3 วัน 2 คืน กับงบไม่ถึง 6 พันบาท

การเดินทาง

การเดินทางไปเที่ยว จังหวัด ตราด ก็ไม่ยาก มีด้วยกันหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น เดินทางโดย เครื่องบิน , รถตู้ , รถบัส หรือรถส่วนตัว ก็ตาม ...

ส่วนการเดินทางกับทริปเราครั้งนี้ เราใช้บริการ บ.บุญศิริ (ช่องทางไปจอง +ข้อมูล http://www.boonsiriferry.com/) ในราคา ขาไป 750 บาท ราคานี้เหมารวม ค่ารถบัส พร้อมเรือ เรียบร้อยแล้ว ...

VDO Trip :


วันแรกของการเดินทาง

เราต้องตื่นตั้งแต่ ตี 4 เพื่อมุ่งหน้าไป ถนนข้าวสาร ให้ทันรถออก ตอนตี 5 รถบัสออกตรงเวลา พอตี 5 ก็ Start ออกจากจุดเริ่มต้น มุ่งสู่ จ.ตราด ระหว่างนั้น เราก็นอนพักเอาแรง รถขับไปได้สักระยะ ก็เกิดหม้อน้ำแตกกลางทาง เราและนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ นั่งรอกันที่ ศาลาข้างทาง เพื่อรอรถตู้มารับไปท่าเรือแทน รอไปสักพักก็มีรถตู้ที่รับนักท่องเที่ยวไปส่งเกาะกูด มาจอดและ รับนักท่องเที่ยว ขึ้นรถไปได้ แค่ไม่กี่คน ส่วนพวกเราที่เหลือก็คงต้องนั่งรอต่อไป จนชั่วโมง กว่า ๆ ถึงจะมีรถบัส คันใหม่มารับพวกเรา หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยัง ร้านขายของที่ระลึกแห่งหนึ่ง ใกล้ ๆ กับท่าเรือ เพื่อให้พวกเราได้ จัดการ เช็คตั๋ว และรับ Sticker ว่าจะลงที่เกาะไหน แต่ละเกาะ Sticker ก็จะสีแตกต่างกัน เสร็จแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ก็แจก กาแฟ และขนมปังให้เรา กินลองท้อง ขณะที่รอรถ มารับไปยังท่าเรือแหลมงอบ ....

เมื่อรถมาจอดรับพวกเราไปยังท่าเรือ ใช้เวลาจากจุดแวะพัก ประมาณ 15 นาที เราก็มาถึง ณ ท่าเรือ แหลมงอบ ท่าเรือ สำหรับ รับ-ส่งนักท่องเที่ยว ไปยัง เกาะกูด เกาะช้าง เกาะหวาย และเกาะหมาก นั่นเอง เรายืนรอไม่นาน สักพัก ก็มีเรือสปีดโบ๊ท ชื่อ เกาะหมาก มาจอดเทียบท่า และ ขนสัมภาระ พวกเราลงเรือ และเรียกเก็บตั๋วจากพวกเรา จากนั้น เราก็ลงเรือ มุ่งหน้าไปยังจุดหมายกันทันที จุดแรกที่เรือจอด คือ เกาะกูด นักท่องเที่ยว จำนวน 21 คนที่นั่งมาด้วยกัน ก็ทยอยกันลง (ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ) เสร็จแล้วก็แล่นเรือออกไปยัง เกาะหมาก จุดหมายต่อไป ส่วนในเรือ เหลือกันอยู่ ประมาณ 8 คน และเป็นคนไทยทั้งหมด (ในความคิดเราเกาะหมากคงยังไม่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติสักเท่าไหร่ สังเกตได้จาก ตอนเรียกลงเรือ มีแต่ คนไปเกาะกูด เกาะช้าง กันซะส่วนใหญ่) เราใช้เวลา จากท่าเรือเเหลมงอบ มายัง ท่าเทียบเรือเกาะหมาก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง กว่า ๆ เราก็มาถึงจุดหมาย ประมาณ บ่าย 2 โมง กว่า ๆ รอรถจากโรงแรมมารับ ...


ทริปนี้เราจองที่พัก ชื่ Sea Breeze @ Koh Mak 2 คืน ในราคา 4,978 บาท ราคานี้รวมอาหารเช้าด้วย

ส่วนบรรยากาศของรีสอร์ท นี่เหมาะสำหรับพักผ่อนกันแบบครอบครัว คู่รัก เพราะทั้ง เงียบ และสงบ อยู่ห่างไกลจาก Beach นิดหน่อย มีสระว่ายน้ำ ขนาดใหญ่ แบบ Full View เวลาเราว่ายน้ำก็แบบ มองดูวิวทะเล และพระอาทิตย์ตกดินได้พร้อม ๆ กันเลย นอกจากนั้น ยังมีร้านอาหารให้บริการ เปิดตั้งแต่เช้า ปิดเวลา 2 ทุ่ม และยังมีบริการเช่ามอไซต์ ไว้สำหรับ ขับชมรอบเกาะ มีแพ็คเก็จแบบ One day trip ให้เลือก มีบริการจองเรือกลับไปยังท่าเรือแหลมงอบ ด้วย หลังจากที่เรา Check in เรียบร้อยก็จัดแจง เก็บกระเป๋า หาอะไรรองท้อง และเดินสำรวจรีสอร์ท พอตกเย็น ก็เปลี่ยน เสื้อผ้า ออกมาว่ายน้ำ นั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน :D หมดไปแล้ว 1 วันของการเดินทาง



วันที่ 2 ของการเดินทาง

เช้านี้เราตื่นแต่เช้า ตั้งใจว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาดหน้า แต่พอเปิดผ้าม่านที่ห้องตัวเองเท่านั้นแหละ ถึงกลับล้มตัวลงนอนต่อเลย พระอาทิตย์ขึ้นอยู่ตรงหน้าเลย ฟินไปอีก

หลังจากนอนดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้ว เราก็อาบน้ำแต่งตัว ไปทานอาหารเช้าที่มีบริการฟรี ตั้งแต่ 07.00-10.00 น. ทานอะไรเสร็จเราก็แพลนว่าจะไปดำน้ำรอบๆ เกาะแล้วจะเช่ามอไซต์เที่ยวชมเกาะต่อตอนเย็น แต่พอสอบถาม One day trip จากทางที่พัก ปรากฎว่า One day trip ที่จะพาไปดำน้ำ ตรงเกาะรัง จะกลับมาเกาะหมาก ช่วงเวลา 16.00 น. คือเราก็มองว่ามันเย็นไปคงไม่มีเวลา ขับมอไซต์เที่ยวรอบเกาะเเน่ ๆ เลยตัดสินค้าไม่ไปดำน้ำ เปลี่ยนเป็นเช่ามอไซต์แทน ค่าเช่าตกวันละ 300 บาท แต่ถ้าเช่า 2 วัน เขาคิด 500 บาท แต่เราเช่าแค่ 1 วัน เพราะพรุ่งนี้เราต้องกลับไปท่าเรือแหลมงอบ รอบ 12.30 น. เราได้ซื้อตั๋วเรือกลับจากที่พักไว้ ในราคา 450 บาท ของเรือ สวนสุขโบ๊ท ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว


เช่ามอไซต์เสร็จก็สตาร์ทออกจากที่พักตอน 11.00 น. ขับมุ่งหน้าเพื่อที่จะไป อ่าวขาว เพราะจากที่อ่านรีวิวมา เขาว่า อ่าวนี้น้ำใส และสวยสุด แต่เนื่องจากยังไม่ชินทาง และที่เกาะหมากมี หลายอ่าว มาก ตามแผนที่แนบ(เอามาจากGoogle)

เนื่องจากเราไม่ชินทางและไม่รู้ต้องไปทางไหน แต่ละที่ก็ไกลกันมาก บ้านคนก็ไม่ค่อยมี เลยขับไปมั่ว ๆ ที่แรกที่เราไปโผล่ก็คือ รีสอร์ท ซินนาม่อนอาร์ตรีสอร์ทแอนด์สปา

และนี่ก็คือ landmark ของรีสอร์ท นั่นคือ "สะพานสู่ฝัน" สะพานไม้ ที่ยาวที่สุดในเกาะหมาก

ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าพักที่รีสอร์ทนี้ แต่เราก็สามารถเข้ามาเยี่ยมชม ถ่ายรูป กันได้นะ แถมน้ำที่หน้ารีสอร์ทนี้ยังใส น่าเล่นอีกต่างหาก


เราเดินเล่น และถ่ายรูป ที่ ซินนาม่อน สักพัก ก็ขับรถต่อไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้ว่าตัวเองขับไปไหน แต่จำได้ว่า ขับเข้าป่า และทางขรุขระมาก ไม่มีรถหรือบ้านคนเลย จำได้ว่าตอนนั้นคิดว่าจะไปต่อ หรือย้อนกลับดี แต่สักพัก ก็มีรถมอไซต์วิ่งสวนออกมาเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน เลยคิดว่าข้างในต้องมีรีสอร์ตหรือวิวสวย ๆ แน่ แล้วมันก็จริง แต่เป็นเหมือนรีสอร์ตที่ยังสร้างไม่เสร็จ เพราะเราไม่เห็นชื่อหรือป้ายที่พักเลย เห็นแต่ พี่สาวคนนึง กำลังอาบน้ำอยู่ เราเลยจอดรถและออกเดินสำรวจ จนไปพบที่ลับ ๆ แห่งนี้ บนเกาะหมาก เราก็ไม่รู้หรอกว่าจะมีคนรู้จักหรือเปล่า แต่เท่าที่เราเดินข้ามต้นไม้ที่มีหนามแหลม ๆ และปีนป่ายหินที่มีลักษณะ คล้าย ๆ หินจากภูเขาไฟ นั่น เราเลยได้มาพบกับ ที่แห่งนี้

มันเป็นที่เงียบและสงบมาก ไม่มีคนเลย เราก็เดินเล่น ซน ๆ ไปเรื่อย ๆ แล้วไปเจอ ภูเขาอีกฝั่งตรงข้ามเกาะ ต้องลอดต้นไม้ที่มีหนามแหลม ๆ ไป แล้วปีนข้ามภูเขาหินอีกที ก็จะได้ วิว สวย ๆ แบบนี้ . . .



กว่าจะปีนขึ้นมาถึงยอดนี้ก็ไม่ใช่เล่นนะ หินแหลมคมมาก แถมร้อนอีกต่างหาก แต่เพราะชาติที่แล้วเราเป็นลิงเลย ต้องซนเป็นธรรมดา แต่มันก็คุ้มค่า กับการได้ปีนขึ้นมา มากเลย ^___^

ขาลง เราเหลือบไปเห็น ตรงหินมีช่องเล็ก ๆ อยู่ สามารถลอดเข้าไปนั่งได้ เลยมุดเข้าไป ดู เลยได้รูปนี้มา


ใช้เวลาอยู่ ที่หาดลับ นี้สักพัก เราก็ขับมอไซต์มุ่งหน้าต่อไป จนในที่สุด ก็เจอสักที อ่าวขาว ตรง โคโค่เคป รีสอร์ท ซึ่งที่นี้ก็ขึ้นชื่ออยู่เหมือนกันในรีวิว ถึงขั้นมีคนรีวิวว่าถ้ามาเกาะหมากต้องมาพักที่นี่ เราก็ลองโทรไปเหมือนกันตอนแรก ที่เต็ม สะก่อน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าพักที่นี่ก็ไม่เป็นไร ได้เข้ามาถ่ายรูป เดินเล่นก็ยังดี

ถึงว่า ทำไม ใคร ๆ ก็บอกว่าต้องมาพักที่นี่ คือ รีสอร์ท สวยมาก ที่พักอยู่ติดกับหาด น้ำใส น่าเล่นมาก แถมมีสนามวอลเล่ย์ อีกต่างหาก

หลังจากเดินสำรวจ รีสอร์ทเสร็จเราก็ไม่รอช้า น้ำใส หาดสวย ซะขนาดนี้ รีบเปลี่ยนชุด เล่นน้ำ ทันที :D


หลังจากเล่นน้ำได้สักพักใหญ่ ๆ เราก็ขับรถออกจาก เกาะหมาก โคโค่เคป เพื่อมุ่งตรงไปยัง บ้านเกาะหมาก เพื่อจะไปดูพระอาทิตย์ตก เพราะจากที่อ่านรีวิวมา เขาบอกว่า ตรงนั้น พระอาทิตย์ตก สวยสุด และต้นมะพร้าว โลโก้ ประจำเกาะ ก็อยู่ แถวนั้นพอดี เราแวะทานข้าวกันที่ บ้านเกาะหมาก หลังจากทานเสร็จก็ออกเดินสำรวจ หาต้นมะพร้าว ซุปตาร์ กันต่อ

นี่ไง เจอแล้ว เจ้าต้นมะพร้าว ซุปตาร์ ประจำเกาะ (ก็บอกแล้ว ชาติที่แล้วเราคงเป็นลิง) :P




พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ที่นี่ สวยจริงๆ



นั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน บนเจ้าต้นมะพร้าว ซุปตาร์ เสร็จแล้ว เราก็เดินกลับไป ตรง บ้านเกาะหมาก เพื่อที่จะไปเอามอไซต์กลับที่พัก เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน ระหว่างเดินกลับ ก็เจอพี่ ๆ กลุ่มนึง มานั่งตรงโขดหิน ดีดกีต้า ร้องเพลง กัน ช่างเข้ากับ บรรยากาศเสียเหลือเกิน เราก็แวะนั่งฟัง จนจบเพลงเลย หลังจากนั้นพี่ ๆ เขาก็ชวนเรามา ฟังดนตรี ที่ Monkey resort งานเริ่มประมาณ 2 ทุ่ม เป็น เพลงแนวเรกเก้ สไตล์ ซึ่งเหมาะกับเรามาก เราก็ตอบ ตกลง เดี๋ยวกลับไปอาบน้ำ แล้วจะมาใหม่

เราออกจากที่พักประมาณ 3 ทุ่ม กว่าๆ มุ่งหน้าไป Monkey resort เราพึ่งมารู้ตอนหลังว่าเขาทำกิจกรรมนี้ ขึ้น เพื่อหาเงิน มาช่วยเหลือ น้อง ๆ บนเกาะ ที่ยากจนและกำพร้า ด้วย


ดนตรีสด มันส์มาก เราออกมา ประมาณ เที่ยงคืน แล้วขับรถกลับไป ที่พัก ซึ่งก็ไกลพอสมควร ถึงห้องก็หลับเป็นตายเลย จ้า ส่วนวันที่ 3 ของการเดินทาง ก็ไม่มีอะไรมาก เราตื่นเกือบ ๆ 9 โมง อาบน้ำ ทานอาหารเช้า แล้วก็นั่ง รอรถมารับไปยัง ท่าเทียบเรือ เพื่อกลับเข้าฝั่งท่าเรือแหลมงอบ เราถึงที่ท่าเรือก็ประมาณ บ่าย ๆ นั่งรถสองแถวเข้าไป บขส. ตราด เพื่อจะกลับเข้า กทม. เราก็ลืมจองตั๋วกลับล่วงหน้า ลืมไปว่า ช่วงนั้นเป็นวันหยุดยาว ปรากฎ รถบัส เต็มทุกคัน ทุกเวลา เราเลยต้องกลับรถตู้ ซึ่งก็มีแค่เวลา 19.10 น. เท่านั้น แต่เราไปถึง บขส. ตอนบ่าย 2 โมง ยังไงก็ต้องจองเพราะที่นั่งเหลือแค่ 4 ที่ ไม่จองก็คงไม่ได้กลับ เลยต้องทำใจ นั่งรอยาวไป เพราะไม่รู้จะไปไหนแล้ว . . .

จำไว้เลยนะคะ ช่วงเทศกาล หรือวันหยุดยาว เราควรจองที่พัก รถ ไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อกันพลาดนะคะ


ช่วงแจงค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทริป

ค่าเรือบุญศิริ + รถบัส จาก กทม. - เกาะหมาก = 750 บาท
ค่าเรือสวนสุข จากเกาะหมาก - แหลมงอบ = 450 บาท
ค่าเช่ามอไซต์ 1 วัน = 300 บาท (หาร 2 /150บาท)
ค่ารถเมย์ ไป บขส. ตราด = 60 บาท
ค่ารถตู้จาก ตราด ไป เอกมัย = 270 บาท
ค่าที่พัก Sea Breeze @Koh mak 2 คืน = 4,978 บาท (หาร 2/2,489 บาท)

เบ็ดเสร็จ รวมที่จ่ายไปทั้งหมดแล้ว ประมาณ 5,xxx บาท


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามทริปของเรานะคะ ยังไงถ้าใครสนใจ Lifestyle การท่องเที่ยวของเรา ก็สามารถติดตามเราได้ที่

Instagram : a.sexy.journey : https://www.instagram.com/a.sexy.journey/


A Sexy Journey

 วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.46 น.

ความคิดเห็น