"น่าน..มีอะไรให้เที่ยว?"

เป็นคำถามยอดฮิตของใครหลายๆคน รวมถึงตัวฉันเอง
เพราะเมื่อนึกถึงภาคเหนือ 'น่าน' คงไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆที่เราจะนึกถึงกัน
แต่อาจจะเพราะความไม่มหาชนของน่านนี่เอง
ที่ทำให้ 'น่าน' เป็นอีกจังหวัดที่สงบ เรียบง่าย ไม่จอแจนักแม้ในตัวเมือง
ท่ามกลางอ้อมกอดแห่งขุนเขาเมืองสงบเล็กๆเช่นน่าน กลับมีวัดวาอารามตั้งอยู่มากถึง ๔๐๐ กว่าแห่ง
และอาจจะเพราะสถาปัตยกรรมที่งดงามนี้เองที่ดึงดูดให้ฉัน
ดำดิ่งสู่ความหลงใหลในความงามของ น่าน ได้อย่างง่ายดาย .

บันทึกการเดินทาง ณ น่านนคร

๖-๙.๐๔.๖๐



- ก่อนเริ่มต้นเดินทาง -


"น่านมีอะไร?"

"มันจะไม่สงบเกินไปหรอจังหวัดนี้เนี่ย?"

"เที่ยวเหนือหน้าร้อนดูจะไม่ใช่ไอเดียที่ดีนะ..ร้อนตายเลย"

คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นมากลางวงสนทนาของที่บ้านก่อนที่เราจะตัดสินใจ ออกเดินทางหาคำตอบ และออกมาเป็นรีวิวครั้งแรกของ #whywildworld ที่หวังเล็กๆว่าเมื่อคุณอ่านจบ ทัศนคติต่อน่านของคุณจะเปลี่ยนไป จนต้องร้องออกมาว่า "เห้ย น่านมีอะไรแบบนี้ด้วยหรอ" และแทบอยากจะเก็บกระเป๋าตามเรามาเลยทีเดียว .



ปล. ติชมหรือสอบถามอะไรด้านล่างได้เต็มที่ หรือ จะติดตามการเดินทางครั้งต่อไปได้ที่ https://www.facebook.com/whywildworld/ และ https://www.instagram.com/whywildworld/



Day 1


ขอเริ่มต้นการเดินทางด้วย landmark สุดคลาสสิคอย่าง วัดภูมินทร์ แห่งนี้:

"คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะ ลุม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไ ปก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้

จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้ยามป ี้นอนสะดุ้งตื่นเววา…"


คำบอกกระซิบรักสุดอมตะของ ปู่ม่าน ที่มีต่อ ย่าม่าน ถูกเขียนออกมาเป็นภาพเขียนฝ าผนังอย่างวิจิตรงดงามในภาพ กระซิบรักบันลือโลก ที่อยู่ในพระอุโบสถของวัดภูมินทร์นี่เอง



วัดพระธาตุเขาน้อย

เราตั้งใจเดินทางมายังวัดนี้ในเวลาเย็นก่อนพระอาทิตย์ตก เพราะได้ยินมาว่าวิวบนนี้สวยมาก แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 นาที เราก็จะพบกับวัดพระธาตุเขาน้อย ที่ตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย จากจุดชมวิวของที่นี่เราจะสามารถมองเห็นวิวโดยรอบของตัวเมืองน่าน และบริเวณจุดชมวิวนี้เองที่ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สูงกว่า 9 เมตร สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542




Day 2


จากตัวเมือง สู่ อ.ปัว ใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. ระหว่างทางเราจะได้พบเห็น ทุ่งนา(ที่ไม่ได้เขียวขจีเหมือนในโปสการ์ด) และ ไร่ข้าวโผด (ที่ไม่มีข้าวโผด) มากมายเรียงรายอยู่ตลอดสองฝั่งทาง เป็นทัศนียภาพที่สวยแปลกตาออกไปอีกแบบ




กาแฟบ้านไทลื้อ-ลำดวนผ้าทอ

ร้านลำดวนผ้าทอ ตั้งอยู่ที่ตำบลศิลาแลง นอกจากจะจำหน่ายผ้าทอสวยๆแล้ว ที่นี่ยังมีร้านกาแฟหลังร้านที่มีมุมให้นั่งพักเป็นกระท่อมเล็กๆมุงด้วยหลังคาจาก มีทางเดินไม้เชื่อมอยู่ทุกจุด ตลอดทางเดินจะพบผ้าทอหลากสีตากเรียงรายเป็นทางยาว ตัดกับสีเขียวจากนาข้าวและภูเขาที่โอบล้อมอยู่ได้อย่างลงตัว


นั่งพักที่นี่ได้ยาวๆ ยิ่งเป็นช่วงหน้าร้อนแบบนี้แล้วนั้น คนแทบไม่มี (ที่นี่เป็นของเราอย่างแท้จริง) เรียกได้ว่าจะนั่งถ่ายรูป นอนถ่ายรูป 10แอค 100แอค ก็แล้วแต่สะดวกกันเลย..




คืนนี้เราพักที่

ตูบนาโฮมสเตย์

โฮมสเตย์ที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและทุ่งนา (ไม่ต้องห่วงค่ะ ถึงนี่จะไม่ใช่ฤดูทำนา ชาวบ้านเขาก็ปลูกพืชอย่างอื่นแทนทำให้ยังคงมีสีเขียวขจีให้เราได้ทอดสายตาอย่างสบายใจ) ที่นี่มีเพียง 4 ห้อง บ้านแต่ละหลังยังมีดาดฟ้าให้เราได้นอนดูดาวในยามค่ำคืนอีกด้วย



นอกจากไร่และภูเขาแล้ว ที่นี่ยังปลูกสตรอเบอร์รี่ ลูกม่อน และผลไม้อีกหลายชนิด ที่เราสามารถเดินลงไปเก็บทานกันได้สดๆ (คุณป้าคุณลุงเจ้าของจิตใจดีมีเมตตาขนาดนี้ มีหรือเราจะพลาด ก็เก็บสตรอเบอร์รี่กันสนุกสนานเลยค่ะ)



ใครสนใจสามารถคลิกเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.toobna.com/


Day 3


เช้าวันที่สามของการเดินทาง หลังจากปล่อยตัวตามสบาย นั่งมองวิวภูเขาตัดกับท้องฟ้าอย่างไม่รู้เบื่อได้สักพัก ก็ถึงเวลาที่เราจะออกเดินทางไป อ.บ่อเกลือกัน


แต่ก่อนที่จะจากปัวไปนั้น เราตัดสินใจขับรถออกไปยัง วัดพระธาตุจอมทอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตูบนาโฮมสเตย์มากนัก เป็นวัดป่าเล็กๆที่เงียบสงบ มีพระประจำอยู่เพียง 1 รูปเท่านั้น จากหน้าอุโบสถหลังน้อยจะพบกับบันไดที่ทอดยาวลงไปด้านล่างสุดลูกหูลูกตา อาจจะเพราะทางขึ้นที่ค่อนข้างลำบากนี้ที่ทำให้ไม่พบร่องรอยของผู้คนมากนัก คำสอนต่างๆถูกเขียนด้วยลายมือติดอยู่ที่ฝาผนังเป็นจำนวนมาก เป็นความเรียบง่ายที่มีเสน่ห์ในความพอดิบพอดี

เราได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อ ก่อนที่จะกราบลาไปกับความรู้สึกใหม่ที่ว่า การมาน่านครั้งนี้ ดูเหมือนจะชักนำให้ตัวฉันและครอบครัวเข้าใกล้ธรรมะมากขึ้นอย่างน่าประหลาด .





It's a long road, but it's worth it.

จาก ปัว ไป บ่อเกลือ ใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมงโดยรถยนต์ และด้วยความที่ บ่อเกลือ ตั้งอยู่บนเขา เส้นทางจึงคดเคี้ยวผ่านเขาลูกแล้วลูกเล่าเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด แต่กลับเป็นภาพที่สวยงามทั้งในความเป็นจริงและความทรงจำ บนถนนหมายเลข 1081 สันติสุข-บ่อเกลือแห่งนี้

ก่อนที่จะเข้าที่พักเราได้ไปแวะชม พระตำหนักภูฟ้า พัฒนา ซึ่งเป็นพระตำหนักของ สมเด็จพระเทพฯ เป็นเวลาเกือบ 5 โมงเย็นได้เมื่อเราไปถึง ซึ่งมีเพียงเรา 4 คนเท่านั้นในพระตำหนัก นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งข้อดีของการมาหน้าร้อน เพราะไม่ว่าเราจะไปสถานที่ไหน ก็มักจะมีเรา 4 คนเท่านั้น หรือมากกว่านี้ไม่กี่คน ราวกับทุกที่เตรียมตัวต้อนรับเราโดยเฉพาะอย่างไงอย่างงั้น



อุ่นไอมาง ที่พักในฝันที่มีลมหายใจ


ขับรถต่อมาอีกราวๆ 45 นาทีเราก็จะถึงที่พักคืนสุดท้ายของเราที่ อุ่นไอมาง ณ สปัน



ที่พักที่นี่จะแบ่งออกเป็นสองแบบคือ แบบบ้านกระท่อม กับ แบบกระโจม หรือจะนำเต้นท์มากางเองก็ได้ (เพราะหน้าหนาวที่นี่คนแน่นพอสมควร ถ้าอยากจะมาสัมผัสอุ่นไอด้วยตัวเองแนะนำให้จองล่วงหน้านานๆ)


ติดกับที่พักจะมีลำธารเล็กๆที่น้ำใสแจ๋วและเย็นสบาย จนแทบอดใจไม่ไหวต้องก้าวเท้าลงไปสัมผัส




Day 4

เช้านี้เราตื่นมาพร้อมกับอุณหภูมิ 25 องศาที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้สัมผัสในหน้าร้อนเช่นนี้

ว่าแล้วก็คว้าจักรยานที่คุณป้าจิน ผู้ดูแลโฮมสเตย์เเห่งนี้มีให้ยืม ออกไปสูดอากาศรอบๆหมู่บ้านกันดีกว่า


แสงแรกยามเช้าในมุมมองที่แตกต่างจากในป่าคอนกรีตอย่างเมืองกรุงที่จากมา .



ภาพสวยเหมือนฝันที่เก็บได้ระหว่างทางปั่นจักรยาน .



ไม่ใช่เกลือทะเล แต่เป็นเกลือภูเขา

ใช่แล้ว บ่อเกลือสินเธาว์ อันโด่งดังของที่นี่ คือเกลือภูเขาแห่งเดียวในโลก ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เกลือเป็นผลิตภัณฑ์หล่อเลี้ยงชุมชนนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ขั้นตอนก็คือตักน้ำเกลือจากบ่อมาต้มในกะทะประมาณ 4-5 ชั่วโมง วิธีนี้จะทำให้น้ำเกลือระเหยเหลือเพียงเม็ดเกลือที่สามารถบริโภคและแปรรูปได้หลากหลายนั่นเอง



ความคิดเห็น