รีวิวนี้เป็นรีวิวที่ไปเที่ยวแถวปราจีนบุรีเลยไปถึงวังน้ำเขียวและไปพักที่โรงแรมแคนทารีกบินทร์บุรีซึ่งเป็นโรงแรมแนวเซอร์วิสอพาร์เม้นท์

โดยทางโรงแรมชวนไปพักโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 2 คืนพร้อมอาหารทานในโรงแรมก็เลยเป็นที่มาของรีวิว SR นี้ครับ



ยังไงไปชมโรงแรมและไปลุเที่ยวพร้อมๆกันเลยนะครับ



ยังไงถูกใจชอบใจรีวิวช่วยกด+ ที่มุมล่างซ้ายมือด้วยนะครับ



ขอบคุณครับ



แม่ประนอมจ้าการเดินทางจากบ้านเราซึ่งอยู่ที่นนทบุรีเราก็เลือกเส้นทาง 304ตรงไปถึงกบิลบุรีเลยครับ

ระหว่างทางไปเราผ่านพนมสารคามก็ขอแวะซื้อกุยช่ายเจ้าดังซะหน่อยซึ่งอยู่ที่แยกพนัสนิคมเลี้ยวเข้าไปนิดหน่อย


เจ้านี้เลยครับเจ๊อิมร้านนี้ก่อนมาโทรถามก่อนก็ดีนะครับว่าเค้ายังมีเหลืออยู่ป่าวหรือรอคิวนานไม๊


หมีกแดงก็แนะนำนะรับรองว่าอร่อยแน่นอน


อันนี้เค้าจัดเป็นชุดๆไว้แล้วชุดละ 5 กล่อง 125 บาทตกกล่องละ 25 บาทจ้า


ส่วนผสม ตามนี้เลยครับ


ร้านนี้รายการแจ๋วก็เคยพามาทานนะ


ออกจากร้านกุยช่ายเจ๊อิมทางผ่านก่อนถึงกบินทร์บุรีเราเลี้ยวเข้าไปทางนิคมอุตสาหกรรม304ตรงสามแยกพระพรหม


ไปแวะทานอาหารเที่ยงที่ร้านcafe`kantary 304ร้านอาหารและขนมและไอศกรีม ที่มีสาขาหลายจังหวัด เพิ่งมาเปิดเมื่อวันที่10เมษา58ที่ผ่านมาเอง

ช่วงนี้เพิ่งเปิดร้านไม่นานมีโปรดีๆด้วยนะ


รายการนี้ดูน่ากินมากเดี๋ยวลองสั่งมาชิมดูกันครับ


หน้าร้านเค้าครับอยู่หน้าโรงแรมแคนทารี่ 304 เลยครับ(แต่เราไม่ได้นอนที่นี่นะครับ เราไปนอนกบิลทร์บุรีซึ่งเลยไปอีก 20 ก.ม.)


เข้าไปเจอลูกค้าที่มาทานเป็นแฟนรีวิวเราด้วยดีใจมากครับมีแฟนถึงนี่เลย


ภายในร้านครับบรรยากาศดีทีเดียวเลย


ราคาอาหารก็เหมือนๆกันทุกสาขาไม่แพงครับ


ชั้นสองของร้านครับ


เอาเมนูราคามาให้ดูครับ


อันนี้สปาเก็ตตี้ที่บอกว่าจะลองดูครับอร่อยจิงครับ


พิซซ่าที่นี้เค้าก็ดังครับ


อันนี้แก้วละ 60 บาทมังครับถ้าจำไม่ผิด


ขนมอร่อยๆน่ากินครับ


อันนี้ชอบเป็นพิเศษเลยครับ


อิ่มแล้วก็มาเช็คอินโรงแรมกันครับ


โรงแรมตั้งอยู่ตรงสี่แยกกบินทร์บุรีแล้วเลี้ยวขวาไปนิดหน่อยก็ถึงแล้วจากสี่แยกก็มองเห็นตึกดรงแรมทางขวามมือแล้วครับ

หน้าทางเข้าโรงแรมมีมินิมาร์ทของโรงแรมราคาขายก็ราคาปกติทั่วไปครับ


เข้าไปเช็คอินกันครับ


ไปดูห้องที่เราพักกันครับเป็นห้องสตูดิโอ สวีทขนาดห้อง 44 ต.ร.ม.เป็นห้องเริ่มต้นของที่นี่ครับราคาค่าห้องก็ประมาณสองพันกว่าบาทครับ


อุปกรณ์เครื่องครัวมีพร้อมใช้งานได้เลยครับ


ห้องน้ำครับกว้างใหญ่ดีครับ


วิวห้องพักเราครับดูแล้วสงบดี


มาดูในห้องนอนต่อกันครับ


โรงแรมนี้มีเลาช์ให้แขกที่เข้าพักได้ใช้บริการกันทุกคนครับมีขนมเค็ก ชา กาแฟฟรีตลอดทั้งวันครับ


มีน้ำแข็งให้ฟรีด้วยจะเอาเครื่องดื่มของเราแล้วใช้น้ำแข็งได้ตามสบายเลยครับ

ต้องเอาคีย์การ์ดเสียบเข้าไปก็เข้าได้ครับ


ขนมหยิบกินได้ตามสบายเลยครับ


มาดูอาหารเย็นกันครับ


มื้อเย็นคืนแรกทางโรงแรมเซ็ตอาหารแนะนำให้เราไว้แล้วแบบว่าอยากให้เราชิมอาหารอร่อยเด็ดของเค้าก็เลยไม่ได้สั่งอะไรตามเมนู

เซ็ตโต๊ะแบบเต็มที่เลย


อาหารจานแรกครับ


อันนี้ขุดเบนโตะครับราคาประมาณ 200 บาทครับ


สเต๊คเนื้อเซอร์ลอยเนื้อนอกราคา 610 บาทครับเนื้อนิ่มนุ่มอร่อยจิงๆ


สปาเก็ตตี้รู้สึกว่าจะร้อยกว่าบาทนิดๆครับ


พิซซ่าจานนี้ใหญ่ๆสองร้อยกว่าบาทครับ


สรุปอาหารเยอะไปครับทานกันสองคนไม่หมดจ้า


อันนี้ของหวานไฮไลท์ของคืนนี้เลยครับCherry Jubilyราคา 240 บาทมาทำโชว์หน้าโต๊ะเลยครับแบบว่าไฟลุกท่วมเลย


ใช้เวลาทำประมาณ 15 นาที

น้องเค้าบอกว่าตอนฝึกทำใหม่ๆมือไม้โดนไฟลวกพองไปหลายที่เลยครับ


ยังไม่เสร็ดครับยังอีกหลายขั้นตอน


ออกมาหน้าตาแบบนี้ครับอยากบอกว่าฟินมากคุ้มราคาจริงๆแต่ได้ไอศครีม 2 ก้อนจะดีมากๆเลยครับ


อันนี้ของแถมสำหรับลูกค้าที่สั่งสเต๊คครับ (สเตคเนื้อในราคาประมาณสองร้อยกว่าบาทก็แถมครับ)


ตื่นเช้ามามาดูอาหารเช้ากันครับ


อาหารเช้าต่อครับ


ใส้กรอกอันนี้ชอบมากครับถูกปากเลยอะ


อิ่มแล้วเราก็ไปเที่ยวกันครับจุดแรกที่ไปก็คือ Verona อยู่เส้นทางสาย 304 ระหว่างทางไปวังน้ำเขียวตรงป.ต.ท.ทับลานครับ


ที่นี่เค้ายังไม่ได้เปิดเป็นทางการยังมีการก่อสร้างไปเรื่อยๆแต่จะแล้วเสร็จประมาณปีหน้าครับ


ข้างในสวยมากครับถ้าเปิดจริงแล้วคงสวยกว่านี้เยอะเลย


แล้วก็มาใหว้หลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลกที่วัดปุไผ่ครับอยู่ตรงแยกหน้าทางเข้าวังน้ำเขียวครับ



องค์หล่อหลวงพ่อคูณที่ใหญ่ที่สุดของโลกนี้เป็นรูปหล่อเหมือน หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หน้าตักกว้าง 9 เมตร สูง 18 เมตร

ถือเป็นองค์ใหญ่ที่สุดในโลก จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ที่มีความเคารพศรัทธาได้กราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล

ทั้งนี้ได้ประกอบพิธีเททองครั้งสุดท้ายเมื่อที่ 19 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งการก่อสร้างองค์หล่อหลวงพ่อคูณที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้มีความคืบหน้ากว่า 90% คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดงานฉลองยิ่งใหญ่ในวันที่ 13 มิถุนายน 2558 โดยมีพระองค์สังฆราช 4 ประเทศ คือ ลาว, กัมพูชา, ศรีลังกา และภูฎาน มาร่วมงานเปิดอีกด้วย

ข้อมูลจาก http://travel.kapook.com/view119356.html



ตรงข้ามวัดก็จะมีร้านขายของแวะซื้อองุ่นซักหน่อดก็ดีนะ


แล้วก็มาเที่ยวผาเก็บตะวันกันครับที่นี่เค้าว่ากันว่ามาดูพระอาทิตย์ตกจะสวยมากนะ


ขากลับตอนขับกลับโรงแรมตามถนนสาย 304 ตอนออกจากวัดบุไผ่ก็มาเจอร้านนี้ดูน่าสนใจดีเลยแวะทานซักหน่อย


ป้ายขี้โม้ไปหน่อยเดี๋ยวขอลองชิมก่อนค่อยตัดสินนะ


ราคาก็พอได้ครับ


มาแล้วครับอร่อยพอได้ครับน้ำซุปใช้ได้เลยครับ


อันนี้ของแม่ประนอมครับเค้าอยกากินตีนไก่ครับ80 บาทไม่รู้ว่าแพงป่าวแต่เห็นเค้าบอกว่าใช้ได้ครับ


กลับโรงแรมแล้วไปดูห้องแบบ 2 Bed room กันครับ


อันนี้ครัวครับ


มีเครื่องซักผ้าด้วยครับ


แล้วก็ห้องน้ำครับ


อันนี้ห้องนอนเล็กครับ


และนี่อีกห้องนอนครับ


อันนี้อาหารค่ำอีกวันครับถ่ายเมนูมาให้ดูเป็นไอเดียครับเผื่อเพ่อนๆแวะผ่านมาจะลองมาทานกันดู


ที่นี่แขกข้างนอกนิยมมาทานกันครับเพราะราคาไม่แพงครับ

อันนี้ทานรองท้องก่อนฟรีไม่เสียตังจ้า


อันนี้ทีโบนเนื้อใน 240 บาทครับ


อันนี้สเต๊คปลากะพง 240 บาทเหมือนกันรสชาติฝรั่งๆเลยครับอร่อยๆ


พิซซ่าเครือโรงแรมนี้อร่อยจิงครับ220 บาท


มื้อนี้อดไม่ได้ที่ต้องสั่งของหวานที่ให้มาทำตรงหน้าอะครับแบบว่ายังฟินกะเมื่อวานอยู่


ก็เลยสั่งเครปซูเซท240 บาทซึ่งเป็นอีกเมนูหนึ่งที่ไฟลุกท่วมจอเหมือนกัน

เส็รดแล้วครับออกมาแบบนี้อร่อยมาก จ้า


และก็คงต้องจบแล้วละครับ



ขอบคุณพันทิพย์พื้นที่ดีๆที่ให้เราได้เก็บข้อมูลและศึกษาข้อมูลเพื่อการไปเที่ยวเองได้ง่ายๆและมาแบ่งปันกันให้กับเพื่อนๆต่อไป



ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่ติดตามกันมาตลอดๆ



จากแม่ประนอมนะจ๊ะ

แม่ประนอม

 วันพฤหัสที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.57 น.

ความคิดเห็น