ทริปแม่ฮ่องสอน ทริปนี้ผมได้เดินทางเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา เป็นทริป 4 วัน 3 คืน โดยเริ่มต้นการเดินทางจากเชียงใหม่ครับ เดินทางโดยการเช่ารถยนต์ โดยผมได้วางแผนการเดินทางเอาไว้ว่าจะขับรถเป็นวงกลมจากตัวเมืองเชียงใหม่ ลงมาทางทิศใต้ตามทางหลวงหมายเลข 108 ผ่าน อ.ฮอด จังหวัดเชียงใหม่ อ.แม่สะเรียง ถึง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เส้นทางนี้มีโค้งจำนวน 1,864 โค้ง ส่วนขากลับจะกลับอีกเส้นทางนึง คือ ทางหลวงหมายเลข 1095 ผ่าน อ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 107 เพื่อเข้าตัวเมืองเชียงใหม่อีกที เส้นทางนี้มีโค้ง 2,224 โค้ง รวมการเดินทางทั้งหมดมากกว่า 4,088 โค้งครับ
วันแรก เชียงใหม่ - กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ - สวนสนบ่อแก้ว - ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ - แม่ฮ่องสอน
เนื่องจากมีแผนว่าจะไปแวะดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ชุดชมวิวกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ ดังนั้นจึงต้องออกจากที่พัก ในตัวเมืองเชียงใหม่เวลา 03.45 น. โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 และเลี้ยวขวาขึ้นดอยอินทนนท์ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1009 ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะถึงจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน
ที่กิ่วแม่ปานเช้านี้ อากาศค่อนข้างหนาวครับ อุณภูมิ 6 องศาเซลเซียส มาถึงก็ต้องหาอะไรร้อนๆ ทาน ก็ต้องโจ้กร้อนๆ ในภาพนี่แหละครับ เสร็จแล้วแสงเช้าก็เริ่มมา เราก็ไปหาที่ถ่ายภาพครับ
ภาพนี้ผมถ่ายจากลานจอดรถอีกฝั่งนึง ของกิ่วแม่ปาน ในภาพจะเห็นยอดของพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริอยู่ด้วย
จากรูปที่แล้ว เดินไปข้างหน้าอีกนิดนึง แล้วลองซูมไปไกลๆ จะเห็นทะเลหมอกครับ
เสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่ชุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ภาพนี้ถ่ายตอนพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น เป็นแสงทไวไลท์สีสันสวยดีครับ หลังจากนั้นเราก็เดินทางกันต่อครับ จุดหมายปลายทางถัดไปคือสวนสนบ่อแก้ว โดยต้องเดินทางลงจากดอยอินทนนท์โดยใช้เส้นทางเดิมครับ คือทางหลวงหมายเลข 1009 แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 108 ขับตรงไปแล้วไปเลี้ยวขวาที่ อ.ฮอด ผ่านอุทยานแห่งชาติออบหลวง ซึ่งทริปนี้เราไม่ได้แวะครับ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงสวนสนบ่อแก้วอยู่ทางซ้ายมือครับ
วันที่เรามาเป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่มีวันหยุดยาว 3 วันครับ คนอาจจะเยอะไปสักหน่อย เดินเข้าไปข้างในคนจะน้อยลงหน่อยครับ
เก็บภาพความสวยงามป่าสน ที่ปลูกเป็นแถวเรียงรายกันงดงาม ของที่ซึ่งได้ชื่อว่าเกาะนามิ เมืองไทยครับ เสร็จแล้วก็ออกเดินทางกันต่อครับ จุดหมายปลายทางอีกค่อนข้างไกล จุดหมายต่อไปคือทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ ซึ่งจะบานเต็มที่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี แต่เรามาครั้งนี้เดือนธันวาคมแล้ว ก็เลยต้องลุ้นว่ามีเหลือบานอยู่บ้างมั้ย ระหว่างทางเราแวะทานส้มตำข้างทางครับ เส้นทางที่ไปทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ ต้องเลี้ยวขวาที่ อ.ขุนยวม ไปตามทางหลวงหมายเลข 1263 ขับมาสักพักนึงก็เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 4009 ซึ่งเป็นถนนค่อนข้างแคบ เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว กว่าจะถึงก็ 4 โมงเย็นแล้วครับ
ก็ยังมีบานอยู่บ้างครับ ก็ถือว่าไม่เสียเที่ยวที่มา มีนักท่องเที่ยวมาชมความงามของทุ่งดอกบัวตองอยู่พอสมควรครับ ดูจากจำนวนรถยนต์ในภาพ ถ่ายภาพที่นี่จนถึง 5 โมงเย็น ก็ต้องเดินทางไปยังตัวเมืองแม่ฮ่องสอน โดยขับย้อนไปเส้นทางเดิม แล้วไปเลี้ยวขวา ที่ อ.ขุนยวม ด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยว ค่ำแล้วเลยใช้ความเร็วไม่ได้มาก เลยมาถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ทุ่มกว่าๆ ก็ไปเดินถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน ซึ่งตรงนั้นมีวัดจองกลางด้วยครับ
วางแผนไว้ว่ามาแม่ฮ่องสอน ต้องมาถ่ายมุมนี้ให้ได้ครับ แต่มาถึงค่ำไปนิดนึง เลยไม่ได้ท้องฟ้าสีน้ำเงิน แต่ก็พอใจในระดับนึงแล้วครับ
หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการขับรถมาทั้งวันตั้งแต่ก่อนตี 4 จนถึง 1 ทุ่ม ผ่านโค้งมามากกว่า 1,864 โค้ง ก็หาของกิน แล้วก็เข้าที่พัก คืนนี้พักที่โรงแรมพานอราม่า ครับ
วันที่สอง แม่ฮ่องสอน พระธาตุดอยกองมู สะพานซูตองเป้ บ้านรักไทย และปางอุ๋ง
วันนี้ไม่ต้องเดินทางไกลมากครับ ตื่นเช้ามาขึ้นไปนมัสการเจดีย์พระธาตุดอยกองมู ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักขับรถประมาณ 15 นาทีก็ถึงครับ
วัดพระธาตุดอยกองมูจะอยู่บนดอยขึ้นมาครับ ขึ้นมาบนนี้จะเห็นวิวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจน
จากนั้นก็เดินทางไปสะพานซูตองเป้ครับ อยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง
วันนั้นหมอกค่อนข้างเยอะครับ มีพระบิณฑบาตรตอนเช้าด้วย ข้างๆสะพานมีแต่ซากฟางข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้ว เสร็จแล้วก็เดินทางกันต่อ จุดหมายถัดไปคือบ้านรักเมืองไทย
ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชั่วโมงครับ มาถึงที่นี่ประมาณเที่ยง ระหว่างทางโค้ง และทางชันเป็นช่วงๆ ที่นี่อากาศดีมากครับ มาที่นี่ต้องลองชิมอาหารจีนยูนนานครับ
รสชาติอาจจะจืดไปสักนิดนึง สำหรับคนที่ชอบอาหารรสจัด แต่ก็อร่อยครับ
หลังจากอิ่มกันแล้ว ก็เดินขึ้นมาชมความสวยงามของ ลีไวน์รักไทยรีสอร์ท ซึ่งเป็นลักษณะบ้านดินอยู่ท่ามกลางไร่ชา เสร็จแล้วเราก็เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางของวันนี้คือปางอุ๋งครับ
เรามาถึงโฮมสเตย์ของหมู่บ้านรวมไทย ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันกับปางอุ๋งครับ เรานอนกันที่ลุงขิ่นโฮมสเตย์ในภาพ นอนได้หลังละ 2-3 คนครับ ค่าที่พักคืนละ 400 บาท เป็นอีก 1 ทางเลือกสำหรับใครที่ไม่ชอบนอนเต้นท์ นอนโฮมสเตย์ที่นี่ ต้องนำเอาผ้าเช็ดตัวมาเองนะครับ ทางโฮมสเตย์ไม่มีให้
อากาศที่นี่ค่อนข้างหนาวเย็นครับ ระหว่างทางที่เดินไปอ่างเก็บน้ำ ก็จะมีชาวเขามาขายของกิน ของกินที่นิยมกันก็คือไข่ปิ้ง หัวมันเผา ข้าวโพดเผา ไก่ยาง โจ้ก กาแฟร้อนๆ อะไรประมาณนี้ครับ
จากโฮมสเตย์เราเดินมาประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงบริเวณอ่างเก็บน้ำ มีนักท่องเที่ยวเยอะสมควรเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว และอากาศเริ่มหนาวแล้ว
และแล้วเราก็มาเจอเจ้าถิ่น หงษ์ดำ คู่นึง ตัวนี้ไม่ค่อยจะกลัวคนเท่าไหร่ มาเดินอยู่ใกล้ๆ นักท่องเที่ยว
เก็บภาพยามค่ำคืนไว้นิดหน่อยครับ ที่นี่มีไฟฟ้าแล้วนะครับ
ตื่นเช้ามาเก็บภาพ เช้าวันนั้นอุณภูมิประมาณ 15 องศาครับ เราก็จะเห็นไอน้ำลอยอยู่เหนือน้ำพอสมควร อากาศยิ่งหนาว จะยิ่งมีไอน้ำเยอะครับ
พอแสงเริ่มมาก็จะเห็นลำแสงที่กระทบกับไอน้ำ สวยงามมาก ผมถ่ายภาพอยู่ตรงนี่ค่อนข้างนาน โดยหวังว่าจะมีหงษ์ขาว ว่ายน้ำผ่านมาทางนี้
ผมรออยู่พักใหญ่ จนเกือบจะเดินไปถ่ายภาพมุมอื่นแล้ว และแล้วหงษ์ขาว ก็ว่ายน้ำผ่านมาทางนี้พอดีครับ ได้ภาพที่คิดไว้สมใจแล้วครับ ได้ภาพแล้วเราต้องรีบเดินทางกันต่อครับ
วันที่สาม ปางอุ๋ง ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ปาย
เราออกเดินทางจากปางอุ๋ง ประมาณ 10.30 น. กะว่าจะไปทานมื้อเที่ยงกันที่ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาครับ
ขับรถมาประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็มาแวะพักรถ พักคนกันที่นี่ครับ จุดชมวิวบ้านลุกข้ามหลาม
แวะเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้ว กินกาแฟเย็นๆ สักแก้ว นั่งชมวิวสักแป๊บนึง ก็เดินทางกันต่อครับ
ถึงแล้วครับ ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ขับรถเข้ามาจากถนนใหญ่ไม่ไกลมากครับ เรามาถึงที่นี่ประมาณ บ่ายโมง คนค่อนข้างเยอะครับ ตรงนี้ตอนเช้าจะมีทะเลหมอกที่สวยงามมากครับ เสียดายไม่ได้มาตอนเช้า กินเสร็จเราก็เดินทางกันต่อจุดหมายปลายทางคือ ปายครับ
มาถึงปายประมาณ 5 โมงเย็นแล้วครับ แวะที่นี่ครับ ร้านกาแฟ Coffee in love วันนั้นเราดืมนมร้อนครับ เนื่องจากเย็นแล้ว ถ้ากาแฟสงสัยคืนนี้จะไม่ได้นอน ^_^ เสร็จแล้วก็เข้าที่พักครับ
เราพักกันที่นี่ครับ โรงแรม B2 Pai Premier เป็นโรงแรมค่อนข้างยังใหม่อยู่ครับ
ตอนค่ำก็มาเดินถนนคนเดินปาย ช้อปปิ้งกันนิดหน่อยครับ อากาศเย็นสบายมากครับ
วันที่สี่ ห้วยน้ำดัง เชียงใหม่
วันนี้เราจะไปปิดทริปกันที่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง โดยออกจากโรงแรมประมาณ ตี 5 ครับ เพื่อจะไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น
เป็นเช้าที่ลมแรงมากครับ เลยไม่ค่อยจะเห็นทะเลหมอกสักเท่าไหร่ และเหมือนมีทีท่าว่าฝนจะตก แต่ก็ไม่ตกครับ ได้วิวพระอาทิตย์ขึ้น มีเมฆเป็นริ้วๆ สวยงามไปอีกแบบครับ
เอาตัวเองกับคนรู้ใจ ที่ไปไหนก็ไปด้วยกัน ไปอยู่ในภาพวิวสวยๆ สักรูปครับ ^_^
หลังจากนั้นเรากลับไปนอนพักที่โรงแรมที่ปายอีกครั้ง และก็ไม่ได้ไปไหนต่อครับ จริงๆ ที่ปายยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายที่ ที่ยังไม่เคยไป แต่เราก็เดินทางไปเชียงใหม่เลยครับ ที่เหลือค่อยไว้ทริปหน้า ^_^ อาจจะได้ด้วยเวลาจำกัดเลยไม่ได้แวะสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของแม่ฮ่องสอนหลายที่เลยครับ แต่ก็พอใจแล้วกับทริปนี้ จบทริปพิชิต 4,088 โค้ง เพียงเท่านี้ หวังว่าประสบการณ์การท่องเที่ยวในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่รักการท่องเที่ยว ไม่มากก็น้อยครับ
เรานอนพักที่เชียงใหม่ 1 คืนก่อนจะเดินทางกลับในรุ่งเช้า เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ สวัสดีครับ
Krisda Suwankarn
วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.55 น.