ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวในกระแสช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นประเทศเพื่อนบ้านของเรา หลายๆคนน่าจะเคยได้ยินชื่อ "โบรโม่ คาวาอิเจี้ยน" มันคืออะไรและอยู่ที่ไหน น่าสนใจอย่างไรทำไมถึงเป็นที่ที่คนไทยนิยมไปกัน มาร่วมหาคำตอบกับพวกเราในรีวิวนี้ได้เลยครับ

ข้อมูลทั่วไป

  • โบรโม่ คือหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิทจาภูเขาไฟทั้งหมดประมาณ 400 ลูกของอินโดนีเซีย ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,392 เมตร ซึ่งเคยเกิดระเบิดมาแล้วถึง 3 ครั้ง ภายในระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ครั้งล่าสุดที่ภูเขาไฟโบรโม่เกิดการระเบิดก็คือเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2004 ที่ผ่านมา
  • คาวาอิเจี้ยน คือภูเขาไฟที่มีการระเบิดหลายครั้งในอดีตและมีการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ โดยการระเบิดครั้งสำคัญคือ ปี 1817 ที่มีการปะทุและเกิดทะเลสาบรอบปล่องภูเขาไฟ

การติดต่อไกด์

ไกด์ท้องถิ่นมีหลายเจ้าให้เลือกมากมาย เรื่องราคาก็แตกต่างกันไปแล้วแต่ความพึงพอใจของแต่ละคน ผมได้รวบรวม contacts แต่ละเจ้าไว้แล้วตามนี้เลยครับ (อาจจะมีมากกว่านี้)

ส่งอีเมลไปแจ้งเขาว่าเราต้องการจะไปที่ไหนบ้าง อยากพักที่ไหน มีเวลากี่วัน แจ้งไฟท์บินทั้งไปและกลับ ทางไกด์จะจัดตารางมาให้พร้อมราคา ซึ่งถ้าไม่พอใจก็สามารถต่อรอง ปรับเปลี่ยนได้แล้วแต่ตกลงกัน สำหรับกลุ่มผมนั้นลงเอยที่ Arif ไม่ใช่เพราะตอบเร็วสุด ถูกสุด ก่อนที่จะเลือกไกด์พวกเราก็เอาชื่อไกด์หรืออีเมลไปเซิซหาข้อมูลของไกด์คนนี้รูปร่าง หน้าตา ดูเป็นมิตรไหม เพราะบางคนหน้าโหดไป 55+ เลยปรึกษากับเพื่อนๆ เหมือนจะถูกชะตากับไกด์ Arif ก็เลยเลือกไกด์คนนี้ (ตรรกะอะไรของมัน) แต่สุดท้ายแล้ว Arif ก็ส่งคนมาดูแลพวกเราอีกที ไม่ใช่ Arif เองที่มาดูแลพวกเราตลอดทริป อ้าวซะงั้นไป 5555+

สรุปแพ็คเกจตามนี้

My package price for 6 person is 13.650.000 idr. my package include

* rentcar, gasoline, parking and room driver

* jeep 4 location

* entrance fee bromo,ijen,madakaripura and belawan waterfall

* hotel at ijen 1 night

* hotel at bromo 1 night

* hotel at surabaya 1 night

* loco guide at ijen and madakaripura waterfall

* ride horse at bromo

* motorcycle

* gas mask

Exclude

* meal

การเลือกรถ jeep

จากที่อ่านๆรีวิวมาจะเห็นหลายๆคนขึ้นไปถ่ายบนรถ jeep ปีนตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง แนะนำให้บอกกับไกด์แรกๆว่าอยากได้รถ jeep สีอะไร เลือกแบบที่สามารถปีนขึ้นไปถ่ายบนหลังคาได้ กลุ่มผมไม่ได้ขึ้นไปถ่ายบนหลังคาเพราะรถไม่มีแร็คหลังคา ทางไกด์ก็คอยห้ามโน่นนี้ตลอด ตอนนั้นก็รู้สึกเซง เห็นกลุ่มๆอื่นขึ้นไปถ่ายบนหลังได้ ก็อยากบ้าง 55+ แต่ไม่เป็นไรวิวอื่นๆมีให้ถ่ายอีกเยอะ

ที่พัก Bromo

ที่พักยอดฮิตของคนไทยส่วนใหญ่คงไม่พ้น Cemara Indah hotel ก็สมกับที่คนไทยนิยมจริงๆ เพราะวิวสวย เห็นภูเขาไฟโบรโม่ชัดเจน ถ้าถามว่าไปโบรโม่พักที่ไหนดี ก็คงต้องแนะนำที่นี่แหละครับ 55+ แต่เรื่องเครื่องทำน้ำอุ่นต้องทำใจนิดนึงนะครับ ตอนเช็คอินเขาบอกว่า น้ำอุ่นเปิดน้ำแล้วให้รอประมาณ 2 นาที แล้วน้ำจะร้อน แต่ตอนอาบจริงๆ เปิดเป็น 10 นาทียังไม่ร้อนเลย สุดท้ายก็ต้องทนสั่นอาบน้ำเย็น(มากๆ)

ที่พัก Kawahijen

ที่พักยอดนิยมของคนไทยที่ kawahijen ก็คือ Catimor homestay และ Arabica homestay ซึ่ง Catimor จะเข้าไปลึกกว่าและใกล้กับน้ำตก blawan กลุ่มผมเลือกพักที่ Catimor homestay เรื่องความสะอาดก็พอใช้ได้ น้ำอุ่นใช้ได้ทุกห้อง เรื่องวิวไม่ต้องพูดถึงเพราะที่นี่อยู่ในหมู่บ้าน ไม่เห็นวิวอะไร

การเตรียมตัว

สิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมากๆในการมาโบรโม่และคาวาอิเจี้ยน

  • เสื้อกันหนาว เน้นที่เป็นแจ็คเกตนะครับรับรองว่าสบายชัวร์
  • ผ้าปิดปากมีก็ดีครับ(คนละอันกับที่ไกด์มีให้นะครับ ที่ไกด์ให้จะเป็น gas mask) ใส่ตอนขึ้นไปถึงปากปล่องภูเขาไฟ เพราะ gas mask ไกด์จะไม่ได้แจกตลอดหรือบางทีก็ไม่แจกเลยเพราะเราไม่ได้เข้าไปใกล้โซนที่จะต้องใส่ขนาดนั้น ***อันนี้ประสบการณ์จากผมเองหลังลงจากปล่องภูเขาไฟผมตัวร้อน มึนหัวมาก เรียกได้ว่าแย่เลยครับตอนนั้นอยากจะกลับประเทศไทยเลยเพราะกลัวเป็นอะไรมาก กลับถึงไทยก็รีบไปโรงพยาบาล สรุปเป็นเกี่ยวกับทางเดินหายใจ น่าจะเป็นเพราะกำมะถันที่สูดเข้าไปเยอะตอนขึ้นไปบนปล่องอะครับ
  • ไฟฉาย ไกด์ไม่มีไฟฉายให้นะครับต้องเตรียมไปเอง แบบคาดหัวจะโอเคมาก
  • พลกำลัง ออกกำลังไว้บ้างเพราะการเดินขึ้นคาวาอิเจี้ยนระยะทางประมาณ 3 กิโลกว่าๆ ชันบ้างราบบ้างประกอบกับอากาศที่หนาวเย็น ถ้าคิดว่าโบรโม่ คาวาอิเจี้ยนเป็นทริปสบายๆ คิดผิดครับ แทบจะไม่ได้นอนเลยดีกว่า เพราะคาวาอิเจี้ยนต้องตื่น ตี 1 เพื่อขึ้นไปให้ทันดูบลูเฟรม และโบรโม่ต้องตื่น ตี 3 เพื่อขึ้นไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วมากครับ
  • ยาแก้เมารถ จะขึ้นเขาบ่อยหน่อยครับพกไว้อาจจะได้ใช้
  • เสื้อกันฝน ใช้ที่น้ำตกซื้อที่โน่นก็ได้มีให้เลือกหลายแบบ

อุปกรณ์ถ่ายภาพ

  • Canon EOS 60D
  • Sony A5100
  • Sony A6500
  • Gopro Hero 4 silver
  • DJI Mavic pro
  • Iphone 6, 6+, 7

ซิม internet

พวกเราซื้อซิมของ travel sim ของ true ครับ เพราะรองรับทั้งสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ที่อินโดนีเซียทางที่พวกเราต้องไปส่วนใหญ่เป็นเขา สัญญาณจะขาดๆหายๆบ้าง แต่ถ้าเลือกไกด์ดีๆรถของไกด์จะมี wifi ให้ด้วยเป็นอะไรที่ดีมากมาย 55+

แผนการเดินทาง

8y7alarg1n86

การเดินทางมาโบรโม่ต้องลงที่สนามบินสุราบายาหรือคนอินโดจะเรียกกัน Juanda International Airport ซึ่งจากประเทศไทย ณ ตอนนี้ไม่มีสายการบินที่บินตรง จะต้องไปต่อเครื่องที่

  • Singapore สำหรับ Tiger air
  • Kuala lumpur สำหรับ airasia

กลุ่มผมเลือก Tiger air เพราะมีแพลนจะเที่ยวสิงคโปร์ตอนขากลับประกอบกับช่วงเวลาที่จองตั๋ว Tiger air ให้ราคาดีกว่ามาก เลยตัดสินใจได้ไม่ยาก พวกเราเดินทางวันที่ 3 พ.ค. 60 ตอนสองทุ่ม ถึงสิงคโปร์ ห้าทุ่มกว่าก็นอนใน ตม. เลย เช้าวันที่ 4 พ.ค. 60 ก็บินไปสุราบายา อินโดนีเซีย เพื่อไปเจอไกด์ที่นัดไว้

และสำหรับแผนการเดินทางที่อินโดนีเซียจากที่ติดต่อไกด์ ได้แผนการเดินทาง 4 - 7 พ.ค. 60 ผู้ร่วมเดินทา 6 คน ดังนี้

4 may 2017

* 09.35 am : arrive at surabaya

* 10.00 am : go to ijen by car during 7 hour

* 17.00 pm : check in hotel near ijen ( catimor )

5 may 2017

* 01.00 am : ijen tracking

* 09.00 am : check out and go to blawan waterfall

* 10.00 am : go to bromo by car during 7 hour

* 17.00 pm : check in hotel near bromo ( cemara indah )

6 may 2017

* 03.00 am : bromo tour 4 location ( penanjakan view point, bromo crater, savanna and whispering sands )

* 09.00 am : back to hotel and breakfast

* 10.00 am : check out and go to madakaripura waterfall

* 11.00 pm : madakaripura waterfall

* 13.00 pm : go to surabaya by car during 3 hour

* 16.00 pm : check in hotel at surabaya ( cahaya hotel )

7 may 2017

* 08.00 am : check out and go to airport

* 10.15 am : departure

Finish trip

หลังจากสิ้นสุดทริปที่อินโด ไกด์ส่งพวกเราที่สนามบินก็นั่งเครื่องกลับมา Singapore เที่ยวและค้าง 1 คืน(เหตุผลที่เลือกค้างคืนที่สิงคโปร์คิดว่าเป็นการผ่อนคลายจากที่เหนื่อยกับการเดินขึ้นภูเขาไฟที่อินโดนีเซีย เลยมาตะลุยกิน ท่องราตรี ที่สิงคโปร์ ซึ่งตามจริงแล้วรอต่อเครื่องไม่นานก็มีให้เลือก แต่พวกเราไม่เลือกครับ 55+ ถือว่ามาเที่ยว 2 ประเทศเลย ) วันที่ 8 เดินทางไปสนามบินสิงคโปร์ขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย

ค่าใช้จ่ายของพวกเรา หลายๆคนคงอยากทราบแล้วตามนี้เลยครับ (3-8 พ.ค. 60)

  • ตั๋วเครื่องบิน Tiger air 6 คน 26340 บาท คนละ 4390 บาท
  • น้ำหนักกระเป๋าขาไป 25 kg ขากลับ 35 kg (หารกัน) 5400 บาท คนละ 900 บาท **tiger air สามารถถือขึ้นเครื่องได้ 2 ใบ รวมกันไม่เกิน 10 kg และขาตั้งกล้องต้องโหลดเท่านั้น
  • ค่าไกด์ทัวร์ 6 คน 13.650.000 idr คนละ 2.275.000 idr เป็นเงินไทยโดยประมาณ 6000 บาท
  • ประกันเดินทาง cigna คนละ 652 บาท
  • true travel sim 399 บาท คนละ 66 บาท
  • ที่พักสิงคโปร์ Wink Hostel 6 คน 5600 บาท คนละ 935 บาท
  • แลกเงินสิงคโปร์ (ค่าเดินทาง ค่ากิน) คนละ 2000 บาท
  • แลกเงินอินโดนีเซีย (ค่ากิน) คนละ 2000 บาท

รวมๆแล้วตกคนละประมาณ 17000 บาท

สาระมากพอแล้วมั้ง 55+ ไปติดตามการเดินทางของพวกเรากันเลยครับ


วันที่ 1 3 พ.ค. 60

8j10b8kq2h26

พวกเรารวมตัวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ จัดการเช็คอิน(สำหรับกระเป๋าที่โหลดรับได้ที่ปลายทางระหว่างรอต่อเครื่องจะไม่ได้รับกระเป๋านะ) และหาของกินรองท้องเตรียมพร้อมเรื่องซิม

c27jstwl37kt

พร้อมออกเดินทาง 2 ทุ่ม

ถึงสนามบินสิงคโปร์เวลาประมาณ 23.30

iiajavvgiin6

พวกเราไม่ผ่าน ตม. ออกมาครับเพราะจะนอนและหาของกินข้างในนั้นเลย ก่อนขึ้นเครื่องก็เพิ่งกิน ลงเครื่องก็หิวอีกล่ะ 55+ แต่ใน ตม. ของอร่อยๆเยอะอยู่น้าาา พลาดไม่ได้ต้องไปกิน และก็ซิมที่ซื้อมาก็จัดการใส่และเปิด roaming ใช้งานได้ทันที ดีจังแฮะ

yo6vg4iyyei2

0vtosv5k88ni

หลังจากอิ่มก็เดินหาที่นอน ได้ที่เหมาะเลยคือ ด้านหลัง kaya toast มีคนนอนกันเยอะ ไม่เหงาแล้วคืนนี้

nu9bzbow0lzu
40esoqhtjhdj

**ประมาณตีสาม จะมีเจ้าหน้าที่ถือปืนด้วย(รู้สึกกลัว) เดินตรวจขอดู boarding pass ถ้าไม่มีไฟท์บินเช้า เจ้าหน้าที่จะเชิญให้ออกจาก ตม. ครับ พอดีพวกผมบินตอน 8.15 ก็เลยรอด หลับต่อได้ Zzz


วันที่ 2 4 พ.ค. 60

jxlzmk5evfp9

ตื่นล้างหน้าแปรงฟันพร้อมมุ่งสู่ สุราบายา เราได้ติดต่อและรายงานกับ Arif ตลอดว่าตอนนี้อยู่ไหน ถึงไหนแล้ว Arif ไลน์มาบอกว่า เมื่อถึงสนามบินทีมของเขาจะมารับพวกเรา Arif ส่ง contact ของไกด์ที่จะมารับให้ทางไลน์ จึงได้รู้ว่าไกด์ที่จะคอยดูแลพวกเราชื่อว่า Ferry ตอนแรกนึกว่า Arif จะมาเองฮ่าๆ

8.15 ไปกันเลย... อ้าวววทำไมยังไม่บิน สรุปไฟท์ดีเลย์ไปชั่วโมงกว่าๆ พวกเราก็ไลน์บอก Arif ว่าจะถึงช้าหน่อย ดีที่แพลนวันแรกไม่มีอะไรมากแค่นั่งรถต่อยาวๆถึงคาวาอิเจี้ยน

สรุปพวกเราถึง สุราบายา ประมาณ 11.30 ก็ไลน์คุยกับ Ferry ว่าถึงแล้วรอ ตม. กับรับกระเป๋าแปบนึง หลังจากออกมาพวกเราก็มองหาป้ายไกด์ นั้นไงงงง Ferry พวกเราก็ทักทาย Ferry จับไม้จับมือ ยินดีที่ไม่รู้จักเห้ยย ไม่ดิ ยินดีที่ได้รู้จัก จากนั้น Ferry ก็พาเราไปที่รถเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางสู่คาวาอิเจี้ยน (บนรถมีน้ำ ไวไฟ ทีวี)

t0iduzadzc57

แพลนอินโดนีเซีย ก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้….

เนื่องจากตอนเช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลย เลยบอก Ferry พาพวกเราไปกินข้าวก่อน นั่งรถออกจากสนามบินไม่นาน Ferry ก็มาแวะร้านๆหนึ่งถามพวกเราว่าเอาร้านนี้ไหมพวกเราก็ไม่รู้เรื่อง

c2zt0agy9pif
5aq0zlddjsgx

ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่ local มากๆ ไหนๆก็ไหนๆล่ะ ลองกินดูก็ได้ จำไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไรเหมือนกัน เป็นเหมือนซุปไก่ มีเส้นกินกับข้าว (มื้อนี้ออกเอง) รสชาติก็พอกินได้ ส่วนตัวคิดไว้แล้วว่ามาอินโด "กินเพื่ออยู่" ค่อยกลับไป "อยู่เพื่อกิน" ที่เมืองไทย 55+

ce3d7jee6w6z

และนี้คือไกด์ของเรา ยังเห็นหน้าไม่ชัด

จากนั้นก็เดินทางต่อ Ferry แวะมินิมาร์ท ห้องน้ำให้พวกเราตลอด

nlgm3vkaboja

สำหรับถนนหนทางจากสนามบินไปคาวาอิเจี้ยนเป็นเลนสวนกัน ขับกันน่ากลัว จี้ตูดกันตลอด จะชนคนเดินข้างทางหลายรอบ แต่ไกด์น่าจะชำนาญแล้วล่ะ พวกเราก็นั่งหลับไม่อยากมอง 55+

ระหว่างทางใกล้ถึงคาวาอิเจี้ยนส่วนใหญ่จะเป็นเขา ใครเมารถให้เตรียมยาแก้เมาไปด้วยนะครับ พวกเรามาถึง Catimor homstay ที่ คาวาอิเจี้ยน ประมาณสองทุ่ม เก็บกระเป๋าแล้วออกมาสั่งข้าวเย็นที่ homestay เขาจะจัดเป็นชุดๆไว้ ชุดนึงกินได้ 2 คน (มื้อนี้ออกเอง)

h51s0qlsn51m

คือในหนึ่งชุดจะมี ผัดมาม่า,ไก่ทอด,ซุปถั่วฝักยาว,มันทอด,ออมเล็ต,แตงโม,ข้าวเกรียบ,ข้าวสวย ถามว่ากินได้ไหม พอกินได้ 55+

หลังจากกินอิ่มก็เข้าห้อง อาบน้ำพักผ่อน (น้ำอุ่นใช้ได้) เตรียมขึ้นคาวาอิเจี้ยนตอนตีหนึ่ง ไกด์จะมาปลุกประมาณเที่ยงคืนครึ่ง

c31pjy9hs9nj

วันที่ 3 5 พ.ค. 60

ถามว่าหลับหรือยัง เรียกว่าไม่ได้นอนดีกว่า Ferry นำมื้อเช้ามาให้พวกเราด้วย แต่ตอนนั้นยังไม่หิว เลยเก็บไว้บนรถก่อนเป็นขนมปังกับไข่ต้ม หยิบเสื้อกันหนาว ไฟฉายให้พร้อม เตรียมขึ้นคาวาอิเจี้ยน เพราะมันหนาวแน่ๆ นอกจาก Ferry ไกด์ประจำกลุ่มเราแล้วยังมีไกด์ท้องถิ่นที่คาวาอิเจี้ยน คอยนำทางพวกเราเดินขึ้นด้วย

ระหว่างทางแหงนขึ้นไปเห็นช้างเป็นลำเลย

j95b1wb8r87m
psvhoaiudfr5

วิวเมืองก็มี

k3j9vwjplh8i
v3ink462hibr

พวกเราใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ถือว่าทำได้ดี ทันดู บลูเฟรม พวกเราไม่ได้เดินลงไปดูใกล้ๆ เพราะเห็นว่าคนเยอะ เลยเดินอยู่ข้างบนถ่ายรูปดีกว่า

xm6jgsp4ofhf

และเดินต่อไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ระหว่างรอก็หนาวจิง บ่นในใจไม่ดูแล้วได้ไหม อยากกลับที่พัก 55+

wgnn9x9jgln3

แสงมา แดดมาก็ได้เวลาถ่ายรูปกันแล้วดิ

tnwc8749acgw
ytfips192riz
lmj2w087uzvi
6rwb947g6mre
wlwnpnqwi1vr

เก็บภาพมุมสูงสักหน่อย ถ่ายจากโดรน

mqvczll6es5v
20yr35ntblwm
tkbnqnq9mhqm

ได้เวลาเดินกลับ

bomkjkgeqf3l

ระหว่างทางกลับวิวสองข้างทางสวยงามมาก ตอนเดินขึ้นมามันมืด เลยไม่รู้ว่าสองข้างทางมีอะไรบ้าง พอสว่างเท่านั้นแหละ ร้องโหเลยยย

qqtzohjlmsih

ต้นไม้ปะหลาดด

2iwuvv0h1gqx

นี้โฉมหน้าไกด์ท้องถิ่นที่นำขึ้น คาวาอิเจี้ยน

fzzgyw43g00v

เดินลงตอนแรกคิดว่าง่ายๆ ที่ไหนได้เจ็บปวดกว่าตอนขึ้นอีก เพราะทางมันชันแล้วต้องจิกปลายเท้าตลอด เจ็บเลย พวกเราแวะจุดพักกลางทาง กินโอวัลติน ไข่ต้ม

8o0x49rsdcv2

และก็เดินต่อไป

3ido50ppt4t8

ถึงแล้วเห็นรถพวกเราจอดอยู่ ดีใจมาก 55+

ptkjooueh7wl
uk6ukg1ngiqg

Ferry บอกว่าจะไปแวะน้ำตก Blawan ก่อนกลับที่พัก น้ำไหลแรงมากมาย

gndkksj5m22r

จากนั้นก็กลับที่พัก Ferry ให้เวลาพวกเราพักผ่อน เก็บของหนึ่งชั่วโมง และเช็คเอ้าท์ 10 โมงเดินทางต่อไปยังโบรโม่ และนี้คือที่พักที่พวกเราพักเมื่อคืนครับ

uz057i9k39e4

เดินทางไปโบรโม่และแวะกินข้าวกลางทาง local อีกแล้วครับท่าน (มื้อนี้ออกเอง)

hawpg3hojmlu

จากนั้นก็หลับกันบนรถอีกเช่นเคยไม่อยากมองทาง จน

ถึงที่พัก Cemara indah ที่ โบรโม่อย่างปลอดภัย

gt6emwaybv6i

วิวที่พัก

umsbssi4ykin

มาชมมุมสูงกันบ้าง บรรยากาศคูลๆ

058ap11lrwvs
ccnjc1f0yg7r

ที่พักที่นี้มี wifi เครื่องทำน้ำอุ่นแต่ใช้ไม่ได้- - และเสื้อแจ็คเกตให้เช่าสำหรับคนที่เตรียมมาไม่พอ ส่วนอาหารเย็นวันนี้ก็สั่งกับทางโรงแรมได้เลย มาอินโดทั้งนี้ต้องลองเบียร์สักหน่อย (มื้อนี้ออกเอง)

0fab3hkqhscj

ส่วนภาพอาหารนั้นไม่ได้ถ่าย ต้องขอโทษด้วยครับแฮะๆ

จากนั้น Ferry ก็มานัดแนะพวกเรา พรุ่งนี้ต้องตื่นตีสาม เพื่อยังชมพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว Penanjakan 1 Ferry จะมาปลุกประมาณตีสองครึ่ง


วันที่ 4 6 พ.ค. 60

ได้เวลาตื่นเตรียมของออกมายังจุดนัดพบ การขึ้นไปยังจุดชมวิวต้องใช้รถ Jeep ซึ่งพวกเราก็ได้เลือกแล้วว่าจะเอา Jeep สีแดง ส่วนคนขับนั้นก็เป็นไกด์ท้องถิ่นอีกคน ไม่ใช่ Ferry เพราะ Ferry จะคอยเตรียมม้าให้พวกเราหลังลงจากจุดชมวิว

นั่งรถ Jeep เกือบๆชั่วโมงก็มาถึงจุดชมวิว ไกด์บอกให้พวกเราถ่ายป้ายทะเบียนไว้เวลากลับมาจะได้หารถเจอ

a1zahjqh6gnu
9lfhiig7gsdg

ที่จุดชมวิวนี้มีของขาย มีเสื่อให้เช่า พวกเราก็เช่ามาเช่นกันเพราะกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นก็หนาวสั่นกันไป ระหว่างที่รอก็ถ่ายดาว ถ่ายช้างไปเรื่อย พวกเราโชคดีมากเจอช้างทุกวันเลย

b5gc74lpown7
zute636bgk92

เมื่อฟ้าเริ่มสว่าง ภาพหมู่ก็ต้องมา บังวิวหมดเลย 55+

i71qp9fuff8b
e75gvuybpsdi

และพวกเราก็ได้เห็นวิวโบรโม่ที่สวยงาม

hj28ob7r9qlr
yzbrf6vfx4nn
crp7kh4uf95v
ojwh152smpzy

มาชมอีกมุมบ้างครับ เสียดายพวกเราไม่เจอทะเลหมอก

i6xh4cpwkv3v
rtxsdj19omfv
ajjg2r70gw98

จากนั้นก็กลับมาที่รถ เดินหารถดูป้ายทะเบียนตามที่ถ่ายมา

5ija62tc90mm
ab24xyy4nwta

และลงจากจุดชมวิวเพื่อที่ไปขี่ม้า แต่กว่าจะลงได้ใช้เวลานานเหมือนกันเพราะทางแคบสวนกันน่ากลัว กลัวตกเขา 55+

l0we87i1szxq
ysynjmav09oo
0a0ie5mhcn1h

เมื่อมาถึงข้างล่างแต่ยังไม่ถึงจุดขี่ม้านะ พวกเราก็เห็นรถคันอื่นจอดถ่ายรูปกับวิวภูเขา ถ่ายกับรถบ้างไรบ้าง

gwdli7tjajc4

พวกเราก็เลยบอกให้ไกด์จอด แต่ไกด์รู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ที่พวกเราให้จอด ก็ไม่รู้ทำไม ไกด์ให้เวลา 10 นาที ในการถ่ายรูป พวกเราก็ต้องแข่งกับเวลาได้ภาพดีบ้างไม่ดีบ้าง จะปีนขึ้นไปถ่ายบนหลังคารถก็ไม่ได้ ไกด์ห้ามเด็ดขาด แต่เห็นคันอื่นก็ปีนกันได้ ตอนนั้นพวกเราไม่พอใจกับไกด์คนนี้เลย ห้ามโน่นห้ามนี้ตลอด เหมือนจะไม่ให้นั่งที่กระโปรงรถด้วยมั้ง เซงเล็กๆ พวกเราก็สังเกตคันอื่นๆนะ เห็นว่าคันที่เขาปีนขึ้นไปถ่ายได้ส่วนใหญ่จะเป็นคันที่มีแร็คหลังคา ซึ่งคันพวกเราไม่มี ก็เลยเข้าใจ

แนะนำสำหรับใครที่อยากถ่ายบนหลังคารถบอกกับไกด์ไว้เลยว่าอยากถ่ายแบบนี้ขอรถที่มีแร็คหลังคา ไกด์จะได้จัดหามาให้

rycu08nk4k67

dsteuqcow97q

คันพวกเราหลังคาโล้นๆเลย เฮ้ออ

31fpda2gs2yp
iudz97yiaj2k

รูปสุดท้ายก่อนไกด์จะเรียกขึ้นรถ เป็นการถ่ายรูปที่ทำเวลาสุดๆ 55+

s4xyvcfwt9rd

จากนั้นก็นั่งรถต่อไปยังจุดจอดรถ เตรียมขึ้นม้า

35u95ji1ayry

ได้เวลาเปลี่ยนจากรถเป็นขี่ม้า เห็นทางเดินแล้วท้อได้นั่งม้าแล้วสบายใจหน่อย

m9hvgoy1me6q
8vwfvprtksj7

ขี่ม้าก็ต้องระวังด้วยนะครับ เพื่อนในกลุ่มตกม้าเพราะเดินๆอยู่ม้าสะดุดหินเลยล่วงลงมา แต่ไม่เป็นไรมาก

u9alrymn009r
t5c0badb920y

ม้าก็เดินเร็วเหลือเกิน

g1baqai3lqzb
2ugg2ua52idq

จากจุดที่พวกเราขึ้นม้า ม้าจะไปส่งพวกเราเกือบๆถึงบันไดขึ้นไปปากปล่องโบรโม่

แนะนำนะครับสำหรับใครที่อยากถ่ายรูปชิลๆเรื่อยๆ ไม่แนะนำให้ขี่ม้าทั้งไปและกลับเพราะเหมือนเขารีบทำเวลา จะถ่ายระหว่างขี่ม้าก็ต้องคอยจับระวังตกม้า และก็ไม่ได้ขี่ม้าไปพร้อมกับเพื่อนๆเหมือนใครขึ้นก่อนก็ไปก่อน รูปรวมๆตอนขี่ม้าแทบไม่ได้มาเลย หรือถ้ามากันเองแนะนำให้ขี่ม้าไม่ขาไปก็ขากลับครับเลือกเอาสักขานึง อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ

xnjkpi5t69ms

กว่าจะได้ถ่ายกับม้า

8ut3zkwfm8hn

ลงจากม้าคนดูแลม้าก็จะให้ป้ายชื่อเขากับเราเวลาลงมาก็ยื่นป้ายชื่ออันนี้ให้เขา ก็ได้ขี่ม้าตัวเดิมกลับ จริงๆอยากเปลี่ยนม้าบ้าง 55+ บริเวณนั้นจะมีชาวบ้านขายดอกไม้เอาไว้อธิษฐานแล้วโยนลงไปในปากปล่องตามความเชื่อแหละมั้ง

791xtlxt4r8l
8a3239fajjdm

ระหว่างเดินลองหันหลังไปมองสวยงามมาก อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเลย

0ue2urf27kvq
ufysrkl4786i

ขึ้นบันไดไปตามทาง จะช้าหน่อยเพราะคนหยุดพักเยอะ เห็นแค่นั้นก็เหนื่อยเอาเรื่องนะ

stzng40e2pxo

พอขึ้นไปดูบนปากปล่อง เห็นเศษซากดอกไม้เพียบเลย ผมไม่โอเคเท่าไหร่ แต่ก็เป็นรายได้ของพวกเขาแหละ บริเวณนี้กลิ่นกำมะถันก็ยังพอมีอยู่นะแต่ไม่แรงมาก ไม่ต้องใส่ผ้าปิดปากก็ได้ พวกเราอยู่บริเวณปากปล่องสักพัก เพื่อเก็บภาพที่สวยงาม

qrykysrb8hye
0axkxhq093y2
vr2ngqasbcu2
p0c6ggb90tah

ภาพมุมสูงบ้าง

r1kvtu6es825

หลังจากนั้นเดินลงไปขึ้นม้า เดินหาม้าตัวเดิม

xh8n5w5i1tkb
xxzolehwg3ue

เสร็จจากตรงนี้ก็นั่ง Jeep ไปทุ่งหญ้าสะวันนา อยู่ด้านหลังโบรโม่

weui8reskb92
yo3s97w9d5a0
dh5eb30bd14f
rucnbpr21fcf

พวกเราไม่ได้ถ่ายกับทุ่งหญ้าเลยมัวแต่ถ่ายกับรถ 55+

cgdke212yxcy
5jov2bk1qt30
zy43yj9hmnwy

เสร็จแล้วก็ไป Whispering Sands บริเวณนี้เป็นจุดหนึ่งที่ถ่ายรูปได้สวยงาม

iq31o8e4klr9
fm1dh29epnzr

ได้เวลาตอนนี้ 9.00 กลับที่พักไปกินข้าวเช้า ที่พักของเรามื้อเช้าได้ถึง 10.00 แต่กว่าจะถึงที่พักก็เกือบไม่ทันเหมือนกัน 55+ ก่อนจากกับไกด์ที่ขับรถก็ให้ทิบเล็กๆน้อยๆ ถึงแม้จะไม่พอใจเท่าไหร่ถือเป็นน้ำใจจากคนไทยครับ

5esqp9o5lxux

Ferry เดินมาบอกพวกเราว่า 11.00 ต้องเดินทางต่อ เพื่อไปน้ำตก Madakalipura พึ่งจะได้พักแปบเดียวเอง เดินทางอีกแล้ว บ่นๆๆ

หนึ่งชั่วโมงก็ถึงไม่นานนี่หว่า ทีนี้ต้องเปลี่ยนจากนั่งรถเป็นนั่งมอไซค์เข้าไป พวกเราไม่ต้องจ่ายเพราะรวมในแพ็คเกจแล้ว น้ำตกที่นี้ต้องใส่เสื้อกันฝนด้วยเพราะทางเดินเข้าไปเปียกแน่นอนหรือใครอยากเล่นน้ำอยู่แล้วไม่ใส่ก็ได้ หลังลงจากมอไซค์ ก็ต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 1.5 km โดยมีไกด์ท้องถิ่นกับ Ferry พาเราเข้าไป

dt012fmd88gu

สะบักสะบอมตามรูป 55+

3uhbzy5ig0ej
mwbxs9jfwwt0

ถึงจุดแลนด์มาร์คเสียที

kbfiv3ylbne7
fm6ljeapvlbg
32k462cbcd0z

ไกด์ท้องถิ่นบริการดีมาก ช่วยถ่ายรูป ช่วยเหลือตอนปีนขึ้นไปชมน้ำตกด้านใน

loe9uajz9tde
gx0y8by6g9zs

ประทับใจไกด์คนนี้จริงๆ พอกลับออกมาก็ขอถ่ายรูปด้วยเลย จำชื่อไกด์ไม่ได้

00lv3dv7wd1d
fys4e4vwxnzw

จากนั้นก็นั่งรถกลับสุราบายา ระหว่างทางก็แวะร้านอาหาร Ferry ให้พวกเราเลือกจะไปร้านอาหารอินโดหรือร้านอาหารจีน พวกเราก็ตอบแบบไม่คิด ร้านอินโดก็ได้ 555+ สรุปก็ได้กินอย่างที่เห็น

9rma3mlk5d3g

และก็เดินทางต่อไปที่พักในเมือง

nqwyvpvchj4o

พวกเราพักที่ New cahaya hotel ใกล้กับสนามบิน ห้องโอเค ล็อบบี้ก็โอเค

mh5fu5mkbbu3

ไฟท์ของพวกเราพรุ่งนี้ตอน 10.15 Ferry บอกพรุ่งนี้จะมารับ 7.30


วันที่ 5 7 พ.ค. 60

ตื่นเช้ากันอีกแล้ว ออกมากินมื้อเช้าโรงแรม

0i5ff6olsqcz

เช็คเอ้าท์และขนสัมภาระไปสนามบิน จะต้องกลับจริงๆแล้วหรือนี

55qjd7q60175
gz478fnulmy8


ก่อนนจะจากพวกเราตกลงกันจะให้ทิบกับ Ferry พวกเราประทับใจมากดูแลดี อยากได้อะไรบอกได้หมด และขอถ่ายรูปกับ Ferry เป็นที่ระลึก Ferry ก็ขอไลน์พวกเราทุกคนด้วยเช่นกัน 55+ จากนั้น Ferry ก็รีบไปรับกลุ่มอื่นต่องานมาต่อเนื่องเลยจริงๆ 55+ ได้เห็นหน้าเต็มของ Ferry สักที

pg3l3ixh1a2r

พวกเราเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์อีกเช่นเคยแต่คราวนี้จะไปค้างในเมืองสิงคโปร์ ถือโอกาสผ่อนคลาย ตะลุยกิน ก่อนจะกลับไทยพรุ่งนี้

โบกมือลา "อินโดนีเซีย" ประเทศที่มีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย #haloindonesia

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและสนุกไปกับการเดินทางของพวกเราครับ ฝากไลค์ฝากแชร์ฝากแคร์กันด้วยนะครับ


ติดตามเรื่องราวของผมได้ที่ เพจ "เที่ยวออกเดิน" by Fun_O

https://www.facebook.com/TiewOkDern/

https://th.readme.me/id/funotravel

http://pantip.com/profile/2443477



ความคิดเห็น