เรื่องเกิดเมื่อวันศุกร์มาถึง....ทุกๆ วันศุกร์คำถามที่จะได้ยินก่อนเริ่มวันคือ

คนถาม: เสาร์นี้ไปไหนดี? เราไปไหนดีเธอ????

คนตอบ:ไม่รู้อ่ะ แต่เบื่อทะเลนะ เบื่อห้างด้วย แต่ก็อยากออกจาก กทม อ่ะ

คนถาม: งั้นเราลองไปเที่ยวแบบที่ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักไหม เอาแบบใกล้กรุงเทพไรงี้?

คนตอบ: เออดีนะ จะได้ไม่ต้องอยู่ในกทม เผื่อได้อะไรใหม่ๆ ไอเดียใหม่ๆ บ้าง :)

คนถาม: งั้นไปเมืองเพชรล่ะกัน ไม่ไกลกรุงเทพด้วย :)


โอเคๆ งั้นเราไปตะลุย 6 ที่เที่ยวแนะนำที่ใครหลายคนยังไม่เคยไปของ จ.เพชรบุรี

Let's plan กันก่อนค่ะว่าจะไปไหนดี เพราะมีเวลาแค่ เสาร์-อาทิตย์

จุดที่1. ตลาดน้ำกวางโจว ตลาดน้ำบนน้ำตกแห่งแรกและแห่งเดียวในโลก

จุดที่2. น้ำพุร้อน หนองหญ้าปล้อง

จุดที่3. ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง

จุดที่4. ถ้ำเขาย้อย อ.เขาย้อย

จุดที่5. กิน "ปูชัก" ที่ชุมชนบ้านคลองเทียนและสะพานหิน

จุดที่6. สวนตาลลุงถนอม

ปักหมุดและออกเดินทางเลยจ้าาา ไปเช้าวันเสาร์และกลับเย็นวันอาทิตย์แบบไม่ต้องรีบ


จุดที่1. ตลาดน้ำกวางโจว ตลาดน้ำบนน้ำตกแห่งแรกและแห่งเดียวในโลก

- พิกัด : 6026 ตำบล ยางน้ำกลัดใต้ อำเภอ หนองหญ้าปล้อง เพชรบุรี 76160

- เปิด ทุกวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ

- ค่าเข้าชม: 20 บาทต่อคน


ร่มรื่นดีค่ะ อากาศถ่ายเทดี ไม่วุ่นวายเพราะคนยังไม่ค่อยมากันเยอะเท่าไร

เมื่อเดินเข้ามาก็จะเจอซุ้มไม้ไผ่สีเขียวสวยดีค่ะ อากาศดีเหมือนติดแอร์ตลอดทั้งวันเลยยย 25องศา ชิลล์ๆ

เห้ยคือดีงามมากอ่ะ ด้านในเป็นพื้นที่ที่มีป่าไม้ร่มรื่นดี และมีร้านอาหารเล็กๆ ของชาวบ้านมาตั้งเพื่อคอยบริการนักท่องเที่ยวที่นี่คือเหมาะสำหรับวันชิลล์ๆ ของคนเมืองมากค่ะ ไม่วุ่นวาย สบ๊ายยยย :)

ข้อดีของที่นี่คือยังคงเน้นความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนที่นี่ไว้ เป็นการบริการและจัดทำขึ้นโดยชุมชนและน้องๆนักเรียนยังสามารถหารายได้เล็กๆ น้อยๆ ช่วงวันหยุดเรียนด้วยค่ะ

ของกินของดีเมืองเพชรขนมหม้อแกงในกระบอกไม้ไผ่

คือแบบว่ามาถึงมันก็เที่ยงพอดีอ่ะเนอะ หาไรรองท้องก่อนล่ะกัน อิอิ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ^^

นี้คือทางเข้านะคะ ยังไม่ถึงข้างในเลย 555++ เริ่มกินกันตั้งแต่ตอนนี้เลยจ้า

ไปต่อๆ มัวแต่กินเดี๋ยวไม่ถึงไหนสักที

มีมุมกาแฟด้วยนะ แต่ไฮไลท์คือ เขาใช้กังหังลมพลังน้ำตกในการตำกาแฟนะ เก๋ดีอ่ะ นอกจากนี้มันยังช่วยทำให้เติมอากาศให้น้ำทำให้น้ำดีและใสขึ้นด้วย


ที่นี้แพทุกแพนั่งฟรี ไม่ต้องจ่ายเงินค่านั่งและสามารถสั่งอาหารได้ทุกร้านค่ะ เค้าบริการส่งให้ทุกแพ แม่ค้าที่นี่น่ารักมาก บริการดีค่ะ

ทำสปาเท้าฟรี ชิลล์ๆ สบายๆ ต่างชาติก็มาชิลล์นะเออ

ส่วนใหญ่ที่เห็นพายเรือกันก็จะเป็นน้องๆ นักเรียนในชุมชนมาหารายได้พิเศษกันค่ะ ขายพวกขนม ขายน้ำดื่มและพวกชาไข่มุก

หากไปก็อย่าลืมช่วยอุดหนุนน้องๆ หน่อยน้าา


ไหนๆก็มากันแล้ว เค้าบอกให้ลองพายเรือชมน้ำตลาดน้ำสัก 1 รอบ จะรอไรค่ะ ไปสิ ค่าเช่าเรือแค่ 30 บาทต่อ 1 ลำค่ะ

บรรยากาศด้านในก็เย็นๆ มีคนบ้างไม่เยอะมาก มีอาหารให้เลือกพอประมาณ : )

จะมากิน มาชิลล์ มานอนก็ได้นะ 5555 อากาศมันเย็นสบายอ่ะนะ

อุ้ยยยย คุณพ่ออย่าแย่งคุณลูกสิคะ >,< ฮ่าๆๆ เดี๋ยวเรือคว่ำค่ะ

พายเรือรอบนึงและก็หิวแล้ววววว มาที่นี่ขอแนะนำให้ลองเมนูเลยทั้ง ผัดไทยม้ง ขอบอกว่าอร้อยม๊ากกกก เครื่องจัดเต็มค่ะ

ขอเติมพลังก่อนไปจุดอื่น อิอิ

พอสั่งพี่เค้า เขาจะมาส่งที่แพเลย service ดีจริงๆ :) พร้อมเครื่องเคียง พี่เขาใจดีแถมกาแฟให้คนละแก้วด้วยค่ะ หุหุ

อิ่มแล้วไปต่อค่ะ หอบพุงไปอีกจุดซึ่งไม่ไกลจากน้ำตกนี้ นั่นคือน้ำพุร้อนหนองหญ้าปล้องนั่นเอง


จุดที่2. น้ำพุร้อน หนองหญ้าปล้อง วิวดี ท่ามกลางธรรมชาติ

-พิกัด บ้านน้ำพุร้อน ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง เพชรบุรี จากตลาดน้ำกวางโจวมาไม่ไกลค่ะ แค่ 7 กม.

- มีที่จอดรถคอยรองรับนักท่องเที่ยวนะคะเพราะไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้นไปบริเวณบ่อกำเนิดน้ำพุร้อน

- บริเวณรอบๆ มีร้านขายอาหาร น้ำ และของกินอยู่ แต่ไม่ได้มีให้เลือกมากนัก

- มีห้องแช่น้ำรวม อัตราเหมาอยู่ที่ 150บาท/ ห้อง

- ห้องอาบน้ำร้อนแบบส่วนตัว แยกชาย-หญิง ราคาอยู่ที่ 30บาท/คน

สำหรับใครที่อยากขึ้นไปชมบ่อกำเนิดต้องขึ้นรถรับ-ส่ง ส่วนค่าบริการ คือ 20บาท ต่อคน ไป-กลับค่ะ หรือ จะเดินไปก็ได้นะคะ แต่ไม่แนะนำเท่าไร มันไกลและแดดร้อนด้วย


จะมีจุดให้แช่เท้าค่ะ ความร้อนประมาณ 45-50 องศา ร้อนหน่อยตอนแรกแต่พอสักพักก็จะสบายเท้าผ่อนคลายดี

มีนักท่องเที่ยวแวะมาเรื่อยๆ ค่ะ แต่ก็ถือว่ายังไม่เยอะเท่าไร กำลังดีค่ะเยอะไปเดี๋ยวแย่งกันเนอะ

อัตราค่าบริการ สำหรับการแช่ขา อยู่ที่ 10 บาท/คน


ตรงจุดกำเนิดบ่อน้ำร้อน จะมีรั้วล้อมรอบอยู่ มองเห็นเป็นสีเขียวมรกต ตรงนี้ห้ามไม่ให้เข้าใกล้ และห้ามแช่ตัว เนื่องจากมีความร้อนสูงมากและอันตรายค่ะ จึงแค่ให้ชมและถ่ายรูปบริเวณรอบๆ เท่านั้น

น้ำค่อนข้างร้อน ตอนยืนมองยังแอบร้อนและเห็นตอนมันเดือดขึ้นมาเลย ยังไงต้องระวังด้วยโดยเฉพาะหากพาเด็กไปด้วย แต่อากาศโดยรอบเย็นสบายไม่ร้อนค่ะ

พวกเราก็ใช้เวลาอยู่ที่น้ำพุร้อนไม่นาน ประมาณ 30 นาทีเพราะกลัวจะไปที่อื่นไม่ทัน 4 โมงเย็น เพราะเดี๋ยวเราจะแวะไปดูศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง ไปดูสิว่าเขาทำไรกันที่นั่น ขับรถต่อไปอีกประมาณ 40 นาทีจากน้ำพุร้อน : )

จุดที่3. ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง

- พิกัด ตั้งอยู่หมู่ 5 ตำบลเขาย้อย อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี

- เปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 9.00-16.00น.

- ติดต่อสอบถามที่ 095 969 4269 https://www.facebook.com/thaisongdumproduct/

ที่นี่ถือเป็นศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวไทยทรงดำหรือลาวโซ่งที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเพชรบุรี เปิดให้เข้าชมถ่ายรูปโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่จะมีการจัดการแสดงเป็นบางครั้งค่ะ ถ้าต้องการชมการแสงรำแบบพื้นบ้าน เช่น การอิ้นกอนฟ้อนแคน การเล่นลูกช่วงเพื่อการหาคู่ของหนุ่มสาว หรือ เข้าชมเป็นหมู่คณะนั้นต้องติดต่อล่วงหน้าค่ะ ทางศูนย์จะได้มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้ให้ก่อนค่ะ

ไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง เป็นชนกลุ่มหนึ่งที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองเดียนเบียนฟู ในเวียดนามเหนือ มีความชำนาญในการทอผ้าและการเครื่องจักรสาน มีการแต่งกายเป็นชุดโทนสีดำ เขามีการสาธิตการทอผ้า และขายของที่ละลึก สินค้าด้านหัตถกรรม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนในชุมชนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความประณีตละเอียดอ่อน

เดี๋ยวเราจะพาเดินชมด้านใน ... ไปถึงก็จะเงียบหน่อยค่ะเพราะวันนี้ช่วงเช้าเขาการจัดงาน พอตอนบ่ายก็เหมือนว่าทุกคนกลับไปพักผ่อนกัน ... วันนี้เลยเงียบๆไปนิด แต่ถ่ายรูปสบาย ^^

ที่นี่เป็นศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนและเขามีการสาธิตการทอผ้าแบบดั้งเดิมด้วยค่ะ ซึ่งเป็นผ้าที่ไทยทรงดำเขาสวมใส่กันนั่นเอง

พื้นกว้างขวงและบรรยากาศโดยรอบดี เหมาะสำหรับแวะมาชมสถานที่และเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพื้นเมืองของคนไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง หรือใครอยากจะแวะมาชมสถานที่ก็มาได้นะคะ เขาไม่ได้คิดค่าเข้าค่ะ

เราสามารถซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์พื้นบ้านติดมือกลับบ้านได้น๊า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ทอเอง หรือ ข้าวกล้องหอมมะลิของชาวบ้านที่ปลูกเองทำเองรวมตัวกันทำเป็นสหกรณ์ชาวบ้าน ใช้ชีวิตตามคำสอนของพ่อ อยู่แบบพอเพียงและแบบหยั่งยืนค่ะ

เดินทางกันต่อไป เดี๋ยวเราจะพาไปไหว้พระที่ถ้ำเขาย้อยกัน หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักแต่บอกเลยว่าเป็นอีกจุดที่น่าสนใจค่ะ


จุดที่4. ถ้ำเขาย้อย อ.เขาย้อย

- ที่ตั้ง ถ้ำเขาย้อย ตำบล เขาย้อย อำเภอ เขาย้อย เพชรบุรี

- เปิด ทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00 – 17.00 น.

- ค่าเข้าชม ฟรี

ห่างจากศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง แค่ 1.2 กม. เป็นสถานธรรมที่มีธรรมชาติสวยงาม มองเห็นได้อย่างโดดเด่น โดยในถ้ำจะมีพระพุทธรูปใหญ่น้อยหลายปางประดิษฐานอยู่ เคยเป็นถ้ำที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) มาปักกลดวิปัสนาเมื่อครั้งพระองค์ผนวชค่ะ มองเห็นจากไกลๆ เลยค่ะตอนขับรถมา

ข้อแนะนำ อาจจะต้องระวังน้องลิงกันหน่อยค่ะ เพราะเขาค่อนข้างไม่กลัวคนนะคะ

ตอนขึ้นไปเราต้องฝากรองเท้ากับคุณป้า (เค้าจะช่วยเฝ้าไม่ให้น้องลิงมาขโมยไป) ค่าบริการตามศรัธทราค่ะ

ข้างในสวยมาก เย็นสบายและไม่อึดอัด ทำบุญแล้วรู้สึกดีต่อใจจริงๆ :)

ด้านในนั้นจะมีพระพุทธไสยาสน์มีความประมาณยาว 16 เมตร ซึ่งเป็นพระประธานอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ค่ะ

เดินลงไปอีกนิดจะมี รูปปั้นพระเจ้าอู่ทอง รูปปั้นงูบริเวณผนังถ้ำ และเจ้าแม่กวนอิม ขอพรและทำบุญตามวันเกิดเพื่อเป็นศิริมงศลต่อชีวิตค่ะ

ส่วนตัวชอบนะคะเพราะนานๆ จะได้เข้าวัดและแบบไม่ต้องแย่งกันไหว้ หรือ แย่งกันทำบุญ ที่นี่ยังถือเป็นวัดที่คนส่วนใหญ่ที่มายังเป็นคนแถวนี้กันค่ะ เพราะไม่แออัดเหมือนวัดที่เป็นนิยมหลายๆ ที่ ^^

ได้ทั้งไปทำบุญ ได้ความสบายใจ และได้เที่ยวในที่แปลกตาอีกตั่งหาก

นอกจากนี้ยังสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมถ้ำกันได้ค่ะ เห็นชาวบ้านบอกว่าเคยมีหนังมาถ่ายทำกันด้วย

แต่เสียดายคือเรามาถึงก็เย็นแล้ว คอยมันมืดไปเลยไม่ได้เดินขึ้นค่ะ (ไม่ได้กลัวขึ้นไม่ไหวนะ 555+)

หมดไปแล้ววันเสาร์ทั้งวันค่ะ ถือว่าได้มาเห็นและเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เคยได้มากัน สนุกดีค่ะเป็นการท่องเที่ยวที่ได้เรียนรู้ไปในตัว พรุ่งนี้เราจะไปพาไปหาออกกินและชมสวนตาลลุงถนอมกันค่ะ


จุดที่5. กิน "ปูชัก" ที่ชุมชนบ้านคลองเทียนและสะพานหิน

- พิกัด อยู่บริเวณสะพานหิน ปากคลองชะอำ ติดหาดชะอำเหนือ เข้าซอยคลองเทียน 18

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่รักการกินปู เป็นถานที่ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดให้เป็น Unseen in Thailand 3 ค่ะ

ตอนแรกเราไปเย็นวันเสาร์ค่ะ กะจะไปซื้อตอนเย็นมื้อค่ำซะหน่อย แต่ปูหมดจ้าาาา เศร้าเลยไม่เป็นไรมาใหม่เช้าอีกใหม่

แนะนำให้ไปตอนเช้าค่ะ ช่วง 7.00 -8.30 กำลังดีค่ะ เพราะราคาปูจะถูกกว่าปกติและสดมาก ตอนเช้าชาวประมงจะเอาปูมาขายและนึ่งกันตรงนั้นเลยค่ะ บอกเลยว่าทริปนี้ชอบบบบบบบที่สุดก็ตรงนี้ล่ะ

พวกเรารีบตื่นกันค่ะเช้าวันอาทิตย์ มาถึงตลาด ตอน 7.30 ค่ะ เพราะอยากกินปูสดๆ มากและบอกเลยว่าวิวตอนเช้าดีใช้ได้เลย


จุดเด่นจะอยู่ที่สะพานเหล็กเล็กๆสีเหลือง ที่ชาวบ้าน ชาวประมงได้ใช้ถุงตาข่ายผูกเชือก แล้วใส่ปูห้อยลงไปในน้ำ โดยที่ปูยังมีชีวิตอยู่เพื่อรักษาความสดใหม่ของปู จนเป็นที่มาของชื่อ "ปูชัก" หนึ่งเดียวในเมืองไทย

บางเจ้าที่อยู่เลยสะพานไปหน่อย อาจจับใส่กะละมังไว้ แต่ปูยังคงมีชีวิต และยังคงความสดเช่นเดียวกัน

ถ้าต้องการซื้อ หรือดู ลองถามร้านที่ใกล้ๆกับสะพานได้ค่ะ เพราะเค้าจะนำปูห้อยเอาไว้

ปูตอนเช้าจะราคาถูกว่าในตอนเย็น เนื่องจากชาวประมงเพิ่งเอาขึ้นมาส่ง ราคาจะอยู่ที่ 280-550 บาท

ราคาปูในตอนเย็นจะแพงกว่าช่วงเช้ามาก ราคาประมาณ 450 – 650 บาท ตามขนาดค่ะ

ราคาค่านึ่งอยู่ที่ 20/กิโล , น้ำจิ้มถุงละ 20 บาท

จัดไป 1 กิโลค่ะ อยู่ที่ 450บาท น้ำจิ้ม 20 บาท ปูสดๆ กรี้ดดดดน้ำลายไหล :)

ยังไม่พอค่ะ อุตส่าห์ตื่นทั้งทีต้องไปตลาดเทศบาลอีกที่ค่ะ จะได้มีของกินหลายอย่าง อิอิ

แอบไปถามราคาปูที่ตลาดสดเทศบาลมา ถูกกว่านิดหน่อยค่ะแต่ปูอาจจะไม่สดเหมือนที่สะพานปูชักแต่ขนาดไม่แพ้กันนะเออ

รองท้องกันก่อนจัดปู เพราะข้าวต้มที่ตลาดมันยั่วเลยเผลอใจไปหน่อย 5555

ขอกระซิบว่า อาหารที่นี่ถูกมากทุกร้าน ราคาประมาณ 20-40 ราคาชาวบ้านมากๆ คือร้านอาจไม่ได้มีชื่อดัง คนไม่ได้ไปทำรีวิวกัน แต่ขอบอกว่ารสชาติอร่อยไม่แพ้ร้านดังๆเลยนะ : ) ไปลองกินดู อุดหนุนชาวบ้าน (ใครไป พกตังค์ไป 100-200 นี่กินสบาย)

ถึงห้องพักละ ขอจัดปูก่อนนะ กินมันแต่เช้าเลยนี้แหละ 450 บาท 2 คนกำลังดี ปูหวานมากกกกกกก

พออิ่มล่ะเราขอพักพุงแปปสัก 2 ชม. ก่อนที่จะเดินทางต่อไปที่สวนตาลลุงถนอมและเดินทางกลับเมืองกรุงศริวิไลเรา แต่ไม่อยากกลับเลยยยย อยู่ต่อเลยได้ไหมมมมมม T.T


จุดที่6. สวนตาลลุงถนอม

- พิกัด ที่อยู่: ตำบล ถ้ำรงค์ อำเภอ บ้านลาด เพชรบุรี 76150

- เปิด 08.00- 18.00 ทุกวัน

- ติดต่อพี่อำนาจผู้ดูแล 087- 800 7716

เป็นเส้นทางที่เราต้องผ่านขากลับกรุงเทพอยู่แล้ว เลยอยากแวะเพราะมีคนบอกว่าน่าแวะเพราะที่นี่เขาขายสินค้าจากต้นตาลกันสดๆ แบบวันต่อวัน และปลูกเป็นสวนใหญ่ที่สุดในเมืองเพชร นอกจากนี้เป็นเป็นศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาของชุมชนแห่งนี้ด้วยค่ะ

รู้กันไหมว่า น้ำตาลปี๊บ นี้กว่าจะได้มาไม่ได้ง่ายนะคะ วันนี้พอได้แวะมาถึงกับโอ้โห้มันยากอ่ะและอยากจะสนับสนุนให้เราช่วยอุดหนุนพี่ๆ เขากันเลยค่ะ เพราะกว่าจะได้ 1 กิโลนี้ใช้เวลาในการผลิตนานมาก เพราะต้องเริ่มตั้งแต่การนวดงวงต้นตาลโตนดกันเป็นอาทิตย์เลย (เหนื่อยจริง กว่าจะได้) สวนนี้จะมีพื้นที่ประมาณ 10ไร่ ปลูกทั้งหมดประมาณ 450 ต้นค่ะ

เริ่มเลย คุณลุงต้องนวดงวงมันทิ้งไว้ก่อนเป็นอาทิตย์ ถึงจะมาจะเก็บน้ำตาลมันได้ โดยเขาจะขึ้นเก็บ 2 รอบ มีรอบเช้าและรอบเย็นค่ะ และหากใครแวะมาช่วงเช้าจะเห็นขั้นตอนการทำแต่ละขั้นตอนแบบสดๆ เลยค่ะ มีการทำขนมตาลด้วยเสียดายเราแวะไปช่วงบ่ายเลยอดค่ะ เพราตอนเช้ามัวแต่กินปูกันอยู่ T.T

นี้คือกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่ไม้พะยอมไปในกระบอกเพื่อให้กันเสียค่ะ

โดยคุณลุงจะขึ้นไปเก็บแต่ละกระบอกที่รองไว้ตอนเช้า และใช้สะพานต้นตาลในการเปลี่ยนต้นไปทีละต้น โอ๊ยยยยย เสียวววววแทน (0...0) มันสูงอ่ะ

จากนั้นเมื่อคุณลุงเก็บครบทุกต้นแล้ว ก็นำขวดที่ใส่ลงมาให้คุณป้านำไปกรองและต้มต่ออีกค่ะ

นี้ตั้งแต่เช้าได้เท่านี้เองนะ บอกแล้วมันไม่ใช่ง่ายยยยยยย

ป่ะๆ ตามคุณป้าไปดูขั้นตอนต่อไปกันเลยค่ะ นั่นคือการกรองและต้มให้ได้น้ำตาลสดค่ะ

คุณป้าบอกว่าน้ำตาลจากต้นประมาณ 10 ลิตร ต้มเสร็จจะได้น้ำตาลแค่ 7 ลิตร ห๊าาาาหายไปเยอะมาก แบบนี้ก็เหนื่อยกันเลยทีเดียว กว่าจะได้มาแต่ละขวด

ไปลองชิมดู ชอบๆ มันหวานกำลังดีเลยค่ะ

ป้าต้องต้มและเคี่ยวมันประมาณ 2 ชม. และจากนั้นต้องมานึ่งอีก 30 นาทีถึงจะเสร็จค่ะ

ซึ่งที่นี่ขายถูกมาก และทำกันวันต่อวันหมดทุกวันจ้าาา โดยราคาน้ำตาลสดอยู่ที่ขวดละ 50 บาท น้ำตาลปี๊บกระปุกละ 70 บาทค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่จะโทรหาสั่งก่อน เพราะเขาหมดทุกวัน (ขายดีจริงๆนะ เราไปก็หมดแล้ว เหลือแต่น้ำตาลปี๊ปเป็นกระปุกอย่างเดียว ชาก็หมด ขนมตาลก็ขายหมด)

นอกจากพวกขนมตาล น้ำตาลสด หรือ น้ำตาลปี๊บแล้วเขายังมีชางวงตาลโตนดอีกด้วยนะคะ ซึ่งเป็นชาที่ทำจากงวงของต้นตาลตัวผู้เท่านั้น โดยจะนำมาหั่นบางๆ แล้วนำไปตากแห้ง 5 วัน จากนั้นก็อบเพื่อให้ได้ชางวงตาลค่ะ

ซึ่งสรรพคุณสามารถช่วยลดเบาหวาน ป้องกันโรคความดันในเลือด ราคาถูกมากแค่ห่อล่ะ 40 บาทเอง

สุดยอด ยอมรับเลยว่าหากไม่ได้แวะมาเที่ยวสวนตาลของลุงถนอมกันวันนี้ จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่ากว่าจะได้แต่ละขวดมันยากและประโยชน์ของต้นตาลไม่ได้มีแค่น้ำตาลไว้ทำขนมด้วย ถือว่าได้ความรู้เยอะเลยทีเดียวไม่ได้แค่มาเที่ยวถ่ายรุปแล้วจบแต่ครบทั้งความรู้นะค๊าาา มีโอกาสเราจะแวะมาใหม่มาให้ทันตอนทำขนมด้วย อิอิ อยากซื้อกลับ

หากใครสนใจอยากจะแวะมาเที่ยว สามารถแวะเข้ามาได้ทุกวันนะคะ ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 6โมงเย็น พี่ๆ เขาต้อนรับตลอดค่ะ หรือไม่แน่ใจให้โทรมาก่อนก้ได้ค่ะ ติดต่อพี่อำนาจที่ 087-800-7716

ยังไงฝากแวะมาอุดหนุนชาวบ้านด้วยน้าาา ซื้อน้ำตาลสดติดไม้ติดมือกันกลับ กทม จ้า

สรุปทริปนี้ ได้ทั้งที่เที่ยวใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปและได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่รู้จัก ถือว่าเป็นทริปสั้นๆ แค่วันหยุดแต่คุ้มค่าค่ะ เวลาเดินทางก็ไม่ไกลจากกรุงเทพ สามารถเดินทางได้ทั้งแบบกลุ่มเพื่อนหรือเป็นครอบครัว :)

ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ https://th.readme.me/id/ReviewPapai

ฝากเพจด้วยนะคะให้กำลังใจคนเขียนนิดนึง ; p https://www.facebook.com/ReviewPapai/ แล้วพบกันใหม่ : )

ReviewPapai

 วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 11.37 น.

ความคิดเห็น