*** รีวิวนี้มันก็จะค่อนข้างยาวอยู่หน่อยๆ

ใครอ่านจบแสดงว่าเป็นหนอนหนังสือ มารับคะแนนพิเศษ

'หนูน้อยรักการอ่าน' ได้ที่คุณครูแมวน้ำได้เลยค่า.... 555 ^_^ ***


SUMMER in HOKKAIDO

[ Noboribetsu | Sapporo | Asahikawa | Furano ]

จากรีวิวก่อนหน้านี้ >>>

Summer in Japan #1 : ดวงดาว แห่ง Sendai VS ฟ้า ลม ทะเล ที่ Matsushima

ได้เวลาเดินทางต่อแล้ววววว. . . . .

วันที่สองของการเดินทางนี้ ใช้ชีวิตอยู่บนรถไฟเป็นส่วนใหญ่ เพราะ เราจะตีรถจาก SENDAI ขึ้นไปถึง HOKKAIDO นู่นนนนแหล่ะ ...มันบ้าไปล้าววว นั่งรถไฟกันรากงอกแน่วันนี้ แต่ถือโอกาสได้นั่งชินคังเซนสายใหม่เอี่ยมที่เพิ่งเปิดใช้เมื่อมี.ค.ปี 59 นี้เอง

โปรแกรมคร่าวๆ ของ ฮอกไกโด ที่จะใช้เวลาเที่ยว 2 วัน คือ เลือกไปแค่จุดที่อยากไปจริงๆเป็นหลัก วางแผนไว้ดังนี้

  • Noboribetsu แวะเที่ยว เดินเล่น แช่เท้าในธารน้ำร้อนออนเซ็น
  • Sapporo: ไปกินราเม็งขาปู ที่ Ramen Yokocho และ แวะพัก 1 คืน ที่ The Stay Sapporo
  • Asahikawa : หาเพื่อนแมวน้ำที่สวนสัตว์ Asahiyama zoo
  • Furano : ชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ Farm Tomita
  • Hakodate : แวะพัก 1 คืน เที่ยวเล่นชมเมือง (...แต่ไปไม่ถึง.... T T)

... ทำไมไปไม่ถึง Hakodate ?

... จะเกิดเหตุการณ์อะไรระหว่างนั้น ?

เดี๋ยวต้องคอยติดตามนะค้าาา . . . เกือบได้เป็นมนุษย์กล่อง นอนข้างถนนล้าววววว

เรื่องราวที่จะจดจำไว้เป็นประสบการณ์สำหรับชีวิตการเดินทางในญี่ปุ่นเลยทีเดียว T T

รับรองว่าทริปนี้ครบรส ทั้ง ร่าเริง สนุก สุข เศร้า และประทับใจ ❤ กับ Summer in Hokkaido ^^



- N O B O R I B E T S U -


• Sendai - Shin-Hakodate เข้าสู่ เกาะฮอกไกโด

หลังจากที่โบกมือบ๊ายบายอ่าวมัตสึชิม่ามาตอนประมาณเกือบ 10 โมง เข้าไปเปลี่ยนรถชินคังเซน กันก่อนที่ Sendai โดยเราจะนั่งรถชินคังเซน สายใหม่เอี่ยม เพื่อเดินทางไปเกาะฮอกไกโด

ช่วงที่แมวน้ำไปเป็นช่วงที่คนเดินทางกันเยอะ เพราะเป็นสัปดาห์ของเทศกาลฤดูร้อนในหลายๆที่ โดยเฉพาะแถบ Tohoku ที่ Aomori , Hirosaki รถก็จะแน่นและถูกจองเต็มแล้ว แต่ไม่เป็นไร ยืนไปสิคะ เรา(ท่อนขา)แข็งแกร่งอยู่แล้ว ^^

พอถึงช่วง Aomori คนลงเยอะหน่อย พอจะได้นั่งบ้าง คือ รถไฟที่เป็น Limited Express ตู้ที่เป็น

Reserved seat หรือ รถชินคังเซน ที่มีคนจองที่นั่งไว้ก่อนแล้ว ถ้าที่นั่งว่างเราสามารถนั่งได้

แต่ถ้าเจ้าของที่นั่งมาก็ต้องรีบลุกให้เค้าทันที หรือ จะให้ชัวร์ไม่อยากนั่งทับที่ใคร ก็ยืนไปจ้า

เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้ชัวร์ว่าเรามีที่นั่งแน่ๆโดยเฉพาะสายที่เดินทางนานๆหลายชั่วโมง จองที่นั่งไว้ก่อนดีกว่า ที่สถานีที่เป็นชุมทางใหญ่ๆหน่อย สถานีLocal ไม่มีนะจ๊ะ

แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาล ช่วงปีใหม่ ช่วงGolden week หรืออย่างเช่นวีคต้นเดือนสิงหาที่แมวน้ำไปนี่ อาจจะไม่ทัน เพราะคนญี่ปุ่นเค้าปาดหน้สเค้กจองเต็มหมดแล้ว

พอเลย Aomori มา ก็พอจะได้นั่งบ้าง เพราะคนลงไปเยอะพอสมควร

พอจะมีเวลาควักสมุด ดินสอสีมาวาดรูปเล่น ฆ่าเวลาได้


Hokkaido Shinkansen นี่เพิ่งเปิดให้ใช้บริการไม่นานนี้เอง (มี.ค.59) รถใหม่เอี่ยม แล้วสังเกตดูได้ว่า คนญี่ปุ่นดูจะตื่นเต้นกับชินคังเซนขบวนนี้กันมากๆด้วย^^

แต่รถสายนี้สิ้นสุดการเดินทางที่ Hakodate เท่านั้น ซึ่งอยู่ตอนล่างสุดของฮอกไกโดเลย แต่เดี๋ยวไม่นานคงมีชินคังเซนข้ามไปไกลกว่านี้อีกแน่นอน

พอมาถึง Shin Hakodate เราก็จะเปลี่ยนรถเพื่อขึ้นไป Sapporo กันต่อ

ที่สถานีแอบมี Tanbo Art หรือ ศิลปะ บนทุ่งข้าวด้วย แต่ ไม่ได้เดินไปดูมุมสูง เพราะกลัวไม่ทันรถไฟ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกสองวันเราแพลนไปดูTanbo Art แบบ Original เลย ที่ Inakadate ,Hirosaki ^^ รอไปดูอันนั้นทีเดียวเลย

ขึ้นรถคันใหม่ นั่งสบายมาก นั่งไปเลยคนละ 2 เบาะ เพราะสายนี้คนไม่เยอะมาก เมื่อคนตรวจตั๋วเดินมาก็ยื่นบัตรเบ่งJR Pass ให้เค้าดูเลย บัตรเดียวเที่ยวได้ทั้งประเทศ

และจุดหมายปลายทางของเรา ณ ตอนนี้ คือ สถานี Noboribetsu ชื่อเรียกยาก จำยากมาก เหมือนสมัยก่อนที่หัดอ่านสบู่โชกุบุตสึโมโนกาตาริ เลย 555

ที่ Noboribetsu เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อน ออนเซน ณ ฮอกไกโด แต่เราไม่ได้วางแผนจะมาแช่ออนเซนกัน เลยตั้งใจว่ามาที่เมืองนี้ ขอแค่เข้าไปนั่งแช่เท้าที่ธารน้ำร้อนในป่าก็ยังดี

สิ่งที่คิดนี้จะสำเร็จมั้ยเดี๋ยวตามไปดูกัน ^^

พอมาถึงสถานี ก็รอรถบัสเพื่อไปยังป้ายรถเมล์ที่ชื่อ Noboribetsu onsen นี่เป็นการนั่งรถบัสในญี่ปุ่นครั้งแรกแบบเสียเงิน เพราะเคยใช้แบบone day passที่คาวากูชิโกะ นี่ขึ้นไปยังไม่รู้เลยจ่ายเงินยังไง

แต่ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวคุณพี่ พขร. จะช่วยเราเอง

โดยการขึ้นรถบัสในญี่ปุ่นแบบคร่าวๆ เท่าที่จำได้ คือ

- จะขึ้นที่ประตูด้านหลัง ลงป้ายที่ประตูหน้า

- ตอนขึ้นรถ ดึงตั๋วตรงจากเครื่องจ่ายตั๋วที่ข้างประตูรถเก็บมา ตั๋วจะบอกสถานีตัวเลขของป้ายรถที่เราขึ้น

- ระหว่างที่รถจะเข้าป้าย จะมีเสียงบอกว่าป้ายนี้ชื่ออะไร มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น ถ้าเราจะลงก็เตรียมตัว

- เตรียมเงินให้พอดี โดยดูค่าโดยสารบนจอหน้ารถ

- หยอดเหรียญและตั๋วลงในช่องเก็บเงินข้างโชเฟอร์ ถ้าไม่มีเหรียญจะมีที่แลกเหรียญตรงข้างกันๆ

ดูวิธีขึ้นจาก ลิ้งนี้ก็บอกชัดเจนอยู่ค่ะ https://allabout-japan.com/th/article/2715/

ไม่ยากหรอก นั่งรถเมล์บ้านเรายากกว่าเยอะ ไม่บอกอะไรสักอย่าง ถึงป้ายแล้วยังไม่ค่อยจอดเลย

*** แต่ถ้าทำไม่เป็น ยังไงก็ต้องกราบรบกวนให้คุณโชเฟอร์ช่วยด้วยแล้วกันนะคร้าาา ^^ ***

พอลงไปแล้วก็เดินไปที่ Gokuraku Shopping Street ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมือง มีร้านอาหาร ร้านขายของอยู่สองฝั่ง

เริ่มหิว เริ่มส่ายตามองหาร้านอาหาร มาช่วงบ่ายสามบ่ายสี่ ร้านส่วนใหญ่จะปิด แล้วเปิดอีกทีห้าโมงเย็น แต่ก็ยังพอมีร้านให้ได้ฝากท้องบ้าง

คือร้านนี้เอง เข้าไปเล้ย คนเยอะรอนานหน่อยเพราะร้านอื่นยังไม่เปิดกัน

ขณะนั่งรออาหารก็เห็นอาเจ้แกแพ็กปูส่งอยู่ตลอด

อาหารมาแล้ว

เป็นหอยนางรมชุบแป้งทอด เสิร์ฟพร้อม ข้าว ซุป สลัด อาหย่อยยยย

อีกจาน เป็นข้าวราดแกงกะหรี่ซีฟู้ด รสแกงนี้ผงกะหรี่หนักมาก

เบียร์สดของเมืองโนโบริเบตสึ

ใครอยากมาลองร้านนี้ หาไม่ยาก อยู่ใกล้ ศาลเจ้านี้เอง

ศาลเจ้าเทพแห่งนรก เอ็นมะ

อิ่มคาวก็อยากได้ของหวานๆละมุนๆ ล้างปากหน่อยเลยได้ soft cream ของร้านนี้

soft cream Honey Yuzu

หอมน้ำผึ้งมาก หอมชนิดที่ว่ามีผึ้งตัวใหญ่ (ใหญ่ขนาดเท่าตัวต่อ) ที่ไหนไม่รู้เดินตามมาเกาะหัวไม่ยอมปล่อยเลย เกือบจะได้เที่ยวฮอกไดโดแบบหน้าบวมแล้วไง จนต้องรีบกินแล้วรีบทิ้งถ้วยไอติม ไม่งั้นมันตามจองเวรตลอดทางแน่

แฮร่ !!! ชูไอติมฮั่นนี่ยูซุล่อผึ้ง

กินข้าวเสร็จเราจะไปดูบ่อนรก Jigokudani (Hell Valley)หน่อย เป็นไฮไลต์ของการมาที่นี่

เดินไปเรื่อยๆเป็นระยะทางพอสมควร แต่เอาจริงเป้าหมายหลักของเราคือ การไปนั่งแช่เท้าที่ธารน้ำร้อนในป่า

ซึ่งจุดนี้มีชื่อเรียกว่า Oyunumagawa Natural Foot Bath

เห็นในแผนที่เค้าบอกมาทางนี้ ไหงเดินไปจุดสุดกลับมาเจอทางเก่าที่จะเดินไปบ่อนรกล่ะ

เฮ้ยยย....

เดี๋ยวๆๆๆ มันต้องมีไรผิดพลาด เดี๋ยวลองเดินขึ้นไปใหม่สิ

อ่าว นี่ไงมันมีป้ายชี้แยกไปทางซ้ายตรงกลางทางแต่เราไม่ได้สังเกต

T T แง....เดินฟรีเลย

จากนั้นเราก็เดินไปตามทางเรื่อย พอลึกเข้าไปๆๆ ทางเริ่ม off road ขึ้นเรื่อยๆ มีปีนเชือก มีทางลูกรังขึ้นเขาลงเขาในป่าทึบ คิดในใจมันใช่ทางนี้แน่เรอะ ดูในรายการMajide Japan เค้าไปกันง้าย ง่ายไม่เห็นต้องบุกป่าฝ่าดงเลย

พอมาสุดทาง กลับเจอถนนคอนกรีต อ้าว เฮ้ยยยย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่าาา...

ถามคนแถวนั้น เค้าชี้บอกไปทางนู้นนนๆๆๆ

. . . บอกกงๆ ถอดใจแล้วตอนนี้

เวลานี้ไม่ขอไรมาก ขอแค่ทางเดินออกจากหุบเขานี้ไปได้ก็พอ .... ^^

แล้วเดินไปเรื่อยๆ ที่เดินมานี่ไม่ต่ำกว่า 5 กิโลแล้วมั้งเนี่ย ฟ้าก็ครึ้มใกล้มืดแล้วด้วย

จนมาถึงป้ายทางที่ลงไปที่ธารน้ำร้อน เริ่มเห็นคนหนาตาขึ้น

เชื่อแล้ว ที่เค้าว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความเหนื่อยอยู่ที่นั่น แฮ่กๆๆ

พอเดินเข้ามาตามทาง ได้เสียงลำธาร ใต้ร่มเงาไม้

มีความชื้นสัมพัทธ์ ที่สัมผัสได้

....Finally, We did it!!!!

จุดนี้เป็นจุดที่ให้คนมานั่งแช่เท้า จากลำธารน้ำร้อน ไม่เสียค่าใช้จ่าย มีที่นั่งพัก ใครกลัวเปียกก้นก็มีเบาะให้รองนั่ง

ว่าแล้วก็ขอถอดรองเท้า เอาเท้าจิ้มจุ่ม เป็นชาบูแมวน้ำ ^^ คลายเส้นกันหน่อย นี่เดินมาระยะทางมินิมาราธอนเลยนะเนี่ย

ธารนี้ไม่มีปลาใช่มะ ไม่ใช่ไรกลัวแหย่เท้าที่อบมาในถุงเท้าผ้าใบทั้งวัน แหย่ลงไปเดี๋ยวปลาตายหมด ^^'

เค้าว่ากันว่า " น้ำร้อนปลาเป็น เท้าเหม็นปลาตาย " >.<

ณ จุดนี้ อยากเปลี่ยนธารน้ำร้อน เป็นธารน้ำเย็นมากกว่า 😏

นี่ขนาดใกล้มืดยังมีคนเข้ามาเรื่อยๆเลย เค้าไม่กลัวหลงหาทางออกไม่เจอบ้างหรอ

เออ ว่าแต่ เราจะหาทางออกไปสถานีรถไฟได้มั้ยให้ทาย

นั่งพักหายเหนื่อยแช่เท้าให้ผ่อนคลายแล้ว ก็เดินทางต่อ เดี๋ยวเราเดินตามๆเค้าออกไปแล้วกัน

สุดท้ายพอออกมาอีกทาง มันกลับเจอถนนที่รถเลี้ยวเข้ามาจอดกัน แล้วเดินต่ออีกหน่อยก็เป็นโรงแรมออนเซนใหญ่ๆตั้งอยู่

ที่ไหนได้ล่ะ เราเข้ามาผิดทางเอง ถ้าเข้าทางนี้เดินไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว แต่เราดันไปอ้อมใหญ่ไฟกระพริบไฟ ตรงจุดที่ชมหุบเขานรก และใช้เส้นทางสำรวจธรรมชาติ ซึ่งต่อให้มีเวลามากมาย ก็ไม่ได้อยากสำรวจเท่าไหร่ แล้ว ยิ่งเวลาน้อยๆนี่ ^^'

ฮึ่ยยย..เหนื่อยฟรี แต่ก็คิดซะว่าเป็นสีสันการเดินทาง . . . (คิดบวก+++++ แบบกัดฟันพูด)

พอเดินมาถึงจุดเดิม ร้านรวงเริ่มปิดบ้างแล้ว ร้านอาหารจุดนี้อาจจะไม่เยอะมาก เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาพักที่นี่จะที่เป็นโรงแรมออนเซน จะรวมอาหารเย็นไปด้วย

มีร้านเปิดให้ช็อปปิ้งนิดหน่อย แมวน้ำได้ของฝากจากเมืองนี้ เป็นเบียร์และเสื้อยืดลายเทพเจ้าแห่งนรก ซื้อจากในร้าน 7-Eleven นี่แหล่ะ ^^

แล้วพลันเหลือเห็นป้ายนี้ มีการแสดงที่เรียกว่า Oni Hanabi หรือ Demon's Firework เป็นเทศกาลพลุดอกไม้ไฟของNoboribetsu จัดเป็นประจำทุกปี ในเดือน มิ.ย. - ต้นเดือน ส.ค. ซึ่งคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย

แหม เสียดาย ถ้าเรารู้ก่อนหน้านี้ คงวางแผนนอนที่นี่แล้วไปดูงาน ใครมาเที่ยวที่นี่ในช่วงเวลาที่บอกไปนี้ อย่าลืมแวะมาดูกันนะจ้ะ

เดี๋ยวเรานั่งรถบัสที่จุดเดิม เพื่อกลับไปยังสถานี JR Noboribetsu

โบกรถไฟมารับแล้ว

โบกมือลา เมืองออนเซนน่ารักๆเมืองนี้

ถ้ามีโอกาสคงได้มาใหม่นะ ^^

เดี๋ยวเรานั่งรถไฟเข้าไป SAPPORO กัน ใช้เวลา ชั่วโมงกว่าๆ ถือว่าพักขา ที่เดินทางไกลมาเมื่อกี๊ ^^


- S A P P O R O -

พอมาถึงสถานี JR Sapporo สถานีใหญ่มากกกก จะเดินออกสถานียังไง งงอยู่ตั้งสติแพร๊บ

แต่ที่พักเราอยู่แถว Susukino โน่นแหน่ะ ดูจากแผนที่ เดินไปไม่ไหว ไกลมาก ต้องต่อรถไฟใต้ดินไป (อันนี้จ่ายเอง ใช้ JR Pass ไม่ได้)

พอเดินออกมาจากสถานี ก็พบกับฝูงชนมากมาย มีเสียงดนตรีดังไปทั่ว อ้ออออ...ช่วงนี้มีงาน Summer Festival ที่ Sapporo นี่เอง มาได้จังหวะพอดี๊เชียว แต่ตอนนี้ของพะรุงพะรังมาก เดี๋ยวไปเช็คอินที่ โรงแรมกันก่อน


จากสถานีเดินไปประมาณ สาม-สี่ บล็อก ถนน เดินตาม google mapไป น่าจะไม่พาหลงนะ

มาที้นี่ใช้ Pocket wifi คุ้มมาก แมวน้ำใช้ของ 4G Pocket Wifi ใช้บริการมาสองรอบไม่มีปัญหาเลย

แต่ทางที่ดีพก Power bank ชาร์จเต็มๆไว้ด้วยดีกว่า เผื่อไว้ชาร์จ pocket wifi กับโทรศัพท์ เวลาจำเป็นต้องใช้อินเตอร์เนท หาเส้นทางจะได้ไม่ลำบาก

มาถึงที่พักของเราคืนนี้แล้วชื่อว่า " The stay Sapporo "

ห้องพักแบบ Hostel ที่แบ่งเป็นห้องๆ ไม่ต้องนอนรวมกับคนอื่น แต่ห้องมันก็อาจจะเล็กๆหน่อย แต่ก็เป็นส่วนตัวดี

ตอนเช็คอินก็มีกฎระเบียบเยอะหน่อย ทางพนักงานที่ฟร้อนท์ จะให้เราอ่านก่อนแล้วค่อยเซ็นยินยอม เนื่องจากเป็นBudget hostel จึงไม่มีผ้าเช็ดตัวหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากมาย (แต่มีให้เช่า) แม้แต่ผ้าปูที่นอนยังต้องปูเองเลย 555

ด้วยเรทราคาห้องละสองพันนิดๆในซัปโปโร ก็จะต้องช่วยเหลือตัวเองประมาณนี้ แต่แมวน้ำไม่ซีเรียส เราอยู่ง่าย กินง่าย นอนดึก เช็คเอ้าท์เช้า สบายๆ

ลืมถ่ายภาพในห้องมา เพราะมันค่อนข้างแคบมากไม่รู้จะถ่ายยังไง

***ถ้าใครมาพักที่นี่ ต้องใช้ห้องน้ำรวม ฝากช่วยรักษาความสะอาดกันด้วยนะคะ เนื่องจากที่นี่ไม่มีแม่บ้านมาคอยเก็บกวาด บางทีเราสระผม หวีผม เศษผมมันกองอยู่ ยังไงก็ช่วยเก็บๆไปทิ้งกันหน่อยเด้อ จะได้ไม่เป็นภาระของผู้ใช้บริการห้องพักท่านอื่นๆ***

เดี๋ยวเราเก็บข้าวของในห้องแล้ว ออกไปเดินเล่นดูงาน หาอะไรกินกันดีกว่า

เดินย้อนกลับมาที่ย่าน "Susukino" ที่เราตั้งใจมาเยือน Susukino เป็นแหล่งรวมความบันเทิงใน Sapporo (คล้าย ย้านKabukicho ที่ ชินจูกุ) ซัปโปโรเป็นเมืองใหญ่ที่คึกคักแต่ไม่แออัดเท่าโตเกียว มีความเย็นๆ ชิลๆ สบายๆ แม้ในวันที่มีเทศกาล

งานเทศกาล Summer Festival ที่ซัปโปโร จะจัดช่วงweek แรก ของเดือนส.ค. ใครมาช่วงนี้ก็อาจจะได้ดูการแสดง การแห่แหนคาร์นิวัลกันบ้าง ถือเป็นสีสัน ซึ่งแอบรู้สึกนิดๆว่าคนญี่ปุ่น มีความสุขกับช่วงซัมเมอร์ของเค้ามาก

(ต่างจากบ้านเราซึ่งทุกฤดูคือซัมเมอร์ ซึ่งคือร้อนแบบไม่โอเค....😫)

เดาว่าการแสดงที่ปิดถนนแสดงกันนี่คือ การประกวดของเด็กมัธยม เห็นมีหลายทีม แล้วแต่ละทีมก็ต่อคิวจะแสดงโชว์ต่อหน้ากรรมการที่นั่งให้คะแนนอยู่บนเวที

ทุกคนจริงจังกันมาก สร้างบรรยากาศเฟสติวัลให้ดูครึกครื้นไปกว่าวันปกติ

ส่วนตามริมถนน ก็มีร้านขายเบียร์ ยากิโทริ อาหารกับแกล้มสไตล์ยุ่นตั้งเต้มมมม คนก็นั่งกันเต้มมมมม

ทุกโต๊ะเลย จริงๆแล้ววันนี้เค้ามีงานเลย ปิดถนนให้นั่งสังสรรค์กัน ซึ่งเป็นช่วงหน้าทางเข้าตรอกราเมนพอดี (ป้ายสีเหลืองๆนั่นแล คือ ทางเข้าตรอกราเม็ง)

แต่ตอนนี้ฮิ้ว หิว ขออะไรกินหน่อยเถอะ แอบเล็งเอาไว้แล้วว่าจะมากินราเมนเจ้าดังที่ Ramen Yokosho ย่าน Susukino เนี่ยแหล่ะ เดินเข้าไปในตรอกนี่เลย

Ramen Yokosho แห่งนี้ อายุอานาม เก่าแก่ กว่า 60 ปี (คล้ายตรอก Omoide ที่ Shinjuku เลย)

ทั้งตรอกนี่มีแต่ร้านราเมนทั้งตรอก เลือกดูรูปจากหน้าได้เลย ถูกสเปกร้านไหนก็เข้าไปเลย

แต่แมวน้ำขอเลือกร้านนี้ aji no karyu ramen ร้านเก่าแก่คู่ตรอกราเมนมายาวนาน

คนเด่นคนดัง มากินกันเยอะแยะมากมายซึ่งเค้าเหล่านั้นเป็นใคร เราไม่รู้ แต่ที่รู้ คือ พี่เบิร์ด เราเคยมา

ทั้งร้านมีแค่สองคนพ่อลูก (มั้ง) แต่เอาอยู่ ใช้บุคลากรคุ้มมาก พ่อทำราเมน ลูกรับออเดอร์ เสิร์ฟน้ำ กลับมาทำราเมนต่อ คิดตัง เก็บชาม สองแรงแข็งขันมาก

เดี๋ยวสั่งก่อนเลย คนยังน้อยจะได้ๆเร็วๆ

เร็วทันใจ เสิร์ฟมาแล้ววววว

ชามแรก อลังการงานสร้างมากกกก ราเมนขาปูว์...

เส้นเหนียวนุ่มอร่อย น้ำซุปเป็นแบบซีฟู้ดแบบน้ำข้น ใครชอบความเจ้มจ้น รสจัด น่าจะถูกใจกับชามนี้

ส่วนอีกชาม เป็นราเมนชาชู และเพื่อนหอย

เป็นน้ำซุปแบบซุปเกลือ เช็งๆใสๆ แมวน้ำชอบมากกกกก ถ่ายมามุมเดียวอีกฝั่งเป็นหอยโฮตาเตะ (หอยเชลล์) ตัวโตๆด้วย เริ่ดเรอเว่อวัง

นี่เป็นราเมนชามแรกที่เยอะมาก แต่ดันกินหมด ไม่รู้อร่อยจริง หรือ หิว

อร้อยยยย... อร่อยชิงๆ .....มาลองกันเถอะๆๆๆ

อิ่มแล้วเดินเล่นชมเมือง Sapporoสักนิด

อ้าว ที่นี่พัทยาหรอกหรอ...แม่ครัวแมวน้ำยินดีต้อนรับจ้าาา... เห็นร้านนี้แล้วคิดถึงบ้าน 555

เดินไปสวนOdori หน่อย ตอนนี้ดึกแล้ว เค้าก็เริ่มปิดไฟหมดแล้วแต่ยังมีวัยรุ่นนั่งเม้าท์มอยกันอยู่

วันพรุ่งนี้ จะมีการจัดงานพาเหรด Summer Festival งานเทศกาลฤดูร้อนของชาวSapporo กัน

เจ้าหน้าที่เตรียมนำเกี้ยว มาstand by รอแล้ว

แต่พรุ่งนี้เราวางแผนจะไปดู ดอกลาเวนเดอร์ที่ฟุราโนะ เลยไม่ได้อยู๋ชมดูเทศกาลงานบุญของที่นี่

ดึกๆยั่งงี้ ห้างปิดหมดแล้ว ห้างที่ญี่ปุ่นปิดเร็วเนาะ สามทุ่มก็ปิดแล้ว ไม่ชินๆ ปกติอยู่เดินเซ็นทรัลพัทยาบีช เซ็นทรัลมารีนา ปิดห้าทุ่ม เที่ยงคืน

แต่สำหรับผู้สาวขาเลาะ เอ้ย ขาช็อปรอบดึก ฝากตัวฝากใจไว้กับร้านโปรดของชาวไทย นั่นคือ Don Quijote หรือ ร้านดองกี้ของชาวเรานี่เอง มาร้านนี้ก็ต้องมีเสียทรัพย์กันบ้าง

ใครนึกของฝากไม่ออก ... บอกดองกี้ ^^

เสียหายไปเท่าไหร่แล้วล่ะ กับ คำว่า กาชาปอง

ดึกมากแล้ว เที่ยงคืนเข้าไปและ เดินกลับที่พักไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เพราะเราต้องไปหลายที่

กินนมนอน zzzZZZZZ....

เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศแจ่มใสมากกกกก แดดจ้าแยงตา ตั้งแต่ยังไม่หกโมง

ข้อดีของการเที่ยวหน้าร้อน คือ ฟ้าใสๆ นี่แหล่ะ แต่ก็แล้วแต่โชคชะตา มาหน้าร้อนแต่เจอฝนก็บ่อยไปเนาะ อีกอย่าง เสื้อผ้าไม่ต้องเยอะชิ้นมาก เหมือนมาตอนหน้าหนาว ช่วยประหยัดพื้นที่กระเป๋าไปได้เยอะ ^^

เช้านี้เราเก็บข้าวของเช็คเอ้าท์กัน สัมภาระเรามีแค่เป้คนละใบ เพราะกระเป๋าใหญ่ เราให้พี่แมวดำส่งไปให้ที่โรงแรมใน SENDAI แล้ว นอนรออยู่โรงแรมก่อนนะเจ้ากระเป๋า เดี๋ยวอีกสองวันเราไปหา

(ว่าแต่เค้าส่งไปให้เราถูกที่ใช่มะ 😅)

เช้านี้มีผู้เข้าพักลงมานั่งทานอาหารกันที่ล็อบบี้

ที่พักที่นี่ไม่มีอาหารเช้าให้ แต่ที่ล็อบบี้ที่นี้จะมีครัวไว้ให้ใช้ด้วย เผื่ออยากทำอาหารกินเอง ก็มีเครื่องครัวให้พร้อม แต่ก็ต้องมีความรับผิดชอบกันด้วย เพราะอยู่ร่วมกับคนอื่นนะจ้ะ หรือ หากไม่สะดวกทำเอง ร้านสะดวกซื้อก็มีอาหารพร้อมทาน น่ากินๆเยอะแยะ และง่ายกว่า

เช้านี้ขอกาแฟแก้วนึงก่อน เดี๋ยวข้าวเช้าเราซื้อที่ร้านสะกวกซื้อที่สถานีJR แล้วเอาไปกินบนรถไฟ

บรรยากาศของล็อบบี้ วัยรุ่นอยู่แบบนี้สนุกดี น่าจะได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ^^

- The Stay Sapporo -

ใครมาเที่ยวเอง มองหาที่พักราคาประหยัดในซัปโปโร ที่นี่โอเคเลยจ้า ห้องอาจจะเล็กไปหน่อย แต่นอนสบายอยู่นะ (อาจจะไม่เหมาะกับครอบครัวมีเด็กเล็ก หรือ สูงอายุเท่าไหร่)

Facebook ของ THE STAY SAPPORO : https://www.facebook.com/thestaysapporo/


วันนี้อากาศดีมากกกก... ฟ้าใสสุด

เป้าหมายของวันนี้มี 2 จุดหลัก ๆเลย คือ ไปดูแมวน้ำ ที่สวนสัตว์ Asahiyama ที่เมือง Asahikawa และไป Farm Tomita ที่Furano นั่งรถไฟยาวๆไปเลย

บอกแล้วJR Passเรา....คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม คุ้มทุกสิ่ง....

เดี๋ยวเราไปดูแมวน้ำกัน เย่ๆๆ



- A S A H I K A W A -

นั่งรถใต้ดินมาที่ สถานีซัปโปโร เพื่อที่จะเดินทางต่อ

แต่ด้วยสัมภาระที่แบกเป้มาคนละใบ เริ่มแตกลูกแตกหลาน เพื่อให้เดินทางสะดวกขึ้น เลยตัดสินใจว่าจะ ฝากกระเป๋าหนักไว้ที่สถานีนี้ แล้วเอาแต่ของจำเป็นไป เพราะวันนี้เราเดินเยอะแน่ๆ

เลยฝากกระเป๋าไว้ที่ตู้หยอดเหรียญก่อนทางขึ้นชานชาลา

..... และนี่คือ จุดเริ่มต้น ของความหายนะ !!!!! .....

คอยดูแล้วกัน ฮึๆๆๆ อีตู้ฝากกระเป๋าจุดนี้จะนำพาให้แมวน้ำ เกือบได้เป็นมนุษย์กล่อง ที่ SAPPORO ได้ยังไง

วันนี้เราเดินทางไกล เพื่อเป็นการทำเวลา เราเลยต้องกินข้าวเช้าบนรถไฟ แล้วนอนอืดยาวๆไป เพราะใช้เวลาจาก Sapporo ไป 85 นาที รถมีทุกครึ่งชั่วโมงเลย

พอมาถึงสถานี Asahikawa ก็ให้เดินตามลูกศรนี้ไปเล้ยยย. . .

ญี่ปุ่นนี่เค้าญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นเนาะ นี่ติดสติกเกอร์ลูกศรนี้ตั้งแต่ก้าวลงรถไฟที่ชานชาลา ยันหน้าประตูทางออกสถานีเรื่อยมาจนก้าวขึ้นรถเมล์

ในส่วนของตารางรถบัส ก็ตามนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์จ้า

เป็นอันรู้กันว่าของดีของเด็ดของเมืองนี่ จะเป็นอะไรไปเสียมิได้ นั่นก็คือ Asahiyama Zoo นี่เอง

หากไม่คุ้นชื่อ ก็ให้นึกถึงพาเหรดเพนกวิน ออกมาเดินดุ๊กดิ๊กๆ กลางหิมะในช่วงฤดูหนาวไงเธอ

แต่ประเด็นที่มานี่ คือ แมวน้ำ

ใช่ !!! ชั้นมาหาเพื่อนชั้นไง ... แมวน้ำเพื่อนร้ากกกกก

แมวน้ำที่นี่ถือว่าเป็นตัวละครเอกแห่งสวนสัตว์ Asahiyama เลยนะ ความน่ารักน่าชังของมันคือตอนที่มันพาร่างอ้วนๆตันๆ เหมือนตอปิโด ว่ายผ่านหลอดยักษ์ไปมาๆ มันเป็นยังไงต้องไปดู ^^

นั่งรถบัสมาถึงนี่ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีแหน่ะ หวานเย็นมากกกก....ไฟแดงถี่กว่าเสาไฟฟ้า แล้วรถที่นั่งเต็ม ยืนมาด้วย งือออ...

พอมาถึงก็ซื้อตั๋วจ่ายค่าบัตรไป ใครมีสัมภาระที่รุงรัง ฝากไว้ที่ตู้ฝากกระเป๋าด้านหน้าประตูได้เลย


ฉันเหมือน 14 อีกครั้ง 😆 ( อายุ 14 เค้าโตพอที่จะไม่เล่นแบบนี้กันแล้วววว)

โซนแรกแวะทักทายเจ้าฟลามิงโก้หน่อย

ที่นี่เป็นสวนสัตว์แห่งการละลายทรัพย์ ก็ดูของSouvenir สิ แมวน้ำเพียบเลย

ร้านขายของฝากที่นี่ ของคล้ายๆกันแต่ แต่ละจุดไม่ได้มีของเหมือนกัน บางทีเล็งอันนี้ไว้ แต่เดี๋ยวค่อยไปซื้อตรงทางออก ปรากฏไม่มีนะจ้ะ เดินย้อนกลับไปใหม่จ้ะ

เอาตังมาเท่าไหร่ เทตะแคงกระเป๋า เหมาแมวน้ำมาหมดshelf เลยจ้า

เดี๋ยวก่อนจะไปดูสัตว์อื่น เราไปดูพระเอก ของเราก่อน นั้นก็คือ เจ้าแมวน้ำน้อยนั่นเอง

วันนี้แดดดีมาก ร้อนมากกกกก... นี่ไม่มีภาษาญี่ปุ่น นึกว่าอยู่เขาดินวนานะเนี่ย

ดูสิฟ้าใสปิ๊ง มีก้อนเมฆก้อนนึงเป็นรูปแมวน้ำด้วย

ใครชอบแมวน้ำ มาที่นี่จะแบบสะใจมาก มีแมวน้ำทุกอณู

เข้าไปดูแมวน้ำในนี้กัน

วื้ดๆๆ

วันนี้วันเสาร์ ครอบครัวก็พาเด็กๆมาเที่ยวกัน เมื่อคุณพ่ออยากถ่ายรูปลูกสาวในหน้าแมวน้ำ

และรูปที่ได้ . . . เอ่อออ . . . น้องแมวน้ำ มองกล้องนี้ค่ะ คุณพ่อ !!!

เป็นแมวน้ำ ที่ ตั้ลล้าาาากกกกก... ^^

สายพันธุ์ต่างๆ ของแมวน้ำ ตัวล่างสุด เป็นสายพันธุ์จาก ตะวันออกเฉียงใต้ อาศัยอยู่อ่าวพัทยา ...

พอเข้ามาข้างในเราก็จะเเหมือนอยู่ใต้ aquarium แมวน้ำ แมวน้ำก็จะว่ายฉวัดเฉวียน ไปมา

อยากดูแมวน้ำระยะเผาขนก็มุดไปในช่องนี้

แต่จุดขายของแมวน้ำที่นี่ คือ แมวน้ำที่โผล่มาในหลอดแก้วนี้

นี่แกๆ แมวน้ำ หวัดดีจ้า ชั้นเองๆ เพื่อนแกสมัยประถมไง

ด้านนอกจากเราได้ลอดท้องแมวน้ำ สะเดาะเคราะห์กันในอควาเรี่ยมนี้แล้ว ยังมีบอร์ดให้ความรู้เรื่องแมวน้ำด้วย

นี่ขนแมวน้ำ นี่มือแมวน้ำ บลาๆ บลาาาา.... เดาว่าอย่างนั้นนะ อ่านไม่ออก แหะๆ

ฟินมากกกกก...พูดเลยยยย...

เดี๋ยวออกไปดูสัตว์อื่นบ้าง เดี๋ยวเค้าน้อยใจ หาว่าเลือกปฏิบัติ

แวะดูพี่หมีขาว

เราสามารถมุด ไปดูพี่หมีใกล้ได้แบบน้องเค้าทำ ...นั่นแน่ จ๊ะเอ๋!!!

นี่ไงเจ้าเพนกวินที่เค้ามาเดินพาเหรดกันช่วงหน้าหนาว ตอนนี้ร้อน ว่ายน้ำเล่นไปก่อนก่อน

ข้างในก็มีสัตว์อีกหลายประเภท แต่ไม่เยอะมาก ที่อยากเห็นเป็นพิเศษ คือ เจ้าตัวนี้

เจ้ากระเรียนขาวนี้เอง อยากไปดูฝูงกระเรียนขาวกลางหิมะที่ Kushiro แต่คงอีกนานกว่าจะได้ไป ดูตัวเป็นๆกลางแดดไปก่อน

นกฮูก

แพนด้าแดง น่ารัก จิ้มลิ้ม

เดินเล่นดูสัตว์ต่างๆไปแล้ว คราวนี้มาหาของกินกันบ้าง ไม่ต้องไปไหน กินมันที่นี่เนี่ยแหล่ะ

ความน่าักของอาหารที่นี่ คือ จะเอาคาแรคเตอร์ของสัตว์มาใส่ในpackaging ด้วย

โดยเฉพาะแมวน้ามมมมม มาล่อติ่งแมวน้ำอย่างเรา

ฮึๆๆๆ อย่ามาหลอกซะให้ยาก เราไม่หลงกลง่ายๆหรอก .... หราาาาาาาาา

เลยได้ชุดอาหารกลางวันแบบคุณหนู เป็นข้าวกล่องแมวน้ำ

รสชาติก็คุณหนู๊ คุณหนู มันคือข้าวหน้าไก่คาราเกะ ราดซอสคล้ายๆมายองเนส


ส่วนอีกอย่าง ยังไม่ได้ ตอนสั่งเค้าเลยให้อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์มาชิ้นหนึ่ง เนื่องจากช่วงกลางวันคนเยอะ เลยต้องรอคิวนาน เค้าเลยให้เจ้าเครื่องนี้มา พอถึงคิวแล้วมันจะส่งสัญญาณร้องเรียกให้มารับอาหารได้ จะได้ไม่ต้องยืนออกันหน้าเคาน์เตอร์ เจ๋งอ่ะ

ส่วนอีกชามก็คือ ราเมนแมวน้ำ นี่ซื้อเพราะแผ่นสาหร่าย สกรีนหน้าแมวน้ำเลยนะเนี่ย

. . .ชั้นแพ้ ทางคนอย่างเธออออ ....

่จะบอกรสชาติแสนธรรมดา ออกจะเค็มไปนิดๆด้วย แล้วสาหร่ายสกรีนหน้าแมวน้ำ ก็มีขายที่ร้านของฝาก

. . . เอาเถอะชามนี้ อุทิศให้คะแนนความคิ้วท์ ความตะมุตะมิ ความน่าเอ็นดูแล้วกัน

ขอล้างปาก ด้วยนมออแกนิค ขวดนี้

บอกเลย ใครมาฮอกไกโด แนะนำให้บริโภคนมแทนน้ำไปเลย มันดีมากค่ะคุณขา

นมที่มีความอร่อยเข้มข้นไม่หนักปาก กินเป็นนมก็อร่อย กินเป็น Soft cream ก็ละมุน นุ่มนวล

แล้วคุณจะลืมทุกนมในเมืองไทยที่เคยกินมา แล้วคุณจะโหยหาเมื่อกลับมาเมืองไทย

อุ๊ยได้ยินเสียงอะไร แว่วมา อ่อ เค้ามีโชว์แมวน้ำด้วย วันละ 2 รอบ

ถ้าตัวเตี้ยเขย่งแล้วมองไม่เห็นแนะนำให้ขึ้นมาชั้นสองของโรงอาหาร ไกลหน่อยแต่เห็นชัดดี

ดูโชว์เสร็จได้เวลาออกไปรอรสบัสกัน นี่เราเพลินมาก เพลินจนลืมดูเวลาเลย เพราะเดี๋ยวเราต้องกลับไปสถานี Asahikawa เพื่อนั่ง JR ต่อไปยัง Furano ซึ่งใช้เวลาพอสมควร รีบไปดีกว่า เดี๋ยวแผนเรารวนหมด บ๊ายบาย นะ แมวน้ำ เพื่อนรัก ^^

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อ Furano กับทุ่งลาเวนเดอร์

พร้อมกับเรื่องราวที่ทำให้หัวร้อนนั่งรถไฟจาก Furano กลับ Sapporo อย่างไม่เป็นสุข คืออะไร โปรดติดตาม ^^



- F U R A N O -


พอรถบัสมาส่งที่สถานี Asahikawa แล้ว เราก็รีบขึ้น JR ไป Furano ต่อ ใช้เวลาประมาณ 70 นาที

วิวสองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวๆ ตัดกับสีฟ้าสดใสของวันนี้ หลับเพลิน เอ้ย ดูวิวเพลิน ^^

ใครมาช่วงต้นเดือนสิงหา อาจจะทำใจเรื่องความร้อนของสภาพอากาศนิดนึง เพราะมันค่อนข้างร้อน 30กว่าองศา และบางทีร้อนกว่าเมืองไทยในช่วงเวลาเดียวกันอีก เพราะเดือนสิงหา เมืองไทยก็มีฝนแล้ว

นั่งดูวิวเพลินๆ ก็มาถึงที่ Furano แล้ว สถานีนี้มีลาเวนเดอร์เป็นจุดขาย

ไม่เว้นแม้แต่ฝาท่อระบายน้ำ

พอมาถึงสถานี . . . เอาไงต่อดี จะไป Farm Tomita ยังไงดี จริงๆมีให้เลือกอยู่ 2-3 ทาง

แท็กซี่ก็ได้ บัสก็น่าจะมีแต่ต้องรอหน่อย เอางี๊ ขอเลือกเป็นทางจักรยานแล้วกัน ชิลๆ

คุณป้าที่สถานีชี้บอกว่ามีร้านเช่าจักรยานอยู่ เดินตรงไปสัก 2 สี่แยก ร้านอยู่ทางซ้าย

เดินไปเจอร้านเช่าจักรยานแล้ว ส่งภาษามือ ชูสองนิ้ว บอกคุณลุงว่า น้องพลับขอ 2 จ้า ลุงก็เข็นจักรยานมาจอดให้ 2คัน ราคาค่าเช่าต้องขออภัยจำไม่ได้จริงๆ

ได้พาหนะแล้ว ก็ปั่นไป Furano ทันใด


ขี่ไปหลายโลเหมือนกันนะ แต่ที่นี่รถน้อย ไม่อันตราย

ขี่มาจนถึง Farm Tomita และ ต้องใช่ที่นี่แหล่ะ รถเยอะ คนเยอะพอสมควร

ฟาร์มโทมิตะ ไม่เสียค่าเข้าชม นะจ้ะ แต่ที่จะเสียทรัพย์ก็คือ บรรดาของกิน ของฝากที่นำมาจัดจำหน่ายกันนี่แหล่ะ

หูยยยย....ฉลาดดดดดดดดด.........

การมาฟาร์มโทมิตะ นอกจากลาเวนเดอร์แล้ว เมลอน ก็เป็นของดีประจำฟาร์มเช่นกัน

ฉะนั้น เราจึงต้องลิ้มลองรสชาติ เมลอน ที่นี่ดูว่าจะอู้หู ขนาดไหน

ซึ่งเจ้ากรรมนายเวร ที่ทำให้เราต้องเสียทรัพย์ ก็มาในรูปของ Soft Cream

(ทริปนี้แตกตังให้ซอฟท์ครีม กับกาชาปอง ไปหลายต่อหลายครั้งโดยไม่รู้ตั)


ยืนเลือกอยู่นาน ทำไมมันไม่เห็นมีแบบที่มันผ่าเมลอนครึ่งลูกแล้วหยอดซอฟท์ครีมตรงกลางล่ะ (มารู้ที่หลังว่าเค้าขายอยู่อีกร้านนึงฝั่งทุ่งลาเวนเดอร์)

ไม่เป็นไร เอาอันนี้ก็ได้ เป็นซอฟท์ครีมแบบทูโทน ฮอกไกโดมิลค์ + เมลอน พร้อมเนื้อเมลอน

ขอให้คะแนนความอร่อย ในส่วนของไอติมรสนม โน้มมมม นม อร่อยกว่าตรงฝั่งเมลอน

เมลอนก็หอมหวานอย่างที่เค้าร่ำลือ

ใครที่อยากกินแต่เมลอน ก็มีจ้ะ ตู้นี้เลย

ใครกินแล้วติดใจ อยากซื้อกลับไปฝากญาติ โซนของฝากอยู่ข้างๆนี่เลย

ถ้าเมลอนใหญ่ หนักไป แบกไม่ไหว เป็นภาระของการเดินทาง ก็ใช้บริการ พี่แมวดำไปส่งให้ได้

พนักงานพร้อมแพค

กินติมคลายร้อนไปแล้ว เราเดินไปฝั่งทุ่งดอกไม้บ้าง ด้านหน้ามีร้านค้าของชาวบ้านขายอยู่ ได้ลาเวนเดอร์แห้งมาช่อนึง เอาไว้เป็นพร็อพตอนถ่ายรูป

มาฝั่งนี้ก็ไม่วาย เจอร้านค้าดักรูดทรัพย์ตั้งแต่ปากทาง จะอะไรเสียอีก ก็ Soft Cream อีกน่ะแหล่ะ แต่คราวนี้มาในเรื่องของ ลาเวนเดอร์

ใช่ !! มันคือลาเวนเดอร์ซอฟท์ครีมสีม่วงพาสเทล หอมกลิ่นลาเวนเดอร์ เหมือนดมยากันยุงไบกอนแบบขด

และอีกขวดเป็น Sparkling drink กลิ่นลาเวนเดอร์

รสชาติเหมือนโซดาซ่าๆ มีกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆ พาให้สดชื่น

อากาศร้อนๆ แบบนี้ ดื่มน้ำนี้.....สดชื่นนนนนนนนนนน

อากาศร้อนแค่ไหน ... ขอให้ใบหน้าเยิ้มๆ มันๆ นี้เป็นประจักษ์พยาน

สดชื่นกันพอประมาณ

ไปเดินเล่นดูดอกไม้กันดีกว่า

ช่วงที่แมวน้ำมานี่ อาจจะเป็นช่วงปลายฤดูของดอกลาเวนเดอร์แล้วล่ะ (6ส.ค.)

เพราะช่วงพีคจริงๆคือ ประมาณกลาง-ปลายเดือน ก.ค. แต่เห็นพยากรณ์อากาศ ช่วงปลายเดือนก.ค.นี่เจอพายุฝนหนักหน่วงอยู่ ลาเวนเดอร์บางส่วนอาจจะร่วงโรยไปบ้าง แต่ก็ยังมีแปลงอื่นที่ยังฟูลบลูมเยอะพอให้ชื่นใจ ตอนแรกกลัวว่าจะมาไม่ทัน

ที่นี่เค้าจะปลูกดอกไม้สลับๆกันไป คือมายังไงต้องได้ถ่ายรูปบ้าง แปลงนี้เหี่ยว ก็ถ่ายอีกแปลงนึง

มาสักเย็นๆหน่อย 4 โมงกว่า แสงแดดเริ่มคล้อยสวย


ร้านอาหารท่ามกลางมวลดอกไม้

ฟาร์มโทมิตะค่อนข้างกว้าง พอสมควร ต้องใช้เวลาสักหน่อย จนกว่าจะเดินครบ ซึ่งมาแล้วก็เพลินนะ ถึงแม้จะอากาศร้อนไปนิด

แต่แบบ มันรู้สึกยูนิคอร์นวิ่งเล่นท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์อย่างที่เค้าเปรียบเปรย จริงๆ 555

เพลินมาก เพลินจนลืมดูเวลา เพลินจน ช่างเถอะ ที่นี่ไม่ได้มาง่ายๆบ่อยๆ

. . . (เพลินจนไม่รู้ว่าหายนะจะมาเยือน)

เจ้าลาเวนเดอร์ที่ใกล้แห้งโหยโรยรา นี่เค้าก็ไม่ได้ปล่อยให้มันร่วงไปตามกาล เปล่าๆปลี้ๆ

จะมีเจ้าหน้าที่ เป็นชาวไร่ เป็นชาวไร่ที่ไฮโซมาก 'ชาวไร่ลาเวนเดอร์' ใส่ยูนิฟอร์มสีม่วงสีเดียวกับดอกมาเก็บเกี่ยวกัน

เก็บเกี่ยวได้เต็มกระบะก็เอาไปใส่รถ

จากนั้นก็นำเข้าไปสู่กระบวนการแปรรูป ทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆในโรงงานน้ำหอมของที่นี่

เป็นอุตสาหกรรมย่อมๆเลยทีเดียว

ดีงาม... ผลิตยันต้นน้ำปลายน้ำ เรียกว่า กินเรียบ ปลูกไว้ก็มีคนมาดู พอจะร่วงก็เก็บมาแปรรูปแล้วก็ขายให้คนที่เข้ามาดูใหม่ เหยยยย....เฉียบ!!

วิวสวยมากเลย ยังไม่อยากกลับเลย ^^

เดี๋ยวขี่จักรยานกลับสถานีกันดีกว่า เย็นมากแล้ว

ปั่นจักรยาน เอาไปคืนที่ร้านแล้วเดินไปรอรถไฟที่สถานีกัน

คืนนี้เราต้องตีรถยาวไป Hakodate นู่นนนนนน แหล่ะ คร่าวๆ น่าจะถึงนั่นราวๆ 5 ทุ่มเที่ยงคืนแหน่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด

จองที่พักไว้แล้วด้วย พลาดรถไฟเที่ยวนี้เดี๋ยวผิดแผน

....ซึ่งก็ผิดแผนของจริง เพราะ ....


. . . เมื่อถึงคราวหายนะมาเยือน

พอมาถึงสถานี Furano ก็มาเช็คตารางเดินรถไฟกันอีกรอบ ด้วย App " Hyperdia "

App ' Hyperdia' ขอแนะนำเลย มีติดตัว ติดโทรศัพท์ ไว้มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะคนที่ใช้ JR PASS ในการเดินทางเที่ยวเองในญี่ปุ่น คุณจะได้คำนวณเวลาถูก แล้วแพลนที่วางไว้ก็จะสมูท ไม่มีอะไรติดขัด เพราะเวลารถไฟออกจากสถานีตรงเวลามาก

14.54 นาที ก็ออก 14.54 เป๊ะ ไม่ขาดไม่ทอน

*** เวลาในตารางเดินรถไฟ คือ เวลาที่รถเคลื่อนตัวออกจากสถานี ไม่ใช่ เวลาที่รถเข้าเทียบชานชาลา
จำผิด ชีวิตเปลี่ยนนะคะ เพราะบางทีรถไฟขบวนนั้น อาจจะเป็น ขบวนสุดท้ายของวันก็เป็นได้ !!!!

เหมือนอย่างเช่น เคสของแมวน้ำ ที่จะเล่าต่อไปนี้

แผนการเดินทางคร่าวๆ ณ ตอนนี้ คือ

ขณะนี้เราอยู่ที่ Furano เป็นเวลา 5 โมงเย็นกว่าๆ

เราต้องกลับไปสถานี SAPPORO เพื่อที่จะขึ้นรถไฟรอบสุดท้ายไป HAKODATE ตอนสองทุ่ม 20.00 น.

และจะไปถึงที่ Hakodate 23.31 น.


เมื่อมาเช็คตารางรถกับแอพ Hyperdia แล้ว รถไฟจากสถานี Furano ไป Sapporo

ได้ความว่า . . .


รถที่ออกจาก Furano คือ 17.57 น. ถึง SAPPORO 19.55 น.

นั่นก็หมายความว่า เรามีเวลาเพียง 5 นาที ในการเปลี่ยนขบวนรถเพื่อที่จะไปต่อรถไป HAKODATE รอบสุดท้าย ตอนสองทุ่ม ซึ่งเป็นขบวนสุดท้ายของวันนี้ ไม่ทันรอบนี้ แย่แน่

หัวเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ซวยแล้วววววว

ไงล่ะเมิง...ยูนิคอร์นวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ สวยๆ . . . ตอนนี้กลายเป็นยูนิคอร์นวิ่งในทะเลเพลิง T T

พอรถไฟมาก็รีบขึ้นเลยขบวนนี้ ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวเราต้องไปเปลี่ยนขบวนที่ TAKIKAWA ด้วย

ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ทันเถอะๆๆ 5 นาทีนี่วิ่งไม่คิดชีวิตอยู่แล้ว เพี้ยงงงง!!!!


พอมาถึง TAKIKAWA เปลี่ยนขบวนรถจาก สาย local เป็น แบบ รถด่วน Limited Express

ตอนที่นายตรวจตั๋วเดินทาตรวจตั๋วผู้โดยสาร ซึ่งคุณลุงท่านนี้ก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง

เลยบอกเรื่องราวให้ลุงฟัง

ลุงบอกว่า... ใจเย็นๆหนู ไม่เป็นไร ๆ 5 นาที ทันแน่นอน เพราะรถไฟขบวนนั้นอยู่ชานชาลาติดกัน ลงปุ๊บกระโดดขึ้นได้เลย

อ่อ...ค่ะ ลุง ค่อยยังชั่วเนาะ เฮ้อออ โล่งอก

แต่เอ๊ะ!!!! ...เดี๋ยวๆๆๆ

เดี๋ยวก่อนนะ แล้วกระเป๋าเราล่ะ เราฝากกระเป๋า ไว้ที่สถานี SAPPORO แล้วจะลงไปเอาทันมั้ย

งานเข้าล้าวววว...

หัวที่ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งร้อนขึ้นจนจะปะทุเป็นลาวา

คุณลุงเลยช่วยเหลือ โดยโทรศัพท์ไปที่สถานี Sapporo ให้เราคุยกับทางสถานีว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น สามารถแก้ไขอะไรได้บ้าง

ปลายสายรับเรื่องไว้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วยว่า เราวิ่งไปเอากระเป๋าทันมั้ย

ก็เลยปรึกษากันว่าเอางี้ พอถึงสถานีนะ เดี๋ยวแมวน้ำรอที่ชานชาลา ข้างขบวนรถที่จะไป Hakodate บอกนายสถานีไว้ก่อน ว่าช่วยรออีกแป๊บนึง แล้วแฟนลงไปเอากระเป๋าที่ตู้ที่ฝากไว้ นัดแนะกันเรียบร้อย เป็นการนั่งรถไฟที่ทรมานใจที่สุด

พอถึงสถานี SAPPORO ก็แยกย้ายกันไปตามที่ตกลงกันไว้ แมวน้ำไปแจ้งนายสถานีตรงชานชาลา แฟนลงไปเอากระเป๋า

นาย สถานีก็งงๆว่ามันเป็นอะไรของมันฟร่ะ มันต้องการอะไร แต่ดูสีหน้าและน้ำเสียง คงรู้ว่ามันเดือดร้อนอยู่แน่ๆ

ณ ตอนนี้ ไม่มีเพลงไหนสามารถอธิบายเหตุการณ์นี้ได้เท่ากับ เพลงคุกเข่าของ Cocktail

" ... ฉันกำลังขอร้อง อ้อนวอนเธออย่าไป ทิ้งตัวลง คุกเข่า กอดขาเธอ (นายสถานี)เอาไว้ ประนม 2 มือขึ้นกราบกรานเธอ (รถไฟ) โปรดอย่าไป มันคงไม่มีประโยชน์ ถ้ารถไฟจะออกไป... "

ใช่ !!! รถไฟกำลังเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ช้าๆๆๆ ผ่านหน้าเราไปจนสุดขบวน Close up กลับมาที่หน้าแมวน้ำ น้ำตาไหลพราก ปากพูดได้แค่ว่า "..ไม่ทันแล้ว รถไฟไปแล้ว...ฮือๆ ไม่ทันแล้ว" ตัดสลับกับรถไฟที่เคลื่อนตัวออกไป

สภาพเหมือนถูกบอกเลิก แฟนเทไปกับผู้หญิงอื่นแล้วไม่หันหลังกลับมาใยดี นี่มันภาพใน Music Video ชัดๆ

แล้วเสียงคุณแม่ผ่องศรีก็ดังขึ้นมา ....." เสียงงงงงง.....รถด่วนขบวนสุดท้าย แว่วดัง ฟังแล้วใจหาย หัวใจ น้องนี้แทบขาด......"

ส่วนนายสถานีพอเสร็จงานก็เดินหายไปอย่างไร้ร่องรอย ป่านนี้เค้าจะรู้รึยังน้อ ว่าที่เราไปง้องแง้ง งุ้งงิ้ง งอแง ก็เพื่อจะที่จะบอกว่าให้รถไฟช่วยรออีกหน่อย เพราะพูดกับเค้าภาษาอังกฤษ แต่พี่เค้าน่าจะไม่ค่อยเข้าใจ ก็ไม่น่าจะเข้าใจหรอก สภาพตอนนั้นเหมือนผีบ้า งอแง เหมือนหลงกับแม่ในงานวันเด็ก

จริงๆแล้ว คือในใจเราก็รู้แหล่ะ รถไฟเค้ารอไม่ได้ เวลาไหนเวลานั้น ถึงเวลารถออกก็ต้องออกตามเวลาเป๊ะๆ ความแม่นยำ เที่ยงตรง ตรงเวลาของพี่ยุ่นเค้าคืออันดับ 1

ที่ยืนเว้าวอนก็เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี ซึ่งก็รู้สึกได้ว่าเค้ารอเราประมาณ 2-3 นาทีได้ แต่มากกว่านี้คงไม่ได้ เลยออกไปตามเวลา

เหตุการณ์นี้ต้องโทษตัวเราเอง เพราะเหตุเกิดจากการที่เราไม่คำนวณเวลาให้ดี มันเป็นความสะเพร่า ประมาท เลินเล่อของเราเอง ^^

จากนั้นไม่นาน แฟนก็แบกกระเป๋า กระหืดกระหอบมากองตรงหน้า แมวน้ำเงยหน้ามอง หน้าเบะและปล่อยโฮดังๆ ออกมากลางชานชาลา SAPPORO ฮืออออ... รถไฟไปแล้ว ๆ ไม่ทันแล้ว ฮือออ

แฟนถึงกับเข่าทรุด ต้องพากันนั่งตั้งสติกันอยู่ครู่หนึ่ง

หลังจากนั้น เคว้งมาก ล่องลอย เหมือนหมาจรไม่มีเจ้าของ ไม่รู้จะทำไง เอายังไงต่อไป

สิ่งแรกที่ทำ คือ เมลไปบอกทาง Hakodateyama Guest House ที่เราจองไว้ว่า ขออนุญาตแคนเซิลนะคะ ไม่ต้องรอ เพราะตอนนี้ตกรถไฟรอบสุดท้ายอยู่ Sapporo


*** ประสบการณ์ครั้งนี้ สอนให้เรารู้ว่า แม้เราจะควบคุมเวลาตามตารางการเดินทางได้เป๊ะแค่ไหน

แต่บางครั้ง จังหวะเวลาเปลี่ยนรถจะมีแค่ไม่กี่นาที หากฝากกระเป๋าไว้ในตู้ล็อคเกอร์ อาจทำให้ตกรถได้เลย ***


หลังจากนั้นก็เสิร์ชหาที่พักในSapporo เอาแบบซุกหัวนอนพอ หรือพอจะมีที่ให้ได้อาบน้ำอาบท่าบ้าง ตัวเหม็นเปรี้ยวมาก ตะลอนๆมาทั้งวัน

ซึ่งหารู้ไม่ว่า วันนี้ที่ SAPPORO มีเทศกาล SUMMER FESTIVAL เหมือนที่บอกไว้ข้างต้น

จึงทำให้ โรงแรมทุกแห่งหนในซัปโปโร เต็มหมด !!!!!

เหอออออ....เอาไงดีทีนี้ งานเข้าแล้ว งานเข้าอีก


ตกลงกันว่า เอางี้ เดี๋ยวเรากลับไปตั้งหลักที่ The Stay Sapporo ที่เราพักเมื่อคืนก่อนดีกว่า

.... เผื่อว่ายังมีห้องพักเหลืออยู่บ้าง

....เผื่อว่าเค้ายังจำเราได้ว่าเรามาพักเมื่อคืนนี้

...หรืออย่างน้อย เผื่อเค้าให้เรานั่งหลับที่ล็อบบี้ก็ยังดี

ระหว่างทางก็ walk in เข้าไปถามโรงแรมหลายเจ้า ซึ่งก็เต็มทุกที่

เสียงเพลงอื้ออึงใดๆ ตอนนี้หูดับไปหมดแล้ว สายตาเริ่มสอดส่ายมองหากล่องทีวีใหญ่ๆ มนุษย์กล่องที่เค้าว่ากัน ไม่คิดว่าจะมาเป็นซะเอง T T

พอมาถึงที่ The STAY ผู้คนพลุกพล่านมาก อย่างว่า วันนี้คนเยอะเพราะมีงานใหญ่ ซึ่งงานนี้ไม่เฉพาะคนซัปโปโรมาเที่ยวเท่านั้น คนต่างเมืองก็มาร่วมแจมด้วย เหมือนอย่างเรา คนกทม.ไปเที่ยวสงกรานต์ คูเมืองเชียงใหม่ประมาณงั้นแหล่ะ

พอมาถึง พนักงานที่ฟร้อนท์ต้อนรับให้เรากรอกข้อมูลเหมือนเข้าพักเมื่อวาน ใจเริ่มชื้น เห้ยยย.. เรามีที่นอนแล้วคืนนี้

กรอกไปถึงกลางทาง เอาPassport ไปถ่ายสำเนาแล้ว

พนักงานอีกคนถาม จองมาก่อนรึเปล่าคะ เราบอกว่าเปล่าค่ะ .... อ่อ ถ้าไม่ได้จองมา ต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่นี่เต็มแล้ว

หัวร้อน !!! หัวร้อนอีกแล้ว !!!!


กลับมานั่งเก้าอี้ล็อบบี้ แบบสิ้นหวัง แล้วลุกไปถามอีกทีว่า พอมีที่อื่นแนะนำมั้ย

พนักงานที่นี่น่ารักมาก เค้าบอกว่าเดี๋ยวเค้าเช็คกับเพื่อนๆให้

แล้วสักพักก็เดินมาบอกว่า มีว่างห้องนึง ราคาราว 4พันบาท/คืน ซึ่งในระหว่างที่คิดอยู่ไม่ถึงสามนาที เพื่อนเค้าโทรมาบอกไม่ทันแล้ว มีคนเอาไปแล้ว


หัวร้อน !!! หัวร้อนอีกแล้ว !!!!


หลังจากนั้น เค้าก็เช็คให้ไม่ต่ำกว่า 30 แห่ง ทั่วทั้ง Sapporo ซึ่งเต็มหมด . . .

เหนือสิ่งอื่นใด ประทับใจพนักงานที่ The Stay Sapporo มาก เค้าตั้งใจช่วยเหลือเราจริงๆ ทั้งที่วันนี้เค้าก็แขกเยอะ เอาใจเราไปเลย

นั่งซึม ไร้วิญญาณอยู่สักพัก กำลังจะเดินออกไปหากล่อง หาลัง แถวเซเว่นและ น้องที่ฟร้อนท์ของ The Stay Sapporo คนเดียวกับที่เช็คอินให้เราเมื่อวาน เดินมาหา แมวน้ำนั่งอยู่โซฟา น้องเค้าก็เดินมาแล้วนั่งยองๆกับพื้นคุยด้วย น่ารักมากเลยมีมารยาทกับที่เดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ ถามเป็นภาษาอังกฤษกับแมวน้ำว่า


พนักงาน The Stay: หาที่พักได้รึยังคะ

แมวน้ำ: ยังเลยค่ะ เต็มหมดทุกที่เลย

พนักงาน The Stay: ทราบดีค่ะ เพราะขนาดทางเราถามให้ตั้งหลายที่ ยังไม่มีที่ไหนว่างเลย

แมวน้ำ: ถ้าสมมติว่าจะขอนั่งอยู่ที่ล็อบบี้นี้คืนนี้ แล้วตอนเช้าจะรีบขึ้นรถไฟ จะได้มั้ยคะ คิดเงินเท่าเรทห้องปกติค่ะ ไม่รู้จะไปที่ไหนจริงๆ

พนักงาน The Stay: คงไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็น policy ของที่นี่

แมวน้ำ: ค่ะ (เสียงเศร้า หน้าเจื่อน)

พนักงาน The Stay: เนื่องจากที่อื่นเต็มหมดแล้ว แต่ว่าเดี๋ยวชั้นจะพาคุณไปพักที่นึง

แมวน้ำ: ที่ไหนคะ (หูผึ่ง)

พนักงาน The Stay: บ้านชั้นเองค่ะ

แมวน้ำ: หาาาา...ไปนอนที่บ้านคุณเลยหรอ เกรงใจอ่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่อยากรบกวน เท่านี้ก็รบกวนมากแล้ว เดี๋ยวขอหาวิธีอื่นดีกว่า

พนักงาน The Stay: ไม่เป็นไรค่าาาา... สบายๆ เดี๋ยวนั่งรอแป๊บนึง รอชั้นเลิกงานแล้วไปด้วยกัน


ฝันไปรึเปล่าเนี่ย หัวใจพองโต โมเม้นท์ ยูนิคอร์นวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์กลับมาแล้ว

ทำไมเธอช่างเป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมเธอถึงไว้ใจ มนุษย์แมวน้ำที่เธอเพิ่งเจอครั้งแรกเมื่อวาน

เธอคือคนดี ศรีซัปโปโร !!!! มงลงๆ มงลงให้นางเดี๋ยวนี้


หลังจากนั้น น้องคนนี้ (ขอใช้นามสมมติว่า ริจัง) ก็เดินพาแมวน้ำ ลงรถไฟใต้ดินเพื่อไปบ้านเธอที่อยู่ชานเมืองซัปโปโร ระหว่างนั้นเราก็คุยกันสัพเพเหระ แลก Facebook กัน Add Friend กัน . . .

ในความโชคร้าย ก็มีความโชคดี ให้ชุ่มชื่นหัวใจ ... อยู่ดีๆ ก็ได้ที่นอนคืนนี้ อยู่ดีๆก็มีเพื่อนใหม่เป็นคนญี่ปุ่น


ริจังบอกว่าดีนะ ที่เมื่อวานตอนเช็คอิน ริจังจำเราได้ แล้วยิ่งกว่านั้น จริงๆวันนี้ริจังเลิกงานไปแล้ว แต่ว่าอยู่ต่อเพราะว่าลูกค้าเยอะ เลยได้เจอเรา ^^

พอมาถึงแถวบ้านริจัง ริจังบอกว่าหิวมั้ย แวะซุปเปอร์ก่อนเผื่อจะหาอะไรกิน ก็ได้นมมารองท้อง กับ ครัวซองต์ง่อยๆ 1 ห่อ ประทังชีวิตไป ริจังก็ซื้อของของเค้า เราจะจ่ายตังให้นางก็ไม่ยอม เค้าอยากตอบแทนบ้างง่ะ เค้าเกรงใจ

จากนั้นก็ไปที่บ้านของริจัง เป็นอพาร์ทเม้นท์ชานเมือง ริจังถามว่าพรุ่งนี้โปรแกรมเป็นยังไง

แมวน้ำก็บอกว่า จะต้องขึ้นรถไฟจากซัปโปโรไป ฮาโกดาเตะ แล้วก็ไปต่อที่ Aomori รถไฟขบวนแรก ออก 6 โมงเช้า

ริจังบอก ได้ เดี๋ยวเค้าโทรบอกแท็กซี่ให้มารับที่นี่ ตอนตีห้าครึ่ง

ดูสิ นางรอบคอบไปอีก ^^

พอมาถึงห้อง ริจัง หอบผ้าปูที่นอนมาปูให้ บอกว่าตามสบายเลยนะ ห้องน้ำอยู่ทางนี้ เปิดก๊อกแบบนี้

ร้อนมั้ย คนซัปโปโร เค้าไม่เปิดแอร์นอนกัน พร้อมยกพัดลมมาเป่าให้ ดูแลดีกว่านอนโรงแรมอีกนะเนี่ย เกรงใจอ่ะ

จัดการให้เสร็จแล้ว ริจังก็ไปนอน

บอกเลยว่า คืนนั้นนอนไม่หลับเลย กำลังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอีกอย่างคือ กลัวไม่ทันรถไฟอีก

เข็ดแล้วคราวนี้ จะดูรอบรถไฟให้รอบคอบ และถ้ามีเวลาเปลี่ยนรถน้อย ต้องไม่ฝากกระเป๋าในตู้ล็อคเกอร์อีก ประวัติศาสตร์จะต้องไม่ซ้ำรอย!!!

ตอนเช้าประมาณ ตีห้ากว่าๆ แมวน้ำเริ่มเก็บข้าวของ อาบน้ำ เพราะกลัวไม่ทันรถไฟอีก แต่ริจังบอกว่าทันก็ทัน เกรงใจนางมาก เรามารบกวนนางโดยแท้ แม้เวลาที่เราจะไป ยังต้องรบกวนให้ริจังสลึมสลือลงมาส่งอีก

แล้วถึงเวลา รถแท็กซี่ก็มารอรับที่หน้าตึก ได้กอดกันก่อนจากลา มิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะไม่มีวันลืมเลือน

แมวน้ำมอบของแทนใจที่พอจะมีติดกับตัวอยู่ตอนนี้ให้เป็นที่ระลึก เพราะริจังไม่ยอมรับเงิน แล้วก็ได้แต่พร่ำบอกริจังซ้ำไปซ้ำมาว่า

"มาเมืองไทยเมื่อไหร่ จะตอบแทนบุญคุณให้ถึงที่สุดเลย"

. . . . ทุกวันนี้ยังรอการมาเยือนของนางอยู่ ^^ บ๊ายบายริจัง

เรื่องราวชุลมุนกับการเดินทางใน Hokkaido ก็จบลงอย่างสวยงาม HAPPY ENDING

ต้องขอบคุณ ริจัง อย่างสูง เลย ที่ใจดี มีน้ำใจ และช่วยเหลือเราอย่างดีที่สุด ถ้าวันนั้นเราไม่ได้เจอ ริจัง แมวน้ำคงได้เป็นมนุษย์กล่อง นอนในลังกระดาษอยู่หน้าสถานีรถไฟ Sapporo ไปแล้ว เฮ้ออออ ... รอดไปอย่างหวุดหวิด ^^'

สำหรับการเดินทางในครั้งต่อไป เราจะลงจากภูมิภาค Hokkaido เข้าสู่ ภูมิภาค Tohoku พร้อมกับที่หมายหลักๆ 3 ที่ ได้แก่

- เมือง Odate แห่งจังหวัด Akita บ้านเกิดของเจ้าสุนัขผู้แสนซื่อสัตย์อย่างเจ้า Hachiko

- เมือง Inakadate ใน Hirosaki ดูก็อตซิลล่าพ่นไฟ บนทุ่งข้าว

- เมือง Aomori ร่วมเทศกาล Nebuta Matsuri เทศกาลแห่หุ่นไฟที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ ไฟกระพริบ ซึ่งถือเป็นงานสำคัญงานใหญ่ประจำปีระดับประเทศเลยทีเดียว

แล้วเราไปเดินทางกันต่อในครั้งหน้านะคะ ^^


ติดตาม ไปเที่ยว-ไปกิน-ไปทำกับข้าว กับแม่ครัวแมวน้ำ 'Seally-go-round' ได้ตามลิ้งนี้จ้า

https://m.facebook.com/seallygoround/?fref=ts


ความคิดเห็น