นั่งๆทำงานอยู่ก็รู้สึกว่าตัวเองหมดแรงบันดาลใจโว๊ยยยยยยยย


ไม่รู้ทำไง เอ๊าเดินไปลาออกจากงานเฉย

หนึ่งเดือนถัดมาว่างงาน ก็เลยหาตั๋วแล้วบินไปบาหลีเลยจ้า



ทริปนี้ เราไปใช้ชีวิตเรื่อยๆอยู่ที่อินโดนีเชียเป็นเวลาเกือบเดือน

กับเงินในบัญชี 20,000 บาทไทย กับเงินที่แลกไป 100 ดอลล่า



แต่ในที่นี้เราจะพูดถึงการเดินทางไป โบรโม่ จากบาหลี ก่อน

เพราะอยู่ๆก็รู้สึกอยากเล่าเรื่องนี้ก่อน แค่นั้น 5555

มาเริ่มกันเลยดีกว่า



ป.ล. เดี๋ยวอีกเรื่องขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ได้จะมาอวดแฟน ฝ

แต่ต้องยกความดีความชอบให้นางจริงๆ เพราะนางเป็นแบคแพคเกอร์สายงก

ต่อรองราคาได้เท่าไหร่เอาหมด ไปเองได้ไปหมด ไม่พึ่งทัวร์ 555เริ่มต้นจากตอนนั้นอยู่บาหลีอยู่ละ เลยนั่งรถทัวร์จาก Ubung Bus Station ไป Probolinggo

ตอนแรกราคารถทัวร์อยู่ที่คนละ 300,000 (ให้เข้าใจว่าเป็นสกุลเงินของอินโดนะ)

คุณแฟนขี้งกต่อราคาค่ะคุณณณณณ เพราะนางอ่านมา นางบอกที่จริงมันไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้น 555

ตอนแรกเป๋ารถลดให้เหลือ 150,000 แควนยังไปพอ ลองเขียนใส่กระดาษไป 120,000

เป๋าทำหน้าเซ็งไปแปป มองซ้าย มองขวาแล้วหยักหน้าตกลง

สรุปได้ไปเมือง Probolinggo ในราคา 120,000 55555



ที่เราไปเมือง Probolinggo เพราะเมืองนี้มีบัสที่สามารถต่อขึ้นไปหมู่บ้านที่ใกล้ Bromo ได้

และเราจะเข้าโบรโม่แบบไม่เสียค่าเข้า และค่าไกด์ค่าาาาาาาา งกสไตส์ 5555



เราก็นอนไปค่ะ เป็นรถบัสนอนที่ต้องใช้เวลาเดินทาง 1 คืนถ้วน

ไปถึงประมาณ 10 โมงกว่า คุณค่ะ เมื่อคุณไปถึงหน้าสถานี จะมีคนมารอ ‘Bromo Bromo’

ก็ให้เดินตามเค้าไปค่ะ เพราะมันมีรถที่เดียวที่ไปโบรโม่ = =

แต่คุณต้องรอค่ะ รอไปยาวๆ ถ้าไม่เต็ม 14 คนนางไม่ยอมออกนะค่ะ นี่ล่อรอไป 2 ชั่วโมงกว่าๆ

ฝ แต่ละคนที่รอนี หน้าหงิกเป็นฝอยขัดหม้อกันเลอ

สนราคาจะตกอยู่ที่คนละ 35,000 กว่าจะได้ออกเดินทางก็เที่ยงกว่า นั่งไปค่ะ ชั่งโมงนิดๆเราก็จะถึงแล้ว Cemoro Lawang



นี่คือรถที่เรานั่งจาก Probolinggo ไป Cemoro Lawang



Cemoro Lawang บ่ายสองกว่าๆก็ถึงแล้วค่ะ

พอถึงไม่ต้องทำไรเลยค่ะ เดินหา รร ที่เราไม่บุ๊คมาก่อน เพราะในบุ๊คกิ้งหาเมืองนี้ไม่เจอ = =

ตอนแรกก็คิดอะนะ เอ๊ารึนี่ต้องนอนหนาวอยู่กลางหมู่บ้านรึเปล่า เค้าว่ากันว่าหมู่บ้านนี้หนาวมากนิ

เดินหาไปเรื่อยๆค่ะ สักพักมีคนขี่มอเตอร์ไซค์มา ‘Home Stay?’

คำถามแรกที่ยิงกลับไป ‘How much?’ ด้วยความงี้งกอะเนอะ

มอไซค์ ’150,000’ เรา ’No, 100,00’

มอไซค์ ’………..’ เรา ’?????????’

มอไซค์ ’120,000’ เรา ‘…OK…’ ที่จริงโอเคตั้งแต่แรกแล้วหล่ะ อยากต่อไปงั้น เผือกได้ 555

พอได้โฮสสเตก็เข้าไปเก็บเป๋า เจ้าของบ้านบอกยูๆ ยูเดินไปโบรโม่ได้นะ ทางนี้ ฟรีไม่เสียค่าเข้า ไปตอนนี้ไม่ค่อยมีคนด้วย (ตอนนั้นบ่ายสาม)

หันหน้ามองกันกับแควน ยูเอาไงลองไปไหน เอ๊าไป ไหนๆก็มาแล้ว

รอไรค่ะ แต่งตัว ใส่เสื้อกันหนาว พกไฟฉาย พร้อมเดินทางค่ะ



นี่คือวิวจากตรงหมู่บ้านระยะห่างจากหมู่บ้านถึงภูเขาไฟเนี่ยประมาณ 2 กิโลเมตร


เราต้องเดินผ่าน Sea of Sand ถนนที่รถจิ๊บวิ่ง แล้วก็ทางไหนของลาวา ในที่สุดก็ถึงภูเขาไฟ

โอโหคุณค่ะ นี่เราต้องเดินขึ้นไปบนปากปล่องด้วยบันไดที่ชันขนาดนั้นจริงๆหรอ

สภาพบันไดที่โดนดินภูเขาไปกลบไปโผล่แค่สันบันไดที่เอียงเกือบ 80 องศา OMG

กว่าจะขึ้นไปถึงปากปล่องได้เล่นเอาสั่นไปเลยค่ะ กลัวตกแล้วกลิ้งดุกๆลงมา 555

แต่แบบไม่มีคนจริงๆค่ะ โล่งมาก มีประมาณ 5 คนเองมั้ง

ก็ถ่ายรูปกันหลายมุมมากๆ ผ่านไปชั่วโมงนิดๆยังคงอยู่บนปากกล่องนั่งดมกัมมะถัน

สักพัก คุณคะ พระอาทิตย์ตกดิน ลมหนาวมาจากไหนไม่รู้ หนาวแบบเย็นสุดๆไปเลยอะ

เราเลยเดินกลับหมู่บ้านกันเพราะมันใกล้มืดแล้วด้วย ดีนะที่พกไฟฉายมา

กลับมาถึงจิบชาร้อนๆสักแก้ว กับมิงโกแลงสักจาน จากนั้นก็ไม่มีอะไรทำ นอนสิ = =

เราต้องตื่นตั้งแต่ตีสามครึ่งค่ะ เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว

ห่างจากหมู่บ้านไป 3 โล และด้วยความงก กะจะเดินกันไปค่ะ 555



ทางเดินไป โบรโม่



ก็มีคนโลดทริปเข้ามาเหมือนกัน แต่ต้องเสียค่าเข้า 100,000 มั้งนะ แต่ขี่มอเตอร์ไซค์มาแบบนี้โคตรเท่



ชาวบ้านเค้าบอกว่ามันคือทางไหลของลาวา ไม่รู้จริงเปล่า แต่นี่ก็เชื่อ 5553:30 นาฬิกาปลุกดังมาก แต่ไม่มีใครตื่น 5555


4:00 อินี่สะดุ้งตื่นขึ้นมา เอ๊ายูตีสี่แล้ว รีบตื่นเร็ว

ด้วยความรีบน้ำเนิ้มก็ไม่อาบ ฟันก็ไม่แปรงเพราะเมื่อคืนแปรงแล้ว = = เปล่า รีบบบบบ 555

รีบออกเดินไปจุดชมวิวค่ะ ระหว่างทางเจอเจ้าของโฮมสเตที่เรานอน

นางกำลังจะไปไรกะหล่ำปลี นางเลยให้ติดรถไปด้วย นางบอกยูสาย 555 เดี๋ยวไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น

กราบนาง นางทำให้ระยะทางของเราสั้นลง จากต้องเดินเป็นสองชั่วโมงเหลือเพียงครึ่งชั่วโมง 555



ตบมือให้เราด้วยค่ะ เรามาทันพระอาทิตย์ขึ้น 555



จุดชมวิวคนเยอะมากกกกกก เราเลยบอกแควนว่า ยู ไออยากไปที่คนน้อยๆอะ

ไอเตี้ย ไอมองไม่เห็น ไอเห็นคนปีนขึ้นเขากัน

เอ๊ายูรอไร ไปดิ ไม่เคยมีใครห้ามกันเลย = = ก็บ้าปีนตาม ฝ ขึ้นไป

แต่วิวตรงนั้นแบบเป็นของเราอะ นั่งมองจนลืมเวลา จนพระอาทิตย์แยงตาเลยจะกลับกัน



เมื่อเดินขึ้นภูเขามาเราจะได้วิวนี้ 555 สวยไหม คนอะ หันหลังนี่สวยเลย = =



นี่บอกยูกลับเถอะ แควนบอกแต่ไออยากไปภูเขาไฟอีกรอบอะ

ห๊ะ จากนี่ไปโน่นอะนะ ยูต้องเดินอีกสองชั่วโมงเผื่อไปหมู่บ้านก่อน แล้วยูต้องเดินอีกชั่งโมงเพื่อไปภูเขาไฟนะ

อื้อ ไม่ไปก็ได้ แล้วนางก็ทำหน้าเศร้า

เราเดินลงมานี่จุดชมวิวไม่มีใครละ เพราะเค้ามากับกลุ่มทัวร์ เค้าต้องรีบลงไปภูเขาไฟกันต่อ

เหลือคนขายกาแฟที่กำลังเก็บร้าน เลยไปสั่งชาร้อนสองที่ฮะ เอ๊าไปอยู่ไหนมา คนขายถาม

พึ่งเดินลงมาจากบนเขา คนขาพูดต่อว่า แล้วไม่ไปภูเขาไฟหรอ

เราก็บอกไป ไปมาเมื่อวานแล้ว วันนี้มันไกลอะ เดินไม่ไหว

นางเลยบอกเอ๊า รอแปป เก็บร้านเดี๋ยวพาไปส่งทางลัด เดินแปปเดียว

ขุ่นพระคนที่นี่ใจดีฝุดๆ ระหว่างรอนางก็นั่งบนดาดฟ้าศาลา จิบชาอุ่นๆ มองวิวตรงหน้า

สวย คำพูดเดียวเลย จากใจ



เกินคำบรรยาย เห็นเสาอากาศไกลๆนั้นไหม นั้นแหละหมู่บ้านที่เราพัก Cemoro Lawang



นางพาไปตรงไร่กะหล่ำปลี แล้วบอกยูเดินทางนี้ลงไปเรื่อยๆ ลงเขาแล้วจะเจอทางเดินไปภูเขาไฟ

โอโห้ ทางนี้แอบไกลกว่าจากหมู่บ้านประมาณกิโลนึ่ง ไม่เป็นไรเดินๆเล่นๆไป เดี๋ยวก็ถึง

ตอนนั้นเป็นเวลาแปดโมงค่ะ เดินไปถึงก็เกือบเก้าครึ่ง คนค่ะ คน คนบนปล่องอย่างเยอะ

แต่เราก็เดินขึ้นไป โชคดีแล้วที่เราไปตั้งแต่เมื่อวานที่ไม่ค่อยมีคน



มองจากข้างบนลงข้างล่าง



เราชอบภูเขาข้างๆมากเลย อยากปีนขึ้นไป แต่ไม่รู้ว่าปีนทางไหน 555



นี่ไง มันสวยจริงๆนะเสร็จเราเดินกลับมาที่หมู่บ้าน อาบน้ำเก็บข้าวเก็บของ แล้วออกมารอรถที่เรานั่งมาตรงที่เค้าจอดเมื่อวาน


รถจะออกตอนเที่ยวหรือถ้าเต็มก่อนก็จะออกก่อน ซึ่ง 14 คนเหมือนเดิม = =

แต่โชคค่อนข้างเข้าข้างเรา รถออกเที่ยงกว่า เข้าข้างตรงไหน?

555 เข้าข้างตรงที่ เรากลับเข้ามา Probolinggo แล้วเราบุ๊คตั๋วกลับบาหลี เราไม่ต้องรอนาน

ขากลับเราก็ได้ตั๋วมนราคา 120,000 ราคานี้เลยแบบไม่ต้องต่อ (แสดงว่าตรงโน้นโกง!!)

แต่ตรงนี้มีตั๋วไปอิเจี้ยนด้วย ถ้ามีอารมณ์เดี๋ยวเรามาเล่าการไปอิเจี้ยนต่อ

ไปด้วยตัวเองไม่ง้อทัวร์ตามสไตส์คนขี้งกเหมือนเดิม = =



ถ้าตอนนั้นเราไม่กล้าเดินขึ้นไป เราก็จะไม่ได้เจอภาพสุดท้ายในกระทู้นี้ค่ะ



ความประทับใจในโบรโม่คือ คนที่ Cemoro Lawang ชาวบ้านน่ารัก ตอนกลางคืนเค้าก่อไฟผิง เราก็ไปแจมได้

ตอนกลางคืนอากาศลดลงได้ถึง 3 องศา หนาวสลัด

และที่สำคัญ เมืองนี้เข้าโบรโม่ฟรี อิอิ

เดี๋ยวเอาอีกหลายๆทริปมาเล่าให้ฟังนะ อิอิ



ทั้งหมดของทริปเรามาเพื่อสิ่งนี้ค่ะ ปล่องภูเขาไปโบรโม่



สุดท้าย ขอบคุณใครก็แล้วแต่ที่เข้ามาอ่านค่ะ 555

Cartoon Ct

 วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.27 น.

ความคิดเห็น