โปรแกรมนี้ไม่ได้วางแผนชีวิตอะไรมากมายเพียงแต่อยากจากบ้านไปค้นหา สัมผัส อะไรๆที่เรามองข้ามผ่าน..มาเป็นเวลานานอาจเป็นเพราะวิถีชีวิตที่เร่งรีบเหมือนกับคนเมืองทั่วๆไป ถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนแปลง...

รองเท้าผ้าใบ...สะพายเป้ กล้อง cannon GX1 ออกจากบ้านด้วยมอเตอร์ไซต์รับจ้าง นั่งรถเมล์ปรับอากาศสาย 168 ไปลงแถวๆหน้าม.รามคำแหงและไปต่อรถเมล์ปรับอากาศสาย 60 เป้าหมายอยากไปสัมผัสบรรยากาศของถนนแห่งดอกไม้ยามราตรีที่ปากคลองตลาด

ลงจากรถเมล์แถวๆถนนราชดำเนิน..อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยในเวลาที่ยังไม่ค่ำ ย่านนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราควรแวะไป วันนี้ถนนโล่งดีจัง

ถนนดินสอมีเรื่องราวมากมาย ถนนสายเล็กๆ ตึกอาคารก็ยังคงเป็นแบบดั้งเดิม ยังมีย่านชุมชนเก่าแก่ ตลอดสองฝากฝั่งทางมีผู้คนสัญจรพลุกพล่าน มีร้านอาหารอร่อยที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เช่นร้านข้าวหน้าเป็ด ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ หรือร้านสมัยใหม่ เช่นร้านนมสดที่มีลูกค้าคึกคัก(ไม่ได้ถ่ายภาพมา) ตรงกันข้ามเป็นศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

สุดปลายถนนเส้นนี้จะไปบรรจบกับถนนบำรุงเมือง เป็นย่านเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานครมีสถานที่สำคัญมาตั้งแต่ต้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ไม่ว่าจะเป็นเสาชิงช้า เทวสถาน และวัดสุทัศน์เทพวราราม

เสาสูงเสียบฟ้า สีแดงชาด เด่นตระหง่านบนลานกว้าง ด้วยความสูงประมาณ 21 เมตร เรียกว่า เสาชิงช้า ว่ากันว่าสร้างขึ้นมานานมากแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมอยู่หลายครั้งเพราะทรุดโทรมไปตามกาลเวลา โบราณวัตถุสถาน ณ ที่ตรงนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ เสมือนจุดกึ่งกลางเมืองสมัยเริ่มสร้างกรุงรัตนโกสินทร์หรือสร้างพระนครตามแบบประเพณีโบราณ เพื่อความเป็นปึกแผ่น ความมั่นคงแข็งแรง ค้ำจุนบ้านเมือง อันประกอบไปวัดสุทัศน์ฯ เทวสถาน(ของศาสนาพราหม์-ฮินดู) สมัยก่อนเสาชิงช้า ใช้ประกอบพิธีโล้ชิงช้า หรือพิธีตรียัมพวาย ของศาสนาพรหมณ์-ฮินดู แต่เลิกไปตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 วันนี้ได้ลองมาเดินชม ซึมซับบรรยากาศบริเวณบันทึกภาพและทำความรู้จักสิ่งดีๆของเมืองไทย

ภาพประกอบ

นกฝูงนี้แสดงความเป็นเจ้าเค้าเจ้าของ.....

เทวสถาน.....

เพื่อนบ้านใกล้ชิดที่อยู่คู่เคียงกันมาตลอดกาลคือวัดสุทัศน์เทพวราราม ข้อมูลบอกว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1เหมือนกัน ประมาณว่าสร้างหลังจากสร้างเสาชิงช้า แต่ใช้เวลานาน มาเสร็จสมบูรณ์จริงๆในช่วงรัชกาลที่ 3 เป็นโบสถ์ที่หลังใหญ่มาก มีอาคารรายล้อมหลายหลัง มีรูปเจดีย์เล็กๆรูปปั้นแบบจีน เจดีย์จีนรอบๆโคมไฟสีแดง คงจะสื่อความหมายอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับจีน(ตอนนี้ยังมิได้สืบค้นข้อมูล) ชมสถานที่และความสวยงามของวัด

ซุ้มประตูทางเข้า

ภายในประดิษฐานพระศรีศักยมุนี(พระโต)สีเหลืองทองสุกปลั่ง สง่างามทั้งองค์ ซึ่งอันเชิญมาจากจ.สุโขทัยในสมัยรัชกาลที่ 1 ลวดลายจิตกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา บ้านเมือง ขนบธรรมเนียมประเพณี สวยสดงดงาม ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ศึกษา

ซุ้มประตูเป็นบานไม้แกะสลักลึกเป็นรูปใบและดอก เกาะเกี่ยวอ่อนช้อยสวยสดงดงาม

บริเวณด้านในของกำแพงวัดมีพระพุทธรูปประดิษฐานรายรอบ และวันนี้มีการสอบนักธรรม

ทางแยกบริเวณนี้ มี 2 ทางแยก แสงแดดกำลังเรืองรองทอดผ่านถนนสายบำรุงเมือง มองเห็นตึกอาคารที่ยังคงคล้ายกลิ่นอายเดิมๆจึงเดินเรื่อยเปื่อย ย่านนี้ไม่มีผู้คน หรือรถราพลุกพล่าน แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมกรุงเทพฯจึงโล่งนัก แต่อาจเพราะเป็นช่วงพสกนิกรร่วมถวายไว้อาลัย...มีการจัดระเบียบเส้นทางเดินรถผู้ใช้รถจึงหลีกเหลี่ยงบริเวณรอบๆก็ได้

ย่านนี้เป็นย่านที่จำหน่ายสินค้าประเภท สังฆภัณฑ์ เครื่องประกอบทางศาสนา พระพุทธรูป ตลอด2 ฝากฝั่ง

เห็นโรงแรมนี้ตั้งอยู่ระหว่างกลางซอย...อาคารเก่าทรงคลาสสิค

บริเวณนี้เรียก สี่กั๊กเสาชิงช้า มีถนนตะนาว ถนนบำรุงเมือง อีกมุมเป็นกระทรวงมหาดไทย เป็นบรรยากาศที่อยู่เรียบง่ายและยังมิได้ปรุงแต่ง...จะคงอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหนนะ?




เดินมาถึงสะพาช้างโรงสี คนมาย่านๆนานๆครั้งอย่างเราก็ไม่เข้าใจว่าที่มาเป้นอย่างไร แต่เมื่อเดินข้ามถนนไปก็มีป้ายบอกเรื่องราวที่มาที่ไปของชื่อนี้

ในที่สุดก็มาถึงที่หมายในเวลาพลบค่ำ

ปากคลองตลาด สถานที่ที่เต็มไปด้วยความสวย ความงามและกลิ่นหอมของมวลดอกไม้นานาพันธ์ สมัยก่อนจะขึ้นรถเมล์สาย60 ต้นสายจะต้องมาขึ้นที่นี่ ยังมองเห็นความวุ่นวายของการขนย้ายสินค้า รถเข็น ผู้คนขวักไขว่ จึงอยากกลับมาเยื่อนอีกครั้ง แต่ไหนแต่ไรมาเราจะรับรู้ รับทราบว่าที่นี่เป็นที่ซื้อขายดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุด วันนี้จะยังเหมือนเดิมหรือปล่าวนะ? บริเวณสะพานยังคงเห็นบรรยากาศรถเข็นอยู่บ้าง

ดอกไม้ที่เราตามหา...กลิ่นอายของความเป็นตลาดแบบดั้งเดิม พ่อค้า แม่ค้า นักเรียน นักศึกษาสองฝั่งถนนกำลังเดินเลือกซื้อสินค้า ดูคึกคักขึ้นมาถนัดตา ขอเก็บภาพดอกไม้สวยๆ

ดอกจากดอกไม้นานาชนิดอุปกรณ์ตกแต่งหรือการจัดแต่งดอกไม้ก็มีให้เลือกซื้อมากมาย


บทส่งท้าย

เสน่ห์แห่งยามราตรีที่ปากคลองตลาดที่เป็นได้มากกว่าตลาด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติเรียกว่า " Flower Market" ทริปเล็กๆสำหรับวันนี้ที่มองให้แตกต่างจากการออกจากบ้านแล้วไปเดินห้าง... ได้ซึมซับบรรยากาศแบบดั้งเดิมถิ่นกำเนิดของแหล่งดอกไม้ที่อนาคตอาจจะไม่คงอยู่ในสภาพที่เห็น....เพราะกทม.กำลังจัดระเบียบใหม่ การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นไปตามกาลเวลา ไม่ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ถนนสายนี้ก็คงถูกจารึกไว้เป็นเรื่องราว สำหรับใครหลายๆคนก็คงอยู่ในความทรงจำตลอดไป

สวัสดีค่ะ หวังว่าท่านที่ได้มาชมจะได้รับความเพลิดเพลินนะคะ

พบกันใหม่ตอนต่อไปค่ะ





enjoyinglife

 วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.49 น.

ความคิดเห็น