Summer in Japan #3

ตอนที่ 3.1 : เยี่ยมบ้านHachiko ที่ เมือง Odate ,จังหวัด Akita

เรื่องราวความรักซื่อสัตย์ ความจงรักภักดี ที่สุนัขตัวนึงมีให้กับเจ้านายของมัน คงไม่มีเรื่องราวไหนโด่งดังและซาบซึ้งประทับใจเท่าเรื่องของเจ้า Hachiko อีกแล้ว หลายคนคงเคยทราบเรื่องราวของ ฮาจิโกะกันมาบ้างแล้ว แต่ถ้ายังไม่รู้จัก เรามาทำความรู้จักกันก่อน ^^

เรื่องราวย่อๆ ของ เจ้า Hachiko ...

.....ศาสตราจารย์อูเอโนะ ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ที่ม.โตเกียว ไปซื้อสุนัขพันธุ์ Akita มาเลี้ยง จาก เมืองAkita ตั้งชื่อว่าเจ้า ฮาจิ หรือ ฮาจิโกะ ซึ่งซื้อมาในราคา ¥30 ซึ่งถือว่า แพงมาก เมื่อเทียบกับเงินเดือนข้าราชการสมัยนั้นโดยเฉลี่ยประมาณ ¥20 เอง

อ.อูเอโนะเอาเจ้าฮาจิโกะมาเลี้ยงที่บ้านที่โตเกียว โดยทุกเช้าเจ้าฮาจิโกะจะเดินไปรับส่งอาจารย์ที่สถานีชิบูย่าไปทำงานทุกเช้า จนวันนึงอาจารย์เกิดล้มป่วย เส้นเลือดในสมองแตกจนเสียชีวิตที่มหาวิทยาลัย ซึ่งเจ้าฮาจิโกะไม่รู้ว่านายได้จากไปแล้ว

แต่ด้วยความจงรักภักดี ฮาจิก็มารอนายของมันที่เดิมทุกวันๆ ทั้งที่ในระหว่างนั้น มีคนเอาไปช่วยเลี้ยงต่อ
แต่ฮาจิก็ยังคงมารอนายที่เดิมทุกวันๆ ยาวนานเป็นเวลา 9 ปี และหมดลมหายใจตรงที่มันเฝ้ารอเจ้านายกลับมานั่นเอง

คนในละแวกชิบูย่าตอนนั้นสังเกตว่าเจ้าฮาจิมารอแบบนี้ทุกวันๆ ก็เลยเป็นข่าวใหญ่โต ลงข่าวนสพ. จนเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ
เรื่องราวอันน่าประทับใจปนเศร้าของฮาจิโกะกับเจ้านาย อยู่ในใจคนญี่ปุ่นและคนทั่วโลก จนมีการหยิบเรื่องราวนี้ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Hachi

เล่าย้อนกลับไปรีวิวก่อนหน้านี้ที่พูดถึงเจ้าฮาจิโกะ คลิกกลับไปอ่านกันได้ที่ลิ้งนี้

> > > [CR][TOKYO] เพราะรักหมา...ฉันจึงมาตามหา 'ฮาจิโกะ'

ครั้งที่แล้ว แมวน้ำได้พาไปตามหาเจ้าฮาจิโกะในจุดต่างๆ ในโตเกียวทั้งหมด 3 ที่ ด้วยกันคือ

1. สถานีรถไฟชิบูย่า

ที่ๆ ฮาจิโกะ มาส่ง-รอ นายกลับจากทำงานทุกวัน รอแม้ว่านายจะไม่มีวันกลับมา และรอจนวันสุดท้ายที่มันสิ้นใจ


2. ภาควิชาเกษตร มหาวิทยาลัย Todai

ที่ๆเจ้าฮาจิโกะกับอาจารย์อูเอโนะเจ้านายของมันได้กลับมาพบกัน หลังจากที่ทั้งคู่จากกันมากว่า 90 ปี (แม้จะแค่ในเชิงสัญลักษณ์ก็ตาม)

3. ร่างสตาฟของเจ้าฮาจิ ที่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

(National museum of Nature and Science) ณ สวนอูเอโนะ

และในกระทู้นั้นแมวน้ำได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ถ้ามีโอกาสแมวน้ำคงได้ไปตามหา ฮาจิโกะกันถึงบ้านเกิดที่จังหวัด อคิตะ ให้จงได้

ซึ่งทริป Summer in Japan ครั้งนี้ แมวน้ำทำสำเร็จแล้ว ว่าแต่บ้านเกิดของ ฮาจิโกะอยู่ที่ไหนกัน มีอะไรน่าสนใจที่เมืองนี้ เดี๋ยวเราเดินทางออกตามหาเจ้า Hachiko อีกครั้งกัน ^^


จุดหมายปลายทางของเราวันนี้ คือ ที่เมือง Odate จังหวัด Akita อยู่ในภูมิภาค Tohoku

Odate เป็นเมืองรอยต่อระหว่าง จังหวัด Aomori กับ Akita วิธีการเดินทางแมวน้ำขึ้นรถไฟจากสถานี Aomori มายาวๆรวดเดียวเลยไม่ต้องต่อรถ ใช้เวลาไม่นานมาก ถ้านั่งแบบบรถไฟ Limited Express ก็แค่ 76 นาทีเท่านั้น

พอมาถึงสถานี Odate ติ่งหมาอย่างแมวน้ำก็กรีดร้องเห่าหอนออกมาด้วยความตื่นเต้น


หากที่ Wakayama มีสถานีรถไฟ Kishi ที่มีจุดขาย คือ เจ้าแมวเหมียว ทามะจัง สถานีที่เป็น wishlist -ของทาสแมว

. . . แต่ที่ Odate ก็มีจุดขายเป็น เจ้าฮาจิโกะ สถานีของเจ้าหมาอาคิตะผู้น่ารักนี่เอง โอ่ยยย...

ที่ตรงชานชาลา มีศาลเจ้าฮาจิโกะ ด้วยนะ ^^

หยอดเงินทำบุญในกล่องข้างหน้ารูปปั้น แล้วจะมีเสียง ฮะจิโกะเห่าขอบคุณด้วย น่าร้ากกกกก...

สถานีนี้เป็นสถานีเล็กๆ พอเข้าจากชานชาลา ก็จะเจอที่นั่งรอรถไฟเลย แล้วก็จะมีร้านขายของที่ระลึกน่ารักเป็นตุ๊กตาหมาพันธุ์อคิตะ

โอ่ยๆๆๆ นี่มันสถานีละลายทรัพย์ชัดๆ

ปิดกระเป๋าตังให้แน่นๆก่อน อย่าเพิ่งช็อปปิ้ง ใจเย็นๆ

การเดินทางมาที่ Odate ครั้งนี้ ไม่ใช่มาหย่อนลงสถานีแล้วก็จากไป มาแล้วต้องไปให้สุด

จุดประสงค์ของการมาที่นี่ คือ การมาพิพิธภัณฑ์ อาจจะฟังดูเนิร์ดๆนะ แต่ พิพิธภัณฑ์ที่ว่าเป็น ' พิพิธภัณฑ์สุนัขพันธุ์อคิตะ ' นี่เอง

. . . นี่ถ้าไม่รักหมา ไม่บ้าเดินทางมาไกลขนาดนี้นะเนี่ย ^^

แล้วเอาไง ไปไงล่ะทีนี้ เคยอ่านมาเจอว่ามันมี shuttle bus หรือ อะไรสักอย่างนี่แหล่ะ ก็เลยสอบถามข้อมูลกับคุณพี่ที่สถานี Odate แต่ด้วยความที่สื่อสารกันอาจจะลำบากนิดนึง เลยโชว์รูป Akita dog museum ให้ดู คุณพี่เลย อ่อออ... แล้วก็ยื่นกระดาษ A4 ให้ใบนึง เป็นแผนที่ ที่ไปมิวเซียมนี่เอง

แล้วคุณพี่ก็ถามว่าขี่จักรยานได้มั้ย . . . ได้ค่ะๆ รีบตอบ แล้วจะต้องเช่าจักรยานที่ไหนขี่ไปคะ

คุณพี่บอกว่า ที่สถานีเรามีจักรยานให้ยืมฟรีค่ะ . . . FREE !!!!!

แต่ชะโงกดูแดดและอากาศร้อนเหยียบ 40 องศา ในใจคิด ขี่จักรยานอีกแล้วหรอ มาถึงญี่ปุ่นวันนี้วันที่ 4ขี่จักรยานรอบที่ 3 แล้วนะเนี่ย ถ้าอากาศมันเย็นๆก็คงจะชิลดีอ่ะนะ) แต่ก็ โอเคค่ะ ขี่จักรยานไปก็ได้ค่ะ

หลังจากนั้น คุณอาผู้ชายอีกท่านก็ไปเปิดโรงรถจักรยาน มาให้ 2 คัน

ดูสิจักรยานยังมีรูปหมาด้วย คิ้วท์ป่ะล่ะ

ตรงหน้าสถานี มีรูปปั้นเจ้าฮาจิโกะอยู่ด้วยนะ น่ารักป่าววว... นั่งเฝ้าสถานีโอดาเตะอยู่ทั้งวันทั้งคืน เหมือนเจ้าฮาจิโกะรอเจ้านาย

แม้แต่รถบัสที่วิ่งในเมืองก็สกรีนลายหมาอคิตะด้วย love love

' ทำไมเจ้าหมา ฮาจิโกะ หรือ หมาพันธุ์ อคิตะ จึงมีความสำคัญกับเมืองนี้ ขนาดนี้นะ??? '

นั่นน่ะสิเนาะ ไปไหนมาไหนก็มีแต่รูปหมาอคิตะทั้งเมือง ไม่เว้นแม้แต่ฝาท่อระบายน้ำ แต่เท่าที่พอจะทราบมาก็คือ

1. เป็นสมบัติของชาติ

หมาพันธุ์อคิตะ เป็นสายพันธุ์ญี่ปุ่นแท้ๆเลย จริงๆแล้ว เดิมทีชื่อพันธุ์โอดาเตะ Odate ชื่อเดียวกับเมืองเลย ไปๆมาๆ สุนัขพันธุ์นี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัด Akita เลย เปลี่ยนชื่อ เป็นสายพันธุ์ สุนัข Akita แทน

2. โด่งดังเพราะ Hachiko

เรื่องราวของเจ้าฮาจิโกะที่สร้างชื่อเสียงเรื่องความจงรักภักดีกับเจ้านาย เป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศและทั่วโลกนั้น แท้จริงแล้ว บ้านเกิดเมืองนอนของฮาจิโกะ ก็อยู่ที่เมือง Odate นี้นั่นเอง

เจ้านายของฮาจิ มาซื้อเจ้าฮาจิจากที่โอดาเตะ ไปเลี้ยงที่โตเกียว ตอนนั้น ซื้อมาในราคา 30 เยน ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับเงินเดือนข้าราชการในสมัยนั้น ซึ่งอยู่ราวๆ 20 เยน เท่านั้นเอง

3. เป็นฑูตสันถวไมตรี สานสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

หมาอคิตะเคยเป็นฑูตสานสัมพันธ์ ญี่ปุ่นกับอเมริกา มาแล้วด้วย โดยนักเขียนชาวอเมริกัน Helen Keller ได้มาท่ Odate และได้นำหมาอคิตะ ชื่อ เจ้า Kamikazego ไปเลี้ยงที่อเมริกา แล้วเลี้ยงได้เพียงปีเดียวก็ตาย เธอเสียใจมากเลยได้เขียนบันทึกอาลัยเอาไว้ พอรัฐบาลญี่ปุ่นได้ทราบข่าว เลยได้จัดส่งตัวใหม่ชื่อ Kenzango ไปให้ ถือเป็นฑูตสันถวไมตรีระหว่าง ญี่ปุ่นกับอเมริกา เลยนะเนี่ย

ในฟากเอเชีย สุนัขอคิตะก็ได้รับเกียรติสานสัมพันธ์อันดีกับรัสเซียด้วย ในปี 2012 ผู้ว่าราชการจังหวัดAkita ได้มอบสุนัขพันธุ์Akita ให้กับ ประธานาธิบดีของรัสเซีย วลาดิเมีย ปูติน ไปเลี้ยง เป็นสัตว์เลี้ยงคู่กาย ชื่อเจ้า ยูเมะ ซึ่งแปลว่า ความฝัน ซึ่งเจ้ายูเมะก็ได้จากเมือง Odate นี่เอง

(credit เรื่องราวเกี่ยวกับ Akita dog : https://www.con-akita.com/2367/)


4. เป็นเมืองที่อนุรักษ์สุนัขพันธุ์ Akita

อย่างที่บอกว่าสุนัขพันธุ์ Akita นี้ ถือเป็นสมบัติของชาติ อยู่คู่คนญี่ปุ่นมาหลายร้อยปี ที่ Odate จึงมีศูนย์อนุรักษ์สุนัขอคิตะและ พิพิธภัณฑ์ มีการจัดการประกวดสุนัขพันธุ์นี้ทุกปีด้วย

ซึ่งเจ้า Museum นี้แหล่ะ ที่เรากำลังขี่จักรยานไปเยี่ยมเยือนให้สมความตั้งใจ ปั่นตามมาเล้ยยยย

ปั่นจักรยานท่ามกลางแดดตอนเที่ยง อุณหภูมิราวๆ 37-38 องศาได้ สงกรานต์ที่ว่าร้อน ที่นี่ก็ไม่ยิ่งหย่อนเลย แอบรู้สึกถึงรังสีคลื่นความร้อนอยู่หน่อยๆ เมื่อคืนนอนน้อย อาหารก็ไม่ค่อยได้กิน แอบเปลี้ยเล็กๆตอนนี้

ในระหว่างทาง เราขี่จักรยานข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ Nagaki แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่าเมือง Odate หันมองไปทางซ้ายมือเจอภูเขา ที่มีตัวอักษร 大 อยู่ด้านบนเขา คลับคล้ายคลับคลา เหมือนเดจาวูว่าเราเคยเห็นที่ไหนมาก่อน อ่อ...มันคือภาพที่เคยเห็นในหนังสือการ์ตูนนี่เอง

ในช่วงฤดูร้อน จะมีการจัดเทศกาลที่เกี่ยวกับ ตัวอักษร 大 บนภูเขานี้ด้วย ซึ่ง 大 แปลว่า ใหญ่ เขียนเหมือนคำว่า ต้า ใน ภาษาจีนเลยเนาะ

ชื่อ เทศกาลว่า ' The Odate Daimonji Festival' จัดขึ้นที่แม่น้ำ Nagaki โดยจะมีการจุดไฟเผาตัวอักษร 大 นี้ ตอนสองทุ่ม และมีการจุดพลุดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองกัน ด้านล่างก็มีงานคล้ายงานวัดให้คนมาเที่ยวเล่นกันในช่วงเทศกาลฤดูร้อน โดยปีนี้ 2017 จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 17 สิงหาคม ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวแถว Akita ในช่วงนั้นก็ไปชมกันได้ จัดปีละครั้งเท่านั้นนะ แจ็กพอตได้ไปดูนี่ถือว่าเฮงมากๆ ^^

เราขี่จักรยานมาตามแผนที่ที่คุณพี่ที่สถานีให้มา จนข้ามสะพานมา สุดท้ายก็มาถึงแล้ว เย่ๆ ขี่มาราวๆ 5 กิโล เห็นจะได้ (รวมระยะทางที่หลงทางด้วย 555)

มีรูปปั้นเจ้าฮาจิโกะ อยู่ด้านหน้า ไม่ผิดแน่ (รูปปั้นฮาจิโกะของแท้ต้องหูพับข้างนึงนะ เค้าโดนกัดมา)

ตึกนี้เป็นตึกของศูนย์อนุรักษสุนัขพันธุ์อคิตะ ซึ่งตัวพิพิธภัณฑ์อยู่ที่ชั้น 3 ของตึก สร้างขึ้นเพื่อที่จะอนุรักษ์สุนัขอคิตะสายพันธุ์แท้เอาไว้ เพราะสุนัขพันธุ์นี้ถือเป็นสมบัติของชาติญี่ปุ่นเลยทีเดียว

เดินขึ้นไปที่ชั้น 3 โอ่ย จะเป็นลม อากาศร้อนมาก ขี่จักรยานมาเดินขึ้นมาชั้น 3 ซึ่งตึกไม่เปิดแอร์ด้วย หอบลิ้นห้อยเป็นหมาเบย

ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ คนละ 200 เยน ซื้อตั๋วแล้วเดินเข้าไปเลย

ที่พิพิธภัณฑ์นี้เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ เล้กกกกก มาก ใช้เวลาในการเดินชม ประมาณ 2 นาที ครึ่งก็ครบรอบแล้ว

ใครสะสมตราปั๊ม ที่นี่เป็นรูปน้องหมาอคิตะด้วยน้าาาา

ดีนะทำการบ้าน ดูคลิปรายการ สุโก้ย เจแปน ของคุณฮิโระมาก่อน เลยพอจะเดาได้ว่าที่พิพิธภัณฑ์นี้พูดถึงอะไรบ้าง

ก็จะเล่าเรื่องประวัติของเจ้าสุนัขพันธุ์นี้ ที่อยู่คู่บุญชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ซึ่งสมัยก่อนเค้านิยมเลี้ยงไว้ล่าสัตว์ ด้วยรูปร่างที่กำยำทะมัดทะแมง มีสัญชาตญาณนักล่า

ไงล่ะ สู้หมีก็ได้ รู้จักการ์ตูนเรื่อง เจ้าเขี้ยวเงิน กันรึเปล่า . . . เค้าไม่รู้จัก แหะๆ

จะบอกว่า เจ้าเขี้ยวเงินเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ที่มีตัวเอกเป็นสุนัขพันธุ์อคิตะ ความสามารถของมันก็คือ ล่าหมี และต่อสู้กับหมียักษ์ในเรื่องนั่นเอง

สมัยก่อนล่าหมีได้ก็เอาหนังหมีมาทำเครื่องนุ่งห่มไว้ใส่ในฤดูหนาว

นี่คือเครื่องแต่งกายของนักล่าสัตว์ เมื่อก่อนปลอกคอเป็นเหล็กด้วย


จริงๆแล้ว สุนัขพันธุ์ อคิตะ มีทั้งหมด 3 คือ สีเทาลายเสือ / สีน้ำตาลอ่อน / สีขาว

รูปร่าง ของ หมาอคิตะ เหมือนยัง ร่าง สตาฟนี้เลย ร่างกายกำยำ แข็งแรง ขนาดเท่าตัวจริง หางจะม้วนขึ้น หน้าตาญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น เหมือนพวกซามูไรงี้เลย


เคยหน้าตาของเจ้าฮาจิโกะกันมั้ย นี่ๆ รูปฮาจิโกะตัวจริง


ตัวจริงเป็นอคิตะสีขาว หูซ้ายพับข้างนึง เพราะโดนกัดมา

ที่นี่ก็มีจัด ประมาณว่า Hall of fame ของ สุนัขพันธุ์อคิตะ ที่ชนะเลิศการประกวดมา น่ารัก หน้าตาน่าเอ็นดู

หน้านี่บอกชาติพันธุ์มากๆ ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น

ครบถ้วน ทั้งพิพิธภัณฑ์แล้ว เร็วมาก เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดจิ๋วโดยแท้ 555

นี่คือที่ถ่ายรูปมารีวิวให้ดูนี่คือ ครบ แล้วจริงๆ มีแค่นี้แหล่ะ ^^

อ่อ ยังๆ มา Odate ทั้งที ไหนล่ะ หมาอคิตะ ตัวเป็นๆ เห็นแต่รูปปั้น ไม่เห็นมีตัวเป็นๆให้ดูเลย

จะบอกว่าข้างๆตึก มีกรงน้องหมาอยู่ แต่จะมีหมาให้เราดูมั้ยน้าาา

นี่ไง มีจริงๆด้วย น่ารักน่ากอดมากกก

แต่ดูนางจะไม่หือไม่อือกับเราเลย

โดยปกติสุนัขพันธุ์นี้จะรับแขกดีนะ แต่ในกรณีที่มีเจ้าของอยู่ด้วย การเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ ควรจะต้องมีเวลา ดูแล และฝึกสอนด้วยตัวเอง เพราะ อคิตะจะติดเจ้าของมาก แล้วอคิตะเป็นหมาไซส์ค่อนข้างใหญ่ แรงเยอะ บ้าพลัง ฉะนั้นเจ้าของจะต้องพามันออกไปวิ่งทุกวัน

แต่วันนี้น่าจะเพราะอากาศร้อนด้วยแหล่ะ เลยไม่ค่อยสนใจเราเท่าไหร่

โอเค ตามบายๆ เราไม่กวนและ ฝันดีๆ ^^

ส่วนสะพานแดงๆที่ข้ามไปนี่เป็นสวนสาธารณะ ชื่อว่า เคจิโอะ


ใครที่อยากได้ชมหมาอคิตะแบบมารวมตัวกันเยอะๆ อันนี้ต้องจดเลย เพราะ

ทุกวันที่ 3 เดือน พฤษภาคม ที่พาร์คนี้จะมีการจัดประกวด น้องหมาอคิตะ ด้วย จำนวนประมาณ 200 ตัว จากทั่วประเทศ มาประชันโฉมกันที่นี่

แม่เอ้ยยยย... อยากมาอยู่ในวงล้อมของหมาอคิตะวันนั้นจัง

แต่วันนี้อากาศร้อนมาก เริ่มจะหน้ามืด เกือบวูบแล้ว คิดในใจนี่จะขี่จักรยานกลับไปสถานีไหวมั้ย

โชคดี ได้น้ำหวานมาดื่มกับขนมหวานที่ติดกระเป๋ามาด้วย ช่วยให้พอเติมน้ำตาลให้ใช้เฮือกสุดท้ายปั่นจักรยานกลับไปไหว

ขี่มาครึ่งทาง มาเจอบ่อน้ำชุบชีวิต เห็นแม่ลูกนั่งเล่นกันอยู่ รีบจอดจักรยาน ไปแช่น้ำให้ชื่นใจหน่อย

เฮ้อ ค่อยยังช่วย

ที่นี่คือ บ่อน้ำชุบชีวิตชั้นจริงๆ บ่อน้ำนี้อยู่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำ Nagaki ที่บอกไปตอนแรก

ถึงแม้อากาศจะร้อน แต่น้ำตรงนี้เย็นเจี๊ยบเลยนะ . . . แช่เท้า ค่อยดีขึ้นหน่อย



มีแรงขี่กลับแล้ว พอมาถึง คืนจักรยานเรียบร้อย ยังพอมีเวลาเหลือให้ได้ช็อปปิ้ง Souvenir น่ารักๆที่สถานี Odate

โอ๊ยยยย...เงินในกระเป๋าสั่นระริกๆไปหมดล้าวววว...

ของฝากที่ญี่ปุ่นนี่มีเงินแค่ไหนก็ซื้อไม่พอ น่ารักทุกอย่างจริง

แก้วฮาจิโกะ ของแท้ต้องหูพับ

ยิ่งเป็นของฝากเป็นหมาด้วยแล้วนั้น บอกเลยคำเดียวว่า " พัง "

อุนจิหมาอคิตะก็มีให้ชิมนะ

ที่ Odate นอกจากจะมีชื่อเสียงเรียงนามเรื่อง หมาอคิตะแล้ว

ยังมี OTOP ที่ขึ้นชื่อระดับประเทศเลยก็คือ ' ไก่' ก๊าย ไก่ ก๊ายไก่ ไก๊ไก่ๆๆๆๆๆ

ใช่แล้ว เนื้อไก่ พันธุ์ Hinai-Jidori เป็นเนื้อไก่ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องรสชาติ คุณภาพ ที่ดีสุด ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นทีเดียวเชียว (อีกสองพันธุ์ คือ Nagoya Chochin chicken and Satsuma Jidori chicken)

เค้าว่ากันว่า การเลี้ยงไก่ Hinai นี้ ต้องได้การดูแลประคบประหงมอย่างดีกว่าไก่ทั่วไป คือต้องใช้เวลามากกว่าถึง 3 เท่า เพื่อที่จะได้ไก่ที่ได้เวลาเหมาะสมในการขาย และแน่นอนว่า ราคาไก่ก็จะแพงกว่าไก่กาทั่วไปถึง 5 เท่าเชียว เนื้อไก่ที่นำมาปรุงอาหารจะได้รสชาติที่หอม เนื้อนุ่ม อร่อยแบบสุโก้ยไปเลย

แหม่ เสียดาย ยังได้มีโอกาสได้ชิม ถ้าครั้งหน้ามีโอกาสมาอีก จะต้องมาลองชิมให้ได้

นอกจากนี้ เค้ามี เทศกาลไก่ที่โอดาเตะด้วยนะ งานหมา งานไก่ มีหมด เมืองนี้ ^^

ทุกๆปี ช่วงสิ้นเดือนมกราคม จะมีการจัดงานเทศกาล Chicken Festival in Winter ด้วย

ใครแวะมาเที่ยวช่วงนั้นก็มาหาเมนูไก่อร่อยๆกินกัน ^^ แต่ถ้ามาไม่ตรงกับช่วงจัดงาน ลองหาร้านอาหารอร่อยสั่งเมนูไก่มาลองกินดู หรือจะซื้อเป็นขนม ของฝากก็ยังได้


สรุปการมาเยี่ยมบ้าน Hachiko ในวันนี้ก็ถือว่า Mission totally completeแล้ว เพราะครั้งก่อนเราไปหาฮาจิโกะเฉพาะแต่ในโตเกียว แต่คราวนี้ได้มาเยี่ยมถึงบ้านเกิดที่ Odate เลย ฟินติ่งหมามากๆ ^^

ใครรักหมา ชอบหมา ประทับใจฮาจิโกะ มาแวะเที่ยวที่ Odate จังหวัด Akita กันได้ ถึงแม้จะเป็นเมืองชนบทเล็กๆ แต่ที่นี่ก็มีความน่าสนใจหลายอย่างซ่อนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ส่วนตอนนี้รถไฟมาแล้ว เดี๋ยวขอเดินทางต่อไปที่ Hirosaki เพื่อจะไปดูศิลปะบนทุ่งข้าวที่เมือง Inakadate กันต่อ ช่วง Summer ในญี่ปุ่นนี่ เทศกาลเค้าเยอะจริงๆ ใครชอบแนวนี้ มาช่วงนี้ไม่ผิดหวังจ้า

พบกันใหม่ครั้งหน้าค่าาาาา


ติดตาม ไปเที่ยว-ไปกิน-ไปทำกับข้าว กับแม่ครัวแมวน้ำ 'Seally-go-round' ได้ตามลิ้งนี้จ้า

https://m.facebook.com/seallygoround/?fref=ts




ความคิดเห็น