ผาช่อ ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหูสำหรับใครบางคน และอาจไม่คุ้นตาสำหรับใครบางคน บางคนสงสัยว่าผาช่ออยู่ที่ไหน ดูภาพแล้วสงสัยว่าที่นี่เมืองไทยหรือนี่ มีที่แบบนี้ด้วยเหรอ สำหรับผาช่อ ถือได้ว่าเป็น unseen อย่างหนึ่งของเชียงใหม่ก็ว่าได้ และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่ธรรมชาติสรรสร้างได้อย่างสวยงามและอลังการมาก
ผาช่อ แอบอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่วาง อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่นี่เองครับ มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันประมาณ30กว่าเมตรเห็นจะได้ ซึ่งเกอดจากการกัดเซาะต่างๆของลม ฝน และกระบวนการขั้นตอนทางธรรมชาตินับล้านปี ซึ่งบริเวณนี้ว่ากันว่าเคยเป็นเส้นทางของแม่น้ำปิงมาก่อน ซึ่งยังปรากฏหลักฐานคือก้อนหินที่กลมมน เหมือนหินแม่น้ำ ที่เรียงตัวกันอย่างมีระเบียบตลอดเส้นทางการเดินไปยังผาช่อ และเกิดการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการไหลของน้ำไนภายหลัง ชั้นดินเกิดการยกตัวเกิดเป็นชั้นหินในลักษณะต่างๆ ตะกอนแม่ปิงทับถมกันเป็นชั้นๆผ่านกาลเวลานับล้านปี เกิดเป็นหน้าผาสูงชันและเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตาให้เราได้เห็นกันในปัจจุบัน
สำหรับการเดินทางมายังผาช่อ ไม่ยากครับ จากตัวเมืองเชียงใหม่ สามารถใช้เส้นทางหลัดเชียงใหม่-จอมทอง ได้เลยครับ วิ่งตรง ไม่ต้องเลี้ยวไปไหน พอใกล้ถึงอำเภอดอยหล่อ ให้มองด้านขวา หาวัดฟ้าหลั่ง พอถึงวัดก็ยูเทิร์น รถได้เลยครับ หรือถ้ามาจากเส้นคลองชลประทาน ก็วิ่งตรงยาวไปเลยครับ เลยทางแยกอำเภอแม่วาง ไปจนถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนเชียงใหม่-จอมทอง ให้เลี้ยวขวาไปทางจอมทองครับ ขับไปอีกนิดก็จะเจอวัดฟ้าหลั่ง อยู่ด้าน ขวามือครับ พอยูเทิร์นเสร็จขับไปอีกนิดเลยวัดไปประมาณ200-300เมตร เจอทางแยกแรกซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปเลยครับ(ทางแยกมีป้ายบอกทาง) ขับยาวไปเลยครับประมาณ17กิโลเมตร จะถึงทางแยกเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วาง ณ จุดนี้ ต้องซื้อบัตรก่อนครับ ไม่แพงครับ หลักสิบ จากนั้นขับรถต่อไปอีกประมาณ7กิโลเมตร เส้นทางหลังจากนี้เป็นถนนลูกลังครับ ถนนมีการปรับเรียบ และกำลังเทคอนกรีต เพื่อความสะดวก ส่วนทางก่อนถึงผาช่อ มีการเทคอนกรีตเรียบร้อยแล้ว ค่อนข้างสะดวกครับด้านบนมีลานจอดรถสะดวกมากครับ พอจอดรถเสร็จยังไม่เห็นผาช่อนะครับ ต้องเดินต่อประมาณ400-500เมตรครับ เป็นเส้นทางเดินป่า และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
มาศึกษาข้อห้าม กฏกติกา มารยาท กันก่อนนะครับ ว่ามีข้อห้ามอะไรบ้างจะได้ไม่โดนปรับ
เข้าใจกฏกติกากันแล้วเราจะเรื่องเดินเท้าแล้วนะครับประมาณ500เมตรนะครับ เป็นเส้นทางเดินในป่า เขา ทางน้ำ ขึ้นเขา ลงเขา เหนื่อยนะครับ เพราะฉนั้นต้องเตรียมตัวกันนิดนึงครับ เช็ครองเท้าครับ ส้นสูงเฉิดฉาย ใช้ไม่ได้นะครับ รองเท้าผ้าใบดีที่สุด น้ำครับ เตรียมไปเลยคนละขวด ได้ใช้แน่นอนรับประกัน ถ้าเตรียมผ้าเช็ดเหงื่อไปด้วยก็ดีนะครับ พร้อมแล้วไปกันเลยครับ
เริ่มต้นด้วยการเดินลงเขาซึ่งมบันไดทอดยาว แรงยังเหลืออีกเพียบ ไปต่อกันครับ
หินบริเวณนี้เป็นประติมากรรมธรรมชาติที่สวยงาม ธรรมชาติได้ใช้เวลานับล้านปีเพื่อสรรสร้างความงามให้เราได้ชม ทั้งสองข้างทางที่เราได้ไปยังผาช่อนั้น จะเป็นชั้นดินตะกอนที่มีชั้นหินแม่น้ำแทรกตัวอยู่ เมือ่หน้าดินถูกชะล้างด้วยกระบวนการทางธรรมชาติ หินแม่น้ำที่แทรกตัวอยู่ก็จะปรากฏตัวเรียงรายอยู่บนชั้นตะกอนอย่างสวยงามเหมือนมีคนมาจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เมื่อเราเดินไปบนกินเหล่านี้ จะทำให้เลือดไหวเวียนดีขึ้น เสมือนเป็นการสปาอุ้งเท้าอย่างธรรมชาติไปในตัว ดีจัง
ถึงจุดนี้มีป้ายบอกทางว่าเหลืออีก150เมตร จิ๊บๆ เรามาศึกษาธรรมชาติกันซักนิดนะ มาถึงจุดนี้ผมมาเจอ "เถาว์มะหนัง" อ้า..มันคืออาราย ครายรู้จักบ้าง อยากรู้อ่านด้านล่างนะครับ
เดินต่อไปอีกนิดเจอของแปลกอีกแล้ว ผมเจอ"คำมอกหลวง" มันคืออะไรอีกละ มีใครรู้จักบ้าง
ได้ความรู้ใหม่เยอะเลยน๊าทริปนี้ ไปต่อครับเหลืออีกนิดเดียวก็จะถึงล่ะ ตรงจุดนี้เป็นสามแยก ซ้ายมือไปทางขึ้นผาช่อ ส่วนขวามือเป้นทางลงมาจากผาช่อ ซึ่งเขาจัดให้เป็นทางวันเวย์ มาเจอกันที่จุดนี้
มาถึงจุดนี้เรียกว่า ม่อนลองแฮง จะเป็นเส้นทางสูงชันมีบันไดประมาณ50กว่าขั้น ผมลองนับแล้ว ม่อนลองแฮง น่าจะแปลว่า ดอยที่ใช้ทดสอบแรงของเรานั่นเอง ถึงจุดนี้แหละน้ำที่เราเตรียมมา ผ้าเช็ดเหงื่อที่เราเตรียมมา ได้ใช้แน่นอน ไม่เชื่อไปกันเลยครับ
มาถึงด้านบนมีที่นั่งไว้บริการกันเลยทีเดียว เพนื่อผมสองคนนี้ นั่งพักนานทีเดียวครับ ชวนไปต่อนั่งหัวเราะแฮะๆ แล้วมองตากัน แปลว่าอัลไร..เดินต่ออีกไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้วครับ
ถึงแว้ว ผอช่า เอ้ย..ผาช่อ .. สวยงามไหมล่ะ เดียวจะให้ดูรูปแบบรัวๆ นาจา
ชมความงดงามของธรรมชาติกันเต็มอิ่มแล้ว ระยะทางที่เราเดินมา เท่ากับระยะทางที่เราเดินกลับนะเตรียมตัวให้พร้อม ระหว่างทางกลับเราจะต้องผ่านกับจุดที่เรียกว่า "ฮ่อมกองกีด" จุดนี้คืออะไร....ฮ่อมกองกีด คือ "ช่องเขาทะลุมิติ" จากโลกปัจจุบัน ย้อนกลับไปสู่ไปยังโลกดีกดำบรรพ์ ที่รวมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอันงดงาม "เมือ่หลายล้านปีมาแล้วบริเวณแห่งนี้คือโลกใต้น้ำ ที่มีกระบวนการกัดกร่อนทางน้ำ ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงของเปลือโลก บรอเวณนี้ถูกดันตัวขึ้นกลายเป็นภูเขา แต่ยังคงทิ้งความงดงามของโลกใต้น้ำในยุคดึกดำบรรพ์ไว้ให้เราได้ชื่นชมกันในปัจจุบัน ทั้งชั้นดิน ชั้นหิน และชั้นตะกอนต่างๆ ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ ยิ่ง
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ แต่เหนื่อยเอาเรื่องครับ ไปต่อกับ นายโรตี หนีเที่ยว นะครับ
ทริปหน้าไปไหนดี
นายโรตี หนีเที่ยว
วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.15 น.