มีคนเคยบอกว่าให้เอาเงินหาได้ ออกไปดูโลกบ้าง ประสบการณ์หาซื้อไม่ได้

ต่างประเทศก็ไม่เคยไปซักครั้ง อยากไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ไปดูโลกบ้างเขาไปถึงไหนกัน

มานึกๆดู ใครๆ ก็ไปญี่ปุ่นเที่ยวกัน ทำไมๆนะ ต้องมีอะไรดีแน่ๆเลย อย่ากระนั้นเลย อยากรู้ก็ต้องไปดูเองละกัน


แต่ไหนๆจะไปละ ก็ไปให้คุ้มเอาให้รู้เรื่องกันไปเลย ไปกันเองนี่ล่ะ ได้ประสบการณ์เต็มที่


ข้อดีคือ อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องเดินตามทัวร์ที่เขาอยากให้เราไป

แต่ข้อเสียคือ ต้องศึกษาหาข้อมูลเอง เตรียมตัวเอง ทุกอย่าง ที่พัก ที่เที่ยว ที่กิน วิธีเดินทาง

แต่เดี๋ยวก่อน ข้อดีในข้อเสียก็มีคือ ( จะงงไปไหมเนี่ย ^^ ) เราจะรู้รายละเอียดของที่เราจะไปละเอียดยิบๆ เอาขนาดว่านั่งรถเมล์สายไหน กี่นาทีถึงกันเลยทีเดียว ( ไม่รู้ก็หลง 555 )


ก่อนไปก็เตรียมตัวไปบ้าง แต่ด้วยงานที่ยุ่งมากจนไม่มีเวลาหาข้อมูล แต่โชคยังดีว่ามีผู้ใหญ่ใจดีสงสาร เลยให้ยืมหนังสือท่องเที่ยวมาเล่มนึง ก็เอาเล่มนี้ละ วางแผนคร่าวๆกันไป แบบคร่าวมากๆ


เริ่มกันเลยดีกว่า

วันแรก ออกเดินทาง ขึ้นเครื่องจากสนามบิน ดอนเมือง ตอนเช้าๆ บินตรง ลง สนามบินคันไซ ใช้เวลาอยู่บนเครื่อง ประมาณ 6 ชั่วโมง ถึงก็ประมาณ 5 โมงเย็น ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะเวลาเร็วกว่าไทย ประมาณ 2 ชั่วโมง

พอถึงปุ๊ป

ปัญหาแรกเลย จะไปที่พักยังไง รถไฟสายไหน ญี่ปุ่นมีรถไฟสารพัดสาย ทั้ง JR ทั้งเอกชน Express / Local ให้เพียบ ไหนจะสารพัดบัตร เหมาวัน เหมาเที่ยว เติมเงิน



ด้วยความที่หาข้อมูลมาน้อย T_T เลยใช้เวลายืนงง ตกลงกันอยู่หน้า JR Office ซะนานเลย คิวก็ยาวมากด้วย จนที่สุดก็ซื้อ JR Pass แบบ Kansai wide area pass มาเพราะเราต้องไป Kinosaki Onsen เป็นเมืองสำหรับแช่ออนเซ็น ด้วยซึ่งไกลพอสมควร ( ประมาณว่า กรุงเทพไประยอง ประมาณนั้น )



และแล้วก็ได้บัตร ICOCA & HARUKA มา เป็นบัตร รถไฟแบบ Express คือ รถด่วน วิ่งตรงจอดแค่บางสถานีเท่านั้น

ใครจะไปแนะนำให้ซื้อบัตรนี้นะครับ คุ้มกว่า ไปตั๋วไปกลับสนามบินราคาถูกว่า ได้บัตรเติมเงิน ICOCA สำหรับใช้ซื้อของ เหมือนบัตร 7-11 บ้านเรา ที่ต้องเติมเงินเข้าไป แต่ใช้แตะได้เกือบทุกอย่างใน คันไซ ตั้งแต่ ตั๋วรถไฟ มินิมาร์ท ตู้กดสารพัด


ต่อๆ โดยตามแผน ก็นั่งจากสถานี คันไซ ไปลง สถานีเทนโนจิ Tennoji ประมาณ 40 นาที แล้ว ต่อรถไฟใต้ดินไป สถานี Shin Imnimamiya อีก 1 สถานี แล้วที่พักจะอยู่ตรงนั้นเลย สบายๆ

แต่ชิวิตจริง ไม่ง่ายขนาดนั้น 555

พอถึง สถานีเทนโนจิ ที่ต้องเปลียนสถานี ด้วยความไม่รู้อะไรเลย มาครั้งแรก
ออกประตูไหน ไปทางไหน คือ สถานีรถไฟฟ้าบ้านเขานี่เหมือนเมืองใต้ดินเลย กว้างใหญ่ สารพัดสาย หลาย Platform

ไม่รู้ก็ต้องถาม ถามเจ้าหน้าที่สถานีนี่ละ ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยแข็งแรง มั่วๆกันไป จนออกจากสถานีมาได้ ดู Google Map แล้วเหมือนว่าที่พักไม่ไกล งั้นเดินไปละกัน แต่ๆ เรา สัมภาระ 10 วัน คือ กระเป๋าเดินทางล้อลากใบใหญ่กันอีกคนละใบ 2 ใบลากกันไป

อากาศก็เย็น เรียกว่าหนาวเลยดีกว่า น่าจะประมาณ15-17 องศา มีลมอีกต่างหาก


มืดๆค่ำ เวลาตอนนั้นก็ 2 ทุ่มได้ละ ( พักแถว Shinsakei ใน Pantip เขาบอกว่าเป็นแหล่งเสื่อมโทรมของญี่ปุ่นละ มีพวกคนไร้บ้านอยู่แถวนั้น ) แต่ด้วยความที่ ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ ประชากร มีระเบียบวินัยสูงมาก ปลอดภัย สะอาด บรรยากาศเลยดูสบายๆ ไม่มีปัญหา ( ใครจะมาพักแถวนี้ สบายใจได้นะครับ ไม่มีปัญหาแน่นอน )

รูปนี้ถ่ายจากแถวๆ หน้าที่พักครับ


เดินไปซัก 20-30 นาทีก็ถึงที่พัก เช็คอิน เรียบร้อย ห้องอยู่ชั้น 5 โรงแรมไม่มีลิฟ T_T แต่สะดวก สะอาด ไม่แพงๆ แนะนำครับ Hostel Zoo

แบกกระเป๋าขึ้นไปเก็บ แล้วก็พร้อมออกสำรวจ ยามค่ำคืน ของย่าน Shaisakei

** ย่านนี้เป็นแหล่งรุ่งเรืองด้านธุรกิจเก่า ของโอซาก้า ก่อนที่จะมี ย่าน Umeda / Numba ( แถวป้ายกูลิโก๊ะที่คนชอบไปถ่ายรูปกัน )


ตอนนี้เลยออกแนว เป็นที่สังสรรค์หลังเลิกงานของพนักงาน Office ซะมากกว่า

เรามาดูรูปกันเลยดีกว่า




ไว้เดี๋ยววันหลังๆ เราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ตอนกลางวัน เพราะยังมี พอคอย Shinsakei Tower อยู่ที่เรายังไม่ได้เข้าไป
และต้องกลับมาขึ้นรถไฟ กลับสนามบินด้วย



เดินเที่ยวถ่ายรูปอยู่แถวๆนั้น จนดึกก็กลับที่พัก เตรียมตัว พรุ่งนี้เดินทางไป ดูอารยธรรม ความเป็นญี่ปุ่น เมืองมรดกโลก เกียวโต กันต่อ.... จะว่าไปก็คงคล้ายอธุยาบ้านเรานี่ละ 555


จบวันที่ 1 เดินทางมาถึง โดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยกันทุกคน


ได้ประสบการณ์ใหม่เพียบ ทั้ง การเดินทาง มีหลงบ้างอะไรบ้าง 555 อาหารกินไม่เหมือนที่คุ้นเคย ภาษา การสื่อสาร ได้พูดคุยกับคนใหม่ๆ มีทั้งพูดกันรู้เรื่องไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็แปลก คุยกันคนละภาษา แต่ก็เข้าใจกันได้ ^^


สิ่งที่ช่วยชีวิตและจำเป็นมากๆ สำหรับการเดินเองแบบนี้ แนะนำเลยคือ Application Google Map ครับ

บอกเราได้ทุกอย่าง ที่ต้องรู้ การเดินทางของประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่คือ รถไฟ / รถประจำทาง / เดิน / จักรยาน

รถไฟ รถประจำทาง นี่ เวลามา แม่นกันระดับนาทีเลย พอดูใน Google Map เวลาเลยเป๊ะมากๆ และยังบอก ค่าเดินทาง + เลือกเวลาที่เราจะออกเดินทางได้ด้วย สะดวกๆมาก ใครยังไม่เคยใช้ ลองใช้โปรแกรมนี้กันดูละกันนะครับ App เดียวจบ


ส่วนใครจะเดินทางไปเอง แล้วกังวล จะบอกว่าไม่ต้องห่วงนะครับ

ที่ญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวคนไทย เพียบ 555 แบบว่ายืนต่อคิวซื้อของ หรือพักโรงแรม นี่ ได้ยินเสียง ภาษาไทยเกือบทุกที่แน่นอนครับ ^^


แล้วพบกันต่อ วันพรุ่งนี้ วันที่ 2 เกียวโต ภารกิจตามหา ดอกซากุระ / ขอบคุณครับที่ติดตามจนจบ

ความคิดเห็น