...เท่าที่รู้จัก และเคยได้ยินชื่อ "ปีนัง" ก็มาจากละครเรื่อง "นางอาย" สมัยที่ จอย ศิริรักษ์ แสดง ซึ่งนานมากกก(บอกถึงอายุอานาม) แล้วก็ไม่เคยสนใจเลยยยย

จนมาถึงวันที่แพลนจะไปเที่ยวหาดใหญ่นี่แหละ ก็บังเอิญอ่านเจอ และที่ทำให้แปลกใจว่า ทำไมเที่ยวหาดใหญ่แล้วต้องข้ามไปเที่ยวที่ปีนังด้วย

ปีนัง .... มีดีตรงไหน มีอะไรน่าสนใจ จนทำให้ใครหลายคนติดใจ ... ใครหลายคนต้องไปให้ได้สักครั้ง


part 2 ... ตะลุยปีนัง เดือนมิถุนา

ต่อจากหาดใหญ่ ตอนที่แล้ว ... เราพักที่ โรงแรมรถไฟ 1 คืน ก่อนวันรุ่งขึ้นเราจะเดินทางไปเที่ยวปีนังกันต่อ

การเดินทางไปปีนัง ... เราเลือกเดินทางโดยรถตู้กับบริษัททัวร์ kst travel เพราะค่อนข้างสะดวก ทางรถตู้จะไปส่งและรับเราจากที่พักที่ปีนังเลย

เราเลือกเดินทางรถเที่ยวแรก คือ 9.30 น. ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมง ราคาคนละ 800 บาท ไป-กลับ

... เอาหล่ะ!! เที่ยวรถเก้าโมงครึ่ง ตอนนี้ก็เจ็ดโมง ยังมีเวลาเหลือเฟือ ออกมาหาอะไรใส่ท้องก่อนดีกว่า ตอนแรกกะว่า จะไปกินติ่มซำร้าน คอหนังแต่เตี๋ยม เพราะยังได้กินติ่มซำไม่หนำใจ แต่ฝนเจ้ากรรม ทำท่าว่าจะตก

หันไปเห็นร้านนึง หน้าสถานีรถไฟ คนนั่งกินกันเต็มเลย .. เอาร้านนี้แหละ!!

เช้านี้จึงได้กินโจ๊ก รสชาตคล้ายๆโจ๊กที่เคยกินสมัยเด็กๆ กินเสร็จ ฝนก็ตกพอดี มาลุ้นกันว่าจะหยุดทันเก้าโมงครึ่งมั้ย

ผ่านไป 1 ชั่วโมง ฝนก็หยุดตก เราก็เช็คเอ้าท์ออกทันที เก้าโมงพอดี

จากสถานีรถไฟ เดินไปขึ้นรถที่ออฟฟิต kst ไม่ไกล เดินตรงมาผ่านโรบินสัน ก็จะเจอแยกไฟแดง ก็เลี้ยวขวา เดินไปประมาณ 50 เมตร ก็ถึงแล้ว.... มะมา มานั่งรอรถกัน!!

ได้เวลาเดินทางไปปีนังล่ะ ... เริ่มตื่นเต้นก็ตอนจะผ่าน ตม.มาเลเซีย นี่แหละ!! เพราะไม่เคยเดินทางเที่ยวต่างประเทศมาก่อนเลย พาสปอร์ตขาวจั๊วะ!! แต่ก็เตรียมตัวมาเรียบร้อย แต่งตัวมิดชิดให้เกรียติกับการที่เราจะไปเที่ยวประเทศเขา

แต่ไม่ต้องห่วง ผ่านมาได้อย่างง่ายดาย ตม.ไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักกกคำ .. เดินสวยๆ เข้าไปเที่ยวกันเล้ยยยย

นั่งรถมาเรื่อยๆ ให้พอเมื่อยก้น ก็ผ่านสะพานปีนัง ถึงตรงนี้ก็แสดงว่า เราจะเข้าปีนังกันแล้ว ... เย้ เย้!!!

15.30 น. รถตู้ก็มาส่งเราที่โรงแรมที่เราจองไว้ ที่ถึงช้าเพราะรถตู้ตระเวนส่งคนอื่นๆก่อน เราจะพักกันที่ Tune Hotel 2 คืน เราจองที่พักกับ อโกด้า ในราคาคืนละ800บาท จะรวมแอร์ไว้แล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่ม

จากห้องพัก จะมองเห็นตึก komtar ตึกที่สูงที่สุดในปีนัง และเป็นจุดศูนย์รวม รอบๆตึกนี้มีทั้งห้างสรรพสินค้า และป้ายรถเมล์ทุกสาย

... สวัสดีปีนัง ... อย่างเป็นทางการ

street food .... มาถึงปีนัง ก็ต้องหาของกินที่สตรีทฟู้ด กันก่อนเลย

ออกจากหน้า Tune Hotel ก็ให้เดินไปทางตึกคอมต้า สตรีทฟู้ดจะอยู่ที่ถนน Lorong Baru ข้างๆ โรมแรม sunway ...เอิ่มมม google map มีประโยชน์ก็วันนี้แหละ!!

นี่ ... นี่ ขนมเจ้านี้อร่อยดีน่ะ

พลาดไม่ได้กับ .. ฉาก๋วยเตี๋ยว ที่คนต่อคิวกันยาวเหยียดดด หน้าตาคล้ายๆ ผัดไทยบ้านเรา เหมือนกับที่หลายๆคนบอก แต่เราว่ารสชาตไม่เหมือนผัดไทยนะ แต่เป็นงัย!! ไม่บอก...ให้ไปชิมกันเอง

วันนี้เอาแค่นี้ก่อน เพราะต้องเดินกลับโรงแรม พยายามไม่ให้มืดมาก เรามาต่างถิ่นต้องระมัดระวังตัวไว้ก่อน แต่ที่นี่มืดค่อนข้างช้า ทุ่มกว่าแล้วยังไม่มืดเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น กะว่าจะตื่นแต่เช้า เพราะหาข้อมูลมาว่า ถ้ามาปีนังต้องเดินหาภาพสตรีทอาร์ต และควรเดินแต่เช้าๆ เพราะบ่ายๆแดดที่นี่แรงมาก... เรื่องแดดเราไม่กลัว... เรากลัวฝ้าบนใบหน้า อิอิ!!

.......................................................

แล้วงัยหล่ะ!! ตื่นสายอะจิ นี่ก็แปดโมงแล้ว ไปหาข้าวเช้ากินก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เนอะ!!

ร้าน ming xiang tai ระหว่างเดินหาร้านข้าว ก็เดินผ่าน ร้านทาร์ตไข่ ชื่อดัง ร้านนี้มี 2 สาขา สาขานี้อยู่เยื้องๆ โรงแรมที่เราพัก เดี๋ยววันกลับจะซื้อกลับเป็นของฝาก

หลังจากนั้น ก็เดินย้อนกลับมาทางขวาของโรงแรม เดินมาไม่ไกลมาก ก็จะเจอร้านนี้ ภายในร้านก็จะขายอาหารหลายๆอย่าง มีหลายร้านรวมอยู่ด้วยกัน คล้ายๆฟู้ดคอร์ค ที่นี่มีฟู้ดคอร์คอยู่หลายที่มาก

เราสั่ง wan than mee มาลองกิน มันก็คือ บะหมี่หมูแดง นี่หล่ะ ที่นี่เขาไม่มีเครื่องปรุงให้น่ะ แต่จะเสริฟพริกน้ำส้มมาให้แทน เทพริกน้ำส้มผสมลงไปเลย อร่อยมาก มันเข้ากันสุดๆ

หลังจากที่ผ่านร้านทาร์ตไข่ เลยแว๊บเข้าไป ซื้อมาชิม 1 ชิ้น อืมมมม!! อร่อยจริงๆด้วย

กินอิ่มแล้ว ได้เวลาออกกำลังกายล่ะ ที่นี้จะเริ่มจากจุดไหนดี

เริ่มจากนั่งรถเมล์ฟรี ก่อนดีกว่า ย่นระยะทาง ... ป้ายรถเมล์ที่อยู่ใกล้โรงแรมที่สุด ก็เดินมาทางตึกคอมต้า เดินจากโรงแรมมาประมาณ 2 ซอย สังเกตหน้าปากซอยเป็น โรงแรม HP ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย เดินไปไม่ถึง 100 เมตร ก็จะเจอป้ายรถเมล์ no.11 ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับสถานีตำรวจ

นั่งรถเมล์มาเรื่อยๆ ลงสุดสายเลยที่ jetty เป็นอู่รถเมล์

ที่แรกที่เราจะไปคือ chew jetty คือเราตั้งใจว่าจะไปกินไอติมทุเรียนหน่ะ!! ลงรถเมล์แล้วก็ให้เดินมาทางซ้ายมือ (หันหน้าให้ถนน) นะ เดินมาไม่ไกลก็ถึง

ภาพแรก ของวันนี้

รู้สึกว่าจะคล้าย บางเบ้า ที่เกาะช้าง เหมือนกันนะ เพียงแต่ที่นี่ไม่ได้ขายอาหารทะเล ส่วนใหญ่จะขายของที่ระลึก

ร้านก๋วยเตี๋ยวชามยักษ์ แต่ไม่ได้กินอ่ะ เพราะเดี๋ยวเราจะไปกินอาหารอินเดียกัน

ได้กินแล้วววว!! ไอติมทุเรียน รสชาตเหมือนเอาทุเรียนกวนไปแช่แข็ง หอมทุเรียนอย่างแรวงเลยนิ นอกจากไอติมก็มีเอแคลขายด้วยน่ะ

สุดปลายทางเดิน ก็จะเป็นท่าเรือ มีศาลเจ้าอยู่ด้วย คิดว่าน่าจะเป็นศาลเจ้าประจำตระกูล chew ของเขา

ได้เวลาเดินต่อแล้ว ไปตามล่าหาภาพ street art กันดีกว่า เริ่ม!!!

ข้ามถนนมาจาก chew jetty ก็เจอภาพนี้เลย

เดินกันต่อ ......

เดินมาหาภาพมาได้สักพัก ก็เจอร้าน น้ำแข็งใส ร้านนี้!! ต้องลองสักหน่อย

rainbow ice ball น้ำแข็งใสลูกกลมๆ เลือกน้ำได้ 3 อย่าง ... รสลิ้นจี่อร่อย ขอบอก!!

ไอซ์บอล ก็พอดับร้อนได้บ้าง

ไปตามเก็บ street art กันต่อ .... โปรดดดอย่าถามมม!!!..... ว่าแต่ละภาพอยู่ตรงไหนบ้าง เดินมั่วไปหมด แต่ภาพจะเกาะกลุ่มอยู่ละแวกเดียวกันนี่แหละ อาจอยู่ตามซอกตามซอยบ้าง

เดินท้าแดดมาเรื่อยๆ ก็ถึงย่าน Little India เดินมาก็รู้เลยว่าใช่ ... ต้องใช่แน่ๆ ... นอกจากตัวอาคารบ้านบ้านเรือนที่บ่งบอกถึงความเป็นอินเดียแล้วนั้น เสียงเพลงเป็นสิ่งหนึงที่ยืนยันความเป็นอินเดียได้อย่างชัดเจน

Restoran Kapitan เดี๋ยวเราจะแวะพักร่าง เข้าไปกินอาหารอินเดียร้านนี้กัน ตอนอ่านเก็บข้อมูล มีแต่คนบอกว่าร้านนี้อร่อย งั้นเราต้องไปลองชิมกัน ...

ร้านอยู่ต้องตรงข้าม มัสยิดกาปิตันเลยน่ะ!!

เอาหล่ะ....สั่งทุกเมนูที่ว่ากันว่าอร่อย...

แป้งnaan อร่อยจริง รสชาตไม่เชิงแป้งโรตีน่ะ แต่เนื้อแป้งจะหนาๆ นุ่มๆ หอมกลิ่นไหม้นิดๆ

ส่วนแก้วนี้ ชามะนาว .... พี่เขาใส่มะนาวลงมาเป็นลูกๆเลย ก็อร่อยดีน่ะ เปรี้ยวๆหวานๆ+ฝาดๆ ....

ได้พักขา ได้กินอิ่ม ... แรงก็เริ่มมา ยังเหลือภาพอีกหลายภาพเลย .. ลุยกันต่อ!!

..ก็หมวยนี่คะ..

บางภาพก็แฝงตัวอยู่ตามบานประตู ข้างกำแพงบ้านคน

ระหว่างทางเดิน เราจะเห็นความเป็นศิลปะของปีนัง จากสถาปัตยกรรมมากมาย สมกับเป็นเมืองแห่งความอาร์ตจริงๆ

เราเดินเที่ยวกันมาตั้งแต่ เก้าโมงเช้า จนถึง สี่โมงเย็น ...ห๊า!!! สี่โมงเย็น???? ถึงว่าร่างแทบแหลก เท้าแทบพัง กลับไปพักที่โรงแรมกันก่อนดีกว่า ว่าแต่จะไปทางไหนดี ..... เลยตัดสินใจเดินไปขึ้นรถที่อู่ jetty ดีกว่า

ตรงนี้น่าจะเป็นสวนสารธณะ

เดินผ่านหอนาฬิกา Victoria Memorial Clock Tower

เดินมาเรื่อยๆ มั่วๆ ก็มาเจอกับป้ายรถเมล์ป้ายนี้ no.5 เป็นป้ายรถเมล์ฟรี รอดตายล่ะเรา!! ... ป้ายนี้จะอยู่ตรงข้ามกับ town hall

กลับมาถึงโรงแรม นั่งพักได้ประมาณชั่วโมงนึง ก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกที่ที่เรายังไม่ได้เดินไปโฉบเลย

Nagore Square ย่านนี้เป็นย่านของแหล่งบันเทิงยามค่ำคืน ร้านรวงแถวนี้จะเริ่มเปิดเย็นๆ ถือเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นมาเลเซียก็ว่าได้ แต่ตอนที่เราไปเดินก็หกโมงกว่า ยังไม่ค่อยมีร้านเปิดสักเท่าไหร่ สงสัยจะเปิดดึกกว่านี้

ในย่านนี้ ... ก็ยังมีภาพ street art ให้เก็บภาพเหมือนกัน

นี่ก็เย็นมากแล้ว ได้เวลากินอีกแล้วสินะ!! แต่จากย่านนี้ จะให้เดินไปหาของกินแถวสตรีทฟู้ด ที่ไปเมื่อวานก็คงไม่ไหว เลยตัดสินใจว่าจะลองเดินๆหาร้านอาหารแถวๆนี้ บางที!! เราอาจจะเจอของดีแอบซ่อนอยู่ก็เป็นได้

แล้วเราก็ได้เจอจริงๆ แถมยังอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก ....

ร้านนี้นี่งัย!! เขาขายข้าวหมกไก่ เป็นเพียงร้านรถเข็น แต่มีคนมาซื้อไม่ขาดสาย แถมอยู่ตรงข้ามโรงแรมที่พักอีกด้วย

... อร่อยและไม่ต้องเดินไกล ...

...............................................................

วันสุดท้ายแล้ว ที่ปีนัง ขอทิ้งทวนด้วยอาหารก็แล้วกันน่ะ

เมื่อวานเดินผ่านร้านทาร์ตไข่ สังเกตเห็นร้านอยู่ร้านนึง อยู่ติดกับร้านทาร์ตไข่ ขายพวกก๋วยเตี๋ยวอะไรสักอย่าง ต้องเข้าไปลองชิมดูแล้ว ว่าจะอร่อยเด็ดดวงแค่ไหน

คือ เขาขาย curry mee ก็คือก๋วยเตี๋ยวแกงนี่เอง...

ชามนี้เรียกว่า hokkien prawn mee... เฮ้ย!!! คือมันอร่อยอ่ะ

ชามนี้เรียก low mee ... อร่อยสู้ชามแรกไม่ได้ ชามนี้จะออกหวานๆ หนืดๆ

น้ำฝรั่ง ... แต่สงสัยว่า น้ำฝรั่งที่นี่ใส่บ๊วยด้วยหรอ!!

อิ่มล่ะ!! ... กลับบ้านได้

กลับไปเช็คเอ็าท์ที่โรงแรม แล้วลงมาคอยรถตู้ที่หน้า 7-11 ใต้ตึกโรงแรม


เป็นการปิดทริปปีนัง ที่สวยงามมาก


รู้แล้วว่าทำไมใครๆถึงอยากมาเที่ยวที่ปีนัง ... ทำไมใครหลายๆคนถึงติดใจปีนัง

เพราะปีนัง .... เป็นแบบนี้นี่เอง!!!


กลับเมืองไทยอย่างปลอดภัย

ขอบคุณนะคะที่แวะเวียนมาอ่าน

แล้วพบกัน ทริปต่อไปนะคะ

................................................................












การเดินทาง​ครั้งใหม่

 วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 20.59 น.

ความคิดเห็น