20-24เมษายน2560 ได้มาเที่ยวภูเก็ต โดยไม่ได้มีแผนว่าจะไปไหนบ้าง ตั้งใจจะมานอนพักผ่อนนิ่งๆ ทีโรงแรมโดยไม่ออกไปไหน ร้อนก็ลงสระ หิวก็สั่งอาหารมากิน ด้วยความไม่มีแผนในการเที่ยว พอนึกขึ้นได้ก็เข้าเว็ปหาที่เที่ยวทันทีในคืนที่ไปถึง จึงได้ทริบ อ่าวมาหยา เกาะพีพี เลยจัดการโทรไปตามเบอร์โทรที่ได้มาจากอินเตอร์เน็ต แล้วจองทริป one day trip มาหยา พีพี ทันที เดินทางด้วยสปีดโบ็ท โดยราคานี้ รวมค่ารถตู้มารับ-ส่งถึงโรงแรม ผมพักที่ โรงแรมวรบุรีย์ หาดกะรน รวม อาหารเที่ยง และเครื่องดื่ม,ผลไม้ เรียกได้ว่าไปแต่ตัว (ทริปนี้เสียดาย ทำโทรศัพท์ตกน้ำพังต่อหน้าต่อตา ทำให้ได้รูปมาน้อย เพราะส่วนใหญ่ใช้โทรศัท์ถ่ายรูป

(โรงแรมวรบุรีย์ กะรน)

เช้าวันที่21เมษายน2560 6โมงครึ่ง ฟ้า ดำทะมึน มีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง เห็นท่าจะงานกร่อยเสียแล้ว สักพักฝนลงเม็ดปรอยๆ หวังว่าคงจะไม่ตกหนัก สักพักความหวังเริ่มริบหรี่ ฝนเทกระหน่ำอยา่งหนัก เห็นทีจะไม่เหมาะกับการเที่ยวเกาะแล้วกระมัง จะยกเลิกดีไหม๊น๊า... แต่อีกใจนึงก็คิดว่าตกมาเยอะๆตอนนี้ก็ดี 9โมงฟ้าจะได้สาว่าง มันจะตกอะไรกันทั้งวัน บนฟ้ามีน้ำเยอะเหรอ...

ประมาณ07.45น รถตู้มารับที่lobby โรงแรม ก็ทราบว่ามีฝรั่งยกเลิกทริปไปหมดเลย ยกเว้นคนไทย ไม่มีใครยกเลิกเลย ไม่รู้จะเรียกว่าใจสู้หรือใจกล้าดี คนขับรถตู้บอกว่า อากาศอย่างนี้ เป็นผมๆไม่ไปยกเลิกดีกว่า อ้าวเพ่.. ไหงพูดงั้นล่ะเพ่....

ระหว่างทางจากโรงแรมไปถึงท่าเรือใช้เวลาไม่นาน วนไปรับคนโน้น คนนี้ ตามโรงแรมใกล้เคียง ก็ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมง ระหว่างทางก็คุยกับโชเฟอร์ไปด้วย เรื่องดินฟ้าอากาศนี่แหละว่ามันจะปลอดภัยหรือป่าว โชเฟอร์คนพื้นที่โดยกำเนิดน่าจะให้คำแนะนำเราได้ โชเฟอร์บอกน่ากลัว ไม่น่าไป ฝนตก ผมบอกว่า ผมแอบดูพยากรณ์อากาศมาแล้ว 9โมง ฟ้าจะเปิด แดดจะออกนะ โชเฟอร์ไม่รอช้า ยกหูโทรศัพท์ไปบอกที่ออฟฟิสทันที " นายหัวๆ วันนี้ออกเรือได้ 9โมง ฟ้าเปิด แดดออก ทั้งวัน ออกเรือได้เลยไม่มีปัญหา" อ้าว ไหงเป็นงั้น...

และแล้วเราก็มาถึงท่าเรือเพื่อขึ้นสปีดโบ้ท ฟังคำชี้แจงของหัวหน้าทัวร์ เรื่องกำหนการเดินทาง รายละเอียดต่างๆ ตลฃอดจนเรื่องของความปลอดภัย เสร็จสรรพก็ทยอยขึ้นเรือ สปีดโบ้ทลำที่ผมไปบรรจุคนได้ประมาณ30คน ทริปนี้ถือว่าเต็มลำพอดี ผมนั่งส่วนหัวเรือพอดี เพราะขึ้นเรือหลังคนอื่น


วันนี้เป็นวันแรกของลมเปลี่ยนทิศ ทำให้คลื่นแรงกว่าวันที่ผ่านมา นั้นเป็นสัญญาณบอกว่า กำลังจะถึงหน้า low season ของการท่องเที่ยวเกาะฝั่งอันดามันแล้ว จากการนั่งหัวเรือบวกกับคลื่นแรง เรือวิ่งด้วยความเร็ว ทำให้ หัวเรือกระเพื่อมแรง ทำให้ก้นกระแทกกับขอบที่นั่ง ก้นกบอักเสบ ปานกลาง ทำให้ผมได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สามารถเที่ยวได้เป็นปกติ นั่งลำบากแค่นั้นเอง ตลอดทริปต้องนั่งแบบไม่ลงน้ำหนักมาก เพราะจะปวดก้นกบมากนั่นเอง

นั่งเรือประมาณ1ชั่งโมง ก็ถึงที่แรก ที่เราจะแวะชม นั่นคือ อ่าวมาหยา ซึ่งทุกคนรู้ถึงความสวยงามเป็นอย่างดี ถึงขนาดเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง ฮอลลีวูด กันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า เป็น วิมานเคียงเล กันเลยทีเดียว อันนี้ผมเรียกของผมเองนะครับ

อ่าวมาหยาเป็นอ่าวเล็กๆ ตั้งอยู่ในหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เกิดจากการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ จากการพังทลายของหน้าผาที่โอบล้อม แหว่งเป็นเวิ้งอ่าวขนาดเล็กรูปพระจันทร์เสี้ยวที่โอบล้อมด้วยเขาหินปูน มีหาดทรายขาวละเอียดทอดยาวเป็นครึ่งวงกลม มีน้ำทะเลใส สีเขียวมรกต บรรยากาศช่วงเช้า ร่มรื่น เนื่องจากได้รับเงาของหน้าผา ทอดลงมาบนชายหาด บวกกับลมเย็นๆ จากทะเล และความสวยงามของ ธรรมชาติ ทำให้รู้สึกฟิน อย่างรุนแรง สดชื่นสดใส ผ่อนคลาย สบายอย่างที่สุด ชมภาพบางส่วนกันนะครับ







เราอยู่ทีอ่าวมาหยาประมาณเกือบชั่วโมงเราก็ออกไปยังอ่าวปิเล๊ะ ซึ่งสวยงามมากเช่นกัน ซึ่งจุดนี้ภาพทั้งหมดอยู่ในโทรศัพท์มือที่ที่พังไป ทำให้ไม่มีภาพความงามที่ต้องร้องWOW มาให้ชม แต่ยังมีอีกหลายจุดที่ เราได้ชมและสามารถเก็บภาพไว้ได้ นั้นคือ ถ้ำไวกิ้ง ซึ่งเป็นถ้ำที่นกนางแอ่นมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นถ้ำที่เป็นสัมปทาน ในการเก็บรังนกนางแอ่น ซึ่งทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ

ถ้ำไวกิ้ง ( Viking Cave) เป็นชื่อเรียกแหล่งท่องเที่ยวในทะเลอันดามันสีมรกตของจังหวัดกระบี่ เป็นเพิงผาถ้ำอยู่มุมทางทิศใต้ของเกาะพีพีเลย์ (Pi Pi Lay) ตรงกันข้ามกับอ่าวมาหยาอันเลื่องชื่อ ที่เป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์เรื่องThe Beach

ผ่านจากถ้ำไวกิ้ง อีก5นาที เราก็ตรงไปที่เกาะลิง หรือบางคนเรียกว่าหาดลิง ด้านหน้าเป็นหาดทรายขาว ตัดกับน้ำทะเลใสสีเขียวอ่อน งดงามน่าพักผ่อน นักท่องเที่ยวสามารถชมลิงที่อาศัยอยู่บนเกาะจำนวนมาก ซึ่งบางตัวก็จะลงมาเล่นกับนักท่องเที่ยวและหาอาหารบนชายหาดอีกด้วย แต่มีข้อห้ามคือห้ามให้อาหารลิง และห้ามหยอกให้มันตกใจ เนื่องจากมันอาจจะทำร้ายเราได้ครับที่สำคัญลิงพวกนี้ชอบทำร้ายเด็ก ใครมีเด็กไปด้วยต้องระวังนะครับ อย่าให้เด็กๆไปแหย่มันล่ะ






ออกจากหาดลิง เราก็ไปแวะทานอาหารที่เกาะพีพีดอน ซึ่ง เป็นอาหารบุฟเฟ่ ที่ทา่งทัวร์จัดไว้ให้ หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ ก็พอมีเวลา เดินชมทัศนีย์ภาพรอบๆเกาะพีพี ประมาณ50นาที สำหรับผมแล้ว เกาะพีพีดอน ไม่มีอะไรน่าสนใจ เนื่องจากเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้าง และจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีปริมาณเยอะ เนื่องจากทัวร์ทุกคณะ จะต้องแวะมาทานอาหารเที่ยงที่เกาะนี้ เนื่องจากเป็นเกาะเดียวที่มีร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว เลยทำให้ดูพลุกพล่านไปซะหน่อยสำหรับผม

ภาพจากเกาะพีพีดอน




ออกจากพีพี เราไปดูปลากันต่อที่เกาะไข่นอก เป็นการดูปลาน้ำตื่น ไม่ต้องดำน้ำก็มองเห็นปลาตัวเป็นๆมาว่ายกันแบบไม่กลัวคนกันเลยทีเดียว น้ำที่นี่ใสมาก และที่สำคัญคือห้ามให้อาหารปลานาจา

พอถีงเกาะไข่นอกทักท่องเที่ยวแต่ละคนไม่มีใครรอใคร ต่างกระโจนลงน้ำแบบตัวใครตัวมัน เพื่อสัมผัสกับน้ำทะเลใสๆ ปลาเสือตัวสวยๆ ราวกับว่าขอเหล่านั้นเป็นของรักของหวงของตัวเองที่พลัดพลากจากกันไปนาน แล้วหวนกลับมากเจอกัน วันนี้ท้องฟ้ามีแดดดี ทำให้น้ำทะเล กระทบแสงแดดอย่างชัดเจน สะท้อนความใสราวกับมองผ่านแก้วกระจก ลงไปยังตัวปลา ซึ่งแสดงลวดลายประจำตัวให้ยลโฉม กันอย่างไม่อายมนุษย์กันเลยทีเดียว

ภาพจากเกาะไข่นอก





เสร็จจากเกาะไข่ก็ไดเวลากลับขึ้นฝั่ง ถือว่าจบทริปสำหรับวันนี้ เราใช้เวนาไม่นาจากเกาะไข่นอกถึงท่าเรือ น่าจะใช้เวลาสักไม่เกิน20นาที ก็ถึงท่าเรือ สำหรับทริปนี้ก็ถือว่าผ่านครับ

มีภาพมาฝากเพิ่มเติมครับ

เจอกันไหม่ทริปหน้านะครับ

จาก นายโรตี หนีเที่ยว

นายโรตี หนีเที่ยว

 วันพฤหัสที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 09.52 น.

ความคิดเห็น