จะเริ่มยังไงไม่ให้น่าเบื่อดีหล่ะ สวัสดีก่อนเลยแล้วกันครับ ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า นี่เป็นรีวิวของผม ที่เกิดจาก “ฝน" ใช่ครับ ฝนตกลงดินที่กรุงเทพ แต่ทำไมเรากลับคิดถึงกลิ่นไอดินหลังฝนตกที่เชียงใหม่ในช่วงปลายฝนต้นหนาวของปีที่แล้ว ผมนั่งดูรูปเก่าเมื่อปีก่อน แล้วก็คิดถึงเชียงใหม่ เลยเกิดอารณ์ขึ้นมา อารมณ์อยากจะเล่าหน่ะครับ อย่าคิดเป็นอื่น เผื่อมันจะเป็นประโยชน์กับใครที่สนใจจะไปในปีนี้
ป่ะ ไปเที่ยวกันเถอะ...
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๕๕๘ ขึ้น ๒ ค่ำ ...... เดี๋ยวๆ จะละเอียดไปป่ะ รีวิวนะไม่ใช่พงศวดาร !!! เอิ่มมมม .. ผมไปในช่วงปลายฝนต้นหนาว 7-12 พฤศจิยายน 2558 ว่างทริปคร่าวๆ ไว้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง และที่สำคัญเป็นการเดินทางคนเดียวครั้งแรกเลยหล่ะย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน (ภาพเฟดลงเป็นสีซีเปียร)
วันแรกของการเดินทาง 7 พ.ย. 2558
::: การเดินทางเริ่มต้นตั้งแต่หน้าประตู :::
ผมเลือกไปรถไฟตู้นอน เพราะรถทัวร์เคยไปแล้วเบื่อวิวข้างทางที่เคยผ่าน อยากลองมองที่มุมอื่นด้วยรถไฟ ตัดสินอยู่นานเหมือนกันระหว่างรถทัวร์กับรถไฟ เพราะราคาใกล้เคียงกัน แถมมีคนขู่ไว้เรื่องราวมากมายของรถไฟที่ทุกคนรู้กันดี พอถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เมื่อจ่ายค่าตั๋วไป 821 บาทประเทศไทย ...
ต้องขอบคุณเพจ “ทีมนั่งรถไฟ กับนายแฮมมึน" ด้วยนะครับ ผมได้ข้อมูลรถไฟดีๆ ประกอบการตัดสินใจไปเพราะเพจนี้เลย
ออกเดินทางจากกรุงเทพด้วยรถไฟสถานีหัวลำโพงรอบ 22.00 เพราะตื่นมาในตอนเช้าของวันใหม่ เราก็จะได้เจอกับภูเขามาเซไฮที่ช่องหน้าต่างทางด้านซ้ายมือของท่าน ดิ้ง ดิ่ง ดิง ต่อง (โอเปอร์เรเตอร์ก็มาหว่ะ) 55555
มาก่อนเวลาเพื่อมาเดินเล่นถ่ายรูปเนี้ยแหละ หัวลำโพงผมนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแรกที่เรามาถึงด้วยนะ ผมชอบบรรยากาศที่นี่มาก หลากหลายดี มาที่นี่ทีไรรู้สึกหัวใจได้เดินทาง ว่ออออออออ เสี่ยวป่ะหล่ะ 55555 การเดินทางของผมมันเริ่มต้นตั้งแต่ก้าวออกจากห้อง ไอ้ที่ไปซื้อแกงหน้าปากซอยในวันหยุด อันนั้นผมก็นับเป็นการเดินทางนะ อ่ะอ่ะ ยังไงหน่ะหรอ ก็แค่ใส่หูฟังมือกำกระเป๋าตังก้าวออกไป เปิดเพลงชาติ (ถึงตรงนี้ใครนึกถึง ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อเป็นชาติเชื้อไทย ไม่ลุกขึ้นยืนตรงซะด้วยเลยหล่ะ ไม่ใช่ป่ะ!!! ) การเดินทางของฉันและเธอคือการเรียนรู้ การเรียนรู้ของเราสองคนคือมาซือแกง เธอเข้าใจและฉันเข้าใจก็ทำให้เราพะแนงไก่ สี่สิบบาทททททท มันไปด้วยกันได้ว่าไหม 5555555 ไปๆ ไปขึ้นรถรถไฟจะออกแล้ว เสียเวลา ปู้น ปู้น
ตีตั๋วนอน พร้อมขนมที่ตุนมา ผมเลือกนอนเตียงข้างล่างหน้าต่างทั้งบานเป็นของเรา แพงกว่า 100 บาทกับข้างบนที่ไม่มีหน้าต่าง ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่เลือกรถไฟ คือนอนสบายมากกกกกกกกกกก(กอไก่ล้านตัว) ทั้งจังหว่ะการโยกเบาๆ และเสียง กึก กึก กึก ของล้อรถกระทบราง มันช่างเพลินซะจริงๆ ผมเริ่มจะติดใจรถไฟแล้วสิ่ เปิดเพลงใส่หูฟังนอนยาวยาวเลยครับ ฝันดี พรุ้งนี้เจอกัน8 พ.ย. 2558
::: เริ่มต้นวันใหม่กับรถไฟ และการทักทายจากภูเขา :::
เช้าแล้วครับไม่รู้ที่ไหน แหกขี้ตา พร้อมๆกับเปิดหน้าเลนส์
มาแล้วครับภูเขาลูกแรกเขียวชะอมซะจริงๆ (ชะอุ่มป่ะ)
หลังจากโดนภูเขาปลุกให้ตาสว่าง ก็ลุกจากเตียงไปเดินเล่นโบกี้อื่น ตอนแรกคิดว่าตั๋วเราระบุว่าอยู่โบกี้ไหนก็จะต้องอยู่แต่โบกี้นั้น ไปตลอดกาล แต่โบกี้นอนมันเปิดกระจกไม่ได้ อึดอักมากกับการถ่ายรูป ก่อนมาเลยได้ไปถาม เพจทีมนั่งรถไฟ เขาบอกว่าเราสามารถเดินไปโบกี้รถไฟฟรีได้ไหม คำตอบคือได้ ก็ลุยโลดดดด แต่อย่าไปรบกวนคนอื่นก็พอ ... ป่ะไปดูวิวข้างทางกัน
อากาศเย็นพอๆ กับเปิดแอร์เลย ผมใช้เวลาอยู่ตรงนี้สักพักใหญ่ ซึมซับบรรยากาศ อาลมเย็นๆ กระทบหน้า คือดีครับ ชอบฟีลนี้
ปลายฝนต้นหนาว ผมชอบช่วงนี้ อากาศมีความเย็นในขณะที่ทุกอย่างยังเขียวขจี
ตรงนี้สวยมาก เป็นทางรถไฟลัดเลาะไปกับภูเขาที่มีลำน้ำยมคั่นกลางขนานไปด้วยกัน ประดับด้วยแก่งหิน เล็กใหญ่สลับกันไป แก่งหลวง จ.แพร่
หิวแล้วหาอะไรกินได้ที่ครัวโบกี้ ก่อนหน้านี้จะมีป้าคอยถามตลอดที่ตู้นอน ว่าหิวหรือยัง เอาอะไรไหม เราสามารถสั่งกับเข้าได้แล้วเข้าจะเอามาให้ถึงที่ แต่ผมอยากออกไปกินเองมากกว่า
หมูพัดพริกเผาไข่ดาว อร่อยลมเย็น เพลินไปกับวิวข้างทาง
กินไปถ่ายไป ชื่อคุ้นไหมรายการนี้
อีกหนึ่งเหตุผลที่ที่เลือกมารถไฟ คืออยากเห็นรถไฟลอดอุโมงขุนตาล สมหวังนะครับ
แต่เดี๋ยวก่อน !!! เกือบถ่ายรูปไม่ทัน คือไปนั่งชิลๆ เพลินๆ หลังกินข้าวเสร็จ ก็นั่งย่อยรอรถไฟลอดช่อง ก้มหน้าก้มตาใส่หูฟังกำลังจะเปิดเพลง อะไรไม่รู้ทำให้อยู่ดีๆ ก็เงยหน้ามองไปข้างนอก อะไรแดงๆ ว่ะนั้น แระรถไฟกำลังจะมุดเข้าไป เอาไงดี เอาไงดีว่ะ จะแหกปากร้องก็ใช่เรื่อง ตั้งสติ ทิ้งโทสับ หยิบกล้อง มุดหัวออกไป กดชัดเตอร์ไปสองที รีบเก็บหัวกลับเข้ามา มีเสียงดังฟุบ ทุกอย่างมืดดดดดดดด นั่งสงบ เช็ครูปแปบ เลยได้ภาพนี้มา ดีใจที่ไม่เบลอ ...
จากอุโมงขุนตาลเปิดเพลงเพลินแปบเดียวก็ถึงสถานีเชียงใหม่
11.30 สวัสดีเชียงใหม่อย่างเป็นทางการ 13 ชั่วโมงกับรถไฟไทย ใครว่าเรทเขาตรงเวลานะครับ
จากสถานีรถไฟรถไฟเชียงใหม่ผมนั่งสองแถวแดง 40 บาทไปรับรถที่ร้าน Bikky สาขาขนส่งอาเขตขากลับรถทัวร์ได้คืนรถได้เลย ผมติดต่อจองรถทางไลน์ไว้เรียบร้อย ครั้งนี้ขอเป็น แกรนด์ ฟีลาโน เดี๋ยวนี้สะดวกนะ ติดต่อกันทางไลน์ถึงร้านก็ยื่นไลน์ให้เขาดูเป็นอันเรียบร้อย รถพร้อมคนพร้อม ก็บึ่งไปที่พักอาบน้ำก่อนเก็บของก่อนเลย
บ้านเมฆโฮสเทล [Baanmek hostel] ที่พักบรรยากาศญี่ปุ่นย่านนิมมาน ผมนอนที่นี่ 2 คืน คนดูแลน่ารักใจดีเป็นผู้หญิง ไม่แน่ใจคนญีปุ่นหรือคนจีน กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง แต่ด้วยความอัทธยาศัยดีเรียบร้อยนิ่มนวล (จะชมอะไรขนาดนั้น 55555) ก็ทำให้เราเข้าใจกันได้ (นี่ไม่ได้คิดอะไรถูกม่ะ) ป่ะๆ ดูที่พักกัน
ภายในถูกแบ่งเป็นห้องเล็กๆ หลายๆ ห้องได้ความเป็นส่วนตัวดีนะ มีกุญแจล็อกห้องสบายใจ ต่างจากโฮสเทลที่อื่นที่มีหลายเตียงรวมกันในห้องเดียว แต่ฝากั้นบาง ข้างห้องทำอะไรได้หมดยินหมด เรื่องนี้ผมไม่ติดนะ เพราะไม่ได้อยู่ห้องสักเท่าไหร กลับมาก็นอนเลย
ในห้องก็มีเตียง โต๊ะ พร้อมปลั๊กไฟประทังชีวิต แนะนำนอนห้องใกล้แอร์
บรรยากาศชั้นล่างน่าอ่านหนังสื่อ ชิลทุกมุม
เผื่อใครสนใจ ... หาอะไรกินกันเถอะหิวแล้วๆๆ
นี่เลยครับ ร้านข้าวซอยนิมมาน ผมเปิด Foursquare หาของกินในย่านนี้ก็ขึ้นมาเลยอันดับ 1 ร้านอยู่นิมมานซอย 7 จากที่พักเดินไปได้ไม่ไกล
ข้าวซอยหน้าหมูทอด กับ หมูยอทอด
อร่อยครับ มีหน้าท็อปปิ้งให้เลือกอีกหลายหน้า น่ากินทั้งนั้น ไว้จะแวะไปใหม่ เอาแบบไปกินจนครบทุกหน้าเลย ออกแนนติดใจ
กินเสร็จก็เดินกลับ เข้าที่พัก นอนเอาแรงคืนนี้จะไปถนนคนเดินประตูท่าแพ
........ 17.00 น ไปถนนคนเดินกัน เสียงเรียกจากนาฬิกาปลุก
เอารถไปจอด แล้วแวะไหว้พระที่วัดพระสิงห์
เดินชมวัดเสร็จก็ข้ามฝั่งเข้าสู่ถนนคนเดิน
ถนนคนเดินประตูท่าแพร มีเฉพาะวันอาทิตย์ หกโมงก็ของขายพรึบพรับ ประมาณ 5 ทุ่มก็เริ่มเก็บกันแล้ว เป็นถนนคนเดินที่เดินไม่เบื่อ มาทีไรก็ต้องมาเดิน ถึงจะไม่ค่อยได้ของอะไร แต่ผมชอบบรรยากาศ เดินเรื่อยๆ ฟังเสียงแม่ค้าอู้คำเมือง เพลินขนาดดด
มีดนตรีสดให้ฟังด้วย โชคดีวันนี้ได้เจอไม้เมือง ผมใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานมาก เหมือนโดนสะกด ยืนอมยิ้มฟังเพลินๆ อยู่คนเดียว
และที่สำคัญ มีวัดให้แวะไหว้พระตลอดเส้นทาง วัดที่ติดใจและต้องแวะไปทุกครั้งก็คือวัด พันเตา เป็นวัดไม้ที่สวย มีความเป็นเชียงใหม่สูง มาทุกครั้งก็จะมาไหว้พระขอพร ขอให้ได้กลับมาอีก
ถัดไปวัดที่อยู่ติดกันก็คือวัด เจดีย์หลวง เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ แต่คืนนี้นี้ไม่ได้แวะไป เก็บไว้ไปตอนกลางวันบ้าง
เครื่องดนตรีดูแปลก เสียงที่ได้ก็แปลก แต่ฟังเพลินสนุกดี สังเกตุดูคนไทยจะยืนดูนิ่ง ส่วนฝรั่งหน่ะหรอไม่รอดครับเจอจังหว่ะแบบนี้ โยกตามจังหว่ะสิ่ครับรอไร ส่วนผมคนไทยยื่นนิ่งนิ่งดูฝรั่งโยก
แก๊งนี่เป็นดาวฮอตของถนน มากับคุณลุงขายหนังสือ ลากกันไปเจี๊ยวจ๊าวกันตลอดทาง
คุณลุงฟรีฮัก
ดนตรีสดมีให้ฟังตลอดสายหลายแนว เลือกฟังได้ตามใจชอบ
ตัวผมก็เดินไปจนถึงประตูท่าแพร แล้วก็เดินย้อนกลับมาที่วัดพระสิงห์ จะได้ของกินเป็นซะส่วนใหญ่ แล้วก็ขับชิลไปหาที่นั่งกินต่อ
ที่นี่เลยครับ สะพานเพื่อนสนิท หรือสะพานขั้วเหล็ก เป็นสถาณที่โรแมนติกแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์ ลมเย็นๆ ริมน้ำปิง กับบรรยากาศของสะพานและเสียงรถยนต์ บรื้นนนนนนนน (เดี๋ยวๆ เกือบจะดีแล้วเชียว 55555)
หมดไปหนึ่งวันที่ตัวเมืองเชียงใหม่ วันนี้ซอฟๆ ครับ กลับไปนอนเอาแรงแล้วพรุ้งนี้ลุยกันต่อ9 พ.ย. 2558
:::ไปทุกดอย ไม่คอยคอยข้างล่าง :::
วันนี้ตื่นแต่เช้าหน่อย 9 โมงครึ่ง จ้าาาาเช้าก็เช้า เราจะไปขึ้นดอยสุเทพ และไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาเรา
จุดชมวิวครับแดดจ้าไปหน่อย อยู่บนดอยอากาศแตกต่างจากในเมืองอย่างสิ้นเชิง นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกกันว่า ยิ่งยง ยอดบัวงาม (เด๋วนะ ยิ่งสูงยิ่งหนาวป่ะว่ะ 55555)
ถึงแล้วครับ ทางสะดวกโค้งสะบาย ไม่อันตรายสำหรับมอเตอร์ไซด์
ซะหน่อยกับเจ้าถิ่น สู้กล้องมาก ไม่เขิลสิ่งใดๆ ไหนใครว่ามาคนเดียว นี่ไง เปิดตัวเลย
ไหว้พระขอผม ขอให้ได้มาอีก วันนี้แดดจ้า ฟ้าสวย
เมฆเรียวเป็นทิวเลยครับ สวยมาก
เพลินครับ อากาศแบบนี้
ไปกันต่อครับ จากตรงนี้ทางจะเหลือแค่สองเลนรถสวน ถนนเป็นหลุมบ้าง บางระยะ เคยมาครั้งก่อนกับแฟนเก่า ยิ่งขับยิ่งเปลี่ยว มีแต่ป่า ไม่มีรถตามมา และไม่มีรถสวนออกมาเลย เกิดความกลัวครับ น้ำมันจะหมดด้วย เลยตัดสินใจกลับ นั้นขนาดไปกันสองคน ครั้งนี้มาคนเดียว ไม่ยอมครับจะเกิดอะไรก็ขอไปให้สุดทาง จะได้รู้และเข้าใจในสิ่งที่กลัว ว่ามันไม่มีอะไรน่ากลัวเลย
พอถึงตรงนี้แล้วขำตัวเอง 55555 (คือกลัวอะไรครับ กลัวรถสองแถวหรอ !!! ) ใช่ครับ ไม่มีอะไรน่ากลัว รถพรึบ คนเพียบ นี่สิ่นะ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการคิดไปเอง
เจ้าถิ่นครับ ในหมู่บ้านดอยปุยก็จะมีของขาย มีพิพิธภัณฑ์หมูบ้าน มีความเจริญ
ไปกันต่อ ทางก็จะแคบลงเหลือแค่ทางเลนเดียร์ (นั้นมันกวางเลนเดียวป่ะ เห้ยไม่ใช่ มันต้อง ทางเลนเดียว ถูกแล้ว 555555) เอาเป็นว่าขับระวังๆ กันด้วยนะครับ
จุดชมวิวหมูบ้านดอยปุย จากมุมนี้มีความคล้ายแม่กำปอง เป็นหมูบ้านกลางป่า ต่างกันตรงที่อะไร ผมว่าทุกคนมีคำตอบของตัวเอง กลับไปคิดเป็นการบ้าน
ขับเล่นไปจนถึงอุทยานแห่งชาติดอยปุย มีที่กางเต๊น ถ้าไปหน้าหนาวช่วงที่พยาเสือโคร่งบานจะสวยมาก
แวะเก๊กแปบครับ ท้องฟ้าสวย อดไม่ได้จิงๆ
ขับเล่นเรื่อยเปื่อยบนดอยสุเทพก็แทบหมดวัน ลงจากดอยก็ 4 โมงกว่าแต่ยังเที่ยวได้อยู่
วัดอุโมงค์ครับอยากมาตั้งแต่คราวที่แล้ว พอดีไปเห็นรูปในโปสการ์ด แล้วถามคนขายเขาบอกคือวัดอุโมงค์ เลยทดไว้ในใจ ชูขึ้นมาสามนิ้ว ว่าจะมาในครั้งหน้า
ไปต่อกันที่วัดสวนดอกครับ เป็นทางผ่านระหว่างกลับที่พัก เห็นเป็นวัดเลยแวะ ทีแรกไม่รู้ว่าวัดอะไร ไม่ผิดหวังจริงๆ
อาทิตย์อัสดง กับองค์พระธาตุ
วัดสวนดอกครับสวยมากครับ นั่งชิลรอส่งพระอาทตย์กลับบ้านแล้วค่อยกลับ มีมอไซด์ไปไหนก็ได้ ให้ Google Map พาไป
เหนื่อยแล้วครับกลับที่พักกันเถอะ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวคืนนี้มีรางวัล
มือเย็นวันนี้จัดหนักที่ร้าน ห้อยชา ชาววัง เจอร้านนี้จาก Foursquare ครั้งที่แล้วพักแถวนี้ ร้านอยู่ตรงซอยสามล้าน แถววัดพระสิงห์ สั่งเหมือนเดิมเลยครับ ต้มข่าไก่ กุ้งชุบแป้งทอดน้ำจิ้มบ๊วย และลาบทอด ร้านนี้ไม่ใช่อาหารพื้นเมืองนะ ผมติดใจลาบทอดต้องสั่งเลยห้ามพลาด นึกแล้วหิว
ความชิลอยู่ตรงนี้ นั่งพื้นห้อยขาลงไปข้างล่าง กินไปแกว่งขาไปชิลขนาดดดด
รางวัลสำหรับวันนี้ หาร้านนั่งชิลอำลานิมมานก่อนเข้าป่า อ้าาาาาา ชื่นใจ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ พี่น้องชาวไทย10 พ.ย. 2558
::: เรื่องราวระหว่างทาง คือรางวัล ในวันฝนพร่ำตลอดทาง :::
วันนี้จำได้ว่าตื่นเช้าเพราะตื่นเต้น ที่จะได้เข้าป่า หลังจากใช้เวลาในเมืองมาสองวัน รีบจัดการตัวเองอาบน้ำแต่งตัว ออกไปหาอะไรรองท้อง ก่อนเริ่มเดินทาง ไปแม่กำปองครับ
มื้อเช้าอย่างนี้ ต้องนี่เลยครับ ไข่กระทะเลิศรส อันนั้นชื่อร้านนะครับ ผมไม่ได้อวยอะไรเขา ร้านอยู่แถวประตูเมืองเชียงใหม่ เจ๊โฟรเขาแนะนำอีกแล้ว พร้อมเปิดแผนที่ให้พี่เกิ้ลพาไปอีกเช่นเคย
เลิศรสยังไงรูปนี้คงอธิบายได้ดีที่สุด
ใกล้ๆ ร้านไข่กระทะ เห็นมีวัดอยู่ วัดเจ็ดลิน อดไม่ได้ที่จะแวะไปดู มาคนเดียวก็ดีอย่างนี้แหละ ไม่ต้องรอ ขอความเห็นใคร อยากไปก็ไปสิ่ ขาเราใจเรา เอาที่สะบายใจ
อันนี้คือตัวอะไร สีเหมือนแพนด้า แต่มีห้าตา สี่หู ปากแดง
ช่างที่ไปใกล้ลอยกระทงทางวัดก็มีสร้างเขาวงกต น่าสนุกครับแต่เสียดายยังไม่เสร็จ (ไม่แน่ใจว่ามีทุกปีหรือเปล่า แต่ปีนี้ช่วงลอยกระทงใครผ่านไปก็ลองแวะดูครับ น่าสนใจ)
ถะเหลถะไกลกันต่อที่วัดเจดีย์หลวงตั้งใจไว้อยากมาตอนกลางบ้าง เจอพระกำลังสวดมนต์พอดี นั่งอยู่พักนึกก้ขอลาออกมา
เดินดูบรรยากาศรอบๆ วัด สวยครับ เพลินดีเดินเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา นี่จะ 10 โมงแล้ว คงต้องรีบแล้วแหละ
ผมจองรถทัวร์กลับกรุงเทพผ่านเว็ป ก่อนที่จะไปแม่กำปอง จองไว้กับ เอื้องหลวงทัวร์ จะมีรถแค่วันละสองรอบ เช้า เย็น จองเสร็จก็ไปจ่ายตังที่เซเว่น เอาสลีปไปขึ้นรถได้เลย ทำธุระเสร็จก็กลับที่พักไปเอากระป๋าพร้อมออกเดินทาง ใช้เวลาไปเยอะ แบบนี้ใช่ไหมที่เขาบอกกันว่า ระวังหลงเชียงใหม่ ไม่ใช่หลงทางเพราะพี่เกิ้ลพาหลง แต่คงเป็นตัวผมเองที่หลงไปกับเรื่องราวระหว่างทาง
ลาแล้วครับ บ้านเมฆ พี่ต้องรีบไป บ้านแม่กำปอง เด๋วน้องจะคอยนาน (น้องไหนคอย ?)
จากนิมมานก็เปิดพี่เกิ้ลนำทางไปแม่กำปองเลยเลยครับ ระยะทางประมาณ 50 กิโล ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงโดยประมาณ ขึ้นอยุ่กับสิ่งยั่วยุข้างทาง ว่าเราจะอดใจไม่แวะได้ยังไง
พี่เกิ้ลนำทางให้ผมไปทางดอยสะเก็ด ขับยาวๆ เลยครับถนนโล่งขับสบาย
ขับไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับพระธาตุดอยสะเก็ด เคยได้ยินชื่อมานานไหนๆ ก็ผ่านแล้วแวะสักหน่อย เป็นทางรถวนขึ้นไปได้ถึงพระธาติเลยครับ
ขาลงก็ลงมาอีกทางนำเราออกสู่ถนนใหญ่ เท่านั้นแหละครับรู้เรื่องเลยวิวข้างทางสวยมาก สวยขนาดขับผ่านมองเพลินๆ ไปแล้วผมต้องกลับรถมาเก็บภาพ
เป็นต้นใม้ใหญ่อยู่ตรงทุ่งนา และมีภูเขาใหญ่อยู่ด้านหลัง แถมควายสองตัวกินหญ้าอยู่ข้างๆ เหมือนภาพวาดสมัยเด็กที่เคยวาดส่งคุณครู
ขับต่อไปต่อไปก็มีอีกครับ เป็นวิวสวยๆ ให้เราได้ดูตลอดทาง ทั้งทุ้งข้าวสีเขียว นาขั้นบันไดสีทอง ที่อยู่ติดริมถนนเลย
ผมชอบความรู้สึกแบบนี้นะ เราเจอสิ่งที่เราไม่ได้คาดหวัง ในระหว่างทางของจุดหมาย มันเป็นเหมือนรางวัลของการเดินทาง ที่จะเปลี่ยนเป็นความประทับใจของทรงจำ
ขับไปต่อก็เป็นเริ่มเป็นทางขึ้นเขา เริ่มเป็นป่า เริ่มมีความเย็น
ผมตัดสินใจไป ไจแอน์ ร้านกาแฟบนต้นไม้ ก่อนเพราะจะเป็นทางแยกไปอีกทางก่อนเข้าแม่กำปอง ขับเขาไปได้สักพักเท่านั้นแหละ ปลายฝนต้นหนาวก็ต้อนรับผมด้วยสายฝน กับอากาศเย็นเลย บวกกับทางที่ยากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับพี่เกิ้ล ที่อยู่ดีๆ ก็มาทิ้งกันไป เพราะไม่มีสัญญาน แถมยังมีหน้ามาบอกว่าอีก 10 นาทีจะถึง เกือบจะถอดใจกลับกลางทาง แต่ขอเดินหน้าไปหลบฝนที่ร้านก่อนแล้วกัน
เชิญครับเชิญ เปียกกำลังดีพอชุ่มฉ่ำ
เหมือนว่าตอนนี้จะมีการสร้างขยายร้านไปให้ใหญ่ขึ้น บรรยากาศดีครับ ตอนที่ไปฝนตกเลยมีหมอกลงนั่งหลบฝนพร้อมชาเขียวนมสดเย็นๆ หนึ่งแก้ว เมื่อแน่ใจว่าฝนหยุดแล้วก็ออกเดินทางต่อครับ
อย่าเอาแน่เอานอน กับฟ้ากับฝน คงยังใช้ได้ดี ออกมาสักพักฝนตกที่ปัดน้ำฝนระดับสาม ก็เทลงมา ที่หลบก็พอมีแต่ไหนๆ เปียกแล้วก็ขอบู๊ให้ถึงแม่กำปองเลยแล้วกัน ทั้งเจ็บจากเม็ดฝนกระทบหน้า ทั้งสั่นจากอากาศกระทบตัว แต่สนุกดี เหมือนได้เล่นน้ำฝนตอนเด็ก ที่มักจะโดนแม่ห้ามเพราะกลัวเราป่วย ขับมาจนถึงแม่กำปอง ผมจองที่พักลุงปุ๊ดป้าเป็งไว้คืนละ 550 บาทต่อคน ก็เข้าไปติดต่อรับห้องที่ร้านกาแฟของแก พอเข้าไปในร้านเท่านั้นแหละ คนหันมามองแล้วอมยิ้มใส่ เหมือนผมไม่เคยเจอฝน แล้วไปเล่นน้ำฝนมา น้ำหยดติ๊ง ติ๊ง เป็นทาง ติดต่อเสร็จก็พาผมไปที่พัก พร้อมถามว่า เอาร่มมั๊ยค่ะ? (โอ้โห!!! เปียกขนาดนี้ ขอเป็นสบู่ กับยาสระผมให้ผมอาบน้ำตรงนี้เลยดีก่า 55555)
อาบน้ำเสร็จก็กินยากันป่วยแม่สั่งไว้ แล้วนอนรอฝนสักตื่น อากาศแบบนี้เหมาะสุด กับการไม่ทำอะเลยนอนเฉยๆ เสียงฝน อากาศแบบไม่ต้องเปิดแอร์ คร่อกกกกกกกกกก ZZzzz ...
ตื่นมาก็เกือบสี่โมง อากาศหลังจากฝนตกช่างหอมไอดินเสียจิงๆ วิวจากระเบียงของที่พักครับ
ห้องนอนใหญ่มากกกกกกกกก แถมสองเตียงอีกต่างหาก นอนคนเดียวเสียวสันหลังเหมือนกันนะ วันนั้นห้องอื่นไม่มีคนพักเลย นั้นแสดงว่า บ้านทั้งหลังเป็นของผม
ไปเดินเล่นในหมู่บ้านกันดีกว่า ยังมีเวลา
น้ำขุ่นครับทั้งหมู่บ้านหลังจากฝนตกหนัก
แต่แลกกับความเขียวชะอุ่มนุ่มลึกแบบนี้ ยอมครับ ลมเย็นเดินเพลิน
วัดแม่กำปอง
ปิดท้ายด้วยไก่อู่ หรือไก่งวง หรือไก๊ไก่ไก๊ไก่ ใครรู้ตอบที
หลังจากนั้นก็ไปหาข้าวกินที่ร้านอาหารตามสั่งในหมู่บ้าน อร่อยครับราคาไม่แพง และที่สำคัญ มีไวไฟ กินอิ่มก็ซื้อรางวัลคนเก่งติดกลับไปดื่มที่ระเบียงที่พัก สัก 3 ขวด เปิดเพลงเฮีย Jason พร้อมผ้าห่มอุ่นๆ หนึ่งฝืน และไม่ถ่ายอะไรอีกในคืนนี้ เป็นการอยู่คนเดียวที่มีความสุขครับ นอนครับพรุ้งนี้เจอกัน
ขอติดไว้ก่อนอีกหนึ่งวัน จะมาสรุปให้จบทริปนะครับ11 พ.ย. 2558
:::วันสุดท้าย กับเวลาอีก 12 ชั่วโมงในเชียงใหม่:::
ทักทายกันด้วยไอหมอกยามเช้าจากหลังคาข้างบ้าน เมื่อคืนหลับสบายที่สุดของทริปเลย อากาศเย็นแบบไม่ต้องเปิดแอร์ พร้อมเสียงน้ำไหลที่กล่อมคนทั้งหมู่บ้าน อิจฉาคนที่นี่จัง
ลำธารไหลผ่านหน้าที่พัก เมื่อวานน้ำยังขุ่นอยู่เลย ธรรมชาติรีเซ็ตตัวเองได้เร็วมาก
เจ้าถิ่นครับ น้องหมาที่แม่กำปองรู้สึกจะเป็นมิตรทุกตัว มีการเดินตาม เดินไปส่ง เดินไปเป็นเพื่อนที่วัดแม่กำปองจะมีน้องหมาสีดำ เดินไปเป็นเพื่อนเที่ยวน้ำตกเลย
แต่เหมือนนางจะไม่เป็นมิตรกันเอง 5555555 ดูจากตูดที่เข้าเฟรม และสายตาที่มองแรง
และนี่คือที่พัก ลุงปุ๊ด ป้าเป็ง ตอนแรกผมก็นึกว่าจะได้พักที่หลังนี้ แต่หลับนี้เต็มคับ เลยได้รู้ว่าเขามีสองหลัง
นี่ครับ หลังที่ผมนอนคนเดียวทั้งหลังเมื่อคืน ติดลำธารเหมือนกัน ดูใหม่กว่า
สวยเน๊อะ ปกติจะเห็นตัดจัดเป็นช่อใส่กระถาง แต่นี่อยู่เป็นต้นแถมริมลำธารอีกต่างหาก ชอบแบบไหนถามใจเธอดู
แผนที่ในหมูบ้าน คลาสสิคสุด
ยกให้เป็นนางพยาของที่นี่เลยครับ ทั้งสง่า นิ่ง สงบ เยือกเย็น และที่สำคัญ เป็นแหล่งกำเนิดของลำธารที่ไหลไปทั่วหมู่บ้าน ผมขอเรียกว่า หัวใจของแม่กำปอง
สำราญชนเป็นอีกที่ ที่อยากมาพัก แต่เต็มเสียก่อน ได้มาเห็นหลังคาก็ยังดี
กลับมากินอาหารเช้าที่ร้านกาแฟ ลุงปุ๊ด ป้าเป็ง ก็คือที่พักจะมีอาหารเช้าให้แต่ต้องมาที่ร้านกาแฟ เป็นข้าวต้ม กับวาฟเฟิล แล้วก็เครื่องดื่มอะไรก็ได้ของในร้าน 1 อย่าง ผมเอาชาเขียวนมสดอีกเช่นเคย ในส่วนของตอนเย็นนั้น มาม่าคัฟ 1 กระป๋อง
บรรยากาศร้านครับ ก็ชิลเหมือนเคย
นี่แหละครับเสน่ห์ปลายฝน ถึงจะแฉะ จะฉ่ำ จะลำบากหน่อยในการเดินทาง แต่ทุกอย่างก็เขียวขจี สบายตา
ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำมัน มีร้านขายอยู่สบายใจได้
กลับห้องจัดกระเป๋าเตรียมตัวกลับเข้าเมือง ก่อนกลับขอแวะไปร้านชมนกชมไม้ซะหน่อย ฝนชุ่มฉ่ำอีกแล้ว
มุมมหาชนหมู่บ้านที่โอบล้อมไปด้วยป่า ใครมาต้องถ่ายจากมุมนี้ แอบคิดไปเองจะเห็นหมู่บ้านเป็นรูปหัวใจ
ชาเขียวนมสด(อีกแล้ว) กับเค้กชาไทย อร่อยครับหวานมันเข้ากันดี นั่งรอฝนซาแบบไม่ต้องกลัวเวลาจะหมด
มีอีกหนึ่งที่ที่อยากจะไป นั้นคือบ้านพี่อ้อ หรือ ฮิมดอยโฮม เป็นโฮมสเตย์ครับ ผมเจอบ้านพี่อ้อหลังจากที่จองที่พักไปแล้ว ก็เลยติดติอสอบถามพี่อ้อไปในเฟส พี่อ้อบอกไหนๆ ก็มาแล้วให้แวะมาเที่ยวบ้านแกก่อนกลับ เผื่อติดใจ ค่อยแวะมาใหม่
นี่มันบ้านในฝันชัดๆ บ้านในป่า ริมลำธาร แถมลงแช่น้ำได้ด้วย มันเป็นความประทับใจแรก ที่นานๆ จะเกิดกับใครสักคน
ดูดอกไม้หน้าบ้านแกสิ่
และที่สำคัญ พี่อ้อเป็นคนอัทธยาศัยดีมาก เจอกันครั้งแรกคุยกันเหมือนรู้จักกันมาแรมปี นี่เราเพิ่งเจอกันเมื่อกี้นะครับพี่อ้อ ปิดความประทับใัจด้วยบ้านพี่อ้อ สรุปยังไงหน่ะหรอ ผมก็จองที่พักบ้านพี่อ้อไว้เพื่อที่จะกลับมาใหม่ในเดือนมกราของปีนี้ ซึ่งก็ผ่านมาแล้วเป็นอีกทริปที่ประทับใจ ไว้มีเวลาจะมาเล่าให้ฟัง
ลาแล้วครับแม่กำปอง หมู่บ้านกลิ่นไอดิน ที่ทำให้ผมคิดถึงทุกครั้งเมื่อฝนตก
บ่ายวันนั้นผมก็ลาแม่กำปองเข้าสู้เมือง แต่อยากแวะไหว้พระขอให้ได้กลับมาอีก ที่พระธาติดอยคำซึ่งผ่านได้ให้พี่เกิ้ลพาไป
ปิดท้ายด้วยข้าวซอยลำดวนวัดฟ้าห่ามกล่อนกลับกรุงเทพ
คืนมอเตอร์ไซด์ที่อาเขตแล้วขึ้นรถทัวร์ กลับสู่ชีวิตที่ปกติสุขพร้อมแบ็ตที่เต็มเปี่ยม
:::::::::::::จบบริบูรณ์:::::::::::::
ครั้งแรกของการเดินทางคนเดียว ที่ไม่ได้เปลี่ยวอย่างที่คิด เราได้เจอ ได้ตัดสินใจด้วยความสบายใจ ตามใจเราอย่างไม่เดือดร้อนใคร ได้เข้าใจตัวเอง สิ่งไหนเหมาะ ไม่เหมาะกับเรา ได้เจอเขาที่เราไม่รู้จัก ผู้คนมากมายที่ไม่คุ้นเคย เราได้ภูมิคุ้มกันไปพร้อมกับประสบการณ์ แถมเรื่องราวระหว่างทาง ที่วันนี้มันเปลี่ยนเป็นความทรงจำที่ประทับใจไม่มีลืม
ผมว่า “ผมไม่ได้ชอบแค่การเดินทาง แต่ผมชอบความรู้สึกของเราที่กำลังออกเดินทางซะมากกว่า"
ขอบคุณนะครับที่อยู่เป็นเพื่อนกันจนถึงบรรทัดนี้ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ ))
https://web.facebook.com/gobyfeel
IG : nonxrnon
Go By Feel
วันพฤหัสที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.18 น.