ทริป เขาช้างเผือก กาญจนบุรี

23-25 มกราคม 2560





สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม ผิดพลาดยังไงติชมกันได้นะครับ


============================================================================================

ทริปนี้เกิดจากผมได้เห็นเพื่อนรีวิว เขาช้างเผือก เมื่อ2ปีที่แล้ว แล้วเกิดความอยากไปแต่ด้วยความไม่พร้อมปีแรกจึงไม่ได้ไปและเมื่อตั้งใจจะไปปี 2559 ทางอุทยานได้ปิดให้ขึ้นจึงเกิดอาการเก็บกดว่าต้องไปให้ได้สักวัน มีคนบอกว่า ส่วนที่ถือว่ายากที่สุด ในการพิชิตยอดเขาช้างเผือก คือ การโทรจองให้ติด แต่ผมไม่เชื่อเพราะตั้งใจจะไปวันธรรมดา จ-พ ซึ่งเมื่อได้โทรจองเองแล้วถึงกับรู้เลยว่ามันยากกกกกกกกกกก จริงๆถึงกับแบทโทรศัพท์จะหมดกันเลยที่เดียว


หลังจากโทรจองติดซึ่งผมได้จองไปคนเดียวเนื่องจากเพื่อนๆไม่มีใครสามารถหยุดยาวในวันธรรมดา3 วันได้สำหรับที่ทำงานเป็นกะ ตรงกับช่วงวันหยุดพอดีจึงคิดแล้วว่าปีนี้ไม่รอใครทั้งนั้น ฉันจะไปให้ได้ ผมเป็นมือใหม่ในการเดินภูเขา เดินป่า แต่ก็ต้องขอบคุณน้องนุชซึ่งคอยให้คำแนะนำในการไปเดินครั้งนี้ เนื่องจากน้องเพิ่งกลับจากเขาช้างเผือกมา



วันแรก 23/01/2560


เริ่มออกเดินทางเช้าวันจันทร์ที่ 23 ผมเลือกเดินทางโดยการขี่มอเตอร์ไซค ออกจากรามคำแหง1 ช่วงเวลาตี5 เพื่อหนีรถติดในกทม วิ่งเข้าพระราม9 ไปอนุสาวรีย์ชัยตรงไปสะพานซังฮี้เข้าเส้นบรม สำหรับผมผู้หลงทางเป็นชีวิตจิตใจคิดว่าเส้นนี้คือเส้นคุ้นเคย ไม่เปลี่ยนไปเส้นไหนเด็ดขาด ก็ยังไม่วายหลงอีกตามเคย แวะทานอาหารเช้าที่ อ.สามพราน สักหน่อย

ออกเดินทางถึงกาญจนบุรี8 โมงเช้าแวะซื้อกาแฟแล้วยิงยาวต่อช่วงก่อนถึงไทรโยคเจอวิวสวยๆก็จอดแวะถ่ายเล่นไปเรื่อย ผมสายชิลนะครับ


ภูเขาลูกนี้มันน่าเดินขึ้นไปจริง ผมคิดว่าคงมีคนเดินขึ้นไปแล้วแน่ๆครับ


ออกเดินทางกันต่อผมแวะเติมน้ำมันอีกครั้งที่ อ.ทองผาภูมิ แล้วยิงยาวเข้าปิล้อคผมอยากไปถึงไวไวจะได้เดินเล่นถ่ายรุป แวะถ่ายถนนเส้นก่อนถึงตัว อ.ทองผาภูมิสักหน่อยผมชอบวิวจากถนนมาก มันเหมือนเรากำลังเดินทางสู่หุบเขาลี้ลับข้างหน้า


เดินทางกันต่อถึงที่ทำการอุทยานทองผาภูมิเวลาบ่ายโมง ผมรีบไปลงทะเบียนก่อนเพราะเช้าอีกวันจะได้ไม่ต้องวกกลับมาที่ทำการอุทยาน คืนนี้ผมกะนอนในหมู่บ้าน เมื่อเข้าไปในที่ทำการถึงกับตกใจ เฮ้ยย นกเงือก ตัวเป็นๆแอบตื่นเต้นแบบมันเชื่องมากสามารถจับได้เลยครับ จากนั้นผมก็จัดการเช่าเต๊นท์ ถุงนอนซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำไปให้เราในตอนเช้า


1. ค่าเข้าอุทยาน 30 บาท

2. ค่าเอารถเข้าอุทยาน 40 บาท

3. ค่ากางเต็นท์ 30 บาท

4. ค่านำทาง 1,800 บาท (นำได้ 10 คน ผมมาคนเดียวก็คงไปจอยกับกลุ่มอื่นครับ)

5. ค่าลูกหาบคนละ 1,300 บาท (2 วัน 1 คืน)

คืนนี้ผมเลือกนอนบ้านตอไม้ ซึ่งป้าตุ๋ย จำผมได้เนื่องจากผมมาบ่อยจัดการเก็บของนอนงีบสักหน่อย แล้วออกไปเดินเล่นถ่ายรุปในหมู่บ้านแล้วขี่รถขึ้นเนินช้างศึกต่อ


การมาคนเดียวสิ่งที่ยากคือการถ่ายรุปตัวเองแบบเท่ๆ รุปนี้ตั้งเวลาวิ่งไปนั่ง(ผมไม่ได้เอารีโมทถ่ายมา)มีเขิลนักท่องเที่ยวคนอื่นเหมือนกัน

ผมไม่ได้อยู่ถึงพระอาทิตย์ตกเนื่องจากหิวและอยากนอนพักเก็บแรงไว้ลุยพรุ่งนี้เช้า วันแรกจึงจบไว้เพียงเท่านี้นะครับ

เช้าวันที่2 24/02/2560



ผมตื่นตั้งแต่ตี5 ด้วยความตื่นเต้น 7โมงเก็บของออกจากที่พักมาฝากร้านป้าตุ๋ยเอาเฉพาะของที่ใช้ขึ้นเขาติดตัวไป ผมไปนั่งรอที่บ้านหัวหน้าลูกหาบเป็นคนแรกด้วยความตื่นเต้น จนชาวบ้านเค้าบอกกว่าเจ้าที่จะมา8 โมงเช้าผมจึงได้เดินเล่นบริเวณนั้น จนเวลา8 โมงเริ่มมีกลุ่มคนหลายๆกลุ่มทั้งมากลุ่มใหญ่ 10คน มาแบบ5-6 คน หรือมาเป็นคู่2คน ที่มาเดี่ยวเห็นจะมีไม่กี่คนรวมทั้งผม เจ้าหน้าที่เริ่มทยอยมา 1 เจ้าหน้าที่ ต่อ 10 คนนักท่องเที่ยว ซึ่งผมก็ต้องยืนรอเจ้าหน้าที่เรียกเพื่อไปจอยกับกลุ่มที่ไม่ครบและนี้ทำให้ผมได้พบกับการเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตเลย เมื่อได้รู้จักกับเพื่อนใหม่กลุ่มนี้

หลังจากนี้จะเป็นบรรยากาศเส้นทางการเดินขึ้นเขาช้างเผือกที่ผ่านสายตาและเลนส์จากกล้องของผมนะครับ ปล่อยให้ภาพบรรยายตัวของมันเองแล้วกัน


หลังจากลงจากยอดเขาช้างเผือกผมเองเข้าเต๊นท์นวดเค้าเตอร์เพนอันดับแรกเลยครับ เนื่องจากตะคริวกินตอนขึ้นเนินสุดท้ายแต่เก็บอาการฮ่าๆ แล้วผมก็เอาน้ำให้ลูกหาบต้มให้เพื่อกินมาม่ากระป๋องที่ซื้อมา หลังจากกินมาม่าผมก็หลับๆตื่นๆทั้งคืนเนื่องจากลมแรงมาก จบวันที่2

เช้าวันที่3 วันกลับ 25/02/2560



ผมตื่นเกือบทุกชั่วโมงจนถึงเวลา 6 โมงกว่าๆลมแรงมากจนผมชั่งใจจะออกไปถ่ายรุปดีมั้ย แต่มาไกลขนาดนี้แล้วกว่าจะได้มาตัดสินใจลุกออกจากเต๊นท์แบกขาตั้งกล้องไป เดินไปคนเดียวย้อนกลับไปทางภูเขาก่อนถึงจุดกางเต๊นท์ ลมแรงไม่มีที่ให้หลบเลยครับขาตั้งกล้องของผมความสามารถไม่พอในการต้านลมฮ่าๆ ภาพจึงเบลอหน่อยนะครับ

ถ่ายรุปเสร็จผมเดินกลับมาให้ลูกหาบต้มน้ำเพื่อกินมาม่าเหมือนเดิมมันเป็นอาหารที่ง่ายสุดสำหรับผมที่มาคนเดียว เช้านี้ผมรีบกิน รีบเก็บของเพื่อเดินกลับหมู่บ้านไม่ร้อนเกินไป หลังจากนี้เป็นรุประหว่างทางเดินกลับนะครับ


ลงมาถึงหมู่บ้านจัดการจ่ายค่าลูกหาบแวะทานข้าว แล้วผมก็ไปต่อที่น้ำตกจีอกกะดิ่งกลับกลุ่มเพื่อนใหม่ ที่นี้ผมมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ชินกับความเย็นของน้ำที่นี้สักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกันครับลงไปดำน้ำ 1 รอบ เลิกเดินไปตากแดดบนก้อนหินเลยครับ

ออกจากน้ำตกแวะที่ทการอุทยานทองผาภูมิ เพื่อรับประกาศนียบัตร แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าวันนี้ไม่มีขึ้นมาส่งต้องให้ทางผมไปรับเองที่ทำการอุทยานตรงเขาเย็นซึ่งอยู่ตรงข้ามแพริมเขื่อน ก่อนถึงเขื่อนวิชราลงกรณ์

เป็นอันจบทริป แล้วผมจะกลับมาใหม่ช่วงปลายฝน



ขอบคุณ #วี ผู้นำทางแถมเป็นคนบ้านเดียวกันอีก

ขอบคุณ #หลี ที่ช่วยถ่ายภาพพี่และยังแบ่งน้ำให้

ขอบคุณ #น้องเดียร์ ผู้คอยสไลดเกลี่ยดินหญ้า ให้พี่

ขอบคุณ #น้องเมย์ ผู้เป็นดั่งเสียงตามสายตลอดทาง

ขอบคุณ #น้องฝน พลขับช่วยเพื่อนๆ

ขอบคุณ #น้องกิฟ ผู้สร้างเสียงหัวเราะตลอดทริป

ขอบคุณ #บูและแฟน ที่มาร่วมสนุกด้วยกันและดูทั้งคู่เป็นคนรักธรรมชาติมาก

ขอบคุณ #พี่รุจ เจ้าหน้าที่ผู้เสียสละถึงแม้หน้าแดงตลอด


Weerapoch Sanpram

 วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 01.40 น.

ความคิดเห็น