ชีวิต Slow Life ที่ใครๆ ก็นีกถึงชีวิตเดินช้า กับการปล่อยเวลาให้ไหลผ่าน ในบางมุมหนึ่งของช่วงชีวิต ไม่มีใครที่อยากให้เร่งรีบตลอดไป

และก็ไม่ได้อยากมีใครที่อยากให้ช้าตลอดกาลด้วยเช่นกัน

แต่หากวันหนึ่ง วันที่เราเลือกอยากใช้ชีวิตเดินช้า อยากเลือกสถานที่พักผ่อน เพื่อชาร์ตแบต เพื่อปล่อยเวลาเรื่อยๆ แบบไม่เร่งรีบ

เราคนหนึ่งนะ ที่มักจะเลือกเข้าหาการพักผ่อนกับธรรมชาติ

เขาใหญ่ ธรรมชาติใกล้กรุงเพียง 2.5 ชั่วโมงของการขับรถยนต์ เราไม่ได้ไปเขาใหญ่นานมากแค่ไหนแล้ว ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน

และวันหนึ่งเราก็ถูกเชิญให้มาพักผ่อนที่นี่ เราจึงตอบรับไปอย่างยินดี


โบทานิก้า เขาใหญ่



เราจึงขอใช้ทริปนี้ที่พักแห่งนี้ เป็นทริปแห่งช่วงเวลาแห่งการเดินช้า ช่วงเวลาของการพักผ่อน ในพื้นที่สีเขียว ที่โอบล้อมธรรมชาติ


พร้อมทั้งมาสูดอากาศให้เต็มปอดหลุดวังวนจากชีวิตในเมืองหลวงชั่วครู่

มาพักผ่อนที่นี่กันสักคืนนะคะ

คุณล่ะ พร้อมที่จะร่วมไปสูดกลิ่นไอโอโซนด้วยกันกับเรามั้ย

เขาใหญ่ ในหน้าฝน ^^




การเดินทาง มาโบทานิก้า เขาใหญ่ เริ่มจากถนนต่างระดับปากช่อง เลี้ยวเข้าถนนธนรัชต์ ตรงมาอีก 19 กิโลเมตร โบทานิก้าอยู่ทางขวามือค่ะ ซึ่งเป็นโซนเดียวกับ เดอะกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นรีสอร์ทที่เปิดมานานแล้ว แต่ โบทานิก้า ก็เป็นรีสอร์ทน้องใหม่ ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกับ กรีนเนอรี่เช่นกันค่ะ โบทานิก้า เขาใหญ่ มีระยะทางห่างจาก กทม 200 กิโลเมตรเท่านั้นว่าแล้วก็ไปกันเล้ยยยย


พิกัด GPS : โบทานิก้า14°32'28.0"N 101°22'24.1"E



มาถึงกันแล้ว โบทานิก้า เขาใหญ่ พื้นที่สีเขียว มุมรั้วเป็นไม้ดัดสีเขียวยาวทอดแนวไปตลอดทาง เราชอบมากมุมนี้

ไว้มาถ่ายรูปเล่นกันๆ แต่ตอนนี้น่ะ เข้าไปเช็คอินเข้าที่พักก่อนจ้า เช็คอิน 14.00 น. และเช็คเอาท์ 12.00 น. ของอีกวันค่ะ


พื้นที่ส่วนของ Lobby เป็นแบบ Open Air ค่ะ มีช่องให้ลมผ่านได้รอบทิศทางสังเกตต้นไม้ใหญ่ข้างตึกที่เพิ่งลงใหม่ไม่นานเป็นต้นไม้ที่สูงมากเลยนะคะ เราก็ไม่รู้ว่าขนกันมายังไง เพราะความยาวยาวกว่ารถสิบล้อไปโน่นเลย Smiley


หากใครที่นำรถยนต์มาด้วย ที่นี่เค้ามีที่จอดรถในร่ม อยู่ชั้นใต้ถุนอาคาร แสงสว่างเพียงพอ สะดวกที่จะเดินเข้ามา Lobby และเดินไปยังห้องพักได้นะคะ มีลิฟท์แก้วให้ด้วยค่า



พอมานั่งที่ Lobby พนักงานก็ยก Welcome Drink เย็นๆ พร้อมด้วยผ้าเย็นมาให้ถึงโต๊ะ จิบหน่อยๆ เช็คอินด้วยบัตรประชาชนใบเดียวพร้อมรับคีย์การ์ดห้องพัก

ซึ่งคีย์การ์ดห้องพักเราจะได้มา 2 ใบค่ะ

โบทานิก้า เขาใหญ่ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 5 ไร่ อยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่มรดกโลกเพียง 1.5 กิโลเมตรเท่านั้นค่ะ

และแน่นอนว่า เราได้มาเยือนในพื้นที่สามารถสูดไอโอโซนได้อย่างเต็มปอดแล้วนะคะ ชีวิตเดินช้า ที่โบทานิก้า เขาใหญ่เขาเราได้เริ่มขึ้นล่ะน้าาา

ห้องพักล่ะ ห้องพัก เดี๋ยวก่อนน้าเก็บกระเป๋าที่ห้องพักเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ตอนนี้หิวค่ะ 555

มื้อเที่ยงมาฝากท้องไว้กับห้องอาหารi-Chilli E-saan fusion restaurant ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ค่ะ ไปลื้มรสเมนูแรกกัน ^^


เมนูแรกยกมาแล้วค่า ส้มตำผลไม้เสิร์ฟกับปลาแซลมอนคลุกงาดำ งาขาว กรุบกรอบได้ชิ้นปลาแซลมอนพอดีๆ

จานแรกมาวางตรงหน้า เราก็จัดการหมดในพริบตาเลยอ่ะ 555


เมนูสอง สามยกตามมา อินดี้ที่สุด เมนูสองนี่แหละค่า แกงฟักทองใส่เห็ดถอบแบบครัวไอซีรี่ บอกตรงๆว่าเมนูนี้ไม่เคยทานค่ะ

เหมือนซุปฟักทองนี่ล่ะนะคะ แต่จะมีเห็ดถอบใส่มาด้วย ซึ่งเห็ดถอบน้อยไปหน่อย เราก็คนๆทั้งถ้วยได้มา 2 ชิ้น แบบว่า อยาได้เห็ดเยอะๆ ง่ะ แหะๆ


เมนูสามชื่อย้าว ยาว อกเป็ดอบซอสมะขาม หมูสันในอบซอสพริกลาบเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวขาวและดำ ผัดผักรวมน้ำมันหอย คือรายการที่บอกนี้มาอยู่ในจานเดียวกันค่ะ ได้ลิ้มรสแบบอีสานๆอินเตอร์นะ แต่เราชอบข้าวเหนียวขาว-ดำ ที่ปั้นทรงสอดไส้เหมือนออกมาจากกระบอกข้าวหลามได้ลิ้มรสพร้อมกันทีเดียวด้วย แบบนี้ชอบนะคะ เริ่มอิ่มแล้วสิตอนนี้หากไม่เห็นเมนูสุดท้ายซะก่อน 555



Dessert ยกมาแล้วสาวๆ บนโต๊ะยิ้มกันทุกคน เพราะเราเชือว่า สาวๆเกินกว่า 80% นี่ชอบหวาน แม้ชอบบ่นว่าอ้วนๆก็ตามเหอะนะ รวมทั้งเราด้วย 555

เค้กใบเตย พร้อมไอศครีมวานิลาค่ะ



พร้อมด้วยโฉมหน้าของเซฟคนเก่งที่มาทำอาหารอีสานอินเตอร์ มื้อนี้ให้พวกเราได้ชิมกันค่ะ



โบทานิก้า เขาใหญ่ ได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางสู่เขาใหญ่ ซึ่งจะก่อนจะมาถึงที่นี่เราก็จะได้พบเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติหลายมุมตลอดเส้นทาง

เป็นที่มาของการออกแบบ ให้เป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบด้วยเช่นกันนะคะ

โดยการออกแบบ The Bridge และ Botanica Garden ขึ้นบริเวณกลางพื้นที่ของอาคาร


ท่ามกลางฝนตกเปาะแปะ เกือบทั้งวัน โบทานิก้า หน้าฝน ชุ่มฉ่ำๆ


Family Sweetคือห้องที่เราได้พักคืนนี้ค่า ไปดูกันๆ

โบทานิก้า เขาใหญ่ จะมีห้องพักทั้งหมด 115 ห้องค่ะ มีห้องพักด้วยกัน 8 ประเภท เราไม่ได้เก็บภาพมาให้ชมกันทุก Type นะคะ

ซึ่งภายในห้องพักจะคล้ายๆ กัน จึงขอลงภาพห้องนี้ให้เพื่อนๆ ได้ชมล่ะกัน


หัองพักเป็นแบบ Suiteมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ครัว และห้องนั่งเล่นส่วนกลาง ทุกห้องพักจะมีขนาดกว้าง พร้อมระเบียงส่วนตัว ระเบียงส่วนตัวนี่จะกว้างมากภายในห้องพักเน้นออกแบบสไตล์ Minimalism โดยเน้นความเรียบของวัสดุ และรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ การเลือกโทนสีเพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ในขณะดียวกันก็จะได้ประโยชน์ใช้สอยสูงสุด และเน้นความเป็นส่วนตัวเต็มที่ค่ะ



อย่างเช่นห้องน้ำ ที่จะมีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักให้ครบทุกห้อง



พื้นที่ส่วนกลางของห้องพัก มุมติดผนังจะมีมุมครัวเล็กๆ ให้ด้วยพร้อม มินิบาร์ และเครื่องดื่มในตู้เย็น


ที่นี่ฟรีให้ทุกรายการด้วยนะคะ เลิศ!!


อีกห้องหนึ่ง เป็นห้องนอนใหญ่ค่ะ เราพักห้องนี้ ^^ทุกห้องพักจะมีระเบียงส่วนตัว สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์สีเขียวๆ ของเขาใหญ่ สามารภนั่งเล่นชิวๆ พร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ค่ะ ทั้งหน้าห้องพัก และระเบียงหลังห้องพักเอง



พื้นที่สีเขียวเต็มไปหมดเลยค่า ห้องพักบาง Type จะมีอ่างอาบน้ำอยู่ริมระเบียงนี้ด้วยนะคะ แช่น้ำอุ่นๆ มองวิวเพลินๆ ฟิน ^^



พื้นที่ส่วนกลางของรีสอร์ท เก๋ๆ แปลกตาในการดีไซน์ค่ะ เพราะสีสัน สร้างได้กลมกลืนกับธรรมชาติ

มาเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันหน่อยค่าจะอยู่ระหว่างอาคารสองฝั่ง



Botanica Suite with Plunge Pool

มาเก็บภาพห้อง Type นี้มาฝากเพื่อนๆ กันหน่อยค่า ห้องนี้จะมี 1 เตียงใหญ่ ครัว พื้นที่ห้องนั่งเล่น


และอ่างแช่น้ำนะคะ อ่างแช่นี่คือแช่ตัวนะคะ แบบ Open Air ซะด้วย


มินิบาร์ที่ห้องพักเราไม่ได้ถ่ายเก็บภาพไว้นะคะ ไม่ได้เปิดทานไรนอกจากน้ำด้วย เพราะอิ่มตั้งแต่ข้างนอกมาแล้วค่ะ 555

อยู่ในตู้เย็นจะเป็น สเน็ค ขนมขบเคี้ยว ช็อคโกแลต และน้ำแร่ ตลอดจน นมกล่อง น้ำผลไม้ค่ะ ไม่มีแอลกอฮอลล์

ถ้าอยากได้แอลกอฮอลล์ล่ะต้องสั่งเพิ่มมานะคะ


พื้นที่ส่วนกลางของโบทานิก้า เขาใหญ่ สำหรับคนรักสุขภาพ ^^



มาแล้วๆ มุมนี้ไง รั้วไม้ดัดที่เราชอบมากของ โบทานิก้า เขาใหญ่ มาเดินเล่นมุมนี้อย่าลืมเก็บภาพสวยๆ เป็นที่ระลึกกันนะคะ



ช่วงเวลาเดินช้าของเราคืออะไร คือการเดินชมทุกสิ่งรอบๆ ตัวอย่างช้าๆ ซึ่งเราจะได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ผ่านตาไปมา สิ่งไหนที่อยากเก็บเป็นที่ระลึกก็จะเก็บภาพไว้ ชีวิตการพักผ่อนที่ไม่เร่งรีบ ชีวิตการพักผ่อนที่เดินปล่อยเวลาไปเรื่อยๆเราเชื่อนะว่า ความชอบ และความประทับใจและความรู้สึกดีดี จะตามมา



หลังจากเดินเล่นในพื้นที่รีสอร์ทจนเย็น ก็เข้ามาใน Lobby ของโบทานิก้า กันต่อค่ะ เพราะเราอยากเห็นว่าแสงเย็นที่ Lobby จะเป็นอย่างไร



จะมีเรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยถูกใจเรามากนัก นั่นคือระบบ WiFi ของที่นี่ค่ะ


เมื่อเราไปถึงห้องพักชั้น 3 เปิดใช้คอมทำงานหน่อย ซึ่งรหัส WiFi จะเป็นหมายเลขของห้องพักเลย ต่อติดยากมาก แต่พอต่อแล้วก็หลุดอีก หลุดๆ ติดๆ จนเบื่อไปเลย ไม่เล่นล่ะ 555 คิดอีกแง่หนึ่งคือ พื้นที่ในการพักผ่อนไง เค้าต้องการให้พักผ่อนเต็มที่ๆ จึงอยากให้ตัดขาดจากโลกโซเซียลสักวันหนึ่งล่ะมั้ง ^^


พื้นที่สีเขียวและการจัดสวน ระหว่างทางเดินภายในรีสอร์ท


พื้นสูงไม่เท่าไหร่ ต้นไม้ที่เราบอกว่าจะมีต้นไม้สูงๆที่ปลูกในนี้ด้วย ยังสูงกว่าอีกเท่าตัวจริงๆนะคะ

ภายในรีสอร์ทเงียบนะ เป็นที่ๆ แห่งการพักผ่อนได้ดีเลยทีเดียวบรรยากาศยามเย็นในห้องพักของเรานะคะ จะบอกวา ไม่ทันได้ทาน Welcome Fruit เล้ย ให้มาเยอะมาก 2 ชุด เราก็ไม่ได้ทานนะ แอบเสียดาย 555

เพราะอิ่มตั้งแค่ข้างนอกมาเยอะแล้วค่า อิอิ


ห้องน้ำของห้องพักเราแบบ Family Sweet มีแยกโซนเปียก โซนแห้งให้ด้วย พร้อมอ่างอาบน้ำแบบเคลื่อนย้ายได้อยู่ภายในค่ะ



สระว่ายน้ำส่วนกลางของ โบทานิก้า เขาใหญ่ ที่จะมีให้ 2 สระ นั่นคือ สระลอยฟ้าซึ่งสุดขอบสระจะดีไซน์เป็นกระจกใสด้วยนะคะ

ยิ่งเมื่อมองจากตึกอีกฝั่งหนึ่งมองมาที่สระว่ายน้ำลอยฟ้าจะสวยมากรับลมเย็นๆ ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่เขาใหญ่กันได้เล้ย


สระว่ายน้ำแห่งที่สอง กว้างกว่าสระลอยฟ้าหน่อย จะอยู่ด้านหลังรีสอร์ท ใกล้ๆ One-up Bar ที่ให้บริการเครื่องดื่มและอาหารว่าง

ระหว่างเล่นน้ำเพลินๆ ที่นี่ไปด้วยแบ่งชั้นเป็นสระเด็ก สระผู้ใหญ่ด้วยนะคะ และสระว่ายน้ำเป็นแบบระบบเกลือค่ะ


ช่วงวันหยุดลูกค้าจะเต็มเกือบทุกห้องนะคะ ดูจากไฟที่ห้องพัก เปิดเกือบหมดเลยค่า



ใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำแห่งที่สองเช่นกัน จะมีห้องอาหาร Tempo Restaurant ที่เป็นห้องอาหารหลักของ โบทานิก้า เขาใหญ่

ปลูกต้นไผ่ไม้ประดับเพิ่มกันอีกหลายจุด ลู่ลมไหวๆ ได้อย่างดี

แต่เราชอบมุมชิลๆ ริมน้ำมากกว่านะคะ เห็นลูกค้าคนอื่นมานั่งเล่นพร้อมไฟสว่างไสวด้วยเล็กๆ โรแมนติกดีอะ มุนนี้ แบบว่าอยากได้โมเม้นท์นี้บ้าง 555


ห้องอาหาร Tempo Restaurant

ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักของโบทานิก้า เขาใหญ่ค่ะ เราจะมาทานมื้อเช้ากับเย็นที่นี่


การตกแต่งภายในห้องอาหาร ดีไซน์เค้าเก๋นะ ใช้เชือกเส้นใหญ่มาขึงกั้นกลางไว้ภายในห้องอาหร รวมทั้งยังเน้นความเรียบหรูของวัสดุทีใช้ รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องอาอาหารตามคอนเซปต์ของทางรีสอร์ทอีกด้วยค่า



Dinner มื้อนี้ของเราชอบเกือบทุกเมนูนะคะโดยเฉพาะปลา และเมนูปิดท้าย white chocolate & papaya mousse

พร้อมมผลไม้แกะสลักแบบน่ารักๆ บอกแล้วว่าเราชอบหวาน เลยโปรดปราณเมนูนี้เป็นพิเศษไง อิอิ

(ชื่อเมนูอื่นๆ ขอแปะไว้ก่อนนะคะ ><)


Good Morning ยามเช้ากับบรรยากาศสระว่ายน้ำทั้งสองแห่งของโบทานิก้า เขาใหญ่ค่าาาาา



Breakfast ยามเช้า ณ ห้องอาหาร Tempo Restaurant เช่นเคยค่ะ

อาหารเช้าหลากหลาย เยอะมั้ยในความรู้สึกเรา เยอะค่ะ แต่เราเก็บภาพมานิดหน่อยเองแบบว่าเกรงใจลูกค้าคนอื่นด้วยค่า

อาหารทุกอย่างมีเติมมาตลอดนะคะ ชอบๆเป็นพิเศษ ขวดใส่โยเกิร์ตรสต่างๆ ที่นี่เค้าจะใส่ขวดพร้อมตักทานได้เลย


ข้าวต้มเผ็ดๆ ยามเช้าเลยเรา



ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยหรือนานาชาติก็มีให้นะคะ ลองสอบถามกับพนักงานว่า มีเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ทุกวันมั้ย ก็ไม่นะ ถ้ามีลูกค้าเกิน 15 คนขึ้นไป ก็จะเป็นแบบบุฟเฟต์ค่ะ แต่หากวันไหนไม่ถึงก็จะมีการจัดอาหารเป็นชุด เป็นเซ็ตให้กับลูกค้าแทนค่ะ
เอาล่ะๆ พร้อมจะไปต่อกับเราอีกหรือยัง

เพราะมาเขาใหญ่ก็ไม่ได้มาหยุดแค่นี้นี่นะคะ

เรายังมีความตื่นเต้นและเสียงกรี๊ดตามมาอีกด้วย ไปค่ะ ไปกันๆ






Cumming Soon กับ Scenical world

สวนสนุกแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเป็นทางการเร็วๆ นี้กลางเขาใหญ่


THE GOLD RUSH รถไฟปู้นๆ คันนี้จะพาเราและคณะไปท่องโลกแห่งความสนุกที่ Scenical World กันนะคะ



เลื่อนผ่าน วิ่งผ่านไปทั่วScenical Worldก่อนมีอะไรที่น่าตื่นเต้นบ้าง ระหว่างทางก็จะได้ยินเสียงกรี๊ดๆ ตลดเวลาจากหลายเครื่องเล่น จนเราต้องมองตามต้นเสียงว่ามาจากไหนกันบ้าง 555


ที่เราจะเห็นมาระหว่างนั่งรถไฟไปก็จะมี

Adventure Zone

สนาม Speed Way รถแข่งให้ซิ่งกันอย่างสุดมันส์

ZORB ลูกบอลยักษ์ ที่กลิ้งลงมาจากเนินเขา

Space Shuttle

พายุ Typhoon Tower


ยังมีเครื่องเล่นอื่นๆ อีกนะคะ ที่เราไม่รู้จักชื่อ เอาเป็นว่ามีเยอะมาก และถือว่ามีพื้นทีสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

ยังไม่ชัวร์นะคะว่าเป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในไทยหรือไม่

ตอนนี้ยังสร้างไม่เสร็จ ยังไม่เปิดเป็นทางการนะคะ เรามาขอทดสอบ ลองเล่นกันหน่อย

เห็นว่าจะมีเปิดทางการ ตุลาคม 2558 นี้รับวันปิดเทอมเด็กๆ ด้วยคงชอบ ^^


อะแห่มๆ ด่านวัดใจของเรามาล่ะน้าาา


ก่อนเล่นต้องเซ็นต์ยินยอมด้วยนะคะ ใครหัวใจอ่อนไหว เป็นโรคหัวใจไม่แนะนำให้ลองเด็ดขาด ส่วนใครที่เป็นโรคหัวใจขาดรัก ขาดแฟน อันนี้ลองได้ อาจจะตื่นเต้นพอๆ กับการมีแฟนก็เป็นได้นะ



ว่าแล้วก็มาลองกันเล้ยยย จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยเช็ค เครื่องมือและทดสอบทุกจุดให้แต่ละคนเองเลยค่ะ ระหว่างล็อคกับตัวเครื่องเล่น

ความสนุกก็บังเกิดเราน่ะจิ๊บๆ ผ่านได้หมด ทำไงๆ อยากรู้ใช่มั้ย เวลาเครื่องขึ้นสูงหมุนแรงๆ นี่หลับตาอย่างเดียวเลยค่า 555


และจุดอลังการงานสร้างของ Scenical world ต้องยกให้นี่เลยค่า

สวนน้ำระดับโลกที่มีพื้นที่ใหญ่มากกกก หลายจุด อยากเห็นแล้วสิว่า ถ้าเปิดเป็นทางการจะสวนแค่ไหน

นับวันรอเล่นกันอีกรอบเลย ตุลาคมนี้ ^^


การเดินทางไหน ๆย่อมมีการเริ่มต้น และสิ้นสุด แต่สิ่งที่เราจะได้รับตลอดจากการเดินทางนั้นคือ

ประสบการณ์ และการแบ่งปัน ณ พื้นที่แห่งนี้ ซึ่ง Google หารีวิวรีสอร์ทของ โบทานิก้า เขาใหญ่จะมีข้อมูลให้น้อยมาก

จนเรียกได้ว่า แทบไม่มีเลยนะคะ

รีวิวในฉบับนี้ จึงขอเป็นข้อมูลพื้นฐาน และบางส่วนที่จะทำให้เพื่อนๆ ได้รัก โบทานิก้า เขาใหญ่ มากยิ่งขึ้น

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อกับเรา สามารถติดตามได้ที่

https://www.facebook.com/RinsaYoyoliveTravelBlogger



ท้ายที่สุด ขอขอบคุณทุกๆ คนที่มาทักทาย มาติดตามกัน หากมีข้อมูลส่วนไหนผิดพลาด

ขออภัย มา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ ^^

RinSa YoyoLive



ความคิดเห็น