ชุมชนกุฎีจีน

ว่างเมื่อไหร่ ต้องออกทริป มะนาวก้าวเดิน ชักจะอยู่นิ่งๆไม่เป็นแล้วค่ะ วันหยุดให้นอนอยู่บ้านเฉยๆคง แห้งตาย ออกไปรับแดดร้อนๆลวกผิว ให้คึกคัก ดีกว่า

จากบ้านของมะนาว เดินมาที่ ท่าเรือพระปิ่นเกล้า โดดขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา มุ่งหน้าไปลง ท่าเรือปากคลองตลาด 15 บาทชิลล์ๆ

ลงจากเรือได้ ก็หิว สิค่ะ บ่ายเข้าไปแล้ว เลี้ยวซ้ายเดินไปหา ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตก รสเด็ดราคา 40 บาท ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเพลินๆ

แอบส่อง ฝั่งชุมชนกุฎีจีน จากร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเรียกน้ำย่อยการเที่ยว ทริปวันนี้ก่อน

อิ่มแล้วก็พร้อมค่ะ เดินเลยมานิด เรือข้ามฟาก ท่าเรืออัษฎางค์ จ่ายไปค่ะคนล่ะ 5 บาทสบายๆ

วิวบนเรือก็เพลินแล้ว

ชุมชนกุฎีจีน เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ของฝั่งธนบุรีที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานตั้งแต่ สมัยกรุงธนบุรี และยังเป็นย่านชุมชนที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรมอย่างมากแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร จะเห็นได้จากเป็นแหล่งที่ตั้งศาสนาสถานที่สำคัญทั้ง วัดซางตาครู้ส ศาลเจ้าเกียนอันเกง วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และ มัสยิดบางหลวง ตลอดริ่มฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

ลงจากเรือได้ ก็คิดก่อน จะไปทางไหนก่อน หลัง

ยังไม่เลี้ยวๆค่ะ เดินตรงไปนิด มองทางซ้าย เราก็จะเจอ จุดเช็คอินที่แรก ของการมาชุมชนกุฏีจีน

ชมภาพรีวิวท่านอื่นมา นางแบบเค้าง๊าม งาม แต่ มะนาวโพส งัยมันเหมือน คนปวดหลัง งัยไม่รู้

เดินผ่าน ประตูเข้ามา(น่าจะเป็นชื่อ ศาลเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้รึเปล่า?)

จุดเช็คอินที่ 2 ศาลเจ้าเกียนอันเกง หรือ ศาลเจ้าแม่กวนอิม เป็นศาลเจ้า จีนเก่าแก่ของชุมชนกุฎีจีน ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ระหว่างวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารและวัดซางตาครู้ส

ศาลเจ้าเกียนอันเกง นับเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในฝั่งธนบุรี มีอายุมากกว่าร้อยปี ภายในศาลเจ้าประกอบด้วยสิ่งของล้ำค่าที่ได้รับการอนุรักษ์ทั้ง ไม้เครื่องแกะสลักที่มีความประณีตและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง ภาพจิตรกรรมฝาผนัง และภายนอกศาลเจ้าที่มุงด้วยกระเบื้องโค้งตามแบบจีนแท้ จนในปี พ.ศ. 2551 ศาลเจ้าก็ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น(ด้านในห้ามถ่ายภาพนะค่ะ)

มะนาวอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งวันเลย

แอบส่อง ความเป็นอยู่ของชุมชน มะนาวว่า มัน ARTมากกกกก

เดินออกมาจากศาลเจ้าเกียนอันเกง เลี้ยวขวาค่ะ

จุดเช็คอินที่ 3 เราก็จะมาพบกับ บ้านไม้โบราณ ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ และ มีคนอาศัยอยู่ซะด้วย

จุดเช็คอินที่ 4 เดินเลยมาอีกนิด ก็จะพบกับ วัดซางตาครู้ส, โบสถ์ซางตาครู้ส หรือ วัดกุฎีจีน

วัดซางตาครู้สเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่อยู่คู่กับชุมชนกุฎีจีนเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยบริเวณที่ตั้งของวัดอยู่ใกล้กับพระราชวังเดิม สมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระราชทานที่ดินให้แก่ชาวโปรตุเกสซึ่งร่วมทำการศึกต่อต้านพม่าจนได้รับชัยชนะ นักบวชชาวโปรตุเกสจึงได้เริ่มก่อสร้างอาคารวัดหลังแรกที่สร้างด้วยไม้ทั้งหมดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2313 ต่อมาได้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในชุมชนในปี พ.ศ. 2376 ทำให้อาคารวัดพังเสียหายทั้งหมด จึงต้องก่อสร้างใหม่ด้วยอิฐถือปูน และได้ก่อสร้างใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2459 ซึ่งคืออาคารวัดหลังที่เห็นในปัจจุบัน

ขวามือ ของ โบสถ์ซางตาครู้ส เราจะเดินไปหาจุดเช็คอินต่อไปกันค่ะ

จุดเช็คอินที่ 5 ที่ซอยกุฏีจีน 9 จะมีกราฟฟิตี้ บอกใบ้จุดเด่นของชุมชน มีความผสมผสานทั้งแบบชุมชนเก่าและ สีสันสมัยใหม่ ดีจัง

เจอ เจ้าถิ่น มะนาวก็ต้องขอทักทายกับพี่เค้านิดดดด

ประตูบ้านของชุมชนนะค่ะนี้ มีความสวยงามยิ่ง

จุดเช็คอินที่ 6 "พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน" จุดนี้ มะนาวขออยู่เป็นชั่วโมงๆ บรรยากาศดีมาก เครื่องดื่ม อาหาร อร่อย มี3ชั้น และ ดาดฟ้า มะนาวจะพาชมค่ะ (ปิดทุกวันจันทร์ค่ะ)

ราคาก็ไม่แพง ไม่ซื้อ ไม่จ่าย ก็มีความใจดี ให้เดินขึ้นไปชม พิพิธภัณฑ์ ด้านบนได้ค่ะ

เดินมาร้อนๆ เจอแบบนี้ สุดจะฟินว่ามิ เจ้าของ ก็น่ารัก โดยส่วนตัว มะนาวปลื้ม ท่านมากค่ะ

ขึ้นมาชั้นสอง ถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปเยี่ยมชม

และนี้คือ ชั้นที่ 3 ค่ะ

ขึ้นมาชั้นดาดฟ้า ชมวิวมุมสูง มะนาวชอบหลังคาสังกะสีจัง คิดถึงสมัยเด็กๆเวลาฝนตก นอนฟังเสียงเพลินนนนมากๆ

ขอกราบงามๆเลยค่ะ มะนาวจึงขออุดหนุนเสื้อเก๋ๆของ"พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน" มา1ตัว ราคา200 บาท

ไปกันต่อกับจุดเช็คอินต่อไปกันค่ะ

จุดเช็คอินที่ 7 ร้าน ธนูสิงห์ ร้านขนมไทยโบราณที่เป็นของดีเมืองไทย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในตัว รสชาติหอมหวาน นุ่มน่ารับประทานที่สุด ร้านนี้สืบทอดความอร่อยมากว่า 200 ปี หลายช่วงอายุคน เมนูเด่นคือ ขนมฝรั่งกุฏิจีน ที่หาทานยากและเหมาะที่จะซื้อกลับไปเป็นของฝาก ขนมแต่ละชนิดของที่นี่ ล้วนผ่านกรรมวิธีที่พิถีพิถัน ด้วยวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี

ขนมฝรั่งกุฎีจีน เป็นลูกผสมระหว่างจีนกับฝรั่ง ตัวขนมเป็นต้นตำรับของโปรตุเกส ขณะที่หน้าของขนมเป็นแบบจีน ที่ประกอบไปด้วยฟักเชื่อม ซึ่งคนจีนเชื่อกันว่าถ้าทานแล้วจะทำให้อยู่เย็นเป็นสุข

ที่ร้านยังมีมุมให้นั่งรับนั่งประทาน ด้วยนะค่ะ น่ารักจุง กลิ่นหอมของขนมที่กำลังอบ ฟินมากๆ

หลังจาก เดินวนเป็นวงกลม ออกมาก็เลี้ยวขวา ไปต่อกันได้คร่า

เดินไปเรื่อยๆจนผ่านใต้สะพานพุทธ ค่ะ

และผ่าน สวนป่า กทม. เฉลิมพระเกียรติ เชิงสะพานพระปกเกล้า

เลี้ยวซ้าย จะพบสี่แยก สังเกตป้ายนี้ค่ะ มะนาวจะพาไปมัสยิดกูวติลอิสลาม หรือตึกแดง

เดินชมบรรยากาศของชุมชน อากาศร้อนๆ มีงอแง หิวน้ำนิดหน่อยค่ะ

จุดเช็คอินที่ 7 มัสยิดกูวติลอิสลาม หรือตึกแดง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้เชิงสะพานพุทธฯ ซึ่งแต่เดิมตึกแดงคือสำนักงานพระคลังสินค้าของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ สมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้บริจาคเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ให้กับมุสลิมในชุมชนนี้ ด้วยเห็นว่ามุสลิมที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้ไม่มีมัสยิดสำหรับปฏิบัติศาสนกิจ มัสยิดนี้จึงเริ่มสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2402

เข้าไปก็ยกมือไห้วตามประสาคนไทย เป็นการขออนุญาติ เข้ามาชมสถานที่และถ่ายภาพมาฝากเพื่อนๆ

ได้เวลาอันควรก็เดินกลับมาทางเดิม เพื่อจะไปไห้วพระที่ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร แต่บังเอิญ มะนาวเจอกับเจ้าถิ่น จึงต้องขอแวะแกล้งนิด

จุดเช็คอินที่ 8 จุดสุดท้ายของการมาเที่ยวชุมชนกุฎีจีน

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หรือ "วัดกัลยา"ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ได้อุทิศบ้านและซื้อที่ดินข้างเคียงเพิ่มเติม สร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๘ แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พระราชทานนามว่า วัดกัลยาณมิตร

หลังจากเข้าไปไห้ว หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก มะนาวก้าวเดิน ก็พร้อมจะกล่าวคำลา ชุมชนกุฎีจีน

ท่าเรือข้ามฟากขากลับ ก็อยู่หน้าวัด เลยค่ะ

สัมพันธภาพภายใต้ความแตกต่างของเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมในชุมชนที่ประกอบไปด้วยชาวจีน อินเดีย และยุโรป ไทย ที่อยู่ร่วมกันอย่างปรองดองเป็นเวลานานกว่า 200 ปี ไม่ไปไม่ได้แล้ว>> ชุมชนกุฎีจีน