จากที่เคยรีวิวนั่งรถไฟไปปีนังที่มีแต่คนบ่นว่าโหดแล้ว ไปได้ยังไง มาถึงรีวิวนี้แล้วหลายคนคงจะอึ้งกว่า เพราะโหดกว่าหลายเท่า ไปมาเกือบปีแล้ว แต่ดองรีวิวไว้นานมาก ไม่เขียนสักที วันนี้ที่รอคอย จะค่อยๆเล่าเรื่องการเดินทางคนเดียวแสนโหดนี้อีกครั้ง ในทริปที่เราเรียกว่าเป็นทริปวันเกิด เกิดวันที่ 26 พฤษภาคม เริ่มเดินทางกันตั้งแต่วันที่ 24 ตอนเย็น วันเกิดที่อายุเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี อยากไปหาประสบการณ์ให้ตัวเองโตขึ้น อยากให้รางวัลตัวเอง

อยากไปไหนสักที่ที่ไม่ใช่ในประเทศอ่ะ แต่ต้องไม่แพง อยากไปเวียดนาม มีวิธีไปแบบประหยัดมะ ในหัวคิดวนไปวนมา เห็นคนไป โฮจิมินห์ ดาลัด มุยเน่ เยอะมาก จนกลายเป็นเมืองท่องเที่ยว ท่าทางคนจะเยอะ อยากไปดูอะไรโบราณๆ เลยไปเจอฮอยอันเวียดนามกลาง แถมยังไปรู้มาอีกว่านั่งรถทัวร์ไปได้ แต่รีวิวนั่งรถทัวร์ไป-กลับ ฮอยอันมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ต้องต่อเครื่องบินหมดเลย เพราะฮอยอันไม่มีสนามบิน ความจริงมีจัดทัวร์ไปนะ อาจไปได้ครบกว่าเราเที่ยวด้วย แต่สายแบคแพคไง ทัวร์มันแพง ต้องการเวลาส่วนตัว ทีนี้หาข้อมูลยากทำไงล่ะ ประสบการณ์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อออกไปหาเอง เอาวะ! ไม่มีใครรีวิวแบบละเอียดบอกค่าใช้จ่ายละเอียดเลย ฉันนี่แหละ ฉันจะไปเอง

ทริป โหด มันส์ ฮา จึงเกิดขึ้น ออกไปใช้ชีวิตโง่ๆในวันเกิดในเมืองที่แทบไม่มีใครพูดอังกฤษได้เลย ออกไปใช้ชีวิตโก๊ะๆกังๆของตัวเอง 4 วัน 3 คืน ดูว่าจะเอาตัวรอดยังไง ไปกันเลยค่ะ เราจะพาทุกคนนั่งรถทัวร์ข้ามประเทศไปเวียดนามกัน

ถึงจะนั่งรถทัวร์ แต่ก็ต้องใช้พาสปอร์ตนะ เพราะเราต้องข้ามประเทศลาวและเวียดนาม ครั้งนี้เราใช้เงินถึง 4 สกุลค่ะ บาท กีบ ดอลลาร์ ด่อง แลกไป 5 พัน 4 วัน 3 คืน ยังเหลือ ที่เหลือบวกเงินไทยค่าตั๋วรถทัวร์มุกดาหารไปแค่นั้นแหละ ถ้าติดชายแดนลาวสามารถใช้เงินไทยได้ แต่ควรติดกระเป๋าไว้บ้าง เวลาแวะกินข้าวข้างทางหรือเข้าห้องน้ำ ที่อยู่ในเขตลาว เขาจะรับแต่เงินลาว ความจริงไม่ได้แลกเงินลาวมาหรอก เอาเงินไทยไปซื้อตั๋วที่ลาว เขาก็ทอนมาเป็นเงินลาวบ้าง ส่วนเงินดอล ก็จำเป็น เพราะโรงแรมส่วนใหญ่รับเงินดอล ถ้าไม่พอจริงๆก็ขอเขาใช้เงินด่องได้ เงินดอลก็จำเป็นอีกอย่างเวลาไปเช่าจักรยานปั่นในฮอยอัน เขาจะรับแต่ดอล จักรยานคันนึง 1 ดอล เช่าได้ 1 วัน ถูกกว่าเช่าในไทยแปดล้านเท่า เรื่องค่าเงินนี่ บางคนเรียกดง เรียกด่อง เราก็งง เราติดเรียกด่องมากกว่า ค่าเงิน 1 บาทไทยตอนนี้ก็เท่ากับ 661.29 ด่อง แต่เรางงไง ขี้เกียจเอามาเทียบ ไปอ่านเจอว่าก็นับง่ายๆเลย ตัดศูนย์ 3 ตัวหลังออกแล้วคูณ 2 พอ ก็จะเข้าใจง่ายกว่า ต่างกันไม่กี่บาท

ภาพทั้งหมดถ่ายจากมือถือ Samsung Galaxy A5 ตกแต่งด้วย VSCOCAM นะคะ เราไม่มีกล้องถ่ายรูป เอาไปแค่มือถือนี่แหละ

Day 1

รอขึ้นรถทัวร์กรุงเทพ-มุกดาหารที่หมอชิต ขออธิบายวิธีการซื้อตั๋วก่อน ซื้อที่สถานีก็ได้ หรือซื้อที่เซเว่นก็ได้ ของเราซื้อที่เซเว่นค่ะ ก่อนหน้านี้ก็หาข้อมูล เวลารถออก เบอร์โทร แล้วโทรไปจองทางโทรศัพท์กับ Call Center สำรองที่นั่ง Call Center 1624 ( 06.00 - 23.00 ) เปิดบริการทุกวัน จองได้แล้วก็ไปจ่ายเงินที่เซเว่น ค่าตั๋ว 538 บาท รวม Vat อีก 20 บาท เป็น 558 บาท รอขึ้นรถ 19.30 น. กว่าจะออกก็ 19.50 น. นั่งกันยาว ถึงมุกดาหารก็เช้าเลย รถไม่แวะนะคะ มีข้าวให้กินบนรถ

DAY 2

05.50 น. ถึงแล้วมุกดาหาร นี่เป็นครั้งแรกที่มามุกดาหารเหมือนกัน แต่ไม่ได้มาเที่ยว เรากำลังจะมาผจญภัยประหนึ่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกัน เดินหาช่องขายตั๋ว มุกดาหาร-สะหวันนะเขต ลาว ซื้อตั๋วในราคา 50 บาท ถ้าใครจะฝากของไว้ใต้ท้องรถจ่ายเพิ่มชิ้นละ 20 บาท แต่เรามีเป้แค่ 2 ใบ ในส่วนใบเสื้อผ้าก็ใบใหญ่อยู่ แต่แนะนำนะ อย่าเอาเป้ใบใหม่หรือราคาแพงมากๆมา พอถึงเวียดนามแล้วเขาจะโยนลงค่ะ เวลาขึ้นรถก็หิ้วเป้ขึ้นบนรถเลย ไม่ต้องฝาก เพราะเดี๋ยวจะต้องลงไปตรวจของที่ ตม.ลาวอยู่ดี ขั้นตอนนี้ไม่ได้นั่งนาน แนะนำขึ้นทีหลังก็ได้ ไม่ต้องนั่งก็ได้ แป๊บเดียวก็ถึงชายแดนลาว

06.30 น. รถออก ความจริงตารางรถออกเวลา 07.30 น.นะ แต่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย คนเต็มเมื่อไหร่ออกเลย ดูจากสภาพแล้วมองหาคนไทยไม่มีเลย ท่าทางทริปนี้จะเป็นคนไทยคนเดียวบนรถซะแล้วเรา วิ่งมา 5 นาทีก็ถึงตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร ห้ามถ่ายรูปบริเวณที่มี จนท. แต่รอบๆอ่ะถ่ายได้

ขั้นตอนที่ยุ่งยากที่สุดเรื่องการผ่านแดนเข้า-ออกนี่แหละ หลายต่อมาก ลุ้นมากด้วย มีช่องให้เข้าแถวสำหรับคนไทยด้วย แต่คนอื่นมาต่อแถวก็มี เพราะแถวสั้นกว่า เลยเนียนมากันเลย ทำตัวเอ๋อ งงไม่ได้เลย ต้องดูคนอื่นตลอด เพราะคนอื่นเร็วมาก ทั้งลาวเวียดนามข้ามาทำงานที่ไทยกันเยอะ บางทีเขียนไปก็กลัวขั้นตอนหลุดๆไปบ้าง เพราะนี่ไปมาเป็นปีแล้วแต่เพิ่งมาเขียน บางอย่างอาจจะตกหล่น แต่คิดว่าจดมาดีแล้วนะ

07.00 น. ตรวจเสร็จขึ้นรถคันเดิม แต่ จนท.จะให้ตั๋วใบใหม่มา

หลังจากนั้นคนจะแย่งกันขึ้นรถอีก แต่ความจริงก็นั่งไปแป๊บเดียวนั่นแหละ เราจะข้ามไปลาวกันแล้ววววววว

07.20 น. ใช้เวลา 10 นาที อะไรอ่ะ ตรวจอีกแล้วเหรอ ตรวจคนเข้าเมืองลาว อ่ะ ทำอะไรทำตามหมด ที่อ่านๆรีวิวมานี่ไม่ต้องคิดถึงเลย ลืมหมดแล้ว ถึงเวลานี้ให้ทำอะไรก็ทำอ่ะ ค่าผ่านแดน คนประเทศอื่น 100 บาท คนไทย 50 บาท ใช้เวลาเร็วค่ะ ประมาณ 10 นาที บริเวณนี้จะมีคนเดินมาถามเต็มไปหมดว่าไปกัมพูชาไหม ข้ามไปเที่ยวได้ เฮ้ย! ไปได้หมดเลยแฮะจริงๆ หลังจากนั้นก็รอขึ้นรถคันเดิมค่ะ เริ่มวิ่งเลนขวาแล้ว ทีนี้นั่งนานหน่อย ประมาณ 20 กว่านาที ไปแล้ว ข้ามแล้ว

บรรยากาศครึ้มๆ มาช่วงหน้าฝนไปอีก ฝนปรอยไปอีก

07.45 น. ถึงสะหวันนะเขตแล้ว ถือว่าเร็วมาก เดินไปช่องขายตั๋วซื้อตั๋วเข้าเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม ราคา 500 บาท รับเงินไทยค่ะ

รถออกตั้ง 09.00 น.แน่ะ หาอะไรกินแถวขนส่งสะหวันนะเขตก่อน ก๋วยเตี๋ยว 40 บาทชามใหญ่ น้ำเยอะ ผักกลิ่นแปลกๆ ซื้อน้ำขึ้นรถอีก 15 บาท

08.20 น. รถสะหวันเขต-เว้ ก็มาถึงท่ารถ แต่ต้องรอขึ้น 09.00 น. หน้าตารถที่เราจะข้ามไปเวียดนาม หน้าตาแบบนี้

พอถึงเวลาขึ้นรถ คนรถก็จะยืนตรวจพาสปอร์ตและแจกถุงพลาสติกให้คนละใบ และถุงที่แจกให้เขาเอาไว้ให้ใส่รองเท้า กันกลิ่น ทุกคนต้องถอดรองเท้าค่ะ มีเลขที่นั่งด้วย ได้เลขที่นั่ง 11

ก็ลุ้นกันไปว่าข้างเราใครจะมานั่งด้วย โชคดีไปที่ผู้หญิงมานั่ง ถึงแม้จะมีเด็กน้อยก็ตาม แต่เด็กไม่ค่อยงอแงก็โอเค ท่าทางจะเป็นคนไทยคนเดียวเลย มองหาคนพูดไทยได้ไม่มีเลย แล้วได้ยินแต่คนเวียดนามคุยกัน จิร้องไห้ ฮือ ฟังใครไม่รู้เรื่องเลย แล้วผู้ชายเวียดนี่ดูไม่ค่อยให้เกียรติผู้หญิงด้วยนะ กระโชกโฮกฮากมาก

พูดภาษาเวียดนามกัน ฟังไม่รู้เรื่องเลย เปิดเพลงในรถเสียงดังมาก ประเด็นคือเราใกล้โซนหน้าด้วยแหละ เลยรู้สึกดังเป็นพิเศษ เปิดวิทยุตลก อารมณ์ประมาณตลกรายการชิงร้อยชิงล้านอ่ะ ภาษาเวียดนาม ฮือ ฟังไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็ว่าไม่ได้ ก็เพลงของเขา วัฒนธรรมของเขาเป็นแบบนี้เนาะ ถ้าเขาฟังของบ้านเราก็อาจไม่เข้าใจเหมือนกัน โชคดีไปที่ได้นั่งติดหน้าต่าง ชมวิวข้างทางไป ระหว่างทางของลาวค่อนข้างแล้งและร้อนเลย

10.25 น. วิ่งมาสักพัก ก่อนหน้านั้นสลบตลอดทางขรุขระ อยู่ดีๆรถก็จอด เขาจอดทำไมอ่ะ มีอะไรหรือเปล่า หลังจากนั้นคนวิ่งลงจากรถเต็มเลยจ้า ลงไปทำไม? ลงไปฉี่จ้าาาาาาา เฮ้ย! เอางี้เลยเหรอ ลงไปฉี่ข้างทางแบบนี้เลยเหรอ ไม่ใช่แค่ผู้ชายด้วย ผู้หญิงก็ลงไปเต็มเลยจ้า นี่เราไม่ปวดพอดี เลยไม่ลง ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ก็เวียดนาม นางสะกิดเราใช้ภาษามือเป็นระวิง เหมือนถามว่าจะลงไปฉี่ไหม เราไม่ลง นางเลยฝากลูกเลยจ้า ยื่นเด็กน้อยให้เลย เราก็โอเค เด็กน่ารัก แอบเซลฟี่ลูกเขามาด้วย

10.57 น. ขับมาต่ออีกนิดเดียวก็แวะห้องน้ำที่พะลานไซแล้ว เหมือนเป็นจุดพักรถ มีของขายนิดหน่อย ให้คนลงมารีแล็กซ์นิดหน่อย ไม่เสียค่าเข้าห้องน้ำด้วย ใครทนได้ก็ไม่ต้องฉี่ข้างทาง เดี๋ยวก็แวะเข้าห้องน้ำแล้ว

11.22 น. ขึ้นรถไปต่อ คราวนี้เปิดเพลงไทยด้วย เพลงลูกทุ่งจ้า เป็นอะไรที่ปรับตัวปรับใจไม่ทันจริงๆ อารมณ์ไหนวะเนี่ย วิ่งไปสักพักก็จะเจอด่านตรวจใต้ท้องรถอีก 2 นาที ไม่ได้ตรวจอะไรมาก เหมือนดูแค่ของที่ขนไปเฉยๆ แต่ถ้ามีอะไรขึ้นมายุ่งแน่อ่ะ

11.40 น. แวะทานข้าวที่ร้านบินเฟือง ที่นี่ใช้ตะเกียบกินข้าวกันหมดเลยอ่ะ นี่ก็พยายามหาช้อน กับข้าว 4 อย่าง จ่ายไป 100 บาท ทอน 2000 กีบ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก เรื่องเงินเรื่องตัวเลขไม่ค่อยดู ที่ทอนมามันแค่ 8.38 บาท ฮือ นี่ฉันกินข้าวจานละร้อยเหรอ ร้องไห้หนักมาก แต่คาดว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหมด เหมือนเป็นจุดพักรถนักท่องเที่ยวเหมือนในไทยงี้

สัตว์เลี้ยงนี่หมาแมวไม่มีนะแถวนี้ ต้องเลี้ยงแบบนี้ วิ่งกันดุ๊กดิ๊กเลย ยังคิดอยู่ว่าที่เรากินนี่เนื้อเจ้าพวกนี้หรือเปล่านะ อาหารกับน้ำซุปก็อร่อยดี ก็แพงไง T^T

12.40 น. สักพักก็จอดรถอีก รับแม่ค้าขึ้นมาบนรถด้วย แม่ค้าขึ้นมาแลกเงินค่ะ เงินเวียดนาม เงินดอลก็แลกได้ ไม่รู้ว่าได้ราคาดีกว่าหรือเปล่านะ แต่แลกจากไทยมาเยอะเหมือนกัน แม่ค้าพูดไทยได้อีก "แลกเงินมั้ย" อ่ะ แลกซะหน่อยละกัน รู้สึกเหมือนเราจะแลกมาแต่ดอลรึเปล่าอันนี้ก็ลืมอีกละ กะว่าจะซื้อของแล้วมาหาเงินทอนเวียดนามที่นี่เอา แลกไป 40 ดอล ได้ 800,000 ด่อง เงินเป็นฟ่อน เที่ยวทีใช้เงินเป็นล้านอ่ะ เป็นเงินไทยประมาณ 1209.76 บาท

ใครจะไปรู้ว่าวิวข้างทางระหว่างสะหวันนะเขตไปเวียดนามจะได้ขนาดนี้ ถึงแม้จะดูแล้งไปหน่อยก็เถอะ แต่ดีอ่ะแก ดีเลย นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่เราไม่ชอบนั่งเครื่องบินเที่ยว ชอบนั่งรถเที่ยว รถทัวร์ รถไฟ เพื่อจะได้เห็นอะไรแบบนี้ที่เครื่องบินทำไม่ได้ คนอื่นหลับหมด แต่เรากดชัตเตอร์ไม่หยุด

13.30 น. มาถึงด่านเวียดนามแล้วจ้า เรากำลังจะเข้าเวียดนามแล้ว เฮ้ย! ความจริงนั่งรถทัวร์กลับบ้านนานกว่านี้อีกนะ นั่งรถไฟฟรีเที่ยวเมื่อยและนานกว่านี้อีก แป๊บๆโผล่มาเวียดนามเฉยเลย เข้าด่านเวียดนามก็ตรวจคนเข้าเมือง

หลังจากตรวจคนเข้าเมืองเสร็จก็จะเจอกลุ่มแม่ค้ากรูเข้ามาหาเรา เพื่อขายซิมเวียดนามเต็มเลย นี่ไม่เอา ยอมไม่ใช้เน็ตมาเป็นวันเลยนะ กะไปหาที่พักที่มี wifi ที่นู่นดีกว่า ไม่ได้ต้องเล่นอะไรตลอดเวลา

ระหว่างรอตรวจคน ตรวจรถอีกนาน อย่ายืนเอ๋อแถวนั้นเพราะจะโดนค้น ให้รีบเดินตามๆกันไป ข้างหน้ามีปั๊มที่เป็นจุดพักรถ ซื้อของ หรือเข้าห้องน้ำ เล่าย้อนหลังถึงคุณพี่เสื้อลายสก็อตคนนี้นิดนึง ช่วงที่รถวิ่งอยู่ลาวแล้ว เรานึกว่าเขาจะมาเต๊าะรุนแรงไม่มีมารยาท ความจริงเขาเป็นคนเสียงดังด้วย น่าจะเป็นเวียดนามคนเดียวที่พอพูดไทยได้ ถึงแม้จะไม่ชัดมาก แต่เขาช่วยแนะนำอะไรๆเราหลายอย่างทั้งที่ก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก พาเดินไปด่านตรวจคนเข้าเมือง คุยกับคนเวียดนามให้ ต้องเดินไปทางไหนก็บอก แล้วเขาก็เป็นสามีของผู้หญิงที่นั่งข้างเราแล้วอุ้มลูกมานั่นแหละความจริง ทุกครั้งที่เดินทางคนเดียว ยังไงมันก็ต้องเจอคนมีน้ำใจกับเราสักคนอ่ะจริงๆ

แถมซื้อน้ำที่ปั๊มให้เรากินอีก 15 บาท ออกเงินให้อีก เอาเงินให้ก็ไม่เอา

ปวดฉี่ก็เข้าที่ปั๊ม มีค่าเข้าแต่ไม่รู้เท่าไหร่ ก็ให้ 2000 กีบที่เหลือนี่แหละ คนเฝ้าก็รับไปเท่านี้ด้วยนะ เพราะคิดว่าเดี๋ยวเข้าเวียดนามแล้วไง ก็ไม่ได้ใช้เงินลาวแล้ว

14.37 น. ได้เวลารถออก พักตรงนี้นานสุด พักเป็นชั่วโมง

แล้วก็เดินทางต่อเรื่อยๆ

16.27 น. ถึงจุดพักรถอีกจุดหนึ่ง และส่งคนลงตรงนี้หลายคน อื้อหือ วิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ห้องน้ำมีทั้งที่มีประตูและไม่มีประตูจ้า เป็นปูนกั้นเฉยๆ นั่งยองๆมองหน้ากันเฉย เค้าก็เข้ากันนะ เหมือนเป็นวัฒนธรรมของเขาแบบนี้ ข้างทางยังฉี่กันได้เลย อย่างสกปรกเลยแหละ แต่ถ้าปวดก็อย่าอั้น เข้าๆไปเถอะ ตอนแรกไม่รู้ว่าเขาเก็บค่าเข้าด้วย เดินออกมาเขาจะเก็บค่าเข้า แต่พี่เสื้อลายสก็อตก็บอกว่าจ่ายให้แล้ว คงจะไม่กี่บาท คือจ่ายให้แม้กระทั่งค่าห้องน้ำอ่ะ เหมือนเขาก็ไม่ได้พิศวาทเราหรอก เราแต่งตัวซิ่มมาก หน้าสด หัวฟู และเขาก็มากับลูกเมีย คือก็ใจดีกับเราเพราะคงเห็นว่าเราเป็นคนไทยนั่นแหละ

พอขึ้นรถมาก็ซื้อบั่นหมี่ให้กินอีก ตอนแรกก็เห็นมีแม่ค้าหาบมาขายใกล้ๆรถแล้วคนมุงซื้อเต็มเลย แต่ยังไม่กล้ากิน ไม่รู้จะซื้อยังไง ท่าทางอร่อย คนซื้อเต็มเลย นั่งมองอยู่ในรถ อยู่ๆพี่เสื้อลายสก็อตก็ซื้อมาให้กินจ้า ตอนแรกไม่รู้จัก เพิ่งมาหาข้อมูลทีหลังว่าเรียกบั่นหมี่ หรือบั๋นหมี่นี่แหละ เราก็ถามว่าเขาเรียกว่าอะไร แต่พี่ผู้ชายเรียกว่า "ข้าวจี่" เราถามว่าเท่าไหร่ จะเอาเงินให้ เขาบอกว่า "ไม่ต้อง ไทยเวียดนามก็พี่น้องกัน" โห น้ำตาจะไหล แต่เขาบอกว่าเดี๋ยวเขาต้องลงตรงนี้เพราะถึงบ้านเขาแล้ว ไปฮอยอันก็ดูแลตัวเองดีๆ ฮอยอันสวย ไม่อันตราย เหมือนจะให้นามบัตรมาด้วย แต่เป็นนามบัตรจากปั๊มที่อยู่จุดพักรถมาให้ บอกว่ามีปัญหาก็โทรมาเบอร์นี้ แต่เหมือนเราจะทำหายไปละ

หลังจากนั้นก็ออกรถต่อ ฝนก็ปรอยๆตลอดเวลา มืดเหมือน 6 โมงเย็น ทั้งที่เพิ่ง 4 โมงกว่า

17.11 น. ก็จอดรถอีก หวานเย็นตลอดทาง แม่ค้าขึ้นมาขายของบนรถ ตะโกนว่า "หลักโก้ หลักโก้" นี่ก็ไม่รู้ภาษาเขาหรอก รู้แต่ว่าเอาอะไรขึ้นมาขายไม่รู้ หอมมากกกกกกกก แล้วคนก็รุมซื้อกันใหญ่เลย อยากลองกิน แต่มาไวไปไวมาก แป๊บๆก็ลงจากรถแล้ว

18.00 น. แล้วก็มาถึงเว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอลงจากรถให้พุ่งไปที่กระเป๋าใต้ท้องรถเลยนะ เขาจะโยนกองแบบไม่มีเยื่อไย 555555 นี่แหละที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ต้องเอากระเป๋าใหม่มา ไม่ต้องราคาแพง ไม่ต้องใส่ของที่โดนกระแทกไม่ได้ เพราะของจะถูกโยนลงพื้นดิน ของใครของมันก็รีบคว้า แล้วเดินโต๋เต๋ไม่รู้จะไปฝั่งไหน ออกมาเรียกแท็กซี่ ตามที่อ่านรีวิวมานั่นแหละ หาทางไป Shin Cafe ก่อนเลย จะไปซื้อตั๋วรถ sleeping bus ไปฮอยอันพรุ่งนี้ ไม่มีแท็กซี่รู้จักสักคัน ในใจต้องมาลุ้นอีกว่าจะโดนหลอกไหม เพราะแท็กซี่เวียดนามขึ้นชื่อเรื่องโกง นทท.มาก ศึกษามาว่าต้องเลือกแท็กซี่สีนี้ บริษัทนี้อีก แต่อย่าเลยค่ะ ถึงเวลาเข้าจริงๆ มืดแล้วไม่มีทางเลือกก็เลือกไม่ได้ คันไหนไปหมด

แท็กซี่คันที่เรียกก็ไม่ค่อยรู้จักทางอีก มีจอดโทรถามเพื่อนด้วย ทางเราก็ไม่รู้จัก เอาล่ะว้า จะโดนไหมว้า จะโดนหลอกไหมว้าาาาาาาา แต่ก็มีความพยายามโทรมากนะ แต่ก็ดันพาไปถูก สรุป มันไม่ใช่ Shin Cafe หรืออะไรเหมือนที่คนอื่นรีวิวเลยจ้า เขาเรียก Shin Tourist หรือบริการตั๋วท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวนั่นแหละ หรือความจริงอาจจะมีหลายที่แต่เราไม่รู้ก็ได้ มิเตอร์แท็กซี่ที่นี่ตัวเล็กและเลขเยอะมาก นี่ยิ่งโง่เลขอยู่ เห็นเลขเป็น 347..... อะไรสักอย่าง สรุปจ่ายค่ารถไป 50,000 (75.91 บาท) เฮ้ย! ถึงจะวนนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แย่นะ ค่าเงินนี่เราเอามาแปลงจากระบบอีกทีตอนมาเขียนรีวิวแล้วนะ แต่ตอนอยู่ที่นู่น จ่ายเงินหน้ามืด ไม่ค่อยได้คิดหรอก คิดตามหลักที่ว่าให้ตัดศูนย์ 3 ตัวหลัง แล้วเงินที่เหลือก็ คูณสองงี้ ราคาไม่ต่างกันมาก คิดง่ายดี(อันนี้ก็อ่านตามรีวิวมาอีกเหมือนกัน) เช่น 20,000 ด่อง = ตัด 0 สามตัวหลัง เหลือ 20 X 2 = 40 บาท อะไรงี้

ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยได้หรอกแก งูๆปลาๆ ก็ซื้อตั๋วเป็นกับเขาเหมือนกันถึงแม้จะมึนๆนิดหน่อยจากการเดินทางไกล คนที่พูดภาษาอังกฤษได้ส่วนใหญ่มีแต่คนขายตั๋วรถ หรือ พนง.โรงแรมแค่นี้แหละ คนทั่วไปไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษเหมือนบ้านเรา ค่ารถเดินทางพรุ่งนี้ 99,000 (150.30 บาท) ถูกไปอีก

20.00 น. จัดการทุกอย่างเสร็จ หาที่พักค่ะ ไม่ได้จองที่พักใดๆมาทั้งสิ้น วอคอินลูกเดียว แล้วที่พักก็เยอะมากด้วย แต่กะจะเอาใกล้ๆจุดขึ้นรถที่ซื้อตั๋ววันนี้แหละ ตื่นสายจะได้วิ่งมาทัน ท่าทางรถไปนี่จะมีไม่กี่รอบ เอาให้ชัวร์ รักษาเวลาไว้ด้วยตัวเองดีกว่า เหนื่อยมาก จนแบบนอนไหนก็ได้ ใจไปอยู่ฮอยอันแล้ว คือผ่าน 3 เมืองก็จริง แต่เว้กับดานังนี่ไม่ได้สนใจเที่ยวเลยนะ ความจริงถ้ามากับทัวร์เขาก็จะพาเที่ยวทั่วเช่น เว้ จะมีพระราชวังเก่าอยู่เยอะมากๆ แต่เราสายแบคแพค เออ...อยากไปไหนก็ไป วันนี้เมื่อย วันนี้จะนอน

แล้วก็เดินมาเจอ พนง.หน้าตาจิ้มลิ้ม ใส่ชุดอ๊าวหย่าย หรือที่คนไทยเรียกว่า อ๋าวหย่าย ยืนเรียกแขกอยู่หน้า รร. ทางรร.ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่า ดูขลัง ไม่ค่อยมีคนหรือเขาไม่ชอบเพราะดูอึมครึมหลอนนะ แต่เราไม่รู้สึกอ่ะ ไม่ได้เจอสิ่งลี้ลับอะไรด้วย แค่คืนนี้มีที่ซุกหัวนอนก็พอแล้ว ชื่อ รร. Mai Dao พนง.น่ารักดีนะ หวานหยดย้อยเชียว ค่าห้อง 250,000 (379.53 บาท) ขนาดเป็นห้องส่วนตัวนะ ยังถูกขนาดนี้ ถ้าโฮสเทลจะถูกขนาดไหน

เอาของไปเก็บ อาบน้ำอาบท่าแล้ว ก็เริ่มหิว ออกไปเดินใกล้ๆ รร.ไม่กล้าเดินไปไหนไกล เดินไปหาอะไรกินแถวนี้แหละ กลัวหลงกลับไม่ถูกด้วย เพราะมืดแล้ว เดินดูสีสันเว้ตอนกลางคืน รอบๆมีแต่ผับเวียดนาม เพลงก็คงเวียดนามหมด คงไม่อิน ว่าแต่สาวเวียดนามนี่สวย ผิวพรรณดี หุ่นดีมากอ่ะ

มาเวียดนามก็ต้องเฝอสิ เดินหาก็มีร้านนั่งเก้าอี้เล็กเต็มไปหมด คือหิวมาก ไม่อยากมองหาร้านแล้ว ร้านใหญ่ไปนั่งกินคนเดียวก็ยังไงอยู่ กินอันนี้ก่อนละกัน ข้าวต้ม สั่งไม่เป็นหรอก ชี้ๆเอาได้ เพราะคนขายก็ไม่พูดภาษาอังกฤษกับเราเหมือนกัน อร่อยอยู่นะ หรือหิว! มื่อนี้ 40,000 (60.73 บาท) หือ...แพง

เดินไปเจอบั่นหมี่อีก ไม่ใช่ร้านหาบเร่ เป็นเหมือนร้านมาตั้งขายริมถนน ทำไมแพงอ่ะ ตกใจ หรือเขาเห็นเราเป็น นทท. หรือมันชิ้นใหญ่และไม่ได้หาบขาย 40,000 (60.73 บาท) ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร มึนจ่าย มานั่งคำนวณตอนถึงห้องอีกที ลมจับ!

รถมอเตอร์ไซค์เยอะมาก ได้ยินเสียงบีบแตรอื้ออึงตลอดเวลา จนหลอนเลยแหละ ไม่ค่อยมีรถใหญ่ มีแต่มอเตอร์ไซค์กับจักรยาน ขับเลนขวา สวนไปสวนมาจนแทบจะข้ามถนนไม่ถูก เกือบโดนชนไปหลายที

เจอแล้ว ร้านข้างทางนั่งเก้าอี้เล็ก ได้ฟีลไหมล่ะ เดินมาไกลจากที่พักเชียว สั่งเฝอก่อนเลย เป็นแม่ค้าหาบมา นั่งกินข้างถนนเลยจ้า กินไปด้วย ดูมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านไปมาด้วย กินแล้วกินอีก มาประหยัด แต่เดินเจออะไรกินหมด อิ่มพุงแตก ที่สำคัญแป้งเยอะด้วยแหละเลยอิ่ม ค่าเสียหาย 20,000 (30.36 บาท) ป้าแม่ค้าก็สื่อสารกับเราไม่ได้ เวลาจ่ายเงินเขาก็เอาแบงค์ของเขาชี้ให้เราดูว่าราคาเท่านี้ เอาแบงค์นี้จ่าย จะเป็นเหมือนกันหมดสำหรับแม่ค้า เขาพูดอังกฤษไม่ได้ก็หยิบแบงค์ให้เราดู ชี้ ชี้ บอกว่าราคาเท่านี้

ใครอยากกินเฝอเวียดนามไม่ต้องมาถึงนี่ก็ได้ กินที่ไทยเถอะ เพราะเขาทำถูกปากคนไทยมากกว่า ที่นี่กินรสจืด ไม่ได้อร่อยมากมาย อาหารหลายอย่างจืดหมดอ่ะ คิดถึงส้มตำปูปลาร้า ส้มตำหอยดอง ฮือๆ

ยังไม่หมด ก่อนเข้า รร.ยังเดินไปร้านขายของชำอีก ยังจะซื้อเบียร์กับมันฝรั่งมาอีก ก็เบียร์ไซ่ง่อนอ่ะแก ลองหน่อย ค่าเสียหายสองอย่างรวมกัน 45,000 (68.32 บาท)

เอาเงินมากองบนเตียง รู้สึกเหมือนเป็นราชา ช็อปทีเที่ยวทีมีเงินเป็นแสนเป็นล้าน 5555

อิ่มมากเลยนะ ยังจะกินอีก แถมเบียร์จืดสนิทเหมือนน้ำเปล่าผสม ดีละที่ซื้อมากระป๋องเดียว ไม่อร่อยเลย กินแล้วก็นอนพัก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เช็คเอาท์ 07.00 น. เพื่อจะออกเดินทางไปฮอยอัน 08.00 น. ห้าทุ่มก็หลับแล้ว เพลียสุดๆ


Day 3

Happy Birthday to me ทริปผจญภัยไปกับวันเกิด 26 พฤษภาคม วันเกิดเรา

05.30 น. จะตื่นมาทำไมเช้านะ อ่อ...ตั้งใจตื่นมาดูวิถีชีวิตคนเวียดนามตอนเช้าไง เวลาไม่กี่ ชม.ก็ไม่อยากปล่อยให้สูญเปล่า แต่ตี 5 สว่างจ้าเลยจ่ะ เวลาเวียดนามเท่ากับเวลาไทยนะ แปรงฟันอย่างเดียวแต่ยังไม่อาบน้ำ กลิ้งไปมาแล้วก็ออกไปหาอะไรกิน

06.30 น. เดินๆมาก็เจอคนขายบั่นหมี่อีก ก็ซื้ออีก อันนี้รู้สึกอร่อยกว่าอันอื่นที่กินมาเลยแฮะ มีความเผ็ดรสชาติคนไทย 10,000 (15.18 บาท) เองอ่ะ ฮือ เมื่อคืนซื้อมาแพง

กินไปเดินดูบรรยากาศยามเช้าของเมืองเว้ไป ชอบตรงที่ไม่ค่อยมีรถเก๋งเนี่ยแหละ มอเตอร์ไซค์เยอะไปหน่อย บีบแตรหนวกหนูไปหน่อย แต่ก็โล่งตาดี







เจอแล้ว ร้านกาแฟ ร้านโต๊ะเด็ก มีแต่คนทำงานมานั่งกินก่อนไปทำงาน



กาแฟขมมาก ไม่แน่ใจว่าขี้ชะมดแท้หรือเปล่าด้วย ขมสะใจเลยแหละ คอกาแฟคงชอบ แต่แพง หรือแพงเพราะเราเป็น นทท. เพราะถ้าขี้ชะมดจริงก็น่าจะแพงอยู่ ตั้ง 50,000 (75.91 บาท) นึกว่านั่งในร้านกาแฟดังใน กทม.


07.00 น. เดินๆถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ แต่ก็เงียบๆไม่ค่อยมีอะไร แต่ก็เซอร์เวย์ที่พักไว้ก่อน เพราะวันกลับเราต้องมาพักที่เว้อีก 1 คืน คงเช้ามากๆด้วย เลยกลับเข้ามาอาบน้ำที่ รร. และเก็บของรอเช็คเอาท์






07.30 น. เช็คเอาท์ 250,000 (379.53 บาท) แล้วเดินมาที่จุดขึ้นรถ ก็เป็นที่เดียวกับที่เราซื้อตั๋วเมื่อวานนั่นแหละ ที่นี่มี wifi free ด้วยนะ แต่เล่นได้แป๊บเดียวรถก็มาละ ตื่นเต้นอ่ะ หลากหลายเชื้อชาติมาก ฝรั่งก็เยอะ จีน เกาหลีก็มี ฝรั่งก็สไตล์แบคแพคมาเที่ยวอินดี้เงียบๆ แต่จะได้ยินเสียงคนจีนโช้งเช้งหน่อย

08.00 น. รถออกแล้วจ้าาาาาาา แจกถุงเหมือนเดิมนะ เอาไปใส่รองเท้าตัวเองด้วย เลือกที่นั่งไม่ได้อ่ะ เลยได้ปีนเลย แต่ได้โซนกลางๆก็ดีนะ เหมาะกับคนชอบดูวิว หลับๆตื่นๆตลอดทาง มี wifi บนรถด้วย แต่ใช้ไม่ค่อยได้หรอก สัญญาณไม่ดีเลย ไม่เล่นก็ได้

10.00 น. ตื่นเช้าเพลีย หลับๆตื่นๆตลอดทาง มารู้ตัวอีกทีรถลอดอุโมงค์จ้า อุโมงค์รถยนต์แก เฮ้ย! มีอุโมงค์รถยนต์ด้วย อุโมงค์ยาวมาก ลอดยาวมาก เป็นคนที่ตื่นเต้นทุกครั้งเวลารถต้องเข้าอุโมงค์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถไฟ เดี๋ยวขากลับเราก็ลอดอุโมงค์อีก เดี๋ยวค่อยมาพูดถึงอุโมงค์นี้กันอีกที แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากลอดอุโมงค์มาแล้ว เราจะเจอวิวห้ามหลับ! ห้ามหลับจริงๆ ภูเขาเวียดนามสวยมาก ใหญ่มาก อลังมาก กดชัตเตอร์ไม่หยุดเลย รถก็วิ่งไปเรื่อยๆ เลยได้ภาพไม่ค่อยสวย แต่ของจริงสวยมาก กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา สดชื่นสุดๆ และเป็นหน้าฝนที่ต้นไม้เขียวขจีมากๆด้วย












สักพักก็จะถึงจุดพักกินข้าว เข้าห้องน้ำ ประมาณ 30 นาที ใครจะกินหรือไม่กินก็ได้ เราลงเข้าห้องน้ำอย่างเดียว วิวดีนะ wifi แรงมากด้วย เหมือนเป็นสวนๆ ร่มรื่น เลี้ยงสัตว์ด้วย หรือใครจะซื้อของฝากก็ได้เหมือนกัน พวกชาสมุนไพร ขนม นี่ก็ไม่รู้จักซักอย่าง ไม่รู้ว่าอะไรอร่อยหรอก













ม่กล้าเดินไปไกล กลัวกลับมาไม่ทันแล้วรถออก จะตกรถ อันนี้ขอแนะนำนิดนึงว่า ตอนลงจากรถก็ให้สังเกตรถที่เราขึ้นมาด้วย เพราะจะมีรถคล้ายๆกันจอดใกล้กันเลย เดี๋ยวจะขึ้นผิดคันได้ ถ่ายรูปเลขข้างรถไว้แบบนี้ก็ได้ หรือจำคนขับ จำเพื่อนๆที่ไม่รู้จักในรถ


10.50 น. แล้วก็วิ่งถึงดานัง เฮ้ยๆ สวยอยู่นะ แต่ถ่ายอยู่บนรถนี่สิ ไม่ค่อยชัดเลย ทะเลเวียดนามอ่ะแกๆๆๆๆๆๆ ดีอยู่นะ แต่ท่าทางคลื่นแรงน่าดู มาถึงที่นี่ก็แวะส่งคน มีคนลงหลายคนอยู่นะ และก็รับคนเพิ่มที่นี่อีก ส่วนใหญ่เป็นเวียดนาม ขึ้นมาค่อนข้างเสียงดังเลย

11.30 น. กรี๊ดดดดดดด ถึงฮอยอันแล้วววววววว เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง ฉันมาไกล มาไกลเหลือเกิน มาถึงก็เป็นจุดพักรถบริษัทที่ขายตั๋วรถให้ลูกค้านี่แหละ เลยซื้อตั๋วกลับรอเลย 99,000 (150.30 บาท) แล้วก็ไม่ได้หาที่พักเหมือนเดิม ขี้เกียจเดินหา เพราะว่ามีแท็กซี่ และรถรับจ้างเดินมาถามเต็มเลยเวลานักท่องเที่ยวลงจากรถ เราเลยถามที่เค้าขายตั๋วรถนั่นแหละ อยากได้ห้องถูก แล้วก็มีจริงๆด้วย คือเป็นธุรกิจเลย เป็นตึกแถวถัดจากตรงนี้ไม่กี่ห้องเลย เราว่าสะดวกดี ใกล้ด้วยเวลาจะมาขึ้นรถที่นี่

พักที่นี่แหละ อ่านไม่ออกหรอก ประเด็นคือห้องเต็มหมดเลย เขาบอกว่าให้รอก่อน กำลังมีคนเช็คเอาท์ ขอทำความสะอาด ตอนแรกนึกว่าได้ห้องเล็กจ้า นทท.ชาวจีนผู้หญิงลงมากัน 4 คน เฮ้ย! ได้ห้องใหญ่เลย แล้วพักคนเดียวด้วย ห้องกว้างมาก ค่าห้องก็ 250,000 (379.53 บาท) จ่ายค่าห้องก่อนล่วงหน้าเลย เจ้าของดูแลดีนะ เป็นผู้หญิง เหมือนเป็นบ้านแล้วชั้นบนเปิดให้เช่ามากกว่า

มีทั้งแอร์และพัดลมด้วย

วิวข้างนอก ก็ติดถนนเลย

ตอนแรกเซ็งมากเลยนะ ไม่ได้เอาอะแดปเตอร์มา ไม่รู้ว่าที่นี่ปลั๊กเขาเป็นยังไงด้วย แต่ใจชื้นขึ้นมาเลยที่รู้ว่าใช้เหมือนบ้านเรา เลยไม่ต้องหาซื้อใหม่ น้ำตาจะไหล

แอบหยิบแผนที่ฮอยอันมานะ เผื่อเตรียมตัวปั่นจักรยาน แต่ว่า...งงจ้า ดูไม่รู้เรื่อง เดินไปเรื่อยๆแล้วกัน

12.00 น. พักผ่อน เก็บของก็ออกจากที่พัก เจ้าของใจดีมากนะ ดูแลดี เขาเห็นกระเป๋าเราปิดไม่เรียบร้อยก็ปิดให้ บอกให้ระวังตัว อย่างที่บอกนั่นแหละ ใครมาเวียดนามก็กลัวเรื่องมิจฉาชีพ วันนี้มีครึ่งวันค่ะ เราจะเดินเที่ยวก่อน เซอร์เวย์ก่อน เดินไกลเลย ถามทางบ้างอะไรบ้าง จะไป old town hoi an เดินไปเรื่อยๆจะได้ถ่ายรูปข้างทางไปด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยหาที่เช่าจักรยาน แอบเล็งร้านไว้ละ ใกล้ที่พักด้วย

เดินๆอยู่เริ่มหิว กินอะไรก็ได้อ่ะตอนนี้ เดินไปเจอแม่ค้าหาบเร่ น่ากินดีแฮะ เห็นคนนั่งกินกันกับตั่งเล็กๆ ก็เกือบทุกร้านจะนั่งแบบนี้หมด ได้ฟีลดี ไม่ต้องนั่งร้านอาหารอ่ะ ชอบอะไรที่ยังเป็นท้องถิ่นแบบนี้ เขาอยู่แบบไหนก็อยู่ได้ นั่งได้ กินได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร เราเรียกสเต๊กข้างทาง กินไม่เป็นด้วยอ่ะ อยู่ดีๆเหมือนโดนมนต์แล้วไปนั่งมองเขากิน แล้วเขาก็สอนว่าต้องกินยังไง เอาเนื้อที่เสียบไม้รูดกับแป้งแล้วใส่ผัก ราดน้ำจิ้มได้ตามสบาย ไม้ละ 10,000 กินไป 3 ไม้ 30,000 (45.54 บาท) อร่อยดี สนุกด้วย น้ำไม่มีให้กิน ก็ไปเดินหาซื้อโค้กกระป๋องอีก 20,000 (30.25 บาท) ทำไมแพงวะ???

อิ่มแล้วก็หาทางเข้า Old Town ได้ละ เห็นโคมเยอะๆ ตึกเก่าสีเหลืองๆนี่ก็พุ่งมาเลย

ไปเดินเล่นกันก่อน ร้านรวงยังไม่ค่อยเปิด เปิดอีกทีก็ตอนเย็นคึกคักเลย ขายของแฮนด์เมดเยอะนะ มีแต่ตึกสีเหลืองน่าถ่ายรูปดีอ่ะ เมืองเก่าอารมณ์ปีนัง

"ฮอยอัน ฉันรักเธอ" หลายคนทันละครเรื่องนี้ ทำไมต้องฮอยอัน ว่ากันว่าเมืองนี้โรแมนติกมากๆ ประวัติของความหวานนั้นเราไม่รู้แน่ชัด แต่เมื่อก้าวเข้ามาก็พบกับความสงบ ความสวยงาม บรรยากาศดีๆแบบท้องถิ่น พร้อมด้วยความสวยงามของเมืองนี้ คงเป็นสิ่งที่บอกกับหนุ่มสาวหลายคนว่า เป็นเมืองที่โรแมนติก สงบเงียบ เหมาะกับการพาแฟนมาจริงๆ ถ้ามีแฟนก็อยากพามา ยิ่งกลางคืนโคมไฟที่ประดับประดายิ่งสวยงาม โรแมนติกมากจริงๆ เดินๆอยู่จะเจอว่าที่คู่บ่าวสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้งเต็มไปหมด แทบจะทุกซอกทุกมุมของเมืองนี้ ทั้งกลางวันและกลางคืน คนโสดมานี่ยิ่งตอกย้ำความเหงาเข้าไปอีก

ความจริงมีตั๋วเหมาเที่ยวชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของฮอยอันเป็นจุดๆ ใครสนใจก็ไปสอบถาม จนท.ได้ รู้สึกจะอยู่แถวทางเข้าเลย เป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ บ้านเก่า พิพิธภัณฑ์ ประมาณนี้ ก็จะเข้าไปแบบทัวร์กันหลายๆคน จากที่ดูรีวิวอื่นรู้สึกจะแค่ 200 บาท แต่กว่าจะครบก็อาจจะเสียเวลาเป็นวันๆเลย ส่วนเราขอบาย เราสายถ่ายรูป เดินชิลล์ อินดี้อยู่คนเดียว ไปเป็นกลุ่ม ไปฟังเขา เราก็ไม่รู้ภาษาเขา เลยขอถ่ายรูปอาคารต่างๆข้างนอกจะดีกว่า

สะพานญี่ปุ่น หนึ่งในสถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ 17 เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดในเวียดนาม เดิมสร้างขึ้นโดยชุมชนชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเมืองฮอยอันช่วงต้นทศวรรษที่ 1600 เพื่อให้ชาวญี่ปุ่นได้ทำการค้ากับพ่อค้าชาวจีนที่อาศัยอยู่บนฝั่งทิศตะวันออกของคลองได้ เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและมิตรภาพ ใช้งานได้จริง ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดถ่ายรูปสำคัญ (ขอบคุณข้อมูลจาก expedia.co.th)

โคมไฟที่ประดับประดาเพื่อความสวยงามเต็มไปหมด ทั้งยังสามารถหาซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีก ดูกลางวันแบบนี้อาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เดี๋ยวเราจะกลับมาดูตอนกลางคืนกัน คงสวยมากๆเลยทีเดียว

อดีตฮอยอันเคยเป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนาม และใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ได้ขึ้นทะเบียนในเขตเมืองเก่าให้เป็นมรดกโลก เพราะยังมีความเป็นเอกลักษณ์ อาคารเก่าแก่ที่ยังอนุรักษ์ รวมถึงวัฒนธรรมของเวียดนาม รู้สึกได้ถึงลมหายใจของเวียดนาม เดินไปทางไหนก็ใส่หมวกทรงแหลมกันหมด แต่งกายด้วยชุดประจำชาติ ชอบมาก ชอบที่นี่มากๆ อยากอยู่หลายๆวัน

เนื้อที่พี่กิน มันไม่ใช่เนื้อของหนูใช่ไหมลูก

อย่างที่หลายคนก็รู้สึกเหมือนกันว่า เวียดนามนี่ต้องกินเนื้อเจ้าตูบแน่ๆ ไปแล้วจะเจอไหม บอกเลยว่า กินๆไปเถอะ ไม่รู้ไม่ผิด 55555 ม่ายช่ายยยยยยย มีพี่ที่รู้จักเคยมาเวียดนามบอกว่า เนื้อเจ้าตูบจะมีเฉพาะร้านที่ติดป้ายรูปเจ้าตูบหรือบอกไว้ว่ามี ไม่ใช่ว่าหาทานง่าย เพราะเป็นอาหารเหลาเลย และอีกอย่างหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่รู้ เคยเห็นในนิทรรศการภาพถ่ายค่ะ เป็นภาพเจ้าตูบจากไทยส่งออกเวียดนาม นั่นหมายความว่าเวียดนามนำเข้าเนื้อเจ้าตูบด้วย ไม่ใช่เนื้อที่หากินกันได้ง่ายเลย ที่กินส่วนใหญ่ก็เป็นหมู แต่ถ้าเผลอไปกินโดนก็อย่าให้รู้แล้วกัน 55555 สงสารเจ้าตูบอ่ะ

เดินๆอยู่ฝนตกหนักซะงั้น มาช่วงหน้าฝนก็งี้แหละ อึมครึมมาแต่วัน แต่หายร้อนเลย

ฝนหยุดแล้วก็เดินกลับ กลับแบบหลงๆด้วย หาทางงงมาก ต้องเอานามบัตรที่อยู่ของที่พัก ถามไปตลอดทาง แล้วหาคนพูดภาษาอังกฤษได้ยากมากๆ เดินหลงเอง คลำทางเองอาจจะยังง่ายกว่า รู้งี้โรยขนมปังระหว่างทางก็ดีเนาะ 555555 ทริปออกกำลังกายสุดๆ

17.00 น. ก็ถึงห้อง กลับมานอนสลบแล้วเดี๋ยวออกไปดูโคมตอนกลางคืนต่อ ภาวนาอย่างเดียวให้ฝนไม่ตก วันนี้เดินเมื่อย พรุ่งนี้เราจะไม่เมื่อยแล้ว จะออกไปเช่าจักรยานแต่เช้าเลย

18.30 น. ออกไปดูโคมยี่เป็ง เอ๊ย! ถนนคนเดินใน OLD TOWN กันเถอะ ทีนี้คนเริ่มเยอะขึ้น ไม่เจอคนไทยเลย ส่วนใหญ่มีฝรั่งกับจีน ครึกครื้นมาก หลงก็เดินวนทะลุกันหมด ของขายเยอะ มองไปทางไหนก็โคม ชอบมาก ฮือ ชอบบบบบบบ

เสียดาย ถ้ามีกล้องดีๆคงถ่ายสวยกว่านี้ กลางคืนถ่ายยากมากอ่ะ มีแต่มือถือ

สวยจนละสายตาไม่ได้ เป็นแบบนี้นี่เอง และความอิจก็คืบคลานเข้ามา เมื่อชะนี เที่ยวคนเดียวในคืนวันเกิดของตัวเอง ในเมืองที่โคตรจะโรแมนติกแบบนี้ อาภัพไปอีก5555

ดูสนุกกันมากเลย แต่เราฟังไม่รู้เรื่องเลย ฮือ แต่ก็สัมผัสได้ว่าเป็นการแสดงที่สนุกในวัฒนธรรมของเขา

สะพานญี่ปุ่นในตอนกลางคืน

แล้วอยู่ดีๆก็ไปเดินเจอไอ้นี่จ้า คนขายบอก บีฟ บีฟ อ้าว! บีฟก็บีฟ ลองซื้อมากิน ไม้นึง 10,000 (15.18 บาท) เฮ้ย! โคตรอร่อย อร่อยมาก หอมมาก เป็นใบไม้ห่อเนื้ออ่ะ โอ๊ยยยยย อร่อยไม่ไหวแล้ว หันหลังจะไปซื้ออีก คนรอเต็มเลยจ้า กว่าจะปิ้งเสร็จ งั้นไม่รอก็ได้ ไม้เดียวก็ได้

ค่ำคืนวันเกิด 26 พฤษภา ที่แสนโรแมนติกอยู่คนเดียว เดินดูแสงสีจากโคมไฟในฮอยอัน หาของกินท้องถิ่น กิน กิน แล้วก็กินอีกแล้ว คนนั่งกินเต็มเลย ข้าวยังไม่ทันกิน ก็ซัดของหวานละ เดินเจออะไรก็กินอันนั้นก่อน อันนี้ชี้ๆมั่วๆเอา เรียกไม่ถูก ยังไม่รู้เลยว่าเรียกว่าอะไร 55555 แต่อร่อยมาก อร่อยยยยยย นั่งยองๆกินตรงนี้เลย 15,000 (22.77 บาท)

น้ำไม่มีก็ต้องหาซื้ออีก 10,000 (15.18 บาท)

อิ่มแล้วค่ะ! แต่....เฮ้ย! อันนี้เราเพิ่งกินเมื่อเช้านี่ แต่อยากกินอีกอ่ะ ห้ามใจได้ แต่ก็ห้ามปากตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ สเต๊กไม้เสียบ (อันนี้ตั้งชื่อเอง) ยังกินไปอีก 3 ไม้ 30,000 (45.54 บาท)

เด็กน้อยเฝ้าร้านให้แม่

แล้วก็ไปเดินย่อยต่อ

เดินเยอะก็หิวอีก ไปเจอเกาเหลาน่ากินอีก ซึ่งความจริงเรียกเกาเหลาหรือเปล่าไม่รู้ เห็นคนอื่นกินกันเยอะ อ้าว ลองอีก! 25,000 (37.95 บาท) นั่งโต๊ะเด็ก กินริมน้ำ

อย่าเรียกว่าอิ่มแล้วไปไหน เรียกว่า จุกแล้วไปไหนจะดีกว่า เดินย่อยก่อนค่ะ

21.00 น. กลับเข้าห้อง แต่เล่นเน็ตเพลิน wifi แรง ไม่ได้ใช้เน็ตมาทั้งวัน ต้องรอให้กลับถึงที่พัก เขี่ยโทรศัพท์ไปมา นอน 02.30 จ้า จะมีแรงไปปั่นไหมพรุ่งนี้ ชีวิตที่ต้องการ ชีวิตที่กินแล้วนอน เล่นโทรศัพท์จนร่วงใส่หน้า

DAY 4

06.00 น. เดี๋ยวๆ ทำไมตื่นเช้า เมื่อคืนเพิ่งนอนไปกี่โมง กลัวใช้เวลาไม่คุ้ม ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว เดินไปเช่าจักรยานแถวที่พัก ที่ร้านก็เปิดแต่เช้าเหมือนกัน ค่าเช่า 1 ดอลลาร์ 35 บาทละกันอ่ะ ถูกจริงถูกจัง

แต่ก่อนอื่น หิวก่อน กินอิ่มนอนอุ่น กินอาหารข้างทาง ชอบนั่งกินข้างทางกับโต๊ะเด็ก ไม่ชอบร้านอาหารใหญ่ๆ นอกจากจะนั่งกินคนเดียวแล้ว แถมแพงอีก ร้านข้างทางถูกๆนี่แหละเหมาะกับสไตล์เราสุดๆละ ทำตัวกลมกลืนกับคนเวียดนาม เห็นเขากินอะไรก็กิน แถมที่กินมาทุกอย่างก็อร่อยมากด้วย

อยู่แถวที่พักเลย หาบมาแล้วเอาโต๊ะวางพอ ข้าวต้ม งือออออออ อร่อย อร่อยยยยยย 20,000 (30.36 บาท)

พอกินอิ่ม แม่ค้าเห็นเราเอามือเช็ดปาก นางเอากระดาษให้จ้า กระดาษเช็ดปาก ไม่ได้ประชด แต่เป็นกระดาษเช็ดปากจริงๆ แม่ค้าทำท่าให้ดูด้วยว่าเช็ดปากแบบนี้ แอบสังเกตเหมือนกันว่าบางร้านมี แต่ไม่คิดว่าเขาจะเอามาเช็ดปากอ่ะ ร้านที่นั่งกินแต่ละร้านเขาไม่มีทิชชู่เช็ดปากเหมือนบ้านเรา แต่เขาใช้กระดาษหยาบๆแบบนี้เช็ดเลย มีเหรอ จะไม่กล้าเช็ด 555555 เข้าเมืองตาหลิ่วค่ะ

อิ่มแล้วไปไหน อิ่มแล้วไปปั่น อากาศไม่ร้อน เช้าๆอากาศดีมาก ประมาณ 2-3 กม.ที่เราจะไปที่แรกเลยคือทะเล ค่ะ ทะเลเวียดนาม ตอนแรกคิดว่ามีแต่ดานังเท่านั้นที่เที่ยวทะเลได้ ฮอยอันก็มี ทะเลก็ทะเลเดียวกัน แต่อาจจะสวยน้อยกว่าดานัง ถ้าดานังเปรียบเป็นทะเลใต้ ออยอันคงเป็นทะเลตะวันตก ปั่นไปก็เจอความเขียว อากาศดีข้างทาง แทบไม่มีรถเลย เมืองนี้เหมาะกับการปั่นแบบไม่ต้องกลัวมิจฉาชีพเลย เป็นเมืองเล็กๆที่สงบมาก

แป๊บๆมาถึงแล้ว ไม่ไกลมาก จ่ายค่าจอดจักรยานแบบงงๆ 20,000 (30.36 บาท) เดี๋ยวๆ นี่เรามึนงงโดนโกง หรือเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จอดเลยแพง คนดูแลรถก็กวักเรียกใหญ่เลย ก็ไม่รู้จะจอดตรงไหนนี่ แล้วมานี่มีแต่คนรู้นะว่าไม่ใช่สาวเวียดนาม หน้าไม่มีความจีนเลย แถมหัวทองอีกต่างหาก คนที่อื่นแน่นอน สุ่มเสี่ยงต่อการโดนโกงตลอดเวลา 55555

นี่จับมาขายสดกันตรงนี้เลยเหรอ

ทะเลคลื่นน่ากลัวมาก แต่ก็มาเล่นน้ำกันแต่เช้าไม่แคร์คลื่นเลย นี่อารมณ์บางแสนบ้านเราเลยนะเนี่ย ดูท่าทางคนที่นี่จะชอบทะเลมาก มาเล่นกันเช้ามาก เล่นนาน ไม่ยอมขึ้น น้ำไม่ใส คลื่นแรง เฮ้ๆ ไปเที่ยวเมืองไทยสิ แค่เกาะล้านนี่ก็โคตรสวยเลย อยากบลัฟด้วยทะเลใต้บ้านเราจริงๆ

มีเครื่องบินโฉบหัวไปมาแบบระยะใกล้ๆ

ชอบสุดก็ร่ม โต๊ะตั่งอะไรของเขานี่แหละ ไม่ได้แบบเตียงผ้าใบสีๆเหมือนบ้านเราดี

ไม่อินกับทะเลที่นี่เท่าไหร่ อยู่แป๊บเดียวก็กลับ ปั่นกลับทางเดิม ที่นี้ปั่นไปทางเมืองเก่า เพื่อจะหลงไปอีกหมู่บ้านนึง เหมือนจะเป็นหมู่บ้านประมงอะไรซักอย่างนี่แหละ หลงจริง ดูแผนที่ไม่รู้เรื่องก็เก็บเลย แล้วเดาคร่าวๆ ปั่นจักรยานตามตูดชาวบ้านเขาเฉย ร้อนก็แวะซื้อโค้ก 15,000 (22.77 บาท)

เหมือนหลงมาลึกเรื่อยๆ อ้าว! ไปไหนวะเนี่ย เข้าตรอกซอกซอย ปั่นตามชาวบ้านเขามา เจอตลาดที่เหมือนเป็นตลาดปลา หืม...รีบกลับเลย ดูเฉอะแฉะนะ เดี๋ยวไม่ทันเวลาด้วย เออ...ปั่นมาแทบตายแล้วปั่นกลับ ยังไม่ทันได้ถ่ายรูปอะไรเลย ก็กลับทางเดิม

นี่มันเมื่อคืนนิ่ ไม่เปิดไฟก็คนละเรื่องเลย เข้าไปดูโคมชัดๆ

หันไปทางไหนก็มีแต่จักรยาน เหมาะกับการปั่นจักรยานจริงๆ ชิลล์มาก ชอบมาก ใครชอบแนวนี้ต้องมา นี่มันเมืองจักรยานชัดๆ แต่ถ้าเดินออกจาก OLD TOWN ด้านนอกก็จะเริ่มเจอมอเตอร์ไซค์บีบแตรเสียงดังละ

เหมือนเมืองนี้รวมสไตล์การท่องเที่ยวแนวเราไว้หมดเลย เที่ยวเชิงวัฒนธรรมและศิลปะ สายถ่ายรูป สายชิลล์ สายสตรีทฟู้ด ของกินเยอะและถูกมาก ชอบซื้อของกินข้างทาง แบบชาวบ้านขายอ่ะ มันไม่ได้เห็นแค่อาหารหน้าตาแปลก แต่มันเห็นวิถีชีวิตคนท้องถิ่นจริงๆ

เห็นแม่ค้ายิ้มแย้มแจ่มใส น่ารักดี เลยมาซื้อกิน ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แม่ค้าบอกว่า "ซาวบั๊ก" เหมือนแป้งโปะถั่วหวานๆ ได้เยอะมากๆ 10,000 (15.18 บาท)

ที่สำคัญที่ชอบมากอีกอย่างหนึ่งคือ ฮอยอันเป็นเมืองที่ตอบโจทย์สายติสท์มากๆ สงบเงียบ มีอะไรให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด มีงานศิลปะให้เสพ ร้านรวงเป็นร้านขายของแฮนด์เมดเต็มไปหมด นักท่องเที่ยวก็เยอะนะ แต่ไม่วุ่นวายมาก

ตอนแรกอยากซื้อหมวดใส่เหมือนคนเวียดนามนะ แต่นึกถึงตอนขากลับ ขี้เกียจขนไปเยอะอีก

สวรรค์ของช่างภาพแคนดิดเราว่าก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน เสียดายมีแค่มือถือ อยากมีกล้องดีๆไว้ถ่ายแคนดิดคนให้สวยๆกับเขาบ้าง

แต่ข้อควรระวังคือวัฒนธรรมจะกลายเป็นธุรกิจ เราเสียดายที่ไม่มีกล้องถ่ายรูป รูปที่ถ่ายทั้งหมดเราถ่ายจากมือถือ แต่อาจจะเป็นความโชคดีที่เรามีแค่มือถือ เมื่อเดินไปตามย่านเมืองเก่าฮอยอัน จะพบกับบรรดาป้าๆเดินหาบของ แต่เหมือนไม่ได้ตะโกนขาย ป้าแกเรียกไปถ่ายรูป โชคดีที่พออ่านข้อมูลมาบ้าง เวลาเรียกอย่าไป เพราะถ่ายรูปเสร็จแกจะเก็บเงินทันที ถ้าไม่ให้อาจจะตื้อไม่หยุด เราแค่หยิบมือถือมาถ่ายเลยถ่ายเนียนๆไป 1 รูป แต่ทำท่าเหมือนถ่ายอย่างอื่นอยู่ แต่ป้าแกเหมือนรู้ว่าโดนแอบถ่าย เดินวนไปวนมารอบตัวเราพยายามจะเข้ามา ก็กลัวเข้ามาขอดูที่มือถือด้วยแหละ ค่อนข้างรู้สึกไม่ดีที่เป็นแบบนี้ มันกลายเป็นธุรกิจไปแล้ว แต่อาจจะกลายเป็นความท้าทายของนักแคนดิด ว่าถ่ายอย่างไรไม่ให้เหมือนกำลังถ่ายอยู่ ต้องแอบถ่ายจริงๆอ่ะ จะเปลี่ยนเลนส์ นั่งโฟกัส ถ่ายเจาะก็ดูจะทำให้รู้ตัวเกินไป อยากได้ภาพดีๆ เข้าไปขอถ่าย มีเก็บเงินแน่นอน ไม่ใช่แค่ฮอยอัน แต่เป็นหลายๆเมืองด้วย เพราะคนไปเวียดนามส่วนใหญ่เชื่อว่าวัฒนธรรมดั้งเดิมใครก็อยากเห็น อยากถ่ายรูปเก็บมา เหมือนเค้ามาบ้านเรานั่นแหละ

และที่สำคัญ สิ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าที่นี่จะมีอะไรแบบนี้ เดินไปกรี๊ดไป ร้านเสื้อผ้าค่ะ ร้านเสื้อ ร้านเสื้อบางร้านที่ยังเป็นร้านตัดเสื้อ การตัดเย็บที่สวยงาม เนี๊ยบ มีทั้งเครื่องหนังและเสื้อผ้า สไตล์คนเวียดนามใส่ ชอบเดรส เรียบแต่สวย เหมาะกับสาวเวียดนามไซต์เล็กที่ไม่ใช่เราเลย 555555

อากาศดี ช่วงที่มาเป็นฤดูฝนของไทย ซึ่งที่นี่ก็ฝนเหมือนกัน แต่ไม่ถึงกับมีพายุแรง บ่ายๆร้อน แต่ค่ำๆฝนตกพอให้เย็นๆ หลับสบาย บางทีก็อึมครึม แต่ไม่ได้ตกหนักทั้งวัน

ล่องเรือได้นะ ไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ก็นั่งวนอยู่แถวนี้แหละ จะเห็นลุงๆป้าๆแกกวักมือเราเรียกลงเรือตลอดแหละ แต่เรามีจักรยานแล้วอ่ะ ปั่นไปไหนก็ได้ สายปั่นมากกว่า

เดินไปเรื่อยๆแถวสะพานญี่ปุ่น เห็นโลโก้ที่กล้อง ช่อง 5 เฮ้ย! ช่อง 5 คนไทยแน่ๆ รีบทักเลย พี่....คนไทย! กรี๊ดๆ ฮือๆ มานี่ไม่เจอคนไทยเลย เขาบอกว่ามาถ่ายสกู๊ปค่ะ บางกอกแอร์เวย์วันนี้มีเครื่องบินมาที่ดานังแล้ว แต่ฮอยอันยังไม่มีนะ มาลงที่ดานังแล้วนั่งรถมาฮอยอัน ซึ่งใกล้กว่าไปลงที่โฮจิมินห์แน่นอน เริ่มวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่เราเข้าเวียดนามด้วยการนั่งรถบัสพอดี 555555 อันนี้เป็นการเดินทางสายถูก สายลุยเท่านั้น แต่ใครอยากมาแบบสบายก็มีเครื่องบินมาลงดานังแล้ว รู้สึกมีอยู่สายการบินเดียว จำกัดเที่ยวบินด้วย เข้าไปดูในเว็บก็เต็มเร็วมาก คนอยากมาเวียดนามกลางเยอะมากเลยนะ ปกติเห็นไปแต่เวียดนามใต้เพราะสะดวก กลางไม่ค่อยมีคนมาเพราะไม่มีเครื่องบิน

ปั่นจนเหนื่อย ใกล้เวลากลับทุกที ถึงได้ตื่นเช้ามาปั่นเพื่อใช้เวลาให้คุ้ม ได้เวลาหาของฝาก ที่คิดว่าตอนแรกจะซื้ออะไรดี เห็นเขาว่ากันว่าเวียดนามต้องกาแฟเท่านั้นเป็นของขึ้นชื่อ เลยหาที่ซื้อ แล้วก็เจอตลาด เป็นตลาดสดเลยจ้า มีความอีรุงตุงนังของตลาดมาก อารมณ์เหมือนตลาดสดบ้านเราเลย แต่เห็นคนใส่หมวกนี่ เวียดน๊าม เวียดนามแท้ แต่กาแฟไปซื้อในร้านในร่มนะ มีขายหลายร้านเลย แต่ก่อนอื่นก็ไปหาโค้กกินก่อน เพราะตื่นเช้าเพลีย และเริ่มปั่นเหนื่อย ซื้อในร้านขายของชำในตลาดก็ 15,000 (22.77 บาท) ราคาแต่ละที่นี่ไม่เคยเท่ากัน แต่ก็ดูไม่ได้แพงอะไรมาก

หาที่จอดจักรยานเห็นเขาจอดกันเยอะเลยจอด แล้วก็มีแม่ค้าเดินมาเก็บเงินจ้า ค่าจอดจักรยาน 5,000 (7.59 บาท) น่าจะเป็นราคาที่ถูกที่สุดละตั้งแต่จ่ายมา ทีนี้ก็ไปเดินดูตลาดสดบ้านเขากัน

มีความตลาดสด สดจริงๆ เฉอะแฉะเหมือนบ้านเรานั่นแหละ เพราะใกล้แม่น้ำตรงที่เขาขายเรือกัน จะขนส่งปลาก็เอาขึ้นจากเรือเข้าตลาดได้เลย ก่อนหน้านี้ฝนปรอยนิดหน่อยด้วย ฟังภาษาเขาไม่รู้เรื่องหรอก แต่อารมณ์ตลาดบ้านเราเลย เราก็เดินถ่ายเพลินแต่ไม่ซื้อเขา เพราะมัวแต่มองหาร้านขายกาแฟอยู่

มุมนี้มองมาจากด้านบนอาคารใหญ่ เป็นตลาดในร่ม ขายของแห้งของฝาก ถ่ายรูปข้างในมาแต่มืด เบลอ รูปไม่สวย ลบไปหมดละ ก็เป็นล็อคๆเหมือนตลาดบ้านเรานั่นแหละ แต่เหมือนเป็นห้างใหญ่สุดในฮอยอันรึเปล่าไม่แน่ใจ เพราะขายเสื้อผ้ารองเท้าเยอะเหมือนกัน

ซื้อไม่เป็น เขาแนะนำอะไรก็ซื้อหมด ซื้อแต่ชากับกาแฟ อย่างอื่นก็ดูไม่เป็นเลย ปกติซื้อของฝากไม่ค่อยซื้อเป็นของกิน จะถนัดซื้อของแฮนด์เมดซะมากกว่า คนที่กินอะไรก็อร่อยหมดอย่างเรานี่ซื้อของกินไม่เป็นเลย รวมราคาซื้อกาแฟทั้ง 3 in 1 , ใบชา (ดมแล้วหอมดีหลายซอง),กาแฟขี้ชะมด หยิบมาหลายอันเลย มาคิดเงินอีกที เฮ้ย! มันไม่แพงเลย รู้งี้หยิบมาเยอะๆ แต่เป็นพวกขี้เกียจถือของเยอะอีกไง หมดไป 240,000 (364.35 บาท) คิดไปคิดมา ของแฮนด์เมด งานฝีมือก็เยอะมาก น่าจะไปดูก่อน เลยปั่นจักรยานไปหาซื้ออีก

ปั่นมาสักพัก มีร้านเยอะเกินบางอย่างก็แพงเกิน ได้ของมานิดหน่อย เป็นกระเป๋าใบเล็ก 3 ใบ 60,000 (91.09 บาท) กับค่ากระเป๋าตุ๊กตา 50,000 (75.91 บาท)

ทีนี้เรามาอธิบายเรื่องวิธีการซื้อของสำหรับที่นี่นิดนึง ในการซื้อของ ไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษเยอะก็ได้ค่ะ ได้แค่ตัวเลขก็พอ แม่ค้าเขาไม่ค่อยคุยภาษาอังกฤษกับเราหรอก ส่วนใหญ่ใช้เครื่องคิดเลข เขาจะกดให้ว่าอันนี้ราคาเท่านี้ หรือเราจะพกเครื่องคิดเลขไปกดให้เขาดูต่อรองราคาก็ได้ แต่ไม่ค่อยต่ออ่ะ ของที่นี่ไม่แพง ไม่อยากต่อเยอะ เดี๋ยวโดนตบ ฮ่าๆๆ อ่อ...แต่ถ้าเป็นป้าๆ ยายๆ ที่ขายของข้างทาง หาบเร่งี้ยิ่งหนัก ไม่พูดอังกฤษ แล้วก็ไม่มีเครื่องคิดเลขด้วย อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า เขาจะหยิบเงินของเขาให้ดูแล้วชี้ที่เงินว่าเราต้องจ่ายแบงค์ไหน ไม่ยากค่ะ ภาษามือนี่แหละ คลาสสิกสุด น่ารักดีด้วย

อ่อ...ฝึกภาษาเวียดนามเบื้องต้นไปด้วยจะดีมาก เราก็จดโพยไว้ บางทีพูดแม่ค้าก็เข้าใจดีนะ เขาเหมือนดีใจที่เราพูดได้ด้วย เช่น

ซินจ่าว = สวัสดี

กามเอิน = ขอบคุณ

บาวเนียว = ราคาเท่าไหร่ (คำนี้เราใช้บ่อย กินเสร็จก็ใช้คำว่าบาวเนียว แทนคำว่า How much? ไปเลย

มักกว๊า = แพง

บ๊อกเกียะก่อง = ลดราคาได้หรือเปล่า

เหมือยงัน = 10,000

ไฮเหมื่อยงัน = 20,000

บาเหมื่อยงัน = 30,000

1 บาท = 600 VND

อันที่จริงใช้แค่ถามราคาเท่านั้นแหละ จำแม่น ที่เหลือกินเสร็จ ซื้อเสร็จ ก็ไม่ค่อยดูโพยหรอก

ต้องไปจริงๆละ ต้องไปเก็บของที่ห้องพักแล้วขึ้น sleeping bus กลับเว้ตอนบ่าย เสียดาย น่าจะมาหลายๆวันเนาะ อยู่ปั่นจักรยานชิลล์ ดูปลอดภัย ถนนคนเดินกลางคืนนักท่องเที่ยวเยอะนะ แต่มี จนท.ดูแลเรื่องมิจฉาชีพตลอด ปั่นจักรยานคนเดียวโดดเดี่ยวก็ไม่ค่อยมีรถเยอะ รถใหญ่ไม่ให้เข้า OLD TOWN ให้เข้าแค่มอเตอร์ไซค์ และจักรยาน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เช่าจักรยานหมด ปั่นเล่นๆ อากาศดี อากาศไม่แพง มีแต่งานศิลปะและตึกเก่าน่าถ่ายรูป ชอบมาก ชอบมากๆจริงๆ มีโอกาสก็อยากมาอีก มากับแฟนนี่จะโรแมนติกมากๆบอกเลย นี่มาคนเดียวแบบเหี่ยวแห้งมากอ่ะ ฮ่าๆๆ

11.40 น. เช็คเอาท์ออกจากที่พัก แล้วไปนั่งเล่น wifi ฟรี ที่บริษัททัวร์

13.45 น. ขึ้น sleeping bus กลับเว้

และในทุกๆการเดินทาง อย่างที่บอก ระหว่างทางสำคัญเสมอ และมันจะดูน่าสนใจมากๆสำหรับเราในทุกๆครั้งที่เราได้ออกจากบ้าน การเดินทางที่ได้นั่งรถและดูวิวข้างทางไปเรื่อยๆ อากาศข้างนอกก็เย็นๆฝนโปรยปราย แอร์ในรถก็เย็นอีก หลับสบาย แต่ระหว่างทางก็ห้ามหลับในบางมุม รถวิ่งตลอดเวลา เสียดายถ่ายไม่ทันหลายจุด

ฝนก็โปรยปราย แต่...คุ้นๆวิวแถวนี้ตอนขามามะ??

ใช่แล้วค่ะ วิวสวยๆ ภูเขาเขียวๆพวกนี้คือวิวที่เราออกมาจากอุโมงค์ นั่นหมายความว่าเรากำลังจะลอดอุโมงค์รถยนต์ กรี๊ดดดดดด ชอบมากกกกกก

อุโมงค์ไห่วาน อุโมงค์รถยนต์ของเวียดนาม hai van ภาษาเวียดนามแปลว่า ช่องเขาในม่านหมอก เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาที่มีระยะทางยาวถึง 7 กม. ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย สร้างขึ้นเพื่อย่นระยะทางระหว่างเว้มาดานัง ภาพที่เห็นเป็นตอนขากลับจากจุดพักรถดานังสักพัก เราก็เข้าอุโมงค์เพื่อจะกลับเว้กัน ฝนปรอยๆ ภูเขาเขียวขจี ชุ่มฉ่ำมาก ชอบตอนรถเข้าอุโมงค์ที่สุด เหตุผลของการเดินทางของคนเรามันก็มีไม่กี่อย่างนะ

และก็เริ่มเย็น เริ่มเข้าเว้ละ ในเว้นี่ถ้าใครมาเที่ยวก็จะเน้นพวกโบราณสถาน ตึกหรือวังเก่าซะเป็นส่วนใหญ่นะ สวย สวยมากเลยแหละ ดานังก็สไตล์ทะเล คือเวียดนามกลาง 3 เมืองนี่ก็คนละสไตล์กัน ถ้ามีเวลาหลายวันก็เที่ยวได้ทั่วหน่อย แต่นั่นแหละ เป้าหมายตั้งใจไปปั่นจักรยาน เลยพุ่งเป้าไปฮอยอันอย่างเดียวเลย

มาถึงก็ไม่ได้จองห้องหรอก ก็เดินหาเหมือนเดิม ลงที่เดิม แถวนี้ที่พักก็เยอะตอนมาครั้งแรกก็มาเซอร์เวย์บ้างแล้ว เดินเลยที่พักแรกไป อยากเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ เอาแบบเดินใกล้ๆหน่อย แล้วก็ได้ที่นี่ คือเหมือนเดินไปถามราคาก่อน ถ้าแพงก็ไม่เป็นไร เดินดูเรื่อยๆได้ มาถามที่แรกก็เอาเลย ไม่ต้องเดินหาเยอะ ที่พักราคาเท่าๆกันหมด โฮสเทล โรงแรมก็เยอะ สะดวกต่อนักท่องเที่ยว ที่นี่ก็ราคา 250,000 (379.53 บาท)

วิวข้างนอกก็จะเป็นแบบนี้

ตอนแรกก็กะสลบมานอนอย่างเดียวไม่ไปไหน เพราะเวลาเที่ยวคนเดียวจะไม่ค่อยออกไปไหนตอนกลางคืนเพื่อเซฟตัวเอง แต่ยังหัวค่ำอยู่เลยเพิ่งหกโมง เลยคิดว่าออกไปเดินเล่นดีกว่า ที่สำคัญรู้มาว่าเว้มีบิ๊กซี หลายคนไปซื้อของที่นี่ได้ แล้วเหมือนซื้อมาแต่กาแฟ รู้สึกไม่พอ เดี๋ยวไปเดินบิ๊กซีเว้ดีกว่า ตลกป้ะ? มาตั้งไกล มาจากประเทศที่บิ๊กซีโคตรเยอะแต่มาถึงเวียดนามก็ยังมาเดินบิ๊กซี ไม่ค่ะ บางทีอะไรๆมันอาจจะมีมากกว่านั้น

18.00 น. ไม่นั่งแท็กซี่นะ เห็นในแผนที่มาบ้างว่าอยู่ไม่ไกล น่าจะเดินได้ เลยไปถามทางกับ พนง.โรงแรม ถามทางเขาไปทั่วอ่ะ หลงบ้างอะไรบ้าง หลงหนักเลยแหละ 555555 ระหว่างหลงก็ให้มองโลกในแง่ดี เก็บบรรยากาศเว้เวลานี้สักหน่อย

ถ้าหลงก็ดูผับสีรุ้งนี่เป็นที่ตั้ง เพราะเดินออกมาจากซอยที่พักและบริษัททัวร์ก็จะเจอเลย อยู่หัวมุมถนนตรงสามแยกพอดี หลังจากนั้นก็หลงได้ตามอัธยาศัย 55555

s]หลงจริงจังนะ และเดินไกลแบบไม่เรียกแท็กซี่เลย นี่ดูมั่นใจไปไหม อ้าวเดินไปเดินมาก็ถึง ออกกำลังกายยามเย็น ระหว่างเดินก็หันหน้าหันหลังตลอด เพราะปกติถ้าเที่ยวคนเดียวจะพยายามเลี่ยงการออกไปตอนกลางคืน

อ้าว เดินมาเรื่อยๆ ถึงด้วยอ่ะ เหมือนบ้านเรานั่นแหละบิ๊กซี แต่ของส่วนใหญ่ก็ภาษาเวียดนามล้วนๆ สื่อสารกับใครไม่ได้เลย พีคมากโดยเฉพาะ พนง.บิ๊กซีไม่มีใครพูดอังกฤษได้เลยเหรอ

พีคกว่านั้นอีกคือ โดน พนง.เรียก นึกว่าทำผิดอะไร เรียกให้เก็บกระเป๋าจ้า แต่ไม่ได้มีล็อคเกอร์หรือฝาก พนง.นะ ถือไปทั้งอย่างงี้แหละ แต่ใส่ถุงด้วย ถุงพลาสติกใสโดนจับมัดปากแน่นเลย โห...เข้มจริงอะไรจริง กะให้แกะไม่ได้เลย บนรถก็แจกถุงใส่รองเท้า ในบิ๊กซียังแจกถุงใส่กระเป๋าอีก เอาออกมาได้แค่กระเป๋าสตางค์หรือมือถือ งงเลยค่ะ ถือถุงใสห่อกระเป๋าเข้าไปเดินซื้อของ ตลกตัวเองมากอ่ะ แต่คนอื่นเขาก็ทำกันนะ พนง.ไม่พูดอังกฤษเลย แค่ถามว่าคอฟฟี่เขายังงงเลย หาให้ไม่ได้ ต้องเดินหาเอา แล้วก็ได้กาแฟกับขนมไปอีกเยอะมาก ที่สำคัญคือราคาเหมือนจะถูกกว่าซื้อที่ตลาดสดในฮอยอันอีก แถมได้ถุงใหม่กว่าตอนซื้อที่ตลาดอีกด้วย โห...หอบมาตั้งไกล รู้งี้มาซื้อบิ๊กซีเว้ก็ได้ ใครจะซื้อของฝากแนะนำเข้าบิ๊กซีหรือพวกห้างของเขาเลยนะคะ จะได้ของที่สภาพถุงใหม่หน่อย

ฟินไปไหมล่ะ ถ้าบันไดเลื่อนอยากให้เหมือนบ้านเขา ขนมใส่ตรงนี้เลยจ้า หยิบเลย ค่าซื้อของที่บิ๊กซี 219,000 (332.62 บาท)

ขากลับยังเดินกลับอีกนะ เดินเรื่อยๆ นี่ทำไมถึกขนาดนี้ล่ะเรา ก่อนเข้าไปพักในห้องก็ซื้อน้ำซื้อโค้กเข้าไปกินก่อน 20,000 (30.36 บาท)

กลับเข้าห้องปุ๊บนอนเล่นดูทีวี ดู MV ของเวียดนาม เออสนุกดีอ่ะ ดูเพลิน กินขนมไปดูไป อ้าว ดึกเลย ว่าจะออกไปหาอะไรกิน เออกินขนมจนอิ่ม นี่ของฝากซื้อมากินจะหมดละ ฮาตัวเอง มาคนเดียวไม่มีใครห้าม นอนดูทีวีไป กินไป ฟังภาษาเขาไม่รู้เรื่องก็ดูนะ 55555

DAY 5

06.00 น. ตื่นมาเก็บของเรียบร้อยแล้ว เช็คเอาท์ ออกมาเรียกแท็กซี่ 07.15 น. แบบตาลีตาเหลือกมาก กลัวไม่ทัน อ่านรีวิวมาเหมือนกันว่าถ้าเจอแท็กซี่สีเขียวล้วนของบริษัท Mai Linh ให้เรียกได้เลย ไม่โกงแน่นอน ไอ้เราก็มัวแต่จัดแจงของอยู่เนาะ ไม่ได้ดูทางที่พามาเลย พอมาถึงก็รีบลงรถ แท็กซี่ก็ไปแล้วแต่สถานที่ทำไมไม่คุ้นนะ หรือว่าเป็นทางเข้าอีกทางหนึ่ง พอดูไปดูมา เฮ้ย! นี่มันสถานีรถไฟ ชิ หาย แร้ววววววว พามาส่งผิดที่ ฉันบอก bus station เอาล่ะค่ะท่านผู้ชม วิ่งแจ้นไปช่องขายตั๋ว จนท.ขายตั๋วไม่พูดอังกฤษกับเรา คือหน้าแย่แล้ว กลัวไปไม่ทันรถออก 08.00 น. มีจนท.ผู้ชายประจำสถานีอยู่คนนึงเดินมาคุยด้วย แล้วรีบพาเราไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ ตกลงค่ารถให้ด้วยว่าคิด 30,000 (45.54 บาท) ใจดีมากอ่ะ หลังจากนั้นก็ ซิ่งเลยลุง ซิ่งเลย รีบหมดทุกอย่าง ช่วงจังหวะนี้เลยไม่ได้ถ่ายรูปเหตุการระทึกเกือบตกรถนี้มา

พอมาถึงปุ๊บ วิ่งไปซื้อตั๋ว พีคไปอีก ตั๋วหมดค่าาาาาา เอาไงล่ะ วิ่งไปที่รถ ตั๋วเต็มนะ แต่ต้องนั่งรถเสริม อันนี้เจอคนลาวเป็นคนขับ ค่อยบยังชั่ว พอจะคุยด้วยได้หน่อย

จ่ายไป 500 บาทไทยได้เลย คือตอนนี้ไม่สนละว่าจะไปยังไง แต่ข้ามชายแดนไปไทยได้ก็พอ แต่สิ่งที่เราพลาดคือ เรามาซื้อตั๋วข้างหน้าไม่ได้ มันเต็ม เราควรจองก่อน ในใจคิดทำไมโง่อย่างงี้นะ รถมันมีวันละรอบ ตั๋วมันก็ต้องเต็มสิ นี่แหละค่ะ การเดินทางที่แท้จริง มันต้องมีอุปสรรคบ้าง และนี่ก็ มาค่ะ! เก้าอี้วีไอพีของเรา แถวกลางเลย

นาทีนี้คือไม่สนละอ่ะ ยังไงฉันต้องข้ามประเทศให้ได้ก่อน ฉันต้องกลับไปทำงาน ดีที่เป็นคนนั่งรถไฟชั้นสามมาบ่อย นอนสถานีรถไฟบ่อย ความหลังขดหลังแข็งนั้น มันกำลังจะเกิดกับรถทัวร์ข้ามประเทศค่ะ ไม่อึดจริงทำไม่ได้ มันก็เมื่อยเหมือนนั่งรถไฟชั้นสามนั่นแหละน่า แค่ 8-9 ชม.เอง

15.18 น. ถึงจุดพักรถเข้าห้องน้ำ ดองฮา เหมือนจะเป็นที่เดิมตอนขามานะ เข้าห้องน้ำ 2,000 (3.04 บาท) ซื้อบั๋นหมี่กินส่งท้ายหน่อย แม่ค้ามานั่งขายเฝอกันแถวหน้าห้องน้ำนี่แหละ คนก็ซื้อกินกันใหญ่ คนขับรถก็กิน คือคุยกับคนขับคนลาวได้คนเดียวเลย ไม่มีใครคุยด้วยเลย

ความจริงบนรถเห็นว่ามีคนไทยอีกสองคนเป็นแฟนกัน คุณพี่ผู้ชายเสื้อแดงกับผู้หญิงเสื้อชมพู ภาพถ่ายติดเขาตรงหน้าห้องน้ำ สองคนนั้นแหละ นั่งใกล้ๆเรา เขาก็หงุดหงิดซะเป็นส่วนใหญ่ กับความอีรุงตุงนังของรถที่แออัด เราก็อึดอัด แต่อาศัยว่าเป็นคนหลับทุกที่ หลับตลอดทาง เซไปพิงเบาะข้างๆบ้าง อีรุงตุงนังของจริง ประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืม ตอนนี้รู้แค่ว่ามีคนไทยสามคนรวมทั้งเรา และไกด์อีกคนที่พอพูดไทยได้ พาคู่รักสองคนนี้มาเที่ยวด้วย เสียงคนเวียดนามโดยเฉพาะผู้ชายโหวกเหวกมาก และไม่ค่อยมีมารยาทให้กันเลย ดุมาก ไอ้เราคนไทยนั่งมองตากันปริบๆไม่กล้าสบตาใครบนรถเหมือนตัวเองเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเลย

11.30 น. รับแม่ค้าขึ้นมา 1 คน ขึ้นมาแลกเงิน ใครจะแลกกลับก็ได้

ใครจะไปรู้ว่าตั๋วเต็ม ใครจะไปรู้ว่าเราได้ที่นั่งเสริมที่พิเศษกว่าใคร เก้าอี้เสริมกลางตัวรถ นั่งจากเวียดนามกลับไทย มันคงลำบากมากสำหรับคนอื่น แต่เราผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ยังไง ทุกวันนี้เรายังไม่รู้ตัว นี่เราสตรองขนาดนั้นเลยเหรอ? ทุกครั้งที่เราออกเดินทาง แล้วความลำบากสารพัดที่เข้ามาระหว่างเดินทาง โดยเฉพาะการนั่งรถประจำทางทุกๆชนิด เพื่อนร่วมทางคือคนที่ให้กำลังใจเราได้ดีที่สุด โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า เช่นคนแก่หรือเด็กๆ รวมไปถึงเด็กแบเบาะที่เพิ่งเกิดด้วยซ้ำ คิดในใจ เออเห้ย! เค้ายังอยู่ยังกินกันได้ นั่ง นอนกันได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ เราแข็งแรงกว่าตั้งเยอะและนั่นแหละค่ะ อีกหนึ่งสาเหตุที่หลายครั้งเราออกเดินทางด้วยความลำบากโดยที่ชินชาและจะไม่ค่อยรู้สึกอีกแล้วเวลาอยู่ในที่ที่ต้องลำบากจริงๆ เพื่อนร่วมทางเหล่านี้คือคนที่ให้กำลังใจเราได้เยอะจริงๆ แถมบางคนยังได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันตลอดทาง
ทำให้เราได้เรียนรู้ชีวิตของคนอื่นมากขึ้น เรียนรู้ว่าคนอื่นใช้ชีวิตกันยังไง และความอีรุงตุงนังบนรถนี่ก็คงเป็นชีวิตประจำวันของเขาจริงๆ

12.00 น. ถึง ตม. แต่งงมาก ลาวกับเวียดนามปั๊มที่เดียวกันเลยเหรอ งงใจ เหมือนเขาเดินไปทางไหนก็เดินตามเขาไปอ่ะ ไปซื้อตั๋วค่าล่วงเวลาที่ด่านลาว 30,000 (45.54 บาท) ปั๊มตราขาเข้าลาว จ่ายเงินไทย 50 บาท บริเวณที่ตรวจคนเข้าเมืองนี่ต้องดูดีๆนะว่าครบขั้นตอนการปั๊มตราหรือเปล่า เพราะเราก็อึนๆหยิบมาเลย จนท.ไม่ได้ปั๊มตราจ้า เดินไปขอความช่วยเหลือพี่คนขับรถที่เป็นคนลาวให้เขาช่วยพูดให้บอกว่า จนท.ลืมปั๊ม จ่ายเงินไปแล้ว ตายๆๆ ถ้าลืมนี่ติดอยู่ ตม.กลับเข้าไทยไม่ได้เลยจ้า แล้วไปจุดตรวจเวียดนามอีก จ่าย 20,000 (30.36 บาท) เริ่มเจอคนไทยและรวมรวบได้ละ ว่าตอนนี้ทั้งคันมี 4 คน เป็นชายหญิงแฟนกันคู่นึง เราอีกคนนึง แล้วน้องผู้หญิงอีกคนนึง น้องผู้หญิงคนนั้นไปนั่งอัดกับกระเป๋าหลังสุดเลยจ้า บอกว่าไม่รู้จะคุยกับใครเลยคุยกับฝรั่งที่นั่งข้างๆ ฝรั่งผู้ชายมาจากอังกฤษ มาคนเดียวเหมือนกัน น้องผู้หญิงก็มาจากมหาสารคามคนเดียว เที่ยวคนเดียวเหมือนกัน

หลังจากตรวจคนเข้าเมืองเสร็จ ใช้เวลา 30 นาที แล้วก็ออกมาอีกนิดเดียวก็แวะกินข้าว นานเหมือนกัน เกือบชั่วโมงแน่ะ

13.38 น. มาผ่านด่านอีก แต่ จนท.ขอดูแค่พาสปอร์ตของฝรั่งคนเดียวที่มากับรถ แล้วนางดันนั่งหลังสุดด้วยนะ ตรวจของ สัมภาระที่ขนขึ้นมาก็ไม่มีอะไรละ

15.38 น. แวะพะลานไซ เข้าห้องน้ำพักรถ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีคนแวะลงระหว่างทางตลอด ขนส่งของวุ่นวายกันเลย 17.00 น. เราถึงจะย้ายไปนั่งเบาะปกติได้

17.30 น. ถึงสะหวันนะเขต เอากระเป๋าลงปุ๊บ คนไทยผู้น้อยสี่คนก็มองหน้ากัน พยักหน้า ไปด้วยกันเลยจ้า เพราะก่อนหน้านั้นเขาบอกว่ารถสะหวันนะเขต-มุกดาหารเพิ่งออกไป ถ้ารอก็อีกเป็นชั่วโมงเลย เลยพยักหน้าพากันพุ่งขึ้นสกายแลบตามคำแนะนำของคนแถวนี้ให้ซิ่งไปเพื่อให้ทันรถทัวร์เข้ามุกดาหารจ้า อ่อ...รวมไกด์เวียดนามอีกคนก็เป็น 5 คน นั่งรถจี้ตูดรถทัวร์ อย่างฮา ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น ขึ้นรถปุ๊บเม้าท์แตกมากเหมือนรู้จักกันมานาน พี่ผู้ชายบอกเป็นการเดินทางที่โหดมาก เขาเข็ดเลย นั่งเงียบกริ๊บ ไม่กล้าหืออือ เจอเวียดนามทะเลาะกันบนรถ ทำตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกันสี่คนเลย อัดอั้นเมาท์แตกมาก

เหมารถสกายแลบมา 300 บาท พี่ผู้ชายก็บอกไม่ต้องเดี๋ยวออกให้ แล้วรีบเอาพาสปอร์ตทุกคนรวมกันไปยื่นให้เร็วที่สุดให้ทันขึ้นรถ หลังจากนั้นก็ขึ้นรถได้แล้ว จ่ายค่ารถเข้ามุกดาหาร 50 บาท ทุกอย่างเร็วมากจริงๆ ไม่ทันได้ขอถ่ายรูปกับใครเลย ได้คุยกันนิดหน่อยเองว่าคู่รักเขามาเที่ยวดานัง ส่วนน้องผู้หญิงชื่อสปอย อายุ 18 ปี มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน เปรี้ยวมาก มาเที่ยวเว้อย่างเดียว แต่ขนเบียร์ใส่ใต้ท้องรถเต็มเลยจ้า มั่นใจมาจากมหาสารคาม และน้องได้ภาษาเลยคุยกับฝรั่งจ้อเลย

การได้เจออะไรแบบนี้มันโคตรโล่งเลยใช่ไหมแก ฮือ น้ำตาจะไหล

18.41 น. ลงจากรถปุ๊บก็แยกย้ายกันแบบรีบๆเลย แทบไม่ทันร่ำลาเพราะคนที่ บขส.มุกดาหารก็กวักมือเรียกว่าจะไปกรุงเทพไหม? นี่พยักหน้าไม่รีรอเลย จ่ายค่ารถทัวร์ 535 บาท แล้วขึ้นรถเลย สักพักรถก็ออก สมกับชื่ออาม่าทัวร์เลย ไม่แวะพัก เปิดเพลงติ๊ดชึ่งเสียงดังตลอดเวลา แต่นี่คือหลับได้อ่ะ นั่งลำบากกว่านี้ก็สตรองแล้ว ทำยังไงก็ได้ให้ฉันถึงกรุงเทพอ่ะตอนนี้

ทุกๆการเดินทาง ทุกๆรีวิวของเรา เราก็ไปเดินทางจริงๆ ไม่ได้แค่ไปเที่ยวแล้วเก็บแต่ภาพมา ชอบเดินทางไปเรื่อยๆ หาเรื่องเล่าจากประสบการณ์ระหว่างทาง โดยเฉพาะผู้คนที่เจอ เรามักจะนำเรื่องราวและแง่มุมต่างๆในชีวิตของเขามาเล่าในรีวิวเสมอ

ขอบคุณที่ครั้งนี้ก็ยังเจอเพื่อนร่วมทางที่ดี แค่อยากลองดู แต่ไม่คิดว่าจะทำได้ ตื่นเต้นสุดก็ตอนข้ามแดน แต่โชคดีที่เจอคนดีคอยช่วยเหลือทั้งไป-กลับ ช่วยเหลือเพียงเพราะเห็นเรามาคนเดียว ชายแปลกหน้าคนเวียดนามที่พูดไทยไม่แข็งแรง ตอนแรกไม่กล้าคุยด้วยเลยเพราะต้องระวังตัว เค้าเจ้ากี้เจ้าการเรื่องการข้ามแดน แซงคิว ตม.ให้ (ตม.ลาวกับเวียดนามจะไม่ค่อยเป็นระเบียบ จนท.สนใจเฉพาะพาสปอร์ตที่ใส่เงินเท่านั้น) มีซื้อขนมให้ ซื้อน้ำให้ จ่ายค่าห้องน้ำให้ บอกคนขับ บอกทุกคนให้ นี่คนไทยนะ ช่วยดูคนไทยด้วย เพียงเพราะเหตุผลที่ว่า "ไม่เป็นไรครับ ไทยกับเวียดนาม พี่น้องกัน"

ขอบคุณคนไทยอีก 3 ชีวิต ผู้ร่วมชะตาหน้ามึนในการฟังภาษาเวียดนามไม่ออกเลย และช่วยกันลากกระเป๋าขึ้นสกายแล็บจากลาว ซิ่งตามรถทัวร์เพื่อจะมาขึ้นรถ แถมจ่ายเงินค่าเหมารถให้อีก แถมพี่ผู้ชายยังเป็นทหารพอมียศ จัดการเรื่องการข้ามแดนฝั่งไทยให้ ทำให้เราไม่ต้องต่อแถวนาน เพียงเพราะเหตุผลที่ว่า "คนไทยด้วยกัน โคตรดีใจที่เจอกัน" ตอนอยู่ฝั่งนู้นเหมือนเป็นผู้ลี้ภัย ลักลอบข้ามมา น้องสปอย สาวน้อยอายุ 18 สายถึก สายบึก ที่แบคแพคมาเที่ยวเวียดนามคนเดียวเหมือนกัน พร้อมกับเหมาเหล้าเบียร์จากฝั่งนู้นมาอย่างบ้าคลั่ง มาคนเดียวเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า "หนูดื้อเองแหละ หนูอยากมา ก็หนูพูดอังกฤษได้ หนูจะไปไหนก็ได้" ฝรั่งบางคนที่แบคแพคมาไม่ได้มาเล่นๆ แต่เค้าลาออกจากงานเพื่อมาเที่ยวให้ทั่ว แต่เรากลับรู้สึกว่าเค้ามาใช้ชีวิตจริงๆ

มันอาจจะโหด แต่มานั่งนึกดู ทำลงไปได้ยังไงวะ คิดไปคิดมาก็สนุกมาก ลุยๆ ไม่รู้ว่าผ่านมาได้ยังไง

ค่าเสียหายโดยคร่าวๆ ตัดทศนิยมออกไปนะ อันนั้นเทียบค่าในเน็ต

ค่ารถทัวร์ กรุงเทพ-มุกดาหาร ไป-กลับ 1,093 บาท , ค่ารถบัสเวียดนาม ไป-กลับ 1,000 บาท
ค่าห้องพัก 3 คืน คืนละสามร้อยกว่าบาท รวม 1,137 บาท , ค่าของฝาก 862 , ค่าอื่นๆ เช่น ค่ากิน ,ค่าแท็กซี่ ฯลฯ 1,559 บาท
รวม 5,651 บาท แต่ปัดไปเยอะๆเลย 6,000-7,000 บาท ไปเลย ยังไงก็เหลือ กินอิ่ม นอนอุ่น แถมของฝากด้วย ซึ่งปกติไม่ค่อยได้ซื้อของฝากเยอะขนาดนี้

เจอกันรีวิวหน้านะคะ คุยกันได้ในเพจ "จะเที่ยวคนเดียว" ได้เหมือนเดิม


Boe_Stories

 วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 01.41 น.

ความคิดเห็น