1 เมตร ไม่น่าจะหวาดเสียวตื่นเต้นอะไรได้
แต่ปรากฎว่าทุกคนที่ไปเล่นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุก และหวาดเสียวค่ะ เห็นเด็กบางคนต่อคิวเล่นหลายรอบเลยค่ะ
ใส่อุปกรณ์กันตกลงมากันก่อนค่ะ
เล่นสนุกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ค่ะ
คลิปเด็กจิ๋วเล่นเดินวิบาก Aqua Course
ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะคะ ตรงนี้จะเป็นน้ำวนให้เรานั่งห่วงยาง ลอยสบายๆ ไปตามน้ำที่ไหลไปรอบๆบริเวณค่ะ
เหมือนเป็นที่พักผ่อนจากการใช้พลังเล่นเครื่องเล่นค่ะ แต่ดูเหมือนเด็กจิ๋วจะไม่พัก จะไม่ได้ลอยเรื่อยๆนะคะ ใช้พลังงานตลอดเวลา
คลิปเด็กจิ๋วเล่นล่องห่วงยาง Lazy River
ตรงนี้เป็นที่ชื่นชอบของครอบครัวค่ะ เรียกว่าเป็นทะเลเทียมที่จะมีคลื่นมาเป็นรอบๆ ทุก 10 นาที เปิดคลื่นนาน 10 นาที แล้วหยุดพัก 10 นาทีค่ะ
เค้าจะมีห่วงยางให้เรานั่งลอยโต้คลื่นด้วย สำหรับเด็กๆ ห่วงยางนี้ออกจะใหญ่ไปหน่อย ไม่สามารถนอนพาดแบบผู้ใหญ่ได้
เลยทำให้การล่องห่วงยางจะลำบากซักหน่อย แต่สำหรับเด็กจิ๋วไม่มีปัญหาค่ะ ชอบดำผุดดำว่ายมากกว่าลอยบนห่วงค่ะ
คลิปเด็กจิ๋วโต้คลื่นที่ Coconut Beach
ต่อจากนี้จะเป็นเครื่องเล่นที่เด็กจิ๋วไม่ได้เล่นนะคะ ส่งปะป๊ากับพี่พี่ไปเล่นแทนค่ะ
เราไม่มีคลิปจากเครื่องเล่นเหล่านี้นะคะ เพราะเพื่อความปลอดภัย ทางสวนน้ำให้ใช้เฉพาะกล้องแบบ GoPro ที่ติดหน้าอกเท่านั้นค่ะ
ของเราเป็น GoPro แต่ไม่มีสายคาดหน้าอก มีแต่สายรัดข้อมือ เลยเอาขึ้นไปถ่ายไม่ได้ค่ะ
อะบิส (Abyss)
เป็นเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ไปแล้ว ถ้าขับรถผ่าน จะเห็นเครื่องเล่นนี้เด่นชัดมาก
อะบิสเป็นสไลเดอร์แบบต้องนั่งห่วงยางขนาดใหญ่ลงมา นั่งได้ครั้งละ 6 คน ล่องมาตามท่อ แล้วหล่นลงมาตรงกรวยยักษ์
ห่วงจะโยนขึ้นลงๆ จนหลุดลงไปในท่อด้านล่าง มันมากๆค่ะ สนุกจริงๆ
(เครื่องเล่นนี้เด็ก สูงเกิน 107 cm. ก็เล่นได้ค่ะ แต่พริมไม่เล่นนะคะ แม่กลัวเด็กปล่อยมือจากที่จับน่ะค่ะ)
บูมเมอร์แรงโก้ (Boomerango)
อันนี้ก็สนุกสุดๆ ไม่แพ้อะบิสเลยค่ะ เป็นแบบนั่งห่วงยางขนาด 6 ที่นั่งเหมือนกัน เห็นเค้าว่าอันนี้เป็นสไลเดอร์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยเลยค่ะ
เป็นแบบวนๆลงมาตามราง ตกวูบลงมาด้านล่าง แล้วเหวี่ยงขึ้น แล้วตกลงมาที่เดิม เหมือนบูมเมอแรงค่ะ
เป็นเครื่องเล่นทีเรียกเสียงกรี๊ดได้ทุกรอบเลยค่ะ ที่รู้เพราะว่าคาบาน่าเราอยู่ติดกับเครื่องเล่นอันนี้
ทุกรอบที่ลงมา กรี๊ด 100% ค่ะ (เครื่องเล่นนี้เด็ก สูงเกิน 107 cm. ก็เล่นได้ค่ะ)
ต่อจากนี้ไปจะเป็นเครื่องเล่นที่ค่อนข้างหวาดเสียว สำหรับผู้ใหญ่ หรือเด็กที่มีความสูง 122 cm. ขึ้นไปเท่านั้นนะคะ
และถึงแม้ความสูงถึง ก็ต้องมีใจกล้าด้วย ถึงจะเล่นได้ค่ะ โซนนี้แม่ขอผ่านทั้งหมดนะคะ
ฟรีฟอลล์ (Free Fall)
เดินเข้ามาในสวนน้ำ สไลเดอร์แรกที่จะเจอคืออันนี้เลยค่ะ ทิ้งดิ่งลงมาด้วยความเร็วกว่า 60 กม./ชม.
แม่ได้แต่ยืนดูแล้วคิดว่าคนเล่นต้องใจกล้ามากค่ะ อันนี้บ้านเราไม่มีใครเล่นเลย ได้แต่ยืนมองอ้าปากค้าง 555
สไลเดอร์สีม่วงๆนี่แหละค่ะ ชันสุดๆค่ะ
อควาลูป (AquaLoop)
เป็นอีกเครื่องเล่นที่ต้องอาศัยใจกล้าอย่างมากๆ เริ่มด้วยยืนอยู่ท่าเตรียมพร้อม
จากนั้นพื้นที่เรายืนอยู่ก็จะเปิดปล่อยเราลงแล้วเหวี่ยงหมุน 360 องศา ท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก
อันนี้นอกจากสูงถึงแล้ว ต้องน้ำหนักถึงด้วยนะคะ เพราะมีบางคนตัวเบาๆ ไม่มีแรงเหวี่ยง เหวี่ยงไม่พ้น Loop ถอยกลับมาที่เดิมค่ะ
(อันนี้ก็เช่นกัน บ้านเราขอบายนะคะ)
คือสไลเดอร์สีฟ้าๆนั่นแหละค่ะ สีสวยน่ารัก แต่ร้ายกาจนักค่ะ
ทั้ง Free Fall และ AquaLoop อาจจะหาคลิปใน slider ดูยากหน่อยนะคะ เพราะทั้ง 2 อันนี้ห้ามนำกล้องขึ้นไปเลยค่ะ
แล้วก็มีข้อกำหนดที่ทางสวนน้ำเน้นย้ำมาหลายครั้งเรื่องการแต่งกายเล่นเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวทั้งสองอันนี้นะคะ ว่าต้องใส่ชุดว่ายน้ำเท่านั้นค่ะ เสื้อยืด ขาสั้นอะไรห้ามใส่เด็ดขาดค่ะ
อินเนอร์ทูป (Inner-Tube)
จากคำบอกเล่าของเด็กมัธยม 2 (หลานของแม่เองค่ะ) ที่ไปด้วยกัน บอกว่าอันนี้สนุกมาก ไม่ค่อยหวาดเสียวเท่าไหร่ เด็กโตเล่นได้สบายๆเลย
แรทเลอร์ (Rattler)
อันนี้ก็สนุกค่ะ เป็นแบบนั่งห่วงยาง 3 คน แกว่งไปแกว่งมาคล้ายๆอะบิสขนาดย่อมค่ะ หวาดเสียวเล็กน้อย เด็กมัธยมต้นบอกว่ากรี๊ดเบาๆค่ะ
สองอันสุดท้ายคือ
ซุปเปอร์โบวล์ (SuperBowl) อันนี้นั่งห่วงยางคู่ ไหลวนๆลงมาจนเข้าท่อไปด้านล่าง เสมือนเราตกหลุมดำค่ะ
และมาสเตอร์บลาสเตอร์ (Master Blaster) อันนี้ต้องใช้ห่วงยางที่มีที่นั่งรองก้นโดยเฉพาะของเครื่องเล่นนี้เลยค่ะ
เพราะเค้าบอกว่าจะมีจังหวะก้นไปครูดบ้างเล็กน้อย บ้านเราไปยืนๆดูกันแล้ว ไม่มีใครกล้าเล่นซักคนค่ะ
ดูเร็วและแรงมากๆ แต่ท่าทางตะสนุกนะคะ เพราะคนต่อแถวเครื่องเล่นนี้ยาวมากค่ะ
(ไม่มีรูปอ่ะค่ะ อันนี้ ขอยืมมาจาก website Vana Nava อีกแล้วนะคะ)
ที่จริงแดดร้อนๆแบบนี้ แม่คิดว่าคงเล่นกัน 2-3 ชั่วโมงเต็มที่ ที่ไหนได้ ตั้งแต่ใกล้เที่ยงจนหกโมงเย็นเค้าปิดเลยค่ะ
ตามให้เด็กขึ้นจากน้ำไม่รู้กี่รอบ จนเจ้าหน้าที่ประกาศว่าจะปิดแล้ว เด็กถึงจะยอมขึ้น
สรุปว่าสนุกกันมากๆค่ะ แดดร้อนมาก แต่ยังดีที่ต้นไม้เยอะมากเช่นกัน ถ้าอยู่ในร่ม ลมก็พัดเย็นดีค่ะ
และโชคดีอีกอย่างคือ เราเช่าคาบาน่าหลังสุดท้ายของวันนั้นได้พอดี แม่นอนอ่านหนังสือในคาบาน่า สบายมากๆค่ะ
เด็กจิ๋วต้องบ้าย บาย ไปก่อนนะคะ รีวิวหน้าจะพาไปเที่ยวไหนอีก ติดตามกันนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ไปเที่ยวเป็นเพื่อนกันค่ะ
Dek Jew Chill Out
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 16.58 น.