หากลองหลับตานึกถึงจังหวัดตรัง ผมก็คงนึกถึงทะเล เกาะต่างๆ ที่งดงาม

และในความนึกคิดของผม ถ้าจะให้เลือกเดินทางท่องเที่ยวมาซักหนึ่งจังหวัด

“ตรัง" คงจะไม่ใช่เป้าหมายในลำดับต้นๆ ในความรู้สึกนัก...

........แต่แล้วความคิดของผมก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อได้มาเยือน “ตรัง" อย่างจริงจัง..........

อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIPบันทึกการเดินทางฉบับนี้ของผมเริ่มต้นที่ ต.วังมะปราง อ.วังวิเศษจ.ตรัง

สู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ที่มีชื่อว่า “วังผาเมฆ"

เส้นทางจากถนนใหญ่สู่ถนนลูกรังที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นปาล์มและยางพารา

บ่งบอกถึงอาชีพของชาวบ้านในแถบนี้

ที่นอนสำหรับเราในคืนนี้เมื่อพวกเรามาถึงในช่วงเย็นย่ำ

อาจจะไม่เลิศหรูแต่แฝงไว้ด้วยความจริงใจและน้ำใจอันใสสะอาด

“วังผาเมฆ" เป็นการรวมกลุ่มกันของชาวบ้านที่จัดตั้งกลุ่มอาสาเพื่อพิทักษ์ผืนป่า

ควบคู่ไปกับการจัดการด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยมียอดเขาวังผาเมฆเป็นจุดเด่น

ที่นี่ไม่มีเงินเดือน มีเพียงเงินทุนที่เรี่ยไรจากความรักในผืนป่าแห่งนี้เพื่อก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า ที่นี่ไม่มีบ้านพัก มีเพียงศาลากันฝน มีเต็นท์ให้ค้างแรม มีห้องน้ำที่สะดวกสบาย

และมีรอยยิ้มด้วยความดีใจเมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือน...



อาหารเย็นสำหรับวันนี้ถูกจัดเตรียมปรุงกันสดๆ ด้วยวัตถุดิบพืชผักที่หาได้ในท้องถิ่นเพื่อให้พวกเราได้ลิ้มลอง

สำรับถูกจัดตั้งบนโต๊ะหินอ่อนในศาลาบริเวณที่ทำการฯ วังผาเมฆ

ศาลาที่เป็นทั้งห้องประชุม ที่ทำการ ที่ทำอาหาร ที่ทานอาหาร และที่รวมเอาไว้ซึ่งความผูกพันของชุมชน

ต้มส้มใบส้มม่าวอาหารพื้นบ้านของภาคใต้ที่รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ

เป็นเมนูแนะนำที่ผู้ใหญ่บ้านชักชวนให้พวกเราลองทาน

อรุณรุ่งของวันใหม่ท่ามกลางความหนาวเย็นประหนึ่งเหมือนได้อยู่ในภาคเหนือ

ตี 5 เป็นเวลานัดหมายที่พวกเราจะได้เริ่มต้นเดินเท้าไต่ระดับความสูงสู่ยอดเขาวังผาเมฆกัน

เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นชาวบ้านเปลี่ยนหน้าที่จากพ่อครัวมาเป็นคนนำทาง

เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างลำบากและลื่นเพราะสายฝนที่ตกลงมาตั้งแต่เมื่อวานเย็น

ระยะทางเดินเท้าราว 700 เมตรแต่ใช้เวลาร่วมหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ

คงเพราะต้องปีนป่ายไต่ไปตามเชือกที่ค่อนข้างชัน ทำให้รู้สึกเหนื่อยพอสมควร

แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมาทันที

“ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตวังผาเมฆ" ป้ายบอกความภูมิใจเมื่อได้มาถึงยอดเขาสุดปลายทาง


ในความรู้สึกตอนนี้มันเป็นความสุขผสมไปกับความภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก

ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตรังจะมีทะเลหมอก

ไม่เคยคิดว่าตรังจะมีที่เที่ยวในแบบที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก

เพียงเพราะโบรชัวร์ใบหนึ่งที่พี่คนหนึ่งส่งมาให้...

ในโบรชัวร์เป็นภาพของทะเลหมอกที่งดงามจนผมต้องตกอยู่ในภวังค์

ภาพใบนั้นได้จุดประกายความรู้สึกให้อยากเข้าไปสัมผัส

ภาพความฝันที่ในวันนี้ได้กลายเป็นความจริงและสัมผัสได้จริง

พี่เจ้าหน้าที่นำทางเล่าให้พวกเราฟังว่าผืนป่าแห่งนี้แต่ก่อนมีอาณาเขตที่กว้างขวางกว่าปัจจุบัน

บ่อยครั้งที่โดนบุกรุกตัดไม้เพื่อเอาพื้นที่มาทำสวนยางพาราและสวนปาล์ม

ชาวบ้านที่รักและเห็นผืนป่าแห่งนี้มาตั้งแต่เกิด เล็งเห็นความสำคัญและคุณประโยชน์ของผืนป่า


จึงได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่มอาสาพิทักษ์ผืนป่าวังผาเมฆขึ้นมา ทำให้ปัญหาการบุกรุกป่าลดน้อยลง

พี่เจ้าหน้าที่ยังเล่าต่ออีกว่า ปัจจุบันผืนป่าวังผาเมฆมีเนื้อที่ประมาณ 700 กว่าไร่

มีสัตว์ป่าชุกชุมและมีพืชพรรณที่หายากอยู่หลายชนิด

“พี่เดินขึ้นมาบนนี้แทบทุกวัน แล้วแต่ว่ามีนักท่องเที่ยวหรือไม่

บางทีก็ขึ้นมาปรับแต่งทางเดินเท้า ถามว่าเหนื่อยไหมก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน

ทางมันไม่ดี อยากทำทางเดินให้ดีๆ มีราวจับดีๆ แต่ก็ไม่มีงบประมาณ

ที่เห็นสภาพทางขึ้นแบบนี้ก็ทำกันเอง ออกค่าใช้จ่ายกันเอง

บางทีก็มีรายได้บ้างจากค่านำทางที่นักท่องเที่ยวหยิบยื่นให้

แต่บางครั้งก็ไม่มี ไม่ให้ ก็ไม่ได้ว่าอะไร" พี่เจ้าหน้าที่เล่าให้พวกเราฟังขณะกำลังชมวิวอยู่ด้านบน

“จริงแล้วก็อยากให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาดูแลบ้าง จัดตั้งเป็นวนอุทยานฯ ก็ว่ากันไป

แต่ก็ไม่คืบหน้า ทุกวันนี้ก็ดูแลกันตามมีตามเกิด" พี่เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังต่อ

“ฝากน้องช่วยประชาสัมพันธ์ด้วยนะ อยากให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะๆ

“ที่นี่มันสวยจริงๆ แต่ไม่มีใครรู้จัก และไม่ค่อยมีใครมาเที่ยว"

บรรยากาศที่งดงาม กับการสนทนาที่กลั่นออกมาจากใจ ทำให้ผมรับรู้ถึงความรู้สึกได้เป็นอย่างดี

ด้านบนของวังผาเมฆในวันนี้อากาศค่อนข้างเย็น

มีหมอกไม่มากนักเพราะลมค่อนข้างแรง แต่ก็งดงามเพียงพอที่จะทำให้รู้สึกประทับใจ

เมื่อหันหลังกลับมามองในอีกด้านหนึ่งทางฝั่งทิศตะวันตกจะเห็นทิวเขาหินปูนที่มีรูปทรงสวยงาม

แนวทิวเขาลักษณะแบบนี้คงมีให้เห็นที่ภาคใต้ที่เดียวเท่านั้น

เป็นความรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติทั้งสองรูปแบบ

ด้านฝั่งทิศตะวันออกงดงามด้วยทะเลหมอกสีทอง

ส่วนด้านฝั่งทิศตะวันตกอลังการด้วยทิวเขาหินปูน

พี่เจ้าหน้าที่ยังเล่าต่ออีกว่า ที่มาของชื่อ วังผาเมฆ คือแนวทิวเขาในภาพนี้

วันไหนที่ทุกอย่างเป็นใจเราจะได้เห็นสายหมอกสีขาวนวลเข้าไปอยู่ในแอ่งภูเขาจนเต็มแอ่ง

อันเป็นที่มาของชื่อ วังผาเมฆ และจากจุดนี้ถ้าวันไหนฟ้าเปิดเราก็ยังสามารถมองเห็นทะเลอันดามันได้อีกด้วย

ส่วนทางด้านฝั่งทิศตะวันออกถ้าสายหมอกเจือจางลง

เราจะสามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่องของตัวเมืองตรัง

นอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้ว

ประสบการณ์อันมีค่ากับชีวิตที่คลุกคลีอยู่กับผืนป่าแห่งนี้

ได้ถูกถ่ายทอดจากพี่เจ้าหน้าที่ส่งต่อสู่คนต่างถิ่นอย่างพวกเรา

ทำให้พวกเราได้รับความรู้เป็นอย่างมาก

หนึ่งชั่วโมงกว่าที่เดินขึ้นมากับความรู้สึกที่ได้อยู่บนนี้ไม่กี่นาที

ต่อให้ต้องใช้เวลาเดินกันเป็นวันผมก็ยังคิดว่ามันคุ้มค่าอยู่ดี

สายหมอกยังคงหนาแน่นมากขึ้นสวนทางกลับเวลาแห่งความสุขที่กำลังจะหมดลงไป

ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ราวๆ ชั่วโมงเศษและคงต้องรีบลงไปข้างล่าง

ทางลงยังคงใช้เส้นทางเดิมแต่มีความรู้สึกว่าลงง่ายและไวกว่าตอนขาขึ้น

หลายสิ่งที่พวกเราได้รับนอกเหนือไปจากธรรมชาติที่สวยงาม

คงเป็นความรักความสามัคคีในชุมชนที่มีต่อผืนป่าแห่งนี้

ต้องขอขอบคุณกลุ่มอาสาพิทักษ์ผืนป่าวังผาเมฆที่ทำให้เราได้ประสบการณ์อันมีค่าที่สุด

ถ้ามีโอกาสผมคงได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง อาจจะเป็นวันที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

หรืออาจจะเป็นวันที่วังผาเมฆได้กลายเป็นวนอุทยานฯ สมดังความตั้งใจ

แผนที่การเดินทางของผมทั้งหมดตลอดการเดินทางที่อยู่ตรัง

จากวังผาเมฆไปยังเขื่อนคลองท่างิ้วสู่น้ำตกต่างๆ และไปชมตะวันลับขอบทะเลที่แหลมหยงสตาร์

ก่อนวกกลับเข้ามาในตัวเมืองตรัง ผ่านสวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้

ตรังในช่วงวันที่ผมไปเยือน สายฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน

ภาพของสวนยางพาราที่มีให้เห็นโดยทั่วไปรอบๆ จังหวัดตรังยามเมื่อได้รับสายฝน

ดูสดชื่นชุ่มฉ่ำและสบายตาสบายใจในความรู้สึกของผม

“เขื่อนคลองท่างิ้วอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ตั้งอยู่ที่ ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง


ด้วยความที่เงียบสงบ และวิวทิวทัศน์ที่สวยงามล้อมรอบไปด้วยทิวเขา

ทำให้เขื่อนคลองท่างิ้วกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เริ่มได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น

วัตถุประสงค์หลักของเขื่อนคลองท่างิ้วอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

คือเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้งให้กับชาวบ้านในพื้นราบ

และยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ นั่งเรือเที่ยวชมความงดงามของขุนเขาและสายน้ำซึ่งเป็นวัตถุประสงค์รองลงไป

หลังสายฝนหยุดตกสายหมอกก็เริ่มต้นชโลมขุนเขาซึ่งเป็นของคู่กัน

คงเหมือนกับคนไทยที่ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ไม่เคยห่างหายจากน้ำพระทัยของพ่อ

เส้นทางสายน้ำตกของจังหวัดตรังที่มีแนวเทือกเขาบรรทัดขนานไปกับเส้นทางหมายเลข 4264

ระยะทางห่างจากตัวเมืองตรังราว 20 กว่ากิโลเมตร

เราจะพบเห็นน้ำตกอยู่หลายแห่งทีเดียว หนึ่งในน้ำตกที่สวยงามไม่เป็นรองที่ไหนๆ คือ “น้ำตกสายรุ้ง"

ในวันที่อากาศดีๆ เราจะเห็นละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายเกิดเป็นสายรุ้งที่สวยงาม

อันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกสายรุ้ง

จากน้ำตกสายรุ้งห่างออกไปอีกราว 28 กิโลเมตรบนเส้นทางหมายเลข 4264

จะเป็นที่ตั้งของราชินีน้ำตกแห่งภาคใต้ที่มีชื่อว่า “น้ำตกโตนตก"

“น้ำตกโตนตก" เป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่มากนัก จุดเด่นคงเป็นบริเวณโดยรอบที่ค่อนข้างจะร่มรื่น

ตัวน้ำตกไม่ห่างจากลานจอดรถมากนัก ไม่ต้องใช้เวลาเดินไกล

มาถึงจุดนี้ความคิดของผมก็เริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมที่คิดว่าตรังมีแต่ทะเลที่สวยงาม

ตั้งแต่วังผาเมฆผ่านเขื่อนคลองท่างิ้วเข้าสู่เส้นทางสายน้ำตก

ทุกๆ การเดินทางได้ค่อยๆ เปลี่ยนความคิดของผม

ถ้าจะมีที่เที่ยวในจังหวัดหนึ่งที่เพียบพร้อมไปหมด ทั้งป่าเขา ทะเล อาหารการกิน

“ตรัง" คงเป็นคำตอบสำหรับผมในตอนนี้ไปเสียแล้ว

ห่างจากน้ำตกโตนตกออกไปเพียง 1 กิโลเมตรเป็นที่ตั้งของ “น้ำตกโตนเต๊ะ"

น้ำตกที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล

ด้วยความยิ่งใหญ่ของน้ำตกโตนเต๊ะ สายน้ำใสสะอาดที่ไหลจากหน้าผาสูงราว 300 กว่าเมตร

ทำให้ได้รับสมยานามว่าเป็นราชาแห่งน้ำตกแดนใต้

โดยรอบบริเวณที่ค่อนข้างร่มรื่น น้ำที่ใสราวกระจก

ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย

จากน้ำตกโตนเต๊ะผมใช้เส้นทางหมายเลข 4125

ระยะทางราว 42 กิโลเมตร สู่แหลมหยงสตาร์ อ.ปะเหลียน

“แหลมหยงสตาร์" เป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลตามลักษณะของภูมิประเทศ

กว่า 95 เปอเซ็นต์ของชาวบ้านที่แหลมหยงสตาร์จะเป็นชุมชนมุสลิม

ที่เหลือจะเป็นชาวจีนที่อพยพมาอยู่ตั้งแต่บรรพบุรุษ

โดยส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพประมงรวมไปถึงการทำสวนยางพารา

หลายๆ บ้านประกอบอาชีพการทำปลาเค็มแดดเดียวโดยใช้วิธีแบบดั่งเดิม

ไม่มีการใส่สารใดๆ ตากแดดแล้วนำออกจำหน่ายเลย

กลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อของชุมชนแหลมหยงสตาร์ที่ใครผ่านไปผ่านมาต้องแวะหาซื้อเป็นของฝาก

คุณลุงคุณป้าเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่จำความได้ก็เห็นอาชีพนี้มาตั้งแต่เกิด

สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น

เป็นความผูกพันในวิถีชีวิตบนพื้นฐานของความพอเพียง

แม้ปลาตัวจะไม่ใหญ่มากนัก มีทั้งปลาอินทรีย์และปลาทู

ขายกันกิโลละ 150 บาท หรือจะเป็นมัดที่มีอยู่ประมาณ 3-4 ตัว ก็เพียงมัดละ 20 บาทเท่านั้น

นอกจากการทำประมงและการทำสวนยางพาราแล้ว

บางบ้านก็ยังมีการเพาะเลี้ยงกุ้งให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ

ยามเย็นวันนี้ที่แหลมหยงสตาร์บรรยากาศดูงดงามตระการตา

มีความรู้สึกว่ายิ่งดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลง ความสวยงามกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น

สะพานที่เป็นท่าเรือทอดยาวออกไปสู่ทะเลอันดามันกลายเป็นศูนย์รวมของความสุข

ผู้คนจำนวนไม่น้อยมารวมตัวกันบริเวณนี้ บ้างก็มาปั่นจักรยาน บ้างก็มานั่งปูเสื่อรับประทานอาหาร กินลมชมวิว

แสงสุดท้ายของที่นี่บางทีความงดงามอาจจะไม่แตกต่างจากที่อื่นๆ

แต่ความพิเศษสำหรับที่นี่จะมีเทือกเขาบรรทัดทอดตัวเป็นแนวยาวที่ดูแล้วรู้สึกสวยงามอย่างยิ่ง

ดวงตะวันค่อยๆ ลาลับ เหลือไว้เพียงแสงสีทองสะท้อนผืนน้ำ

ผมไม่แน่ใจนักว่ากลางทะเลเค้าทำการประมงเกี่ยวกับอะไร

แต่ที่ผมแน่ใจในตอนนี้ที่สุดคือภาพที่อยู่เบื้องหน้ามันช่างสวยงามจับใจดีเหลือเกิน

ห้องพักในราคาเพียงครึ่งพันเป็นที่นอนของพวกเราในคืนนี้

น่าแปลกใจตรงที่บริเวณแหลมหยงสตาร์จะไม่ค่อยมีที่พักมากนัก

เท่าที่เห็นก็มีเพียง 2-3 รายเท่านั้นในราคาที่แสนถูกแบบซีวิวมองเห็นทะเลเลย

แต่ก็ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพัก

เช้าวันนี้ผมวกกลับเข้ามาในตัวเมืองตรังอีกครั้งหลังจากในวันแรกไม่ได้แวะเยี่ยมเยือนอย่างจริงจัง

แต่ก่อนจะถึงตัวเมืองอีกราว 12 กิโลเมตร พวกเราแวะที่สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้(ทุ่งค่าย)กันก่อน

“สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้(ทุ่งค่าย)" จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2529

ในสมัยที่คุณชวน หลีกภัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

เป็นสถานที่ซึ่งรวบรวมอนุรักษ์เอาไว้ซึ่งพันธุ์ไม้พื้นเมืองที่หายาก

ที่นี่เป็นที่เดียวในประเทศไทยที่มีสะพานเรือนยอดไม้ให้เดินชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

เส้นทางศึกษาธรรมชาติโดยรอบของ “สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้(ทุ่งค่าย)"

จะแบ่งออกเป็นช่วงๆ รวมระยะทางราว 3 กิโลเมตร หากแต่เป็น 3 กิโลที่ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเท่าไรนัก

คงเพราะมีความรู้สึกเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติทั้งสองข้างทางเสียมากกว่า

ระหว่างทางเดินศึกษาธรรมชาติเรายังสามารถพบเห็นดอกไม้นานาชนิด

ในภาพเป็นดอกยี่โถปีนังที่พบเห็นได้อย่างมากมายระหว่างทางเดิน

ตัวเมืองตรังในวันนี้ยังคงชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝนเหมือนกับในวันแรกที่ได้มา

บ้านเรือนในแบบโบราณสไตล์ชิโนโปรตุกีสมีให้เห็นโดยทั่วไปรอบตัวเมืองรวมไปถึงต่างอำเภอ

มีความรู้สึกว่าเมื่อได้มายืนอยู่ในตัวเมืองตรังเหมือนได้ย้อนอดีตไปในสมัยก่อน

“โบสถ์โบราณคริสตจักรตรัง" ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนถนนห้วยยอด

สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1915 จวบจนถึงปัจจุบันก็ครบ 100 ปีพอดี

เป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์

และเป็น 1 ใน 20 โบราณสถานของจังหวัดตรัง ที่นักท่องเที่ยวควรแวะเยี่ยมชม

ในตัวเมืองเรายังสามารถพบเห็นรถตุ๊กๆ หัวกบได้โดยทั่วไป

จนกลายเป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาเยือนตรัง

หากจะไม่กล่าวถึงหมูย่างเมืองตรังที่ขึ้นชื่อก็คงจะดูว่ามาไม่ถึงเมืองตรังซักทีเดียวนัก

หมูย่างเมืองตรังมีร้านทำขายกันอย่างมากมายไม่เฉพาะในตัวเมือง ต่างอำเภอก็ยังพบเห็น

รสชาติอาจจะแตกต่างกันไปแต่ยังคงไว้ซึ่งความหอมของเครื่องเทศและความอร่อย

ติ่มซำหลากหลายเมนูเสริฟมาพร้อมกับน้ำชาร้อนๆ ที่หอมกรุ่น

เป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์อย่างหนึ่งสำหรับอาหารเช้าของคนเมืองตรัง

“อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี" อดีตเจ้าเมืองตรัง บิดาแห่งยางพาราไทย

ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะเขตเทศบาลเมืองตรัง ห่างจากศาลากลางจังหวัดราว 1 กิโลเมตร

โดยรอบบริเวณอนุสาวรีย์จัดเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับที่ร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ

ทุกย่างก้าวที่ได้สัมผัสเมืองตรัง มันเหมือนชีวิตที่เดินไปอย่างช้าๆ บนพื้นฐานของความสุข

จากจุดเริ่มต้นของการเดินทางจนสุดท้ายที่ปลายทางได้เปลี่ยนแปลงความคิดและความรู้สึกของผมไปอย่างสิ้นเชิง

“ตรังเมืองแห่งความสุข" และมันก็เป็นความสุขในแบบที่ครบทุกรสชาติของการท่องเที่ยวจริงๆ

เพราะการเดินทางนี่เองที่ทำให้เราได้สัมผัสโลกแห่งความจริงมากกว่าการจินตนาการ

และเพราะการเดินทางที่ทำให้ผมได้รับรู้ว่าตรังสวยงามและบริสุทธิ์เพียงใด

หากมีข้อผิดพลาดประการใด ไกด์สาวน้อยต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

สุดท้ายต้องขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่จัดโครงการ THE AMAZING JOURNEY BLOGGING CONTEST 12 เมืองต้องห้ามพลาด ขอบคุณ NOK AIR ขอบคุณ THAIRENT A CAR ขอบคุณ OUTDOOR ขอบคุณ TTBN และสุดท้ายขอขอบคุณ one22



การเดินทางสู่ตรังในครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยวภายในจังหวัด คอยพบกับรีวิวจากทีมของเราอีกหนึ่งท่าน https://www.facebook.com/Tamkarnwelatrips ที่จะทำให้การท่องเที่ยวตรังสมบูรณ์แบบ



หากชื่นชอบรีวิวของพวกเรา ท่านสามารถร่วมเป็นกำลังใจให้ทีม TTBN10 โดยการโหวตได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ http://www.thethailandbloggernetwork.com/teams/detail/T10แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไป สวัสดีครับ



อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP

Somchai Rungpuksa

ม่วงมหากาฬ

 วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.20 น.

ความคิดเห็น