"เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง"

ทริปสุพรรณบุรี เกิดขึ้นเนื่องจากต้องเดินทางไปงานมงคลของญาติห่างๆ ซึ่งรู้กำหนดการก่อนวันเดินทางเพียงหนึ่งสัปดาห์

ออกเดินทางในเช้าวันเสาร์ประมาณ 9 โมงจากบางนา ผ่านทางพิเศษศรีรัช > เส้นทางสาย302 และ 340 วิ่งไปตามทางเรื่อยๆ จนไปสุดที่เส้นทางสาย3431 จ.สุพรรณบุรี

เพื่อไม่ให้เดินทางมาเสียเที่ยว ก่อนจะเข้าที่พักเราได้แวะสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของที่นี่ก่อน

ที่แรกคือ "วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร" ถ้าเดินทางมาสุพรรณบุรี ไม่ได้แวะมากราบหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ เหมือนมาไม่ถึงเมืองสุพรรณ

"วัดป่าเลไลยก์" เป็นวัดที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุพรรณบุรีที่มีประวัติมายาวนาน มีอายุราวๆ 1,200ปี

หลังจากเข้าไปกราบหลวงพ่อโตแล้วเดินออกมาด้านนอก เพื่อชมภาพเขียนเรื่องราว ขุนช้าง-ขุนแผน รอบๆวิหาร ถึงแม้ในวันเดินทางอากาศจะร้อนอบอ้าว แต่บริเวณรอบๆวิหารลมเย็นสบาย เดินดูภาพเขียน และถ่ายรูปไปเพลินๆ

พลายแก้วแต่งงานกับนางพิม


ขุนช้างแต่งงานกับนางวันทอง


กำเนิดกุมารทองบุตรของนางบัวคลี่


ขุนราม-ขุนเพ็ชร เข้าจับขุนแผนแต่กลับถูกฆ่า


ประหารชีวิตนางวันทอง


พระพุทธรูปนาคปรก


ออกจากวัดป่าเลไลยก์ เดินทางต่อไปบนถนนสาย340 ไปที่ "หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย"(บ้านควาย)

ก่อนเข้าไปข้างในต้องซื้อตั๋วค่าเข้า ผู้ใหญ่ คนละ 30.- บาท ในวันนี้นักท่องเที่ยวน้อยมาก นอกจากเราแล้ว มีนักท่องเที่ยวอีก 2 ครอบครัว ทำให้ในวันนี้ไม่มีการแสดงควาย



เข้ามาแล้วค่อนข้างผิดหวัง ได้ถ่ายรูปควายที่อยู่ในคอก และเดินไปดูบ้านทรงไทยแล้วก็ออกมา เพราะอากาศร้อนมาก ไม่มีการแสดง และไม่มีนักท่องเที่ยว รู้สึกเสียดายเงิน(ไปกัน3คนเสียเงินไป90.-บาท) อยู่ที่นี่ประมาณ 15 นาทีก็ออกเดินทางต่อ


ที่ที่สาม คือ "ตลาดสามชุก" สำหรับคนที่ชอบขนมไทยๆ ผลไม้สดๆจากสวน และอาหารหลากหลายคงจะชอบที่นี่

เดินเล่น ซื้อของกิน เดินกินไปเพลินๆ มาเจอ"ขนมจีบแป้งสดโบราณ" น่าตาดูน่าทาน แถมราคายังไม่แพง สั่งมาชิม1กล่อง 8 ลูก 20.-บาท

ขนมจีบลูกใหญ่เต็มปากเต็มคำ ไส้หมูปรุงรสกลมกล่อมหอมพริกไทย ราดด้วยน้ำซอสเปรี้ยว กินแนมกับผักชี อร่อยถูกใจ



ขนมพื้นบ้าน ที่เห็นขายอยู่หลายร้านอีกอย่างคือ "ข้าวเกรียบงา" ที่ปิ้งกันใหม่ๆร้อนๆ ข้าวเกรียบงาแบบแห้ง ปิ้งบนถ่านที่ถูกกลบด้วยขี้เถ้าให้ไฟเบาๆจนเหลือง นำไปพักไว้บนถาดในร่องเหล็กให้โค้งได้รูป รสชาติหวานมัน


แต่ถ้ามาที่ ตลาดสามชุก ไม่ได้ทานลูกชิ้นยักษ์ เขาว่าเหมือนมาไม่ถึง..

"ลูกชิ้นยักษ์"มีขายหลายร้าน เลือกไม่ถูกว่าจะซื้อร้านไหน บางร้านขึ้นป้ายว่าเป็นเจ้าแรก บางร้านขึ้นป้ายว่าอร่อยที่สุด บางร้านขึ้นป้ายว่าเป็นต้นตำหรับ เลือกไม่ถูกเลย..

เดินมองๆลังเล แล้วก็มาหยุดที่ "ร้าน อิสราลูกชิ้นบิ๊ก" ซึ่งพี่เจ้าของร้าน(คนในรูปโลโก้) ชวนให้ชิมก่อน พอได้ชิมแล้ว น้ำจิ้มของเขาเด็ดจริง ตัดสินใจซื้อร้านนี้แหละ

ลูกชิ้นของร้านนี้เขาทำกันให้เห็นสดๆที่ข้างร้านเลย หม้อต้มลูกชิ้นใบใหญ่ ทำกันใหม่ๆแล้วมาเสียบไม้ปิ้งให้หอม ลูกชิ้นหมูล้วน หอมพริกไทย ทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรของทางร้านซึ่งมี2แบบ แบบแรกทางด้านซ้ายสีแดงๆ รสชาติเผ็ดเปรี้ยว แบบที่2ทางด้านขวาสีน้ำตาล รสชาติหวานนำเผ็ดตามอร่อยมาก



ลูกชิ้นปิ้งมี 3 ราคา ซ้ายสุด ลูกใหญ่ 2 ไม้ 50.- , ตรงกลาง ลูกขนาดกลาง 3 ไม้ 50.- , ขวาสุด ลูกชิ้นบิ๊ก ลูกละ 100.-

ลูกชิ้นบิ๊กลูกใหญ่ เหมาะสำหรับซื้อมาทำยำ (มองจากสายตา คิดว่าซื้อลูกใหญ่คุ้มกว่าซื้อลูกเล็ก)

"กระจับต้ม" ของที่นี่แกะเปลือกสวยงามใส่ถุงขาย ทำให้นึกถึงตอนเด็กๆอยู่กับยาย ยายบอกเขาเรียกว่า
"เขาควาย"ก็เรียกเขาควายมาถึงทุกวันนี้ จะกินทีต้องเอาสากทุบให้เปลือกแตก บางทีเอามีดโต้สับ เละเทะไม่ได้กินดีเป็นชิ้นสวยๆแบบนี้


ก่อนออกจากตลาดสามชุก แวะซื้อมะม่วงสุกตรงทางเข้า โลละ 35.- แม่ค้าบอกว่าเป็นมะม่วงจากสวน ซื้อมา2โล เอากลับไปกินกับข้าวเหนียวมูนที่บ้าน หลังจากกลับมาบ้านแล้วปอกชิม หวาน อร่อย แม่บอกว่าเสียดาย น่าจะซื้อมาเยอะกว่านี้


บ่าย2กว่าๆ ขับรถเข้าเมืองมาที่พัก เลือกพักใกล้ๆโรงแรมที่จัดงาน

"บ้านเคียงคลอง รีสอร์ท" ราคา 1,050.- บาท (รวมเตียงเสริม)

ด้านหน้ามีโต๊ะไม้ ตอนเย็นๆออกมานั่งเล่นได้ ถ้ากลางคืนจะมียุงเยอะหน่อย

พักบ้าน C2 ห้องค่อนข้างใหม่ แต่... แอร์ไม่เย็น, เตียงเสริมเป็นเบาะปูพื้น *ต้องปูเบาะ+ปูผ้าเองด้วย, ห้องน้ำไม่มีราวแขวนผ้า ของใช้ในห้องน้ำมีเพียงสบู่ก้อนจิ๋ว และยาสระผมขวดจิ๋วให้อย่างละ1เท่านั้น

มีตู้เย็นเล็ก เครื่องทำน้ำอุ่น มีกาน้ำร้อน สำหรับชงกาแฟ ตอนมาถึงที่พัก มีแมวมาตายนอนอืดอยู่หลังห้อง(ข้างๆประตูทางเข้าห้อง) เหม็นมากกกก แมลงวันตอมหึ่ง เบาะปูนอนเอามาวางพิงไว้ที่ประตูทางเข้า ต้องช่วยกันยกเข้ามาเอง

อาหารเช้าไม่มีนะคะ และต้องจ่ายค่ามัดจำกุญแจ 200.-บาท ได้คืนหลังจากคืนกุญแจ..

พักที่นี่1คืน เช้าวันอาทิตย์ Checkout ตอน7โมง และออกไปงานมงคล หลังจากนั้นประมาณบ่าย 3 โมงเดินทางกลับกรุงเทพฯ

สำหรับทริปนี้ เป็นทริปที่ใช้คำว่าแวะเที่ยวน่าจะเหมาะกว่า เพราะจริงๆแล้วตั้งใจจะมางานมงคล

จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเมืองเล็กๆ ที่อากาศดี เงียบสงบ รถไม่ติด ถนนโล่งๆ เดินทางสะดวกแบบไม่ต้องอารมณ์เสียกับการจราจรที่ติดขัดเหมือนกับที่อื่นๆ ถ้าหากในวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่รู้จะไปเที่ยวไหน สุพรรณบุรี นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่น่ามาเที่ยวอีกที่หนึ่ง..

OPW's Story

 วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.29 น.

ความคิดเห็น