วันที่ 27 - 28 ม.ค 2560 ที่ผ่านมา ทริปนี้เราเลือกไปเที่ยวแค่ 2 วัน 1 คืน เพราะเพื่อนร่วมทางติดงานวันอาทิตย์ จึงตัดสินใจเก็บของขึ้นรถและออกเดินทางตั้งแต่ 5 ทุ่ม ของวันพฤหัสที่ 26 ม.ค เพราะคนขับบอกว่าขับไหว ปกตินอนดึกอยู่แล้ว อีกอย่างออกเร็วๆ จะได้ไม่ต้องรีบ ขับเรื่อยๆ ขับไปขับมา เผลอแปปเดียวถึง จ.จันทบุรี แล้ว เพราะระยะทางประมาณ 300 กม. ถือว่าไม่นานเท่าไหร่ จึงจอดพักรถที่ปั้มน้ำมันก่อนถึงตัวเมือง จ.จันทบุรี เพื่อนอนเอาแรง หันไปถามคนขับว่าง่วงมั้ย คนขับบอกว่าไม่ง่วงเท่าไหร่ เพราะระหว่างทางก็หลับมางีบนึงเหมือนกัน (อ้าววว เวร) นอนได้ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ตื่นและเคลื่อนรถเข้าตัวเมืองจันท์

โดยจุดมุ่งหมายแรกคือตลาดสวนมะม่วง ตลาดเช้าซึ่งเป็นตลาดสด ผู้คนพลุกพล่าน มีของกินมากมาย ทั้งหมู หมา กา ไก่ ยันอาหารทะเล แต่ด้วยความที่ยังเช้า ท้องยังไม่สะกิดเรียกหาข้าวปลาอาหาร เราเลยกินปาท่องโก๋, ขนมจีบ รองท้อง ไปก่อน ออกจากตลาดสวนมะม่วง ก็ขับไปไหว้.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชว่ากันว่า.เป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองจันท์ บ่งบอกถึงความผูกพันของชาวเมืองนี้ที่มีต่อพระเจ้าตาก โดยมีคำกล่าวว่าเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองจันท์ บ่งบอกถึงความผูกพันของชาวเมืองนี้ที่มีต่อพระเจ้าตาก อยู่ที่ศาลได้แปปเดียว ต้องรีบออกจากตัวเมืองจันท์

เพราะจุดต่อไปที่จะไปคือ "น้ำตกพลิ้ว" ซึ่งห่างจากตัวเมืองแค่ 40-50 กม. ขับรถแปปเดียวก็ถึง แต่ก่อนจะเข้าไปเล่นน้ำตก ท้องก็สะกิดหาอาหารแล้ว เลยจัดก๋วยเตี๋ยวต้มยำชามโต ซึ่งตั้งอยู่ปากทางเข้าน้ำตกเลย ส่วนรสชาดถือว่าผ่าน แต่ยังไม่โดนเท่าไหร่ เพราะรู้มาว่าที่ จ.จันทบุรี ขึ้นชื่อเรื่องก๋วยเตี๋ยวต้มยำใส่กั้งตัวโตๆ แต่ตอนนั้นไม่มีเวลาขับรถหา เลยจัดก๋วยเตี๋ยวต้มยำชามโตไปก่อน

ขับต่อเข้ามานิดเดียวก็ถึงน้ำตกพลิ้วแล้ว เสียค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท ถูกมากๆ เพราะน้ำตกที่รออยู่ข้างในสวยงามกว่าราคา 40 บาทอีก

ลืมบอกไปว่าวันที่มาคือวันศุกร์ ทำให้คนไม่เยอะเท่าไหร่ เลยได้เล่นน้ำแบบเต็มที่ ที่สำคัญน้ำเย็นมากๆๆๆๆ แถมได้ใกล้ชิดกับน้องปลาตัวเบอเร่อ อีกหนึ่งสิ่งที่จะบอกคืออย่าคิดซื้ออาหารมากินในน้ำตกเด็ดขาด เพราะเจ้าหน้าที่คอยบล็อคไม่ให้เอาเข้ามาตั้งแต่ด่านแรก


12.00 น. พวกเราเก็บของเคลื่อนย้ายไปท่าเรือ จากฝั่งตราด(อ่าวธรรมชาติ) โดยมีจุดมุ่งหมายต่อไปคือเกาะช้าง ซึ่งจาก น้ำตกพลิ้วไปก็ขับรถเกือบ 1 ชม. ก่อนจ่ายค่าขึ้นเรือคนละ 80 บาท และรถคันละ 120 บาทข้ามฝั่งจากท่าเรืออ่าวธรรมชาติไปเกาะช้าง ใช้เวลาแค่ 30 นาที


จากนั้นทุกคนขึ้นรถพร้อมขับขึ้นฝั่งทันที ซึ่งที่พักของเราคือ "เขานอก โฮมสเตย์" ดูจากแผนที่ระยะทางแค่ 30 ก.ม. ถือว่าจิ๊บๆ แต่แม่เจ้า ทางขึ้นเขา ลงเขา ตลอด ทำให้ใช้ความเร็วได้ไม่เต็มที่ เบ็ดเสร็จ 1 ชั่วโมงครึ่ง

กว่าจะถึงเขานอก โฮมสเตย์ แต่เมื่อมาถึงก็หายเหนื่อย เพราะที่พักเงียบสงบ ติดทะเล แถมมีเปลให้นอนพักผ่อน เรียกได้ว่าใครที่ต้องการวิถีชีวิตแบบชิคๆ คูลๆ ได้สมปรารถนาแน่นอน เนื่องจากพวกเรามาถึงเขานอกประมาณ 3 โมงเย็น จึงมีเวลาพักผ่อน เองหลังประมาณ ชั่วโมง จากนั้นพี่คนขับเรือก็มาเรียก ให้ไปเที่ยวตลาดบางเบ้า



เขามีบริการให้พายเรือคายัคฟรีๆ เลยออกกำลังแขนซักชั่วโมง ท่ามกลางบรรยากาศของลมทะเลที่เย็นสบายๆ คลื่นอ่อนๆ น้ำนิ่งๆ แฮปปี้จริงๆ

หลังออกกำลังกายเสร็จก็ขึ้นมาอาบน้ำอาบท่า เพราะอาหารมือใหญ่รอเราอยู่ คือ "อาหารทะเล เติมได้ไม่อั้น" มีทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา เรียกได้ว่ากินไป ขี้ไป เพราะท้องไส้ไม่ค่อยดี แต่ปากมันหยุดไม่อยู่ เลยจัดซะเต็มที่ ส่วนเรื่องขี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตูดไป

วันที่ 28 ม.ค เข้าสู่วันที่ 2 ของทริป ตื่นเวลา 7.00 น. ซึ่งถือว่าไม่เช้ามาก เมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ที่จะไปดำน้ำ เพราะบริษัทจะตระเวนรับนักท่องเที่ยวจากหลายๆ ที่ แต่สำหรับ "เขานอก โฮมสเตย์" มีเรือเป็นของตัวเอง ทำให้ไม่ต้องเร่งรีบแหกขี้ตาตื่นขึ้นมา เช้ามา ก็รับประทานอาหารเช้า เป็นข้ามต้มทะเล, ข้าวผัด แสนอร่อย

จากนั้น 10.00 น. เรือทัวร์ดำน้ำลำใหญ่ ได้แล่นสู่ใจกลางทะเลอ่าวไทย เพื่อพาพวกเราและนักท่องเที่ยวที่มาพักเขานอก โฮมสเตย์ อีกประมาณ 6-7 ชีวิต ไปดำน้ำกัน จะเห็นได้ว่ามีความเป็นส่วนตัวมาก เพราะเป็นเรือของเขานอกเอง

พี่ๆ คนขับเรือและเจ้าหน้าที่เป็นกันเองมาก คอยให้การช่วยเหลือและให้ข้อมูลตลอดการดำน้ำได้ดีมาก ส่วนเรื่องอาหารการกินไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีกับข้าวเตรียมไว้ตลอดทริป การดำผิดน้ำของทะเลอ่าวไทยถือว่าสวยงามไม่แพ้ฝั่งอันดามัน มีสัตว์นาๆ ชนิดให้ได้ชม แต่น่าเสียดายที่ลืมหยิบกล้องใต้น้ำมา เลยอดถ่ายมาให้ดู เกือบ 1 วันในการดำผิวน้ำ ทุกคนเหนื่อยมากทำให้ขากลับสลบกันเป็นแถว ซึ่งนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ก็กลับเข้าที่พักกันไป ส่วนพวกเราเก็บข้าวเก็บของเตรียมออกรถกลับกรุงเทพฯ เย็นวันนี้เลย

เรือเที่ยวสุดท้ายออกจากท่าเรือเกาะช้างประมาณ 19.00 น. ซึ่งขากลับเราได้แวะตัวเมืองจันท์ เพื่อทานอาหารเย็น ตอนแรกกะหาร้านข้างทางกินกันเเล้ว แต่ขับไปขับมาเจอร้านจันทรโภชนาเป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองจันท์นานานกวา 40 ปีซึ่งมีของฝากขายด้วย เลยตัดสินใจเลือกร้านนี้ และต้องบอกว่าไม่ผิดหวัง เพราะอาหารที่ร้านจันทรโภชนาขาย เป็นอาหารพื้นเมือง อาทิ แกงหมูชะมวง เส้นจันท์ผัดปู หนังท้องตึง หนังตาหย่อน แต่คนขับหย่อนไม่ได้ เพราะต้องจับพวงมาลัยบึ่งรถเข้ากรุงเทพฯ กันต่อ ส่วนคนอื่นๆ ก็นอนหลับยาวจนถึงบ้านกันเลย

.....บทสรุป 2 วัน 1 คืนของน้ำตกพลิ้วและเกาะช้างถือว่าประทับใจมาก เพราะได้เที่ยวฝั่งตะวันออกของไทยที่อยู่ใกล้ไม่กี่ชั่วโมง แต่ได้ชมความสวยงามของธรรมชาติและบรรยากาศดีๆ ข้อเสียอย่างเดียวของทริปนี้คือระยะเวลา เพราะอย่างที่บอกว่าสมาชิกมีงานต้องทำในวันอาทิตย์ เลยมีข้อจำกัดเรื่องเวลา แต่หากใครที่มีเวลาเพิ่มขึ้นอีกวัน แนะนำให้นอนพักหลังดำน้ำอีกซักคืน ตื่นเช้ามาค่อยเดินทางกลับ แวะหาอะไรอร่อยๆ กินข้างทางเยอะแยะ รับรองไม่ผิดหวัง....


ความคิดเห็น