เชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่ไม่ว่าจะกลับมากี่ครั้งก็เป็นจังหวัดที่ทำให้เราหลงรักได้ทุกๆครั้ง ไม่ว่าจะเป็นผู้คน บ้านเรือน รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าก่อนหน้านี้เราไม่เคยเที่ยวในตัวเมืองเลย!! ไปทุกครั้งเข้าป่าขึ้นดอยตลอด แต่ทริปนี้พิเศษกว่าทุกทริป เพราะเราจะไปไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ขับรถ 30นาทีก็ถึงแล้วว ตามมากันเลยยย


ถ้าพูดถึงสตรอเบอร์รี่ก็ต้องสะเมิง ถ้าพูดถึงพญาเสือโคร่งหลายๆคนคงนึกถึงขุนวาง ถ้าพูดถึงทะเลหมอกก็คงต้องนึกถึงการขึ้นดอยต่างๆที่อยู่ไกลออกไป ถ้าพูดถึงกิจกรรมแอดเวนเจอร์ต่างๆก็คงนึกไม่ออกเพราะมีให้เลือกเยอะแยะเต็มไปหมด แต่มีอยู่ที่หนึ่งในเชียงใหม่ที่เราจะสามารถเก็บทุกอย่างที่ว่ามาได้หมดโดยที่ไม่ต้องไปหลายๆที่ให้เหนื่อย แถมอยู่ใกล้แค่แม่ริมนี้เองง


บ้านปงไคร้ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในพื้นที่ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่มีกิจกรรมต่างๆให้ทำมากมาย เรียกได้ว่า ทริป 2 วัน 1 คืน สำหรับเรามันไม่พอจริงๆ นอกจากจะมีกิจกรรมให้ทำมากมายแล้ว ที่นี่ยังมีอากาศเย็นตลอดทั้งปีด้วย เราไปช่วงต้นกุมภาที่ผ่านมา ช่วงกลางคืนอุณหภูมิอยู่ที่ 10 ต้นๆ เท่านั้น หนาวมากกก ต้องก่อไฟผิงกันเลย

หลังจากเก็บของเข้าที่พักแล้ว เราก็มาประเดิมกิจกรรมแรกเลย คือขับ ATV ขึ้นดอย

เส้นนี้จะยังซอฟๆ ไม่โหดมาก ขับชิลๆ ชมวิวสวยๆ อากาศเย็นสบาย เป็นอะไรที่ฟินนมากกก

ขับขึ้นดอยมาสักพักจะเจอวัดปงไคร้ พระธาตุศรีชลกร เป็นวัดที่สวยมากกกกกก ตอนนี้ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์นะคะ

พระธาตุศรีชลกร สร้างอยู่ตรงเชิงเขา ลดหลั่นลงไปเรื่อยๆ ตอนกลางคืนเปิดไฟยิ่งสวย มองเห็นวัดจากที่พักที่เราพักได้เลย

หลังจากนั้นก็ขับ ATV ขึ้นจุดชมวิวกันต่อ แล้วเราก็เจอแนวต้นพญาเสือโคร่ง สีชมพูหวานแหววปกคลุมไปทั่ว

สวยมากกก เราเพิ่งรู้ว่าที่นี่มีด้วย ปกติคือต้องขับรถขึ้นไปขุนวาง ไม่ก็ขุนช่างเคี่ยน แต่ตอนนี้รู้แหล่งใหม่ละ Unseen มากกก

ต่อจากจุดชมวิวเรากลับลงมาที่หมู่บ้าน มาเจอกลุ่มคุณป้ากำลังประดิษฐ์ดอกไม้จากดินไทย เป็นสินค้า OTOP ของที่นี่

ไหนๆก็มาดูแล้ว เลยขอคุณป้าลองทำกล้วยไม้ซะหน่อยย

ตัวอย่างงานดอกไม้สวยๆ

ขั้นตอนแรกหลังจากผสมสีดินไปแล้ว เราก็จะเอามาเข้าเครื่องรีดเพื่อทำให้เป็นแผ่นบางๆ

กดเข้ากับพิมพ์เพื่อสร้าลวดลายบนกลีบดอก

จะได้ลายแบบนี้เลย

แล้วก็ใส่ก้านทิ้งไว้สักพก

จากนั้นก็เอามาประกอบร่าง โดยใช้กาวลาเท็กและกาวร้อน ขั้นตอนดูเหมือนจะง่ายนะ แต่เอาจริงๆเราว่ายาก 5555


งมกันอยู่นานก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ววว

ทาดาาา เสร็จแล้ววว กล้วยไม้ดินไทยดอกแรกของเรา สวยใช่มั้ย อิอิ

หลังจากประดิษฐ์กล้วยไม้กันคนละดอกแล้วก็มาต่อกันที่แลปของกลุ่มอนุรักษ์กล้วยไม้ฟ้ามุ่ย บ้านปงไคร้

เพื่อมารับต้นกล้วยไม้ฟ้ามุ่ยไปปลูกในป่า


กล้วยไม้ฟ้ามุ่ย เป็นกล้วยไม้ประจำท้องถิ่น ขึ้นในป่าดิบชื้นที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลอย่างน้อย 1,000 เมตร

ไกด์ตัวน้อยประจำทริปเราวันนี้

แล้วก็เข้าป่าหาจุดเหมาะสำหรับกล้วยไม้น้อยๆของพวกเรา ทางมาที่บอกเลยว่ามันโหดมากกกก ต้องเป็นรถ 4WD เท่านั่น

เสร็จสิ้นภารกิจปลูกล้วยไม้ก็เตรียมขึ้นชมพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิวกันต่อ

ระว่างทางมีฐานซิปไลน์ให้เห็นเรื่อยๆ ระยะทางแต่ละฐานค่อนข้างยาว มีมากถึง 30 ฐาน

พอขึ้นมาถึงพระอาทิตย์ก็เตรียบลับขอบฟ้าไปแล้ว บรรยากาศดีมากๆ สามารถมองเห็นยอดดอยต่างๆในเชียงใหม่ได้หลายที่ เช่น ดอยหลวงเชียงดาว ดอยอินทนนท์ ฯลฯ แต่แอบกระซิบนิดนึงว่าจุดชมวิวจุดนี้ไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาเองนะคะ เพราะทางค่อนข้างชัน อันตราย และรถวิ่งได้ทางเดียว ถ้าต้องการขึ้นจุดชมวิว เล่นซิปไลน์หรือขับ ATV ให้ติดต่อ กังหันบ้านดอยโฮมสเตย์ ค่าา

หลังจากชมพระอาทิตย์ตกจนหนำใจแล้วก็กลับเข้าที่พัก ตอนนี้กระเพาะน้อยๆมันเรียกร้องหาอาหารมากกกก

ที่พักของเราคืนนี้ กังหันบ้านดอยโฮมสเตย์

มื้อเย็นวันนี้ อร่อย และอิ่มมากกกกก

หลังจากท้องอิ่มแล้วก็มีการแสดงน่ารักๆ จากเด็กๆในหมู่บ้านให้ชมด้วยค่ะ

ที่นี่ยิ่งดึกอากาศจะยิ่งเย็นลงเรื่อยๆนะคะ ตอนที่เราไปน่าจะสักสิบองศาต้นๆ ฮีทเทคเอาไม่อยู่ ต้องผิงไฟอย่างเดียวค่ะ

ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่เห็นทางช้างเผือกพอดี ขึ้นไปถ่ายรูปตรงพระธาตุได้ค่ะ

ปกติตรงนี้จะเปิดสปอร์ทไลท์ไว้ตลอด แต่ไปขอหลวงพ่อปิดได้ค่าา รูปนี้ถ่ายวันที่ 5 ก.พ. 60 ประมาณตี 5 ค่ะ


เช้าวันต่อมาเราไปทำบุญกันที่วัดปงไคร้ อากาศยังอยู่ที่สิบต้นๆเหมือนเดิม หนาวสุดๆ ><

เช้านี้เราขึ้นมาลุ้นที่จุดชมวิวบ้านปงไคร้อีกครั้ง ว่าจะเกิดทะเลหมอกมั้ย คำตอบคือไม่ค่ะ 555 ไว้คราวหน้ามาแก้ตัวใหม่เนอะ

กลับจากจุดชมวิวเราจะมาชิมสตรอเบอร์รี่สดๆจากต้นที่ บ้านสวนกลางดอย มาถึงเค้าเปิดน้ำพอดี ได้ภาพอย่างที่เห็นฮะ

ยอมเปียกเพื่อความฟุ้งง

มุมนั่งชิลข้างๆแปลงสตรอเบอรี่

สตรอเบอร์รี่ที่นี่ปลอดสารพิษ เก็บกินได้เลย เจ้าของใจดีมาก สตรอเบอร์รี่ก็หวานมากเช่นกัน

ข้างๆบ้านสวนกลางดอยจะมีแปลงดอกเบญจมาศอยู่ เข้าไปถ่ายรูปกันได้น้าา

หลังจากถ่ายรูปกันจนเหนื่อยก็กลับมาเติมอาหารให้กระเพาะน้อยๆกันอีกครั้ง อิ่มมาก และอร่อยมากเหมือนเดิม

กินอิ่มแล้วก็มาขับ ATV เล่นต่ออีกพักนึง

อีกหนึ่งกิจกรรมมันส์ๆที่อยู่ใกล้ๆกับที่พักเรานั่นคือ Pongyang Zipline & Jungle Coaster

วันนี้เราเล่นกันแค่ Jungle Coaster เพราะเวลาไม่พอแล้วว สนุกมากก หวาดเสียวนิดๆ นะนำนั่งคนเดียวสบายกว่า

เล่นจังเกิ้ลโคสเตอร์จนหมดแรงเลยมานั่งชิลต่อที่ Pongyeang Berry-Windy Hill กาแฟที่นี่เด็ดมากกก

นอกจากกาแฟจะอร่อย ที่นี่ยังมีมุมถ่ายรูปชิคๆอีกด้วย

ที่นี่มีสตรอเบอร์รี่ขายด้วยนะคะ เก็บสดจากไร่ พันธ์พระราชทาน 80 ไซส์จัมโบ้ กิโลละ 180 บาทเท่านั้น!!

ก่อนกลับขออวดที่พักหน่อยยยย "กังหันบ้านดอยโฮมสเตย์" ที่พักน่ารัก เจ้าของใจดี (มากกกก) ห้องน่ารัก ราคาไม่แพง

ในบ้านกังหัน ซิกเนเจอร์ของที่นี่ ตกแต่งน่ารักอบอุ่นมากๆ ใครที่กลัวหนาวมีเครื่องทำน้ำอุ่นทุกหลังค่ะ

ชั้นบนจะมีกระจกบานใหญ่ กลางคืนนอนดูดาวจากบนเตียงได้เลยยยย


ก่อนจะลากันไปมาดูวิธีจองที่พักกันก่อน เราใช้ Local Pillow ในการจอง เพราะทั้งง่ายและสะดวกสุดๆ มาดูวิธีการจองกัน

เข้ามาหน้าแรกจะเห็นหน้าเว็ปหน้าตาแบบนี้

ใส่ชื่อจังหวัดเป้าหมายของเราลงไป


จะเห็นที่พักขึ้นมาให้เลือกมากมาย ทริปนี้เราเลือกพักที่ กังหันบ้านดอยโฮมสเตย์

ต้องการห้องพักแบบไหน จำนวนเท่าไหร่ก็ใส่ข้อมูลในหน้านี้ได้เลยย

อย่าลืมใส่ข้อมูลการติดต่อของเราลงไปด้วยนะ จากนั้นก็กดบันทึกแล้วไปหน้าชำระเงินกันได้เลย


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามจนจบกระทู้นะคะ

ใครอยากตามรอยเที่ยวบ้านปงไคร้แบบเราลองสอบถามไปทาง

FB : กังหันบ้านดอยโฮมสเตย์ โทร 087-6566263 , 089-7010817

โปรแกรมต่างๆสามารถติดต่อผ่านพี่จุกเจ้าของที่พักได้เลย สะดวกมากกกกกกกก

อ่านรีวิวอื่นๆได้ที่ Facebook : IPZPEAR




ความคิดเห็น