เส้นทางเที่ยวของเรารอบนี้คือ
BKK - Cheng Du - Garze - Yarchen Gar - Maerkang - Siguniangshan - Cheng Du - BKK
ระยะเวลาเดินทาง 10 วัน


ถ้าการเดินทางครั้งนี้ จะพาเราให้ไปเจออะไรที่เกินคาด ความสวยงามที่เราไม่เคยเห็น มิตรภาพอันแสนจะอบอุ่น ความสงบที่ซ่อนอยู่ในวิถีแห่งความศรัทธา ผมว่าเส้นทางนี้มันน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน ออกไปค้นหา ออกไปค้นพบ เราออกไปค้นหาจิตวิญญาณของสถานที่ ของวิถีชีวิตผู้คน แล้วการเดินทางครั้งนี้ ก็ทำให้เราได้ค้นพบจริงๆ ... ไปเที่ยวกับพวกเรานะครับ


ติดตามการเดินทางของผมได้ที่ www.facebook.com/trailtrav


รอบนี้เราเดินทางวันที่ 28 เม.ย. - 7 พ.ค. 2560

สภาพอากาศช่วงที่เราไป เย็น หนาว หิมะลง แดดแรง ถ้าเพื่อนๆตามไปช่วงอื่น อาจจะเจอสภาพอากาศอีกแบบนึงได้ครับ

ในกระทู้นี้อาจใช้คำไม่สุภาพบ้าง ผิดไวยากรณ์การสะกดบ้าง ก็ยกมือขอโทษไว้ตรงนี้ด้วยนะครับผม ^___^


วันนี้ผมจะเอาเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวของผมที่ผ่านมา ในเมืองจีน มาเล่าให้ฟังกันว่า
เราไปไหน เดินทางยังไง เราพบเจออะไรบ้าง แล้วหลายๆคนที่อยากไปเหมือนเราจะไปได้ไหม
(ตอบคำถามสุดท้ายก่อนเลยว่า ไปได้แน่ๆครับ จีนไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่กลับกัน เขาเป็นมิตรกับเรามากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก)

จุดหมายเรารอบนี้อยู่ที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวนครับ จุดหมายหลักอยู่ที่ Yarchen Gar และ Siguniangshan หรือภูเขา 4 ดรุณี

การจัดกระเป๋าของผม แบ่งเป็น 2 ใบเหมือนเดิม คือ กระเป๋าเสื้อผ้า และกระเป๋ากล้อง

กระเป๋ากล้อง ผมเลือกใช้กระเป๋ากันน้ำ Feel Free Dry Tank 40L แล้วเอากระเป๋า Insert ใส่ไว้ข้างในครับ
อุปกรณ์ในกระเป๋ากล้องก็จะใช้ Canon6D +24-105 F4L + Tamron60-200 F2.8 +
Mavic Pro + Gimbal Feiyu Tech G5 + GoPro Hero5 + GoPro Hero3+

** GoPro Hero3+ เอาไปเผื่อเป็น BackUp ครับ *

เรื่องประกันการเดินทาง ผมแนะนำให้ทำทุกครั้งนะครับ เพื่อความปลอดภัย และอุ่นใจของตัวเราเอง
ครั้งนี้ผมใช้ของ MSIG ตอนทำมีโปรโมชั่นราคา 1,005 บาทได้บัตรสตาร์บัค กับกระเป๋ามาใบนึง

การคุ้มครองคือถ้าเสียชีวิตได้ 4ล้าน ค่ารักษาพยาบาล 3ล้าน รักษาต่อเนื่อง 150,000บาท แล้วก็ครอบคลุมเรื่องไฟล์ทดีเลย์ กระเป๋าหาย ต่างๆตามในเงื่อนไขครับ
(รอบนี้ ยังคิดอยู่เลยว่าจะได้ใช้ประกันไหม ไม่อยากใช้เลย ไม่อยากเจ็บตัว แล้วก็ไม่ได้ใช้ครับ เดินได้ ไม่เจ็บเท่าไหร่)


28 เม.ย.2560 วันเดินทาง
จากคำแนะนำของพี่ปีเตอร์ แห่ง backpacker by peter / น้าเตอร์ท่องโลก
บอกผมว่า น่าจะต้องไปทำการ Declare อุปกรณ์กล้องต่างๆที่เรานำออกจากประเทศด้วย เพราะอุปกรณ์เราค่อนข้างเยอะทำไว้ดีกว่าเพื่อความสบายใจ

พอไปถึงสุวรรณภูมิ เรามุ่งหน้าไปตรงบริเวณประตู 10 ตรงแถวๆที่ทำ VAT Refund ครับ ตรงนั้นจะมีจนท.ศุลกากรอำนวยความสะดวกอยู่ ให้เราเข้าไปบอกเขาขอทำการ Declare อุปกรณ์ เขาจะให้แบบฟอร์มมากรอก
(เพื่อความรวดเร็ว ให้เราจด Serial อุปกรณ์ต่างๆของเราไปด้วยจะได้ไม่เสียเวลามานั่งหาตรงนั้น)
ใช้เวลาไม่นานครับ ก็จะได้ฟอร์มลักษณะนี้มา จนท.เก็บไว้ใบนึง เราเก็บไว้ใบนึงครับ

หน้าตาใบแสดงรายการอุปกรณ์ครับ


พอเสร็จจากตรงนั้น ยังพอมีเวลาก่อนเครื่องออก เราเลยลงไปกินข้าวที่ศูนย์อาหารข้างล่าง 1 อิ่มใหญ่ ในราคาสบายกระเป๋า

กับข้าว 2 อย่าง+ไข่ดาว+โอเลี้ยง = 70 บาท

ได้เวลาแล้วครับ เราเข้าไป ผ่านตม. รอบนี้คนน้อยใช้เวลาไม่นาน ดูนาฬิกา 19.45น. เราถึง Gate ละ จากนั้น 20.30น. เครื่องออก เหินฟ้าสู่เฉิงตู


28 เม.ย. 2560
เราถึงเฉิงตู ทำอะไรเรียบร้อยก็ปาเข้าไปตีสองกว่าๆ เราจองที่พักที่ Mrs. Panda Hostel พร้อมให้เขาเอารถมารับเราจากสนามบินด้วย รถมารับตรงเวลา พาไปส่งที่ Hostel ด้วยความที่พรุ่งนี้สายๆ เราจะออกจากเฉิงตูกันเลย คืนนี้เราแค่ “แวะไปพัก”

มีแพนด้าจริงๆด้วย นั้ลลล้าคคคค


29 เม.ย. 2560

เช้าวันรุ่งขึ้น (นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง งือออ) เราเดินไปที่สถานนีขนส่ง ที่อยู่ติดกับ Hostel เลย
เล็กบอกว่า เราต้องหารถที่มาจาก Garze (อ่านว่า กา จื่อ) มาส่งคนที่นี่ แล้วเราจะเหมาเขากลับไป แต่เราหารถที่มาจาก Garze ไม่ได้เลย

สุดท้ายเราเลยซื้อตั๋วรถบัสที่ไปยัง Garze เลย รถออก 10.00น. มุ่งหน้าสู่ Garze กัน รถที่นั่งเป็นรถบัสขนาดกลาง ค่าโดยสารคนละ 233หยวน ใช้เวลาเดินทาง 20 ชม.

ฟังไม่ผิดครับ 20 ชม. มีจอดให้นอน 1 เมือง แล้วเช้านั่งคันเดิม เพื่อเดินทางต่อ

รถออกแล้ว ผ่านวิวเมือง ออกมาสู่วิวชนบท ร่มรื่น สบายตา ยิ่งออกมา ยิ่งสวย

ผ่านทางเขามาได้ ดูระยะทางแล้ว เหลือแค่ 13 กม.ก็จะถึง Kangding ซึ่งรถจะจอดนอนที่นี่ 1 คืน ใช่ครับ ผู้โดยสารทุกคนก็ลงไปหาที่นอน เช้ามา ขึ้นคันเดิม เดินทางต่อครับ

แต่ !!!!

13 กม.นี้ เป็น 13 กม.ที่รถโคตรของโคตรของโคตรติด ติดไม่ขยับเลย ผมใช้เวลากับรถติดตรงนี้ 9 ชม. ใช่ครับ 9 ชม.จริงๆ ลงไปเดิน ขึ้นมากิน นอน ลงไปเดิน อะไรก็ยังไม่หายเบื่อ


เรามาถึง Kangding ตอนประมาณ ตีสาม แล้วคนรถนัดเรา 8 โมง เพื่อเดินทางต่อ
คืนนี้เราเลยต้องหาโรงแรม เลยเลือกที่ใกล้ที่สุดนั่นแหล่ะ 2 ห้อง ห้องละ 4 คน เหมือนไม่ได้นอนน่ะแหล่ะ
เช้ามา ตื่น เตรียมของ ล้างหน้า เดินทางละ เห้ออออ

นี่คือโรงแรมที่เราเข้าไปพัก

จากการที่รถติด
เราก็ได้พบกับมิตรภาพใหม่บนรถคันนี้ นั่นคือ เพื่อนร่วมทางที่นั่งอยู่ข้างๆเรา 3 คนชื่อ ตงตง หยางหลิน และเหมาเจิงเฮ่า
คุยกันถูกคอผ่าน App แปลภาษาของเขา เขาใช้ App ที่ชื่อว่า Global Translator ครับ หน้าตาประมาณนี้

อีกเรื่องนึงที่สำคัญคือ
ที่นี่ อย่างที่พอรู้มาว่า จะใช้งานไลน์ เฟสบุค กูเกิ้ลไม่ได้ ผมใช้ตัวช่วยเป็นตัวนี้ครับ App ชื่อว่า VPN Master (หรือใน iOS ใช้ชื่อว่า VPN Proxy Master)
ใช้งานง่าย ถ้าเน็ตเเรง ต่อแป้บเดียวก็ติด แล้วสามารถใช้งานเฟสบุค ไลน์ กูเกิ้ล ได้อย่างสบายใจ

หน้าตาประมาณในวงกลมนั่นครับ


30 เม.ย. 2560
เราออกจาก Kangding ตอน 8.00น. เดินทางต่อกันไปเรื่อยๆ ผ่านภูเขา แม่น้ำ สะพาน อุโมงต่างๆ จนไปถึงเมือง Garze ตอน 19.00น.
แต่เป็นทุ่มนึงที่ยังสว่างอยู่เลย วิวที่ Garze สวยมาก อากาศดี
เราเข้าพักที่ HJ Hotel ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับขนส่งเลยครับ สะดวกดี เราจะพักที่นี่ 2 คืน
ค่าห้องคืนละ 120หยวน มีเครื่องทำน้ำอุ่น เสื่อไฟฟ้า ห้องน้ำดี

รถติดระหว่างทาง

ทริปนี้เราเจอเสาไฟฟ้าเยอะนะ

วิวสวยๆที่ Garze

บรรยากาศเมือง

HJ Hotel

ห้องนอน เตียงดี มีเสื่อทำความร้อน

ห้องน้ำถือว่าดีมากๆ


จากการที่เราคุยกับอาตงถูกคอ อาตงเลยบอกว่า จะไป Yarchen Gar กับเราด้วย แล้วก็จัดแจงหารถให้เรา คืนนั้น อาตงพาไปหาร้านจุ่มเสฉวนกินกัน บรรเทาความหนาวได้ดีเลย

เจอหม้อนี้เข้าไป อุ่นจนร้อน


1 พ.ค. 2560 มุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งความศรัทธา
รถที่อาตงหามา เป็นรถบัสขนาดกลาง ที่ทั้งคันมีแต่ลามะกำลังจะเข้าไปที่ Yarchen Gar
พวกเราก็นั่งไปด้วยกัน ซึ้งในรถพระธรรมก็คราวนี้ รถบัสของเรา ลัดเลาะผ่านภูเขาลูกแล้ว ลูกเล่า วิวข้างทางก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ

แล้วก็มาจอดที่ด่านตรวจสุดท้ายก่อนเข้า Yarchen Gar

ตำรวจให้คนในรถลงมาข้างล่างทุกคน ขอดูพาสปอร์ต แล้วก็เอาไป ทีแรกก็คิดนนะว่าจะได้คืนไหม

แต่ทางตำรวจเอาไปเพื่อไปจดชื่อ และเลขที่ Visa เลข Passport ไว้ในสมุดบันทึก สุดท้าย ทางจนท.ก็คืน Passport กลับมาให้เรา ก็ขึ้นรถ ออกเดินทางเข้าสู่ Yarchen Gar กันต่อ ตรงนี้จะแนะนำว่า

ถ้ามีกล้องใหญ่พวก DSLR หรืออะไรอย่างงี้ ให้เก็บใส่กระเป๋าไว้ก่อน จะดีกว่า เผื่อเขาเห็นอุปกรณ์เยอะๆแล้วจะไม่ให้เข้าครับ

จากจุดที่รถจอด วิวแรกที่เราเห็นคือ เจดีย์สีทองอร่าม ตั้งเด่นอยู่ตัดกับฟ้าสีฟ้าเลย

เราลงรถตรงนี้ แล้วเดินขึ้นไปสู่จุดที่เราตั้งใจเพื่อมาเห็น Yarchen Gar สำนักสงฆ์ของพุทธศาสนา ที่มีลามะ และแม่ชีอยู่ที่นี่กว่า 10,000 รูป

สร้างศาสนสถาน และกุฏิเพื่อใช้ชีวิตที่นี่ บนที่ราบลุ่มแม่น้ำแห่งนี้

ที่นี่ อากาศเย็น สงบ และอบอวลไปด้วยศรัทธา ลามะ และแม่ชีที่นี่ ผมถือว่าใจดีนะครับ ก่อนถ่ายรูป ผมจะโค้งคำนับท่านก่อน แล้วถึงถ่ายรูป บางท่านก็ยิ้มให้ บางท่านก็วางเฉย เอาเป็นว่า ดูจากรูปดีกว่าครับ

เสร็จจากนี่ เราก็นั่งรถกลับไปยัง Garze วันนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับความตั้งใจที่จะมาที่นี่นะครับ

การได้มาเดินท่ามกลางความศรัทธานี้ ทำให้ใจของผมสงบขึ้นอย่างบอกไม่ถูก คือมันอบอวลด้วยศรัทธา และไมตรี ที่หยิบยื่นให้กัน รอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้าแต่ละคน

ความสุขในวันนี้ มันได้หักลบกับความเบื่อหนายของการนั่งรถเป็นวันๆเพื่อมาถึงนี่ได้อย่างสิ้นเชิง

เส้นทางตอนนั่งรถกลับมาก็สวยไม่แพ้กันนะครับ


2 พ.ค. 2560 ออกจากความสงบ สู่การเดินทาง ไปสัมผัสไอหนาวแห่งภูเขา 4 ดรุณี

วันนี้เราจะนั่งรถจาก Garze ไปยังเมือง Maerkang (อ่านว่า มา เอ่อ คัง) เพื่อเป็นจุดตรงกลาง
ก่อนเดินทางไปต่อยังอีกจุดหมายที่เราปักหมุดไว้ Siguniangshan (อ่านว่า ซื่อ กู่ เหนียง ซาน หรือ ภูเขา 4 ดรุณี)

เพราะว่า การเดินทางจาก Garze ถ้าจะไปรวดเดียวเลย มันไกลมาก เลยต้องแวะนอนที่เมืองระหว่างทางก่อน รอบนี้ เราได้รถ Van 2 คัน สำหรับคน 11 คน
(ทำไม 11 น่ะเหรอ เพราะว่ากลุ่มเรา 8 คน รวมกับกลุ่มอาตงอีก 3 คนไง คุยถูกคอ เที่ยวด้วยกันยาวเลย)

เราออกจาก Garze ได้ไม่นาน ก็เจอวิวหลักล้าน สวยแค่ไหน บรรยายไม่ถูก แต่มันสะใจสุดๆ

แต่ละคน แอคท่าได้ตามใจตัวเองมากๆๆๆ

มีวิวหลายๆแบบในระหว่างทางที่เรานั่งรถผ่าน ตรงไหนสวย ก็ขอให้จอดลงไปถ่ายรูป

อาหารเที่ยงเป็นมื้อที่สำคัญ

อาตงพาแวะร้านข้างทาง สั่งอาหารพวกเกี๊ยว ผัดหมู ทีแรกเหมือนจะไม่มีอะไรนะ แต่มันอร่อยมากๆๆๆๆๆ

เกี๊ยวชามโต น้ำจิ้มรสเด็ด

นี่ก็มัน

ร้านขนมฝั่งตรงข้าม

เรามาถึงที่ Maerkang ช่วงเย็นๆ

ที่นี่ ถือว่าเป็นเมืองใหญ่ ที่มีความเจริญระดับนึง ตึกรามบ้านช่องดูใหม่ คนดูทันสมัย ไม่ถือว่าเป็นต่างจังหวัดเลย


เรานอนที่ Hostel คืนละ 50 หยวน

(จากราคาจริง 90หยวน แต่อาตงจัดการต่อรองจนเหลือ 50หยวน)

เป็นห้องแคบๆ ห้องน้ำในตัว wifi แยกแต่ละห้อง (ดีงามมากๆ) แล้วก็ออกไปเดินเล่นดูบรรยากาศเมือง

เดินไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงเปิดเพลงดังแว่วๆมา เลยแวะเข้าไปดู เป็นเหมือนลานกิจกรรม (นึกภาพลานแอโรบิกบ้านเรา)

แต่จังหวะเขาเต้น จะพร้อมกัน จังหวะใสใส น่ารักดี ทั้งเด็ก วัยรุ่น สูงอายุ ชาย หญิง มารวมกันเต้นที่นี่หมดเลย

ส่วนอีกฝั่งนึงของลานก็เป็นสนามบาส มีลามะ มาเล่นบาสกันด้วยครับ


3 พ.ค. 2560 มุ่งหน้าสู่ Siguniang Shan

เช้านี้เริ่มต้นวันแห่งการเดินทางด้วยน้ำเต้าหู้ รสชาติดีนะ อุ่นๆท้องพร้อมเดินทาง

มาเป็นชามเลย

ทานคู่ซาลาเปา

ซื้อใส่แก้วไปฝากนุ่นด้วย



วันนี้เราจะเดินทางจาก Maerkang ไปยัง Siguniangshan ความจริงแล้วอาตงจะต้องแยกกับเราวันนี้ แล้วกลับไปทำงานที่เฉิงตู

แต่ อาตงก็บอกว่าจะไปเที่ยว Siguniang Shan ด้วยกันกับเรา เอ้าาาา สนุกต่อล่ะสิ ตอนนี้เรากับอาตง เป็นเหมือนเพื่อนสนิทกันไปซะแล้ว

ออกจาก Maerkang ไม่นาน เราก็นอนหลับมาบนรถเลย แล้วก็ตื่นขึ้นเพราะรู้สึกหนาวๆ มองไปรอบตัว



อู้ววววหูวววววว หิมะนี่นา



ผมสะกิดคนขับ ให้จอดถ่ายรูประหว่างทาง

มองไปภูเขาฝั่งตรงข้าม

เส้นทางข้างหน้าเรา

หู้ยยยยย เหมือนหิมะเพิ่งตกเลย



จนคนขับเดินมาหาผม ทำท่าว่า ให้ขึ้นรถกัน เดี๋ยวจะต้องไปผ่านบนนู้นนนน แล้วก็ชี้ไปตรงยอดเขา

คือ ตรงนั้น อารมณ์เหมือนกับเราต้องผ่าน Khardung La Pass ที่เลห์นั่นแหละครับ มีหิมะปกคลุมตลอดสภาพอากาศไม่แน่นอน

เขาเห็นว่าอากาศยังดี เลยจะรีบข้ามตรงนี้ไป เราก็จัดแจงขึ้นรถ เดินทางต่อ



ไม่นานเราก็ถึงตรงยอด ตรงนี้ชื่อว่า Mt.Mengbi ความสูง 4,114เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

ตามปกติครับ จะหนาวแค่ไหน ขอแค่รถจอด เราจะพุ่งลงไปถ่ายรูปกันได้ตลอดๆๆๆๆ

สนุกกันใหญ่

พอหนำใจ ก็ขึ้นรถ ขับมากันต่อ มองเวลา บ่ายสองละ พักกินข้าวข้างทางที่เมือง Xiaojin (อ่านว่า เสี่ยวจิน) กินบะหมี่ข้างทางง่ายๆ รองท้อง แต่อร่อย

ข้างๆร้านที่เรานั่งกินกันก็มีสะพานโซ่เก่าด้วยนะ ถ้าเมื่อก่อนเขาข้ามแม่น้ำด้วยสะพานนี้ มันต้องเป็นอะไรที่เท่มากๆอ่ะ

แต่จะบอกว่า ลืมถ่ายรูปบะหมี่ชามนั้นมา ด้วยความหิวโฮก ลงไปก็กินๆๆๆ เลย เค้าขอโทษษษษ ผิดไปแล้วว

ออกเดินทางต่อ เรามาถึง Siguniangshan ก่อนมืด เข้าพักที่ Aleeben Hostel เป็น Hostel น่ารักๆ ตกแต่งสวยมากๆ

เล็กได้ทำการจองที่พักที่นี่ไว้ให้เราตั้งแต่ก่อนมาแล้วครับ เข้าพักได้เลย วันที่เข้ามาถึงฟ้าเปิดมาก

ที่ Aleeben ถือว่าอยู่ใกล้จุดเริ่มต้นเทรคขึ้น Siguniangshan มากๆ เดินไป 10 นาทีก็ถึงเส้นทางเทรคเส้นนึงแล้ว แต่วันนี้เราจะพักกันครับ โปรแกรมเราพรุ่งนี้ เราจะไปนั่งรถบัสเที่ยวก่อน แล้วอีกวัน เราจะเดินเทรค เราจะอยู่ที่นี่กัน 3 คืน

เป็นเมืองใหม่ที่กำลังสร้างเพื่อรับการมาของนักท่องเที่ยวในอนาคต แต่ก็ยังคงมีวิถีชีวิตดั้งเดิมอยู่ในชุมชน

ด้านฝั่งตรงข้ามแม่น้ำมีม้าด้วย เดินเข้าไป มันหันหลังใส่ แล้วถอยๆมา ผมนี่กระโดดหนีเลยครับ

ฟร้อนของที่พักเรา

ตกแต่งน่ารัก เหมาะกับการมานั่งพูดคุยเรื่องราวระหว่างการเดินทาง

เราใช้มุมนี้กันตลอดในการอยู่ที่นี่ เพราะกลุ่มเราใหญ่ นั่งตรงนี้ ยาวๆ ได้ครบทุกคน

หมดวัน เข้านอน พักเอาแรง พรุ่งนี้เราจะเที่ยวเบาๆ รอรับการเทรควันมะรืนครับ


4 พ.ค. 2560 ยลโฉม 4 ดรุณี
Siguniangshan มีเส้นทางให้ท่องเที่ยว 3 เส้น
1. Shuangqiao Gou Valley (อ่านว่า ซวง เฉียว โกว) ยาวสุด 30กม. แต่ง่ายสุด นั่งรถบัสเที่ยวตามป้ายที่เขาจอด
2. Changping Gou Valley (อ่านว่า ฉาง ผิง โกว) ระยะกลางๆ นั่งรถครึ่งทาง เทรคครึ่งทาง
3. Haizi Gou Valley (อ่านว่า ไห่ ซื่อ โกว) ระยะทางสั้นสุด ยากสุด เทรค เดินอย่างเดียว

วันนี้เราจะไปรูทแรก เที่ยวสบายก่อน เราให้ทาง Hostel เตรียมรถมารับเราตอนเช้า และกลับมารับเราอีกครั้งตอนเราออกจากอุทยาน
ในราคาไปกลับ คนละ 20 หยวน ค่าเข้าอุทยาน 150 หยวน

นี่ทางเข้า อลังการเหลื้อเกิน

ตั๋วพร้อม คนพร้อม ป่ะๆๆๆ

วันนี้เราเที่ยวง่ายๆ นั่งรถบัสของเขาเข้าไปที่จุดไกลสุด แล้วลง เที่ยว ถ้าเราพอใจแล้ว ก็มารอที่ป้าย จะมีรถมารับเราลงไปที่ป้ายด้านล่างลงมาเรื่อยๆ

ไม่ฟิกว่าจะออกเวลาไหน คือถ้ารถเต็ม หรือเขาจะออกก็ออก แต่จะมีรถเรื่อยๆทั้งวัน อุทยานปิดช่วง 17.00น.

4ดรุณี

ที่อ้าปาก ไม่ใช่ว่าตะลึง แต่... รีบวิ่งไปยืน ลืมว่าอยู่ที่สูง แหะๆๆ หอบเลย

ทำไมขาดไปคนนึง เพราะพี่เม้งเกิดอาการอาหารเป็นพิษ วันนี้เลยขอถอนตัว พักอยู่ที่ Hostel

นึกว่าบรรยากาศจากเรื่องมังกรหยก

อันนี้จากอีกจุดนึง ที่เรานั่งรถลงมา

มุมสูงบ้าง

เราแวะกินกลางวันที่บนนี้เลย เพราะไม่ได้เตรียมสเบียงมา

มื้อกลางวันวันนี้เป็นเหมือน หมูย่างเสียบไม้ เห็ดเสียบไม้ย่าง ที่ราคาแพงสุดในมื้ออาหารที่กินตั้งแต่เที่ยวมา (ทริปนี้นะ) 5555

เนื้อย่าง หมูย่างไม้ละ 3หยวน เห็ดไม้ละ 5หยวน น้ำแกงเห็ดกับไชเท้าถ้วยละ 20หยวน กินไปร่วม 50 ไม้

หมดไปพันกว่าบาทไทย 5555 แพงชิบ

น่าจะอารมณ์ประมาณยิ่งสูงยิ่งแพง งี้ แต่ก็นะ ได้กิน ได้อิ่ม ได้สะใจ ก็พอใจละ

ทีแรกก็คิดว่า การนั่งรถเที่ยวที่นี่คือชะโงกทัวร์ ใช้เวลาไม่นานมั้ง วันนี้เดี๋ยวกลับไปนอนเล่นที่ Hostel สบายใจ

แต่เอาเข้าจริง ใช้จนหมดวัน!!!

เพราะสถานที่มันสวยงามจริงๆ แต่ละจุด แค่ลงไปยืนก็ตะลึงแล้ว แล้วไหนจะเดินถ่ายรูปอีก

เสร็จสรรพ นั่งรถบัสออกมาหน้าอุทยาน รถก็มารับเราพอดี กลับที่พัก พักผ่อน เตรียมร่างกายเพื่อรับการเทรควันรุ่งขึ้น


5 พ.ค. 2560 Haizi Gou

วันนี้เราจะไปเทรคเส้นทาง Haizi Gou Valley เป็นทางเทรคที่สั้น แต่ยาก เพราะไม่มีรถมาแบ่งเบาภาระเราเลย
แพลนเราวันนี้คือ ไปถึงทะเลสาบแรกแล้วเดินกลับเลย

เช้าเราออกเดินประมาณ 9.00 ช่วงแรกเป็นทาเดินบันไดไม้ สลับทางราบ ระยะทาง 2 กม. ไปถึงจุดจำหน่ายตั๋ว
จัดแจงซื้อตั๋วปุ้บ ก็เริ่มทางเทรล

วันนี้ฟ้าเทาๆ ไม่มีแดด เราเดินทางเทรลประมาณ 3 กม. ก็เป็นทางปีนบ้าง สลับเนิน เพื่อไต่ขึ้นไปสู่สันเขา

เช้านี้ฟ้าขาว อากาศก็หนาวเช่นกัน

ช่วงแรกเดินบันไดเหมือนให้เราวอร์มอัพ

เดินได้ 800เมตร ก็ถึงจุดจำหน่ายตั๋ว

ตั๋วพร้อม คนพร้อม ลุย!!!

ทางราบมีต่อให้ชื่นใจอีก 200 เมตร แล้วก็เริ่มเข้าสู่ทางเทรล

ก็จะต้องมีปีนป่ายกันบ้าง

ที่นี่มีม้าใช้เช่าด้วย จะให้เราขี่ หรือบรรทุกสำภาระก็มีแล้วแต่เรตราคาตั้งแต่ 150 - 380 หยวน

คือจะเป็นแพคเกจ ไปอย่างเดียว หรือไปค้าง แล้วกลับด้วยประมาณนี้ครับ แต่เราเลือกที่จะเดินไปกลับ

พอขึ้นมาถึง เราจะเดินตามแนวสันเขา หรือไหล่เขาไปเรื่อยๆ ตรงนี้ เราแวะถ่ายรูปเล่นตรงนี้ค่อนข้างนานเลยทีเดียว

โดยหารู้ไม่ ว่า เรื่องที่เกินความคาดหมายของผมกำลังจะมาเยือน

เราเดินเลาะสันเขา ไหล่เขามาเรื่อยๆ อาการเริ่มเย็นลง อุณหภูมิลดลงค่อนข้างเร็ว แล้วเราก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่มาปะทะหน้าเรา

“หิมะ” ครับ หิมะปรอยลงมา เรายังเหลือทางอีกค่อนข้างไกลเลยล่ะสำหรับขาไป

เราเก็บกล้อง เดินต่อไปเรื่อยๆ

มันสะใจจนต้องร้องขอพักที่ห้องน้ำระหว่างทาง

บิงซูปะทะหน้า

ตกเข้าไป

เราก็ยังคงเดินฝ่าหิมะเรื่อยมาอีกหลายกิโล จนมาถึงแคมป์ 1 แต่เราไม่หยุดแค่นี้ เป้าหมายเราคือทะเลสาบ ระยะทางอีก 3 กม.

พอหิมะตก ทางที่เคยแฉะเป็นทุนเดิม ก็เละเทะมากขึ้น เดินยากขึ้น

เราตกลงกันว่า เราจะคัทออฟกันที่ 15.00น. ถึงตรงไหนก็หยุดตรงนั้นแล้วก็กลับ เราประเมินแล้วว่า น่าจะไปถึงทะเลสาบก่อนบ่ายสาม

แต่เอาเข้าจริง บ่ายสามครึ่งแล้วเรายังเหลือระยะทางอีกร่วม 2 กม.กว่าจะถึง

ระหว่างทางเราเจอคนจีนที่ให้บริการม้า กับฝรั่งอีกคนนึงที่พูดจีนได้ เราเล่าให้เขาฟังว่า เราจะทำอะไรยังไง ทางคนจีนก็บอกว่า ถ้าจะไปให้ถึง ก็ต้องนอนที่นู่น เพราะจะกลับมาไม่ได้ อันตราย หรือถ้าไม่งั้น ก็ต้องกลับเลย เรากับเพื่อนๆก็คุยกัน สรุปแล้ว เราจะหันหัวกลับ วันนี้เราไม่คอมพลีทที่นี่ แต่เราก็ดีใจที่ได้มาที่นี่

ระหว่างทางกลับ เราก็ยังเจอหิมะประปรายบางช่วง ตรงนี้ผมก็เลยถือโอกาสเก็บชีวิตเล็กๆ มุมเล็กๆของระหว่างทางที่นี่ด้วยมือถือมาเป็นของที่ระลึก ถ่ายด้วยเจ้า Huawei P9 แหะๆ ภาพมันสวยในระดับที่ผมรับได้เลยเชียวล่ะ นี่เอาลงมาแบบไม่ต้องปรับเปริบอะไรละ


เส้นทาง ยิ่งเดิน ยิ่งเละ

เละแค่ไหน ตามใจเราดู 555 แต่เราก็ยังเดินกันสนุกนะ

ที่นี่ มืดเร็ว นึกจะมืดก็มืด อาจจะเป็นเพราะเราเดินอยู่ใต้เงาไม้ด้วย ยิ่งทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวขึ้น


กลับลงมาถึง Hostel แล้ว ถามว่าผิดหวังไหม ตอบตรงๆก็ผิดหวัง เสียใจ

...

แต่นั่งคิดๆไปแป้บนึง ก็มีคำถามกับตัวเองว่า แล้วที่เราเจอมาตลอดทริปนี้ ไม่ว่าจะเป็น Yarchen Gar วิวระหว่างทาง เพื่อนใหม่ อาหารเลิศรส

เท่านี้ ยังไม่เกินกว่าที่เราคาดหวังอีกหรือ

คำตอบมันชัดเจนขึ้นมากครับว่า ทริปนี้เกินคาดหวังตั้งแต่เจอมิตรภาพใหม่ระหว่างเดินทาง จนถูกคอ คุยกันได้ตลอดทริป

นี่ก็ถือว่า โคตรคุ้มค่าแล้ว

ส่วนที่เราเดินไม่ถึง เราก็กลับมาแก้มือใหม่ เตรียมตัวมาใหม่ (หาเรื่องกลับมาเที่ยวก็ว่าไปนั่น 555)


6 พ.ค. 2560 บ๋าย บาย ซื่อกู่เหนียงซาน
วันนี้เราจะเดินทางกลับเข้าไปที่เฉิงตู สภาพอากาศตอนเช้า เรียกได้ว่า ยังกะหลุดเข้าไปดินแดนนาร์เนีย
คือจากที่เราเดินฝ่าหิมะกันเมื่อวานนี้ แล้วกลางคืนบนเขาหิมะน่าจะลงตลอดคืน เช้ามาเราเลยพบกับภาพนี้ครับ

แค่ยืนดูเฉยๆก็สะใจแล้ว

วันนี้เราเหมารถ van 2 คันเพื่อให้เขาไปส่งเราในเมือง ระหว่างทาง เหมือนธรรมชาติที่นี่ จะมาส่งพวกเรา (555 คิดเอาเอง เป็นตุเป็นตะ) เราได้เจอภาพแบบนี้ระหว่างทางกลับ

แหวกเมฆมาเลย

แต่แล้ว ระหว่างทางก็เกิดเรื่องขึ้นอีกนิดนึงจนได้

รถของเราไปจอดที่เมืองนึง เราถามเขาว่า จอดรออะไร เขาตอบมาว่า จอดรอคนอีกคนนึง เอ้า!!! เราเหมานะเห้ยยย

แล้วมันก็วนเข้าไปในโรงแรม แล้วก็มีผู้ชายอีกคนเดินมา ท่าทางนักเลงเลย


เราเลยบอกว่า เราให้ไปด้วยไม่ได้ เพราะไม่ได้ตกลงไว้ก่อน เเละครั้งนี้เราก็เหมามาด้วย

คุยกันสักพักสุดท้าย มันก็ยอม ด้วยอาการโมโหเรานิดๆ โยนข้าวของหน่อยๆ

แต่ก็ยังขับปกตินะครับ ไม่มีกระทืบคันเร่ง ปาดแซงซ้ายขวานะครับ


สุดท้ายก็พาเรามาส่งถึง Mrs.Pandad Hostel จนได้

คืนนี้ เรานัดกับอาตง ที่ล่วงหน้ากลับมาก่อนเราวันนึงไว้ (บ้านอาตงอยู่ไม่ไกลจาก Hostel ที่เราอยู่ เดินมาหากันได้)


บ่ายสามกว่า ด้วยความที่ยังไม่ได้กินข้าวกันเลย เลยไปจัดสเต๊กที่อยู่แถวที่พัก อารมณ์เดียวกับซิสเล่อร์ คือสั่งสเต๊ก ตักสลัดกับขนมฟรี

แหม่ ไม่ได้กินแบบนี้มานาน จัดกันอย่างสาสมใจ



คัสตาร์ดอร่อยมากๆๆๆๆๆๆ ร้านชื่อ Zunpin Beefsteak พิกัดร้าน อยู่ใกล้ๆขนส่ง Xiennamen ฝั่งเดียวกันเลยครับ เดินเลยไปประมาณ 200 เมตร ร้านมีสัญลักษณ์รูปกระทิง เดินเข้าไปมีกระทิงตั้งหน้าร้าน


พอหกโมง อาตงก็มา พาไปกินข้าว โอ้วววโหวว ของเก่ายังไม่ย่อยเลย อางตงพาไปร้านสไตล์ Hotpot จุ่มหม้อใหญ่ๆ เหมือนเลี้ยงส่งพวกเรา

เราก็กินกันนิดหน่อย กินไป คุยไป พิกัดร้านนี้อยู่ก่อนถึงร้านสเต๊กเมื่อกี้นี้ประมาณ 50 เมตร


เรานั่งกินไป คุยไปจนถึงเวลานึง อาตงก็พาเราทุกคนไปเดินเล่นที่ตลาดเก่า Jingli (อ่านว่า จิงหลี่)

บรรยากาศคึกคัก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีน และต่างชาติ

ลุงแกนั่งวาดรูป "ในขวด"

ที่นี่ก็จะอารมณ์ตลาดน้ำบ้านเรา มีของกิน ของที่ระลึก และนักท่องเที่ยวทั้งจีน และต่างชาติเยอะแยะไปหมด ดูคึกคักดี บรรยายกาศก็ดี เราเดินกันจนตลาดปิด แล้วก็กลับมาที่ที่พัก เตรียมนอน

ยังไม่วาย ก่อนนอนยังจะเอากล้อง ติดขาลงมาถ่ายรูปเมืองเฉิงตูยามค่ำคืน เก็บเป็นที่ระลึก เอ้า ไหนๆมาแล้ว ก็ต้องให้ครบถ้วนสิน่าาาา เน้อะะะ


7 พ.ค. 2560
บ๋าย บาย ไขน่า
วันนี้เรากลับแล้ว อาตง กับหยางหลิน มาส่งที่สนามบิน (ส่วนเหมาเจิงเฮ่า วันนี้มีเรียน) คือ มันเป็นมิตรภาพระหว่างการเดินทางที่ผมถือว่าแน่นแฟ้นนะ ตอนร่ำลากันถึงขั้นเสียน้ำตาเลยทีเดียว ทริปนี้ บอกตรงๆว่า เราโชคดีที่เจออาตง หยางหลิน และอาเหมา ทำให้เราไปไหน ต่อรองอะไรสะดวกขึ้น อาหารการกินที่ว่ายาก อาตงก็จัดการให้ พาไปหาร้านที่อร่อยๆ กลายเป็นเราเจริญอาหารกันเลยก็ว่าได้
สุดท้ายงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เป็นการเดินทางที่คุ้มค่ามากๆ เป็นเส้นทางที่สวยงามมากๆ และที่ที่เราไป เป็นที่ที่สงบมากๆ สงบจนเราได้สัมผัสถึงความอบอวลแห่งศรัทธาของคนที่นั่น

แล้วเราจะกลับไปอีก ....

TrailTrav

www.facebook.com/trailtrav


**** คร่าวๆสำหรับทริปนี้ ****

ค่าตั๋วไป-กลับ BKK - Cheng Du - BKK : 7,532 บาท

ค่าอาหาร ที่พัก ค่าเดินทาง ค่าจุกจิก : 11,145 บาท

ค่าประกันการเดินทาง MSIG : 1,005 บาท

ค่าเดินทางไปสนามบิน ค่าซิม ค่าwrapกระเป๋า : 500 บาท

ค่าเดินทางกลับจากสนามบิน สวภ. : 105 บาท

อาจจะมีอะไรขาดเกิน เพราะจำไม่ได้บ้าง แต่ก็จะบวกลบจากนี้ไม่มากครับผม


**รวม เราจ่ายไป 20,287บาท



คือ อาจจะเพราะเราไปกับ 8 คน เก็บส่วนกลางคนละ 2,000หยวน(ก็ประมาณ 10,000บาท) เพื่อให้เป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร สั่งมาทานด้วยกันครับเลยประหยัดลงไปได้

ความคิดเห็น