.

.

ผมได้ร่วมสนุกกับ FB : ท่องเที่ยวเมืองจันท์ มันสนุกสุขใจ แล้วได้รับรางวัล Voucher ที่พักฟรีที่โรงแรมเจ้าหลาวทอแสงบีช ประเภทบ้านส่องตะวัน (Beach Front)พร้อมอาหารเช้า เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน แต่จากการที่ผมโทรสำรองห้องพักกับทางโรงแรมพบว่า วันที่ผมจะเข้าพัก บ้านส่องตะวันเต็ม ทางโรงแรมจึงเสนอทางเลือกให้ผมว่า ให้เข้าพักที่บ้านบีชวิว (Beach View) แทน หรือไม่ก็เลื่อนวันเข้าพัก แต่ไหน ๆ ผมตั้งใจจะมาแล้ว ก็เลยตอบตกลงขอเข้าพักที่บ้านบีชวิวแทน

ผมออกจาก กทม.ช่วงเช้า ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงก็มาถึงที่หาดเจ้าหลาว การเดินทางมาที่โรงแรมก็ไม่ยากครับ มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ แต่ช่วงเข้าในซอยต้องตาดีนิดนึงนะครับ เพราะมีหลายซอย และหลายโรงแรมพอควร

เมื่อเข้าซอยมาแล้ว สภาพเส้นทางจะไม่ได้ราดยาง เป็นหลุมเป็นบ่อพอสมควร ในซอยเดียวกันนี้ยังเป็นที่ตั้งของอีกหลายโรงแรมครับ จากปากซอย เข้ามาสักประมาณสามถึงสี่ร้อยเมตร ก็จะเห็นป้ายของโรงแรมครับ

ที่จอดรถก็ถือว่ามีเยอะใช้ได้ครับ จอดรถแล้วก็เข้าไปCheck in ที่อาคารหลังคาสีส้ม เปิดประตูเข้ามา แอร์เย็นฉ่ำเลย

ด้านในตกแต่งสีสันสดใสมาก สีออกโทนสีส้ม พร้อมกับชุดรับแขกที่แข่งกันอวดสีสันสะดุดตาดีจริง ๆ ครับ

พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส เต็มใจให้บริการเป็นอย่างดีครับ ระหว่าง Check in จะมี Welcome Drink มาคอยต้อนรับด้วยครับ


เมื่อ Check in เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เก็บของเข้าห้องครับ

ห้องพักของผมเป็นบ้านบีชวิว (Beach View) ลักษณะคล้ายทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว 3 บล๊อก โดยบล๊อกตรงกลางจะมี 3 ห้อง ส่วนบล๊อกที่ 1 และ 3 จะมี 2 ห้องครับ ในโซนบีชวิวนี้จะหันข้างให้ทะเล ซึ่งจะมีห้องเดียวที่ติดกับทะเลครับ

คืนนี้ผมพักที่ห้อง 104 อยู่ห้องกลาง บล๊อกกลางครับ

ที่ด้านหน้าห้องพักแต่ละห้องจะมีเก้าอี้ยาวให้แขกได้มานั่งรับลม และทางโรงแรมได้ทำเป็นซุ้มไม้เลื้อย เพื่อเพิ่มความร่มรื่นให้กับห้องพักด้วย ผมชอบที่มีรากของต้นไม้ (ไม่แน่ใจว่าเป็นต้นไทรหรือไม่) ห้อยปลิวไปตามแรงลม ดูแล้วได้บรรยากาศริมทะเลครับ

มาดูในส่วนของห้องพักกันบ้างครับ ที่ด้านหน้าห้องพักจะเป็นกระจกบานเลื่อนสำหรับเปิดปิด ดังนั้นทุกห้องจะสามารถมองเห็นบรรยากาศด้านนอกห้องพักได้ตลอดเวลา และถ้าหากไม่อยากให้คนข้างนอกมองเห็นข้างใน ก็สามารถรูดม่านปิดได้ครับ แต่สิ่งที่เตะตาผมที่สุดคือป้ายสำหรับแจ้งให้พนักงานเข้ามาทำความสะอาดห้องและป้ายห้ามรบกวน ที่ Design ได้ไม่เหมือนใคร ผมเพิ่งเคยเจอป้ายแบบนี้ที่นี่เป็นที่แรกครับ เพราะปกติจะพบเห็นเป็นป้ายกระดาษยาว ๆ สำหรับคล้องที่ลูกบิดประตู แต่ที่นี่ แค่เลื่อนแผ่นป้ายสีดำ ถ้าเลื่อนไปทางขวา ก็จะบอกว่า "ห้ามรบกวน" แต่ถ้าเลื่อนแผ่นป้ายสีดำไปทางซ้าย ก็จะบอกว่า "ให้ทำความสะอาดห้อง" ครับ

ภายในห้องพักทาผนังด้วยสีเขียวสดใส มีเก้าอี้นั่งเล่น 2 ตัวทำจากหวาย พื้นปูด้วยกระเบื้องครับ


คีย์การ์ดดูสะอาดสะอ้านดีครับ บางแห่งเน่าสุด ๆ

มีการพับผ้าเช็ดตัว (ผมมองเป็นรูปดอกบัว) วางอยู่บนผ้าไหม ทำให้ห้องพักดูหรูหราขึ้นครับ

มีหมอนให้เยอะมากครับ

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางโรงแรมเตรียมให้ มีหลายอย่างครับ อยู่ด้านปลายเตียง มีทั้งตู้เสื้อผ้า ด้านในมีเสื้อคลุมสำหรับใส่อาบน้ำ ,ตู้เย็นพร้อมน้ำดื่ม 2 ขวด, ทีวี, ยากันยุง, รองเท้าสำหรับใส่เดินในห้อง


กาน้ำร้อนพร้อมชุดกาแฟ

ที่ด้านหน้าห้องน้ำมีโต๊ะเครื่องแป้ง ทางโรงแรมได้เตรียมไดร์เป่าผม, เครื่องอาบน้ำ รวมถึงกระดาษทิชชูไว้ให้ พร้อมมีที่แขวนผ้าเช็ดตัวไว้ให้พร้อมครับ

ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกส่วนแห้งอย่างชัดเจน โดยทำเป็นพื้นต่างระดับไว้ และทำเป็นกำแพงกันด้วย

อ่างล้างหน้า พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นครับ


ลวดลายกระเบี้องน่ารักดีครับ ได้บรรยากาศทะเลจริง ๆ

และที่ถูกใจผมที่สุดคือ Free Wifi ครับ สัญญาณแรงดีจริง ๆ ขนาดริมชายหาดยังมีสัญญาณเลยครับ

มาดูห้องพักแบบอื่นกันบ้าง เริ่มที่บ้านครามฟ้า (Family Suite) ครับ

ลักษณะบ้านครามฟ้าจะเป็นบ้านแฝด 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นครับ


ประตูห้องพักจะอยู่ตรงกลาง เปิดประตูมาจะเป็นห้องรับแขก ที่มีชุดรับแขกและทีวีให้แขกได้มานั่งทำกิจกรรมร่วมกันครับ

ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของห้องรับแขก จะเป็นห้องพักครับ เปิดประตูห้องพัก จะเจอมุมนี้ ภายในห้องพักตกแต่งด้วยโทนสีฟ้า ดูแล้วสบายตาดีครับ ภายในห้องพักก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกคล้าย ๆ กัน คือ ทีวี ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ไดร์เป่าผม แต่ละห้องยังมีระเบียงที่สามารถออกไปนั่งสูดอากาศได้ด้วยครับ


ห้องน้ำมีกระจกใสด้วยครับ

มาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้างครับ ตกแต่งได้น่ารักดี มีลวดลายบนผนังห้องน้ำเป็นเปลือกหอยสีสันสดใส

แยกส่วนเปียกส่วนแห้งเหมือนกันครับแบบต่อไปคือบ้านส่องตะวัน (Beach Front) ซึ่งเป็นบ้านพักที่ผมมีสิทธิ์เข้าพัก แต่เนื่องจากห้องพักเต็ม ผมเลยไปพักที่บ้านบีชวิวแทนครับ โซนนี้ทางโรงแรมเพิ่งปรับปรุงใหม่ไปได้ไม่นานครับ


ทุกห้องหันน้ำติดทะเลหมดครับ เพียงไม่กี่ก้าว ก็สามารถก้าวเท้าลงทะเลได้เลย ผมเห็นบ้านนี้แล้วนึกเสียดายเป็นอย่างมาก ถ้าหากผมเลื่อนวันเข้าพัก ผมคงได้มาพักห้องแบบนี้แทนแล้ว เนื่องจากตอนที่ผมไปถึง แขกเข้าพักเต็มหมดทุกห้องแล้ว เลยไม่สามารถเข้าไปถ่ายภาพบรรยากาศในห้องมาให้ชมกันได้ครับ

ที่ชื่อว่าบ้านส่องตะวัน เพราะโซนบ้านส่องตะวันจะสามารถชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม สมกับชื่อ "ส่องตะวัน" ครับ

นอกจากห้องพัก 3 ประเภทที่ผมเก็บบรรยากาศมาให้ชมแล้ว จริง ๆ ทางโรงแรมยังมีห้องพักอีกประเภทหนึ่งคือห้องระเบียงดาว ซึ่งจะเป็นห้องพักที่มีลักษณะอยู่ในตัวอาคารครับ ผมไม่ได้เก็บบรรยากาศมาให้ชม

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางโรงแรมได้เตรียมไว้ให้กับแขกที่เข้าพักก็มีหลายอย่างเหมือนกันครับ อย่างแรกเป็นห้องสัมมนา จัดเลี้ยง

มี Game Room และ Gift Shop ไว้คอยบริการด้วย


มีสระว่ายน้ำ ขนาดไม่ใหญ่มากนัก


พื้นที่สำหรับรับประทานอาหารริมทะเล


ช่วงเย็นผมไปเก็บบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกที่สุดชายหาดเจ้าหลาวครับ


หลังพระอาทิตย์ตกแล้ว ผมกลับมาเก็บบรรยากาศยามพลบค่ำที่โรงแรมอีกครั้งครับ


บริเวณด้านหน้าโรงแรม


อาคารสำหรับ Check in


บริเวณ Lobby


บริเวณริมชายหาดหน้าบ้านส่องตะวัน


บริเวณสระน้ำ ที่ด้านข้างจะเป็นส่วนของห้องอาหารครับ


บริเวณพื้นที่ทานอาหารริมทะเล


บ้านส่องตะวัน


บ้านครามฟ้า


บ้านบีชวิวครับ


บรรยากาศยามค่ำริมทะเล มองเห็นเกลียวคลื่นสีขาวซัดเข้าหาชายฝั่ง สวยงามดีครับ


จากการที่ได้เข้าพักในบ้านบีชวิว ผมว่าห้องพักยังเก็บเสียงได้ไม่ดีเท่าที่ควร ยังได้ยินเสียงข้างห้องอยู่บ้าง ในส่วนของห้องน้ำ บริเวณส่วนแห้งตรงโถสุขภัณฑ์ เมื่อใช้สายล้างชำระ น้ำจากการชำระจะมานองอยู่ที่พื้นรวมกัน ทำให้พื้นจะเปียกอยู่ตลอดเวลา นอกนั้นถือว่าโอเคครับมาดูในส่วนของอาหารเช้ากันบ้างครับ เนื่องจากวันที่ผมเข้าพัก มีกรุ๊ปทัวร์ลง ทำให้ห้องพักเต็ม อาหารที่เตรียมไว้ ถือว่าหลากหลายพอสมควร แต่ผมไม่แน่ใจว่า ถ้าหากมาช่วงที่แขกน้อย อาหารจะหลากหลายมากแค่ไหนนะครับ


ห้องอาหาร มองเห็นทะเลได้เลยครับ


มาดูไลน์อาหารกันบ้าง

กับข้าววันที่ผมไปนั้นทางโรงแรมจัดเมนูไว้หลายอย่างครับ เมนูนี้ดูเหมือนเป็นไก่ต้มมัน


หมูผัดขิง


ผัดผักรวมมิตร


ผัดวุ้นเส้น


ข้าวต้มปลา ขอบอกว่าอร่อยเชียว ปลาสด ชิ้นใหญ่


นอกจากนี้ยังมีข้าวต้มขาว ซึ่งทางโรงแรมได้จัดเมนูยำผักกาดดอง ถั่วทอด และปลาทอดไว้ให้ด้วย


ฮอทดอก


แฮม


มุมสลัด นอกจากนี้ยังมีมุมไข่ดาว ผลไม้ ขนมปัง และกาแฟด้วยครับสำหรับการเดินทางมาที่โรงแรมเจ้าหลาวทอแสงบีช ก็เดินทางไม่ยากครับ ตามเส้นทางถนนสุขุมวิท บริเวณ กม.ที่ 302 จะพบแยกขวามือ เพื่อเข้ามาที่หาดเจ้าหลาว จากทางแยกให้ขับรถตรงมาเรื่อย ๆ จนพบวงเวียนโลมา จากนั้นให้เลี้ยวซ้าย แล้วตรงมาเรื่อย ๆ จนพบวงเวียนพยูน ให้เลี้ยวซ้ายอีกที จากนั้นขับตรงมาเรื่อย ๆ สังเกตซอย 120 จะเห็นป้ายของโรงแรม ให้เลี้ยวขวา ขับรถตรงมาตามทางก็จะพบกับโรงแรมแล้วครับ


ท้ายสุดนี้ผมขอขอบคุณ FB: เที่ยวเมืองจันท์ มันสนุกสุขใจ และโรงแรมเจ้าหลาวทอแสงบีช ที่มอบ Voucher ที่พักฟรีให้กับผมครับหลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ผมก็มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองจันทบุรีครับ ผมตั้งใจจะไปเดินเล่นที่ชุมชนริมน้ำจันทบูร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผมชอบมาเดินชมวิถีชีวิตของคนที่นี่ พร้อมกับอาหารอร่อย ๆ ที่วางขายกันในชุมชนแห่งนี้


ผมจอดรถไว้ที่โรงเรียนข้างโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล แล้วเดินข้ามแม่น้ำจันทบุรีเพื่อมายังชุมชนริมน้ำจันทบูรครับ


มาครั้งนี้ผมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะเลยครับ บ้านเก่าๆเริ่มปรับปรุงใหม่ วิถีชีวิตเดิม ๆ ที่ชาวบ้านเคยอยู่อาศัยกัน เดี๋ยวนี้เริ่มกลายเป็นร้านอาหารเก๋ ๆ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำกันเยอะเลยทีเดียว บ้านเก่า ๆ หลายแห่งอย่างบ้านขุนบุรพาภิผล ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นร้านขนมไข่ป้าไต๊ แต่เดิมเป็นบ้านตึกทรงยุโรปมีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี เด่นในเรื่องช่องลมฉลุลวดลายดอกไม้ พื้นปูกระเบื้องดินเผาสีสันสวยงาม แต่ปัจจุบันได้บูรณะเสียใหม่ ผมมองไม่เห็นถึงความโบราณเลย พื้นกระเบื้องโบราณก็หายไป หมดเสน่ห์ความเก่าไปเลยครับ แต่ผมก็เข้าใจนะครับว่าถ้าหากปล่อยให้สภาพบ้านเก่าแบบนั้นอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ สักวันบ้านคงถล่มลงมาแน่ ๆ


บ้านหลังนี้ใช้ถ่ายทำละคร และโฆษณาหลายชิ้นมาก เช่น โฆษณารังนก ดู๊ ดู ดูเธอทำ... ปัจจับันก็ชำรุดเป็นอย่างมาก บ้านหลังข้าง ๆ ก็เริ่มทำการปรับปรุงแล้ว


สำหรับจุดประสงค์ที่ผมจะมาเดินเที่ยวที่ชุมชนริมน้ำจันทบูรในครั้งนี้เพราะอยากจะหาของทานเล่นที่มีจำน่ายในชุมชนแห่งนี้ และที่สำคัญเป็นฝีมือคนที่นี่เองครับ

เริ่มด้วยขนมเทียนแก้วสูตรโบราณ รสชาติหวานละมุนละไมครับ ผมมาที่นี่หลายครั้ง แต่เคยได้ชิมแค่ 2 ครั้งเอง เพราะมาไม่ทัน ขนมเทียนขายหมดซะก่อน วันที่ผมไปผมไม่เห็นลุงจุ่นผู้ทำขนมเทียนแล้วมานั่งขายอยู่หน้าร้าน เห็นเพียงหญิงชรา ไม่แน่ใจว่าเป็นภรรยาหรือพี่สาวของลุงจุ่นครับ ขนมเทียนจำหน่ายชิ้นละ 2 บาทครับ


ถ้ดมาเป็นร้านขนมแม่กิมเซียครับ ที่นี่เด่นเรื่องขนมโก๋ ที่เนื้อขนมโก๋จะผสมฟักลงไปด้วย เพิ่มรสชาติให้กับขนมโก๋เป็นอย่างมาก


นอกจากนี้ยังมีขนมเปี๊ยะไส้ถั่วดำอีกด้วย อร่อยดีครับ


แต่ที่ไม่อยากให้พลาดของร้านขนมแม่กิมเซียคือขนมลืมกลืนครับ รสชาติหวานอ่อน อร่อยทีเดียว เสียดายที่วันที่ผมไปไม่มีขนมหยกมณีขาย เพราะหยกมณีเป็นอีกชนิดที่เป็นขึ้นชื่อของร้านครับ


ต่อมาเป็นร้านบะจ่างเสียงสวรรค์ ภายในบะจ่างจะห่อไส้หมูผสมไข่และถั่ว เป็นอาหารพื้นบ้านชาวจีนสูตรเก่าเจ้าดังย่านริมน้ำจันทบูรเลยครับ เขาขายห่อละ 30 บาทครับ


และเมนูเด็ดที่ผมอยากจะแนะนำมาก ๆ ต้องที่นี่เลยครับร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊อี๊ด

ร้านเจ๊อี๊ดจะอยู่แทบสุดซอยของชุมชนเลยครับ แต่ถ้าหากว่าเราจอดรถไว้ที่โบสถ์ เมื่อเดินข้ามแม่น้ำจันทบูรมาแล้ว ให้เราเลี้ยวซ้ายครับ ร้านเจ๊อี๊ดจะอยู่ไม่น่าเกิน 30 เมตรครับ


เมนูนี้เลยครับ บะหมี่ต้มยำทะเล ผมมาทุกครั้งต้องสั่งเมนูนี้ทุกครั้ง รสชาติจัดจ้านมาก ๆ ไม่ต้องปรุงรสเพิ่มเติมเลย เมนูนี้จัดเต็มด้วยอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง ปู หมึก และที่เด่นสุดคือ กั้ง ครับ ถือเป็นเมนูเรียกเหงื่อได้เลย


อีกเมนูหนึ่งที่อยากแนะนำคือ ข้าวหน้าพริกเกลือครับ เมนูนี้จัดเต็มเหมือนก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลเลย มาทั้งปู กุ้ง หมึก กั้ง และที่เพิ่มสีสันให้กับเมนูนี้คือไข่อะไรสักอย่าง ผมคิดว่าเป็นไข่ปูครับ อร่อยมาก ๆ ไม่แพ้กัน


หลังจากเต็มอิ่มกับการพักผ่อนและทานอาหารอร่อย ๆ แล้วก็ถึงเวลาต้องเดินทางกลับครับ แต่สัญญากับตัวเองว่า คงจะต้องมาเที่ยวที่จันทบุรีอีกแน่นอนครับ

ความคิดเห็น