สวัสดีจร้าาาาาาา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (19-23 สิงหาที่ผ่านมา) เราไปรินจานีมาค่ะ ก็อยากมาเล่าผ่านภาพถ่ายให้ให้เพื่อนๆ ได้เห็นภาพ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากจะไปบ้าง แต่ต้องขอออกตัวก่อนน๊าาาาว่า จขกท.เป็นเพียงนักท่องเที่ยวไม่ใช่ตากล้อง ภาพถ่ายที่ได้มาอาจสวยน้อยกว่าของจริงที่สายตาเราเห็น แต่ก็อยากส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้คนที่กำลังอยากจะไป เป็นกำลังใจให้เราด้วยน๊าาาา^^


คร่าวๆ เกี่ยวกับ“ภูเขาไฟรินจานี" (Mt.Rinjani) ที่เราพอรู้มาซึ่งก็หาอ่านมาจากใน pantip เนี่ยแระผิดถูกยังไงเพื่อนๆ ก็ติชมกันได้น๊า เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ นักเดินทางท่านอื่นๆ ที่สนใจจะไปที่นี่เหมือนกัน

ภูเขาไฟรินจานี ตั้งอยู่เกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย เป็นภูเขาไฟที่สูงเป็นอันดับสองของที่นี่ มีความสูง3,726 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล รองจาก Mt. Kerinci แห่งเกาะสุมาตรา ทางอุทยานจะปิดไม่ให้ขึ้น trek ช่วง 1 ม.ค.- 31มี.ค. เนื่องจากเป็นฤดูฝน ทางลื่น และอันตราย และเริ่มเปิดให้ trek ตั้งแต่ช่วง 1 เม.ย. เป็นต้นไป ตรงกลางปล่องภูเขาไฟ เป็นทะเลสาบ ชื่อ Segara Anak ซึ่งต่อไปเราจะเรียกว่า Lake ละกันน้อง่ายดี

หลังจากมีการปะทุครั้งใหญ่เมื่อปี 1994 (20 ปีที่แล้ว) ได้เกิดภูเขาไฟลูกเล็กชื่อ ภูเขาไฟบารุ (Barujari) หรือที่เรียกกันว่า Baby volcano ขึ้นกลาง Lake ซึ่งเจ้า Baby Volcano เนี่ยมีความสูงอยู่ที่ 2,365 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เราจะเห็นเป็นภูเขาไฟเล็กๆ ซ้อนในปล่องภูเขาไฟอีกทีอย่างที่เห็นเนี่ยแหละคร่าาาาา

สวยสมกับที่ได้รับฉายาว่าเป็นราชินีแห่งเกาะลอมบอกเลยโน๊ะ


การขี้นรินจานีต้องเดินเท้า ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ 3 วัน 2 คืน และ 5 วัน 4 คืน เอาที่เพื่อนๆ สบายใจเลยคร่า หลายวันหน่อยก็เหนื่อยน้อยหน่อย แต่จ่ายมากหน่อย ลองสอบถามราคา Agent เอานร้า ของเราใช้แบบ 3 วัน 2 คืน สนนราคาอยู่ที่ 250 us ถ้าจะให้ลูกหาบแบกสำภาระส่วนตัวก็ตกวันละ 25 us 3 วันก็ 75 us เหนาะๆ จร้าาาา

อ่อออออออออลืมบอกไป อันนี้สำคัญมาก หากเพื่อนๆ คิดจะไป ควรฟิตร่างกายให้พร้อมนะคะ เพราะมันจะทำให้เราร้องเชี่ยหนักมากกกกกก หากไม่เฟิร์ม T^Tเริ่มเข้าสู่โหมดสาระละนะ อันดับแรกจองตั๋วเลยจร้า พาตัวเองไปให้ถึง Lombok ให้ได้ ของเราใช้ต่อเครื่องจาก ดอนเมือง ไป KL จาก KL ไป Lombok อีกทีค่ะ ได้ตั๋วได้วันแล้วค่อยมาหาของที่จำเป็น เอาเท่าที่นึกออกตอนนี้นะ

1.ไฟฉายคาดหัว + ถ่าน spare (เพราะวันขึ้น summit เราต้องเดินขึ้นเขาตั้งแต่ตี 2)

2.อุปกรณ์กันหนาว ข้างบนหนาวมั่กๆ คาดว่าน่าจะเลขตัวเดียวนะ

3. Trekking Pole หรือไม้เท้าเดินป่า ถ้าไม่มีที่นั่นมีให้เช่า ถ้าไม่มีตังค์เช่า ก็ให้เค้าตัดไม้แถวนั้นให้จร้า(ปล. อย่างหลังหวังอะไรไม่ค่อยได้นะ ทางที่ดีเตรียมไปดีกว่าจ้ะ)

4.รองเท้าเดินป่า (ดีดีเลยเหอะ เห็นเดินขาดกันหลายราย เราว่ามันอันตรายนะ)

5. gaiter มีไว้สำหรับป้องกันกรวดทรายภูเขาไฟเข้ารองเท้า มีก็ดี ไม่มีก็ถอดเคาะบ่อยหน่อย อันนี้เอาที่สบายใจเลยจร้า ถ้าซื้อสนนราคาก็อยู่ที่ 650 บาท

ปล.ข้อ 4 กะ ข้อ 5 สามารถ mix รวมกันได้ ถ้าท่านซื้อรองเท้านินจา (หาซื้อได้ตามร้านเกษตรทั่วไปคร่า)

6. ทิชชู่เปียก ขนไปเยอะๆ เหอะบอกเลย

7. Energy bar ลูกอม ขนมหวาน ให้พลังงานพกไปเหอะ เตรียมขนมปังไปบ้างก็ดีนะจ๊ะ เผื่อหิวววววว อาหารส่วนมากเป็นพวกเส้นมาม่ากะไก่ แล้วก็ผักพวก แครอท มันฝรั่ง ถั่ว โดนทุกมื้อเลยจร้า เรียกได้ว่า เบื่อพวกนี้กันเลยทีเดียว^^"

8. เสื้อกันฝน เผื่อว่าฟ้าฝนไม่เป็นใจโน๊ะ^^

9. ครีมกันแดด โบ๊ะเข้าไปคร่า ที่นั่นแดดแรงมากกกกก^^"

10.เตรียมชุดไปเล่นน้ำพุร้อนด้วยนะ ฝรั่งมังค่าเค้าใส่บิกินิกันน๊า

11.เสื้อผ้าเราว่าชุดเดิน 1 ชุด ชุดนอน 1 ชุดก็น่าจะพอละนะ (ส่วนตัวเอาไปเท่านั้นแหละค่ะ 555+)

ตอนนี้นึกออกเท่านี้ ไว้มีอีกจะมาเพิ่มเติมละกันโน๊เราเริ่มเดินทางวันแรก 19 สิงหา

จากดอนเมืองไฟล์ 8.30 น. ถึง Lombok ประมาณ 1 ทุ่มค่ะ

ซึ่งจะมีรถเอเย่นมารับ ของเราใช้ John Adventure

จาก Airport เราใช้เวลานั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมง ไปถึงบ้านพัก ราคารวมอยู่ใน package แล้วจร้า


อันนี้รูปบ้านพักของพวกเรา ถ่ายตอนเช้าค่ะ


ส่วนห้องพักก็มี 2 เตียง 1 ห้องน้ำ

แบบ mountain view ด้วยนะเออ


ที่พักมีร้านอาหารด้วย ค่ะ ค่าอาหาร ต้องจ่าย service charge อีก 10% โหดเนอะ^^Day 1 #20 สิงหา


ก่อนออกเดินทางมื้อเช้าเป็น Pancake ชา กาแฟ

การเดินทางขึ้นยอดรินจานีสามารถเดินขึ้นได้ 2 ฝั่งคือ ทางฝั่งหมู่บ้าน Senaru และฝั่งหมู่บ้าน Sembalun

ปกติแล้วนักเดินทางส่วนใหญ่จะเลือกเดินขึ้นจากฝั่ง หมู่บ้าน Senaru แล้วลงทางหมู่บ้าน Sembalun

แต่พวกเราเดินขึ้นทาง Sembalun ซึ่งต้องนั่งรถจากที่พักไปประมาณ 45 นาทีจร้า ซึ่งตรงนี้จะมีจุดลงทะเบียนขึ้นเขา อันนี้เราต้องใช้ Passport ด้วยค่ะ เรียบร้อยแล้วก็ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระทึกกันจร้า

เราออกเดินทางกันประมาณ 8.45 น. เราจะมีไกด์ไปกับเรา 2 คนปิดหัวปิดท้ายค่ะ


ส่วนอันนี้เป็นคลิป VDO ช่วงที่เดินกันแรกๆ ค่ะ



ทางเดินในช่วงแรกก็จะเป็นเดินเนินเขา ทุ่งหญ้าโล่งเตียน เราก็เดินไปถ่ายรูปไปเก็บบรรยากาศระหว่างทางไปเรื่อย

มากันเป็นคู่ๆ ดูน่าอิจฉา (สะบัดบ๊อบ เบะปาก)

ช่วงที่เดินจะสวนทางกับนักท่องเที่ยวตลอดทางเลย คิดว่าส่วนใหญ่เค้าน่าจะขึ้นทางฝั่ง Seneru กัน แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะมีโอกาสได้ทักทายนักเดินทางด้วยกันเรื่อยๆ เลย ปล.วันที่เราไปฝรั่งเยอะมากกกกก ไม่เจอคนไทยเลยแฮะ


ระหว่างทางจะมีจุดพักตลอดค่ะ เรียกกันว่า Pos 1 2 3 ซึ่งก็มาจาก Position นั่นแหละค่ะ แต่ละ Pos ก็จะมีศาลาให้นั่งพักแบบนี้เลยจร้า

เห็นกลุ่มนั้นเท่ห์ๆ กลุ่มเราขอเอาบ้าง หืมมมมมมม...ความเหมือนที่แตกต่าง


แล้วก็มีห้องน้ำ (ที่ไม่มีน้ำ) ให้เราเข้าไปปลดทุกข์ ซึ่งเราได้เข้าไปทดลองแล้ว แค่เปิดประตูเข้าไปแทบผงะเลยจร้า รีบออกมาแทบไม่ทัน คิดในใจว่าตรูจะไม่ยอมเห็นภาพนี้คนเดียวแน่ๆ แล้วก็รีบมาบอกให้เพื่อนสาวไปเข้าต่อ 5555+++ ปล.ห้องน้ำไม่ขอแนะนำนะจ๊ะ กลั้นได้ก็กลั้นไป หรือไม่ก็หามุมเหมาะตามธรรมชาติดีกว่า


สภาพห้องน้ำ ส่วนภายในยังคงติดตาตรึงใจอยู่เลย T^T

เรามาถึง Pos 2 ประมาณ 11 โมงค่ะส่วนใหญ่จะแวะทานข้าวกันที่จุดนี้ บรรยากาศคึกคักยังกะภูกระดึงบ้านเราเลยคร่า ปล.ที่นี่มีฝรั่งวัยสะรุ่นเยอะมาก อีป้าอย่างเราเนี่ยฟินเลย><


ลูกหาบกำลังทำกับข้าวให้พวกเราอยู่ค่ะ


ส่วนพวกเรานั่งๆ นอนๆ รออออออ^^


ระหว่างรออาหารมื้อหลัก เค้าจะเอาซีเรียลมาเสิร์ฟก่อนค่ะ หน้าตาประมาณนี้


อาหารมาแล้นนนนน เห็นตอนแรกคิดในใจ แล้วไก่ที่ฉันเห็นเต็มกะทะตะกี๊อยู่หนายยยยย แล้วก็ได้คำตอบว่าเค้าเอามารวนไว้ใช้ทำอาหารมื้อต่อๆ ไปค่ะ


ประมาณเที่ยงครึ่งออกเดินทางกันต่อค่ะ


ตั้งแต่ Pos 3 ขึ้นไปเริ่มเดินขึ้นเขาชันแล้วค่ะมองขึ้นไปเห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นอยู่บนยอดเขาไกลๆ ลิบๆ แล้วท้อดีเหมือนกัน

แต่พอขึ้นมาอยู่ข้างบนแล้วมองย้อนกลับไปข้างล่าง บรรยากาศมันสุดยอดเลยนะคะ


กว่าจะมาถึงจุดกางเต๊นท์ Seneru camp ก็ 5 โมงเย็นกันเลยทีเดียว ที่นี่วิวสวยมาก เสียอย่างเดียวเรื่องขยะค่ะ เยอะมั่กกกกก ขาดการจัดการที่ดีนะเราว่า


ที่ camp จะมีห้องน้ำด้วยนะคะ ซึ่งแต่ละเจ้าเค้าจะทำเป็นห้องสี่เหลี่ยมอย่างที่เห็นในภาพด้านล่างนี้ค่ะ


ภายในก็ขุดเป็นหลุมไว้ ลึกพอสมควร ใครเข้าก่อนเสร็จธุระแล้วก็กลบ คนต่อไปก็ต่อยอดค่ะ ณ จุดนี้ ต้องอาศัยจินตนาการนีสสสนึงนะ 555+



เสร็จเรื่องขรี้ ก็มาต่อกันที่เรื่องข้าวเลยจร้ามื้อเย็นเป็นข้าวผัดผัก รสชาติเหมือนผัดเปรี้ยวหวาน มีแครอท ถั่ว มันฝรั่ง ทานเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันเข้านอนผักผ่อนเอาแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ สำหรับคนที่ชอบถ่ายดาวหมุน ทางช้างเผือก ที่นี่เราสามารถมองเห็นทางช้างเผือกได้ชัดมากค่ะอย่าลืมพกขาตั้งกล้องไปด้วยน๊าาา^^

ปล.ข้างบนลมแรงและอากาศหนาวมากกกก เตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปให้พร้อมเน้อ



Day 2 #21 สิงหา

ตื่นตี 1 ทานแซนวิชรองท้อง แล้วเริ่มเดินขึ้นยอดตอนตี 1 ครึ่งซึ่งถือว่าออกเร็วกว่ากรุ๊ปอื่นๆ เนื่องจากเรารู้ศักยภาพพวกเราดีๆ 5555 แอบรู้มาว่าพวกฝรั่งเค้านัดกันตี 2 ตี 3 ^^

ทางเดินจะเป็นเส้นทางเล็กๆ เลาะตามปากปล่องภูเขาไฟ (crater) ต้องใช้ไฟฉายคาดหัวส่องไฟตลอดทาง ทั้งง่วง ทั้งหนาว ทั้งเหนื่อย ณ จุดนี้ไปจนถึงสว่าง เราไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลย นอกจากก้มหน้าก้มตาเดิน

จนมาถึง 700 เมตรสุดท้าย พวกเราเรียกว่า 700 เมตรกระชากวิญญาน ทุกคนเดินกันเหมือน Zombie 2 ก้าวหยุด 3 ก้าวหยุด เดินทีไถลลงก็ครึ่งก้าวแระ และเนี่ยเป็นวีดีโอที่เราถ่ายมา ณ จุดนั้น คนเริ่มเดินแซงเราไปกันหมดแล้ว (ปล.ขออภัยหากใช้ถ้อยคำไม่สุภาพนะคะ)


จริงๆ แล้วเช้าวันนั้นแสง Twilight สวยมากกก แต่เราเหนื่อยจนไม่มีอารมณ์จะควักกล้องขึ้นมาถ่ายแล้วค่ะ นั่งพักเอาแรงสักพักก็ถ่ายมาได้แค่นี้ค่ะ

รูปเงาของยอดเขารินจานี ก็ถือเป็นไฮไลท์อย่างนึงนะคะ แอบเสียดายที่ไปไม่ทันถ่ายบนยอด summit มีพี่ที่ไปด้วยกันเค้าถึงก่อนถ่ายมาซะสวยเลย


แต่ไม่เป็นไรน๊อออ ทันมุมนี้ก็ถ่ายมันมุมนี้แหละ ฮรี่ๆ

Summit point


เราขึ้นมาถึงจุดนี้ประมาณ 7 โมงนิดๆ ซึ่งตามที่นัดแนะกันไว้ว่าเราจะเดินลงกันตอน 7 โมงเพื่อที่จะได้ออกเดินทางไปต่อตอน 10 โมงเช้า

เลยทำให้เราไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่กับตรงนี้นานเท่าไหร่ ช่วงประมาณ 100 เมตรสุดท้าย มีเพื่อนๆ กลุ่มเราเริ่มเดินลงกันแล้ว ยิ่งท้อใหญ่เลยทีนี้ 555+ กว่าจะมาถึงตรงนี้เราใช้เวลาตั้งเกือบ 6 ชั่วโมงแน่ะ

ณ จุดนี้กลุ่มเราเหลือกันอยู่แค่ 3 คนคนอื่นๆ ลงไปกันหมดแระ


อากาศเริ่มร้อน นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาช่วงเช้าเริ่มทยอยลงกันหมดแล้ว แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่กำลังเดินขึ้น


มองจากตรงนี้จะเห็นเป็นทางขึ้นของเราเดินขึ้นมาตามแนวสันเขา ที่ตอนนี้มีคนเดินลงอยู่ไกลๆ ส่วนทิวเขาแหลมๆ ด้านหลังก็คือจุดกางเต๊นท์ Sembalum crater ที่เราพักเมื่อคืนค่ะ มองจากตรงนี้แล้วคิดว่าต้องเดินลงไป ร้าวรานใจมากค่ะ เฮือกกกกกกกก


Zoom อีกนิดจะเห็นว่ากำลังมีคนเดินลงชัดขึ้น นั่นแหละคร่าาาา ทางที่เราเดินขึ้นมากันมะคืน


ถ้าเพื่อนๆ อยากเห็นภาพ trail ทางเดินขึ้นยอดแบบชัดๆ แนะนำให้ดูที่ clip นี้เลยค่ะ ถือเป็น clip จุดประกายฝันของเราเลยแหละ


https://www.youtube.com/watch?v=3S9efCaj3nU



พวกเราเริ่มเดินลงกันตอน 8 โมงเช้า ซึ่งตามที่นัดกันคือ 7 โมงทุกคนต้องลงได้แล้ว(รู้กันหมดล่ะทีนี้ว่าแอบโกงเวลา --") เพราะเราจะเริ่มออกจาก Sembalum crater กันตอน 10 โมง เป้าหมายคืนนี้คือเราจะไปนอนกันที่ Seneru crater ซึ่งอยู่ตรงยอดเขาอีกด้านของปล่องภูเขาไฟ นั่นหมายความว่าเราต้องลงไปให้ถึง camp แล้วเดินลง lake แล้วเดินขึ้นเขาอีกที God!!!!

พอสว่างจะเห็นทางเดินชัดมาก เนี่ยแหละคร่าาาาทางที่เรามากันมะคืน



และถึงแม้เราจะลงช้า เราก็ยังไม่วายที่จะแวะถ่ายภาพกับปล่องภูเขาไฟ (ไม่ได้สำนึกเล๊ยยยย555+++) ที่เห็นอยู่ด้านซ้ายคือ Baby vocalno ค่ะ สีขาวๆ ตรงปากปล่องคือควันที่ยังคลุกกรุ่นอยู่จร้า จะเห็นว่าเป็นภูเขาไฟซ้อนในปล่องภูเขาไฟอีกที ตรงกลางปล่องจะมีทะเลสาบชื่อ Segara Anak ค่ะ

ปล.รูปด้านขวาตั้งใจให้ติดคนที่กำลังเดินขึ้น เพื่อระลึกถึงสภาพตัวเองเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว 555

ลองถ่ายย้อนขึ้นไปข้างบนบ้าง


จากจุดนี้ใช้เลนส์ tele zoom ไปเห็น Sembalum crater camp ชัดเลยจร้า


เรากลับไปถึง Camp กันประมาณ 9 โมงครึ่ง ตาม plan แล้ววันนี้เราต้องเดินลงเขากันราว 5 ชั่วโมงก็จะถึง Lake แวะน้ำพุร้อน แล้วเดินขึ้นเขาอีกประมาณ 3 ชั่วโมงก็จะถึง seneru crater แต่สมาชิกส่วนมาก(เราก็เป็นหนึ่งในนั้น)สะบักสะบอมจากการขึ้นยอด summit แล้วคิดว่าน่าจะเดินขึ้น Seneru Camp กันไม่ไหว และคงไปไม่ทันมืดแน่ๆ ทางไกด์ไม่อยากให้เรา night trail กันเพราะเส้นทางนั้นค่อนข้างแคบ ชัน และอันตราย พวกเราเลยเปลี่ยน plan กันแวะนอนที่ Lake แทนค่ะ (ผมงี้ดีใจมั่กกกกกก เพราะอารมณ์ตอนนั้นนี่อยากจะนอนต่อที่เดิมเนี่ยแระ ขามันก้าวไม่ออกแล่ววววท่านผู้โชมมมม)


คหสต. เราว่าถ้าเพื่อนๆ ไป plan นอน Lake แบบนี้ก็ดีนะคะ ร่างกายไม่บอบช้ำมาก มีเวลาได้ซึบซับกับเรื่องราวระหว่างทางบ้าง ไม่ต้องอัดรีบเดินทำเวลาจนเกินไป ที่สำคัญบรรยากาศเหมือนนอนปางอุ๋งยังไงยังงั้นเลยค่ะ

คหสต.2 (อีกแระ)แต่วิวที่ Seneru crater camp ก็สวยมากกก ถ้าเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นรึตกคงสวยน่าดู ถ้าเพื่อนจะจัดทริปไปก็ plan เพิ่มไปอีกวันนึงโลด ไหนๆ ก็ไปแระ เสียเวลาเพิ่มอีก 1 วันจะได้คุ้มค่ากับการเดินไกล^^



เพื่อนๆ สามารถชมภาพ VDO บรรยากาศ Sembalum crater camp ได้ที่ link นี้เลยจร้า

https://www.youtube.com/watch?v=RxJiRWm9a4g&feature=youtu.be



อ่ออออออออ สำหรับขาดริ๊งงงงงงง เตรียมสตังค์ไปเยอะๆ ได้เลยคร่าบนนี้มีทั้งเบียร์ น้ำอัดลมขายด้วยน๊าาาาา แต่ราคาเนี่ยเล่นซะเราหายอยากไปเลย 5555

ถือว่าเป็นมินิมาร์ทที่บรรยากาศดีมากกกกกกกอย่างที่ได้บอกไป จาก Sembalun crater ไป Lake เราต้องเดินลงเขาประมาณ 5 ชั่วโมง


จากรูปนี้จะเห็นว่ามี porter รึว่าลูกหาบเดินลงไปก่อนแล้ว

เดินมาสักพัก เราต้องเดินหายไปในกลุ่มเมฆนี้แหละค่ะ


ทางลงเขาทางฝั่งนี้ชันมั่ก ต้องปีนลงแบบนี้ในช่วง 2 ชั่วโมงแรก


ส่วนอีก 3 ชั่วโมงหลังจะเป็นทางประมาณนี้ค่ะ สลับขึ้นลงเนินอีก 3 ชั่วโมง


อารมณ์ช่วงก่อนถึง Lake จะเป็นทุ่งหญ้าเตียนๆ เหมือนเขาช้างเผือก มีละอองเมฆมากระทบหน้าเหมือนเดินอยู่บนภุสอยดาว ฟินดีเหมือนกันนะคะ


ดู VDO บรรยากาศได้ที่ link นี้จร้า https://www.youtube.com/watch?v=XFOIcXAtZVI&feature=youtu.be



เรามาถึง Lake กันประมาณบ่าย 3 แล้วก็ไปอาบน้ำแร่กันต่อค่ะ เดินลงเขาต่ออีกประมาณ 800 เมตร ก็จะเจอ Hot spring แบบนี้ หนุ่มๆ กลุ่มเราเตรียมกางเกงว่ายน้ำมากันลงแช่น้ำ สบายใจเลย ส่วนพวกเราไม่ได้เอาชุดมาได้แค่แช่เท้า เศร้าแพร่พพพพพพ (นี่คือผลของคนไม่ทำการบ้านก่อนออกทริปสินะ) ถือว่าได้อาบน้ำ ล้างเนื้อล้างตัวกันที่นี่แหละค่ะ หลังจากเดินเหงื่อท่วมกันมา 2 วัน

เพลิดเพลินกันสักระยะเราก็เดินมาที่ Lake Camp กันค่ะ ซึ่งต้องเดินไปอีกด้านนึงของทะเลสาปตรงทางขึ้นเขา เพื่อที่จะร่นระยะทางของวันพรุ่งนี้ไปอีกนิดนึง ตอนนี้กางเต้นท์กันเสร็จแล้ว Camp เราส่วนตัวมากกกก มองจากมุมไกลๆ


เราชอบที่นี่นะ บรรยากาศเหมือนมาพักผ่อนจริงๆ


เห็น Baby Volcano ชัดเชียว


อารมณ์เหมือนปางอุ๋งเลยเนอะ


บรรยากาศรอบๆ Lake จะมีชาวบ้านมาตกปลา


เมฆค่อยๆ ลอยผ่านมาช้าช้า นั่งมองบรรยากาศแบบนี้รู้สึกดีจริงๆ


ช่วงที่แสงกระทบยิ่งสวย


Baby Volcano ในม่านหมอก


เชียร์ให้เพื่อนๆ มานอนที่นี่กันนะ อากาศดี ไม่เหนื่อยมากด้วย คนก็ไม่พลุกพล่านพี่ๆ ถ่าย Time lab ดาวหมุนกันสบายเลย


ขออนุญาตปิดท้ายคืนสุดฟินนี้ด้วยรูปทางช้างเผือกของพี่ชาย (แอบจิ๊กมาอย่าบอกเค้านะ ฮร่ี่ๆ)

ปล.ถ้าเพื่อนๆ อยากชมผลงานการถ่ายรูปพี่เค้าเพิ่มเติมดูได้ในกระทู้นี้เลยคร่าาาา http://pantip.com/topic/34133970 (แอบขายของนีสสสนึงนะคร้าา)

คืนนี้ง่วงแล้ว เด๋วพรุ่งนี้มาเขียนต่อคร่าาาาDay 3# 22 สิงหา เช้านี้เราโดนปลุกด้วยมาม่าถ้วยนี้ตอนตี 4 พี่ๆ ลูกหาบจะมาเรียกหน้าเต้นท์เพื่อเอาอาหารกะชาร้อนมาให้ เพราะตาม plan แล้วเราต้องออกจากที่นี่ตอนตี 5


วันนี้เราต้องเดินขึ้นเขาเพื่อไป Seneru crater camp ที่เรา plan จะไปนอนกันตอนแรก จากจุดนี้ต้องเดิน 3 ชั่วโมง


เริ่มออกเดินทางจริงก็เกือบจะ 7 โมงแระ (แล้วให้ตรูตื่นตี 4 เพื่อ???????) ก่อนออกเดินทางขอถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระทึกสักภาพคร่าาาา

สมาชิกครบ ให้ credit. เจ้าของภาพตามลายน้ำเลยคร่า ขอบคุณน้องหมวดหนุ่มรูปหล่อ(หราาาาาา) สำหรับรูปหมู่น๊าาาา

การเดินขึ้นเขาเช้านี้ เราต้องเดินตามไหล่เขาซึ่งเป็นทางแคบๆ แต่ระหว่างทาง บางช่วงบางจุดก็ต้องปีนขึ้นค่ะ ดูสภาพทางเดินและเพื่อนร่วมทางเรากันค่ะ===>>>https://www.youtube.com/watch?v=QbzkCYybKWQ



ระหว่างทาง ถึงจะต้องปีนเหนื่อยหน่อย แต่แค่เพียงหันหลังมองย้อนกลับไปที่ lake ก็ฟินแล้วค่ะ

จากภาพภูเขาด้านซ้ายคือรินจานี และสันเขาที่มองเห็นลาดยาวลงมาคือทางที่เราเดินลงมา 5 ชั่วโมงเมื่อวานค่ะ



ระหว่างทางขอแวะถ่ายรูปกะเพื่อนสาว ที่โดนเราหลอกมานิสสสสนึง ตอนชวนบอกนางแค่ว่าที่นี่สวยมากกกกก แต่ไม่ได้บอกว่าโหด

เบ็ดเสร็จจบทริปนี้เพื่อนเสียเล็บไป 3 นิ้วพอดิบพอดี 555

กติกาจากไกด์ผู้น่ารักของเราคือ ถ่ายรูปได้ แต่ถ้าจะถ่ายคุณต้องหยุดเดิน หลายครั้งที่เราเก็บกล้อง เพราะความเหนื่อย แต่พอเห็นมุมสวยๆ ก็ต้องควักออกมาอยู่ดี^^


ทางจะเป็นประมาณนี้สลับตลอด 3 ชั่วโมงเลยจร้า https://www.youtube.com/watch?v=MzycCVfgFfs&feature=youtu.be10 โมงครึ่ง ถึงแล้วคร่าาาาา Seneru crater ===>>> https://www.youtube.com/watch?v=6DM6GlzP6h0



รูปพาโนอาม่าโดยน้องหมวดคร่า (คือของเราแบตหมด --")

บนนี้เป็นทั้ง Camp แรกสำหรับคนที่ขึ้นจากฝั่ง Seneru หรือที่เรียกกัน Seneru crater camp และเป็นจุดชมวิ;ที่ทุกคนต้องแวะค่ะ


อยากมีโมเม้นนี้บ้างไรบ้าง

ช่วงท้ายๆ จะเป็นใช้กล้องมือถือถ่ายแทนละนะคะ วิวจากฝั่ง seneru คร่าาาา https://www.youtube.com/watch?v=YMkUA7-gtcI


จากจุดที่ชี้ให้ดูใน vdo เมื่อกี้ พี่ๆ ที่ถึงก่อนหน้านั่งรอทานข้าวกันอยู่ค่ะ

ลงเขาลูกสุดท้ายก่อนจะได้พักทานข้าว

พวกเราเดินมาถึงจุดนั้นกันประมาณ 11 โมงครึ่ง


กับข้าวมื้อสุดท้ายบนเขา

https://www.youtube.com/watch?v=fwsHu2ml0p8



คือรู้สึกว่าสัปปะรดที่นี่ อร่อยมาก ไม่รู้ว่าจากความเหนื่อยรึปล่าวนะ

จากจุดนี้เราจะไม่ได้เจอกับ Porter (ลูกหาบกลุ่มที่ทำกับข้าว) อีกแล้ว นั่นหมายความว่าเราต้องจ่ายค่า tip ให้เค้าที่นี่ ซึ่งก็แล้วแต่พวกเราค่ะ รวมกันให้ แอบถามไกด์มาเค้าบอกว่า Porter พวกนี้ได้ค่าจ้างวันละ 150,000 รูเปียอินโด (ประมาณวันละ 400 บาทเรา) อ๊ากกกกกเดินอย่างโหดดดดด



จากจุดที่พักทานข้าว เราต้องเดินลงเขาอีก 5 ชั่วโมง ถึงจะถึงจุด start seneru

ช่วงที่เดินแรกๆ จะมีเฟิร์นขึ้นเยอะมากแล้วสักพักก็เริ่มจะเป็นป่าดิบค่ะ

version VDO ค่ะก่อนแบตโทรศัพท์จะหมดอย่างเป็นทางการ ระหว่างทางลงเราจะเดินสวนทางกับนักท่องเที่ยว ตลอดเส้นทาง ก็ได้มีโอกาสทักทายเค้าไปเรื่อย https://www.youtube.com/watch?v=tla9VK1GQTw



เรามาถึงหมู่บ้าน seneru กันประมาณ 5 โมงเย็นถึงที่พัก นอนต่อที่ John Adrenture อีกคืน คืนนี้พี่ขอฉลองจบ trip คร่าาาา

https://www.youtube.com/watch?v=_iCj22m5StA&feature=youtu.be



เช้าวันรุ่งขึ้นสมาชิกบางส่วนแยกย้ายกันเที่ยวต่อบาหลีอีก 2 คน และเที่ยวต่อลอมบอกอีก 1 คน โดยที่มีรถ John adventure มาส่งที่ท่าเรือ และมาส่งพวกเราที่สนามบินฟรีค่าาาาา



สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนมากที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ต้องขออภัยที่ จขกท พูดจาไม่สุภาพนะคะ

ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ เพื่อนร่วมทริปทุกท่านที่เดินทางร่วมกัน และดูแลกันมาจนถึงบ้านอย่างสวัสดิภาพทุกคน

ฝากถึงคนที่อยากจะไป ขอให้ฟิตร่างกายให้แข็งแรง จุดที่ขึ้น summit โหดมาก แต่ที่นี่สวยจริงอะไรจริงรับรองว่าคุ้มค่ากับการเดินทางค่ะใส่ถุงเท้าหนาๆ ใส่หลายๆ ชั้นช่วยได้นะคะ

Justsmile

 วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.44 น.

ความคิดเห็น