เชียงใหม่ นอกจากจะมีความงดงามทางธรรมชาติแล้ว ยังมีอีกหนึ่งความงดงาม ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ นั่นคือความงดงามทางวัฒนธรรม เชียงใหม่มีวัดมากมาย หลายๆ วัดมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนวัดใดๆ วันนี้ผมจะมาแนะนำ 5 วัดเด็ดในเชียงใหม่ ที่ไม่ควรพลาดครับ
1. อาศรมพรหมธาดาพุทธาสถาน อ.จอมทอง
สำหรับการเดินทางมายังอาศรมพรหมธาดาพุทธาสถานให้ใช้เส้นทางเดียวกับที่มายังวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารเลยครับ เมื่อเลยวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารไปจะเจอสถานีตำรวจจอมทองและสี่แยกไฟแดง ให้เลี้ยวขวา แล้วตรงไปอย่างเดียวเลยครับ ขับไปเรื่อยๆ จนจะเห็นองค์เจดีย์สีขาวๆ ตั้งเด่นอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ เส้นทางอาจจะเปลี่ยวสักหน่อยครับ
จะมองเห็นป้ายบอกชื่ออาศรมให้เลี้ยวขวา ขับรถมาเรื่อยๆ จะผ่านประตูวัดแรก บริเวณนี้จะไม่มีที่จอดรถครับ แนะนำว่าให้ขับรถต่อขึ้นไปอีกหน่อย จะมองเห็นแคมป์ด้านซ้ายมือ สามารถจอดรถได้ ณ บริเวณแคมป์ เนื่องจากว่าภายในวัดไม่มีที่จอดรถครับ หากว่าเราหาที่จอดรถที่ประตูแรก เราจะต้องเดินขึ้นบันไดไปด้านบนอีก เลยแนะนำว่าให้ไปจอดรถที่แคมป์จะสะดวกที่สุดครับ
นับว่าเป็นความโชคดีของผมที่ผมแว๊บเข้าวัดที่ประตูแรก เป็นจังหวะที่มีโยคินี (หญิงผู้มาปฏิบัติธรรม) นั่งอยู่ตรงนั้นพอดี (ถ้าผู้ชายจะเรียก โยคี) ได้มีการพูดคุยสอบถามกันเล็กน้อยว่าผมมาจากไหน รู้จักอาศรมได้อย่างไร ผมก็เลยเล่าให้โยคินีฟัง โยคินีเลยบอกว่าจะแจ้งพระลูกวัดที่อยู่ด้านบนเพื่อนำผมชมบริเวณรอบๆ อาศรมครับ
จากประตู 1 ผมนำรถมาจอดที่แคมป์ จากนั้นเดินเท้านิดหน่อย ก็มีพระมายืนรอต้อนรับอยู่ด้านหน้าครับ อ้อ ที่นี่มีกฎการเยี่ยมชมอยู่ 1 ข้อ คือ ห้ามนำอาหารที่มีเนื้อสัตว์, อาหารที่มีส่วนผสมของไข่ รวมถึงสิ่งเสพติดและของมึนเมาทุกชนิดเข้ามาในอาศรมครับ
เมื่อปี พ.ศ.2547 กำนันปั๋น พร้อมด้วยชาวบ้านได้อาราธนา “ครูบาตรัยเทพ จันทวัณโณ” ขณะนั้นท่านยังจำพรรษาอยู่ที่อารามห้วยบง ต.ดอยหล่อ กิ่ง อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ มาอยู่ที่อาศรมพรหมธาดาพุทธาสถานแห่งนี้ คณะผู้มีจิตศรัทธาได้มาช่วยกันก่อสร้างกุฏิและสถานที่ปฏิบัติธรรม ตลอดจนสร้างถาวรวัตถุต่างๆ มากมาย จนกระทั่งปัจจุบัน
พระท่านพาผมแวะไหว้พระเป็นจุดแรก ด้านในมีทั้งพระพุทธรูป รูปหล่อของเกจิ รูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิม รวมถึงองค์เทพของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูครับ
จุดต่อไป คือสิ่งที่ดึงดูดให้ผมมาที่นี่ นั่นคือ พระมหาธาตุเจดีย์ไตรรัตนพุทธญาณรังสีปฐวีมงคล พระมหาธาตุเจดีย์ที่จำลองสถาปัตยกรรมมาจากเจดีย์โพธินาถ สถูปที่ตั้งอยู่ ณ กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เจดีย์โพธินาถ หมายถึง “พระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่ง”
ด้านหน้าองค์มหาเจดีย์มีรูปปั้นองค์มหาเทพตามความเชื่อฮินดูอยู่ด้วยครับ
พระมหาธาตุเจดีย์ไตรรัตนพุทธญาณรังสีปฐวีมงคลสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 องค์พระเจดีย์มีฐานทรงดอกบัวตูม ศิลปะค่อนไปทางธิเบต เห็นได้ชัดจากรูปแบบการก่อสร้างฐานสถูปที่อิงคติปริศนาธรรมมัณฑลา อันเป็นรูปธรรมนิมิตตามคติพุทธศาสนาแบบทิเบต ในความหมายเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ต่างๆ ในขณะรู้แจ้ง
พระมหาธาตุเจดีย์ไตรรัตนพุทธญาณรังสีปฐวีมงคลสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 องค์พระเจดีย์มีฐานทรงดอกบัวตูม ศิลปะค่อนไปทางธิเบต เห็นได้ชัดจากรูปแบบการก่อสร้างฐานสถูปที่อิงคติปริศนาธรรมมัณฑลา อันเป็นรูปธรรมนิมิตตามคติพุทธศาสนาแบบทิเบต ในความหมายเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ต่างๆ ในขณะรู้แจ้ง
มีตัวมอม 2 ตัว อยู่บริเวณด้านล่างของซุ้มประตูทั้ง 4 ทิศ ตัวมอมแต่ละตัวมีลวดลายและสีสันสวยมากๆ ครับ
บริเวณโดยรอบขององค์เจดีย์ สามารถชมวิวมุมกว้างได้ แต่มุมที่สะดุดตาผมที่สุดเห็นจะเป็นมุมนี้ครับ มองเห็นนาขั้นบันไดด้วย
มาดูด้านในองค์พระมหาธาตุเจดีย์กันบ้างครับ ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระนามว่า “พระพุทธสัตตนาคะราชาจันทราประภาตถาคต” ปางนาคปรกทรงเครื่องมหาจักพรรดิ์ พระราชาอันยิ่งใหญ่เป็นจอมไตรโลกนาถ นั่งบัลลังก์ดอกบัวบนพญานาค 7 ตน 7 เศียร
นอกจากนี้ยังเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธาตุส่วนสำคัญต่างๆ ได้แก่ ต้นพระหนุ (กรามเบื้องขวา) พระเกศาธาตุ พระผาสุกะ (ซี่โครง) พระเศียร และพระธาตุส่วนของอ่อน เช่น เนื้อ หนัง ตับ ไต กระเพาะ และสัณฐานต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังบรรจุพระอรหันตธาตุของพระอรหันต์สาวกในครั้งสมัยพุทธกาล ได้แก่ พระโมคคัลลาน พระสารีบุตร พระอานนท์ พระราหุล พระสีวลีครับ
ที่ผนังมีจิตกรรมฝาผนังเป็นภาพทางพระพุทธศาสนา ศิลปะทิเบต เช่น ภาพพระพุทธเจ้า และพระมหาโพธิสัตว์องค์ต่างๆ งดงามมากๆ ครับ
ด้านข้างของพระมหาธาตุเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระไตรโลกนาถ หน้าตาดูอิ่มเอิบเชียวครับ
จากนั้นพระได้นำผมเข้ามาไหว้พระอีกหนึ่งจุด ด้านในมีทั้งรูปปั้นองค์เทพตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อย่างเช่น พระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ และยังมีรูปปั้นของพระโพธิสัตว์หรือองค์เทพตามความเชื่อของจีน ศาสดาของศาสนาคริสต์ ซึ่งครูบาเจ้าตรัยเทพ ให้เหตุผลของการสร้างสิ่งเหล่านี้ว่า ไม่ต้องการให้ยึดติดเฉพาะนักบวชหรือนักปฏิบัติในพุทธศาสนาเท่านั้นครับ
นอกจากนี้ยังมีสรีระสังขารของ หลวงปู่จันทา อนากุโล อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าเกษมสุข อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วทำไมสรีระสังขารของท่านถึงไม่อยู่ที่วัดป่าเกษมสุข แต่มาอยู่ที่อาศรมแห่งนี้ได้อย่างไร เหตุเพราะหลวงปู่จันทาได้พบเห็นอาจารย์ของท่านซึ่งมรณภาพไปแล้วมาเกิดใหม่เป็นครูบาที่มีอายุน้อยทางภาคเหนือ เมื่อหลวงปู่จันทาเห็นรูปถ่ายของครูบาเจ้าตรัยเทพ ก็ทราบโดยญาณบอกว่านี่คืออาจารย์เบื้องบนของท่าน ต่อมาภายหลังหลวงปู่จันทาอาพาธหนัก ท่านได้สั่งเสียคนใกล้ชิดว่าหากท่านมรณภาพ ให้นำสรีระสังขารของท่านมาไว้ที่อาศรมแห่งนี้ เพียงเพราะว่าจะได้มาอยู่อาศรมเดียวกับครูบาเจ้าตรัยเทพครับ
จริงๆ แล้ว ภายในอาศรมยังมีจุดที่น่าสนใจอีกเยอะเลยครับ แต่เนื่องจากผมมีเวลาน้อย พระท่านเลยพาไปชมอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นก็คือถ้ำจำลอง ด้านในเป็นที่บรรจุอัฐิธาตุเช่นกัน
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจของอำเภอจอมทอง นอกเหนือจากพระธาตุจอมทอง หากเพื่อนคนใดผ่านไปผ่านมาแถวจอมทองลองแวะเข้าไปสัมผัสศิลปะแปลกๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นในเมืองไทยดูครับ
2. วัดอุโมงค์
วัดอุโมงค์ เป็นอีกหนึ่งวัดที่สำคัญของเชียงใหม่ ออกแบบเป็นไปตามแบบพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ ต่อมามีการสร้างอุโมงค์ขึ้นในบริเวณวัด จึงเป็นที่มาของชื่อวัดอุโมงค์ครับ
เนื่องจากวัดอุโมงค์เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมด้วย ทำให้ที่นี่ค่อนข้างสงบ และร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ ดูสดชื่นมากๆ ครับ
มุมบันไดตรงนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่บาหลีเลย
จุดที่น่าสนใจในวัดอุโมงค์ ผมว่าน่าจะเป็นอุโมงค์ใต้พระเจดีย์ 700 ปี ที่ไม่สามารถพบเห็นได้จากวัดทั่วไปครับ
ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ทำให้แนวกำแพงของอุโมงค์ถูกปกคลุมไปด้วยมอส ดูไม่ต่างกับกำแพงที่ถูกปูพรมเลยครับ
ภายใต้พระเจดีย์จะมีอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกันถึง 4 อุโมงค์ แต่ที่ด้านหน้ากำแพงเราจะเห็นเพียง 3 อุโมงค์ เมื่อเดินเข้าไปในอุโมงค์เหมือนได้เดินย้อนกลับเข้าไปในอดีต เพดานอุโมงค์ปรากฏร่องรอยของภาพเขียนสีน้ำมัน ที่ดูชำรุดลบเลือนเป็นอย่างมาก
ด้านบนของอุโมงค์เป็นที่ตั้งของเจดีย์ที่มีอายุเก่าแก่ของล้านนา รูปแบบของเจดีย์เป็นเจดีย์ทรงระฆังกลม ลักษณะเหมือนกลีบบัวซ้อนกันอยู่ ด้านบนมีปลียอด ซึ่งการสร้างเจดีย์ลักษณะนี้ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบพุกามครับ
ผมว่าวัดอุโมงค์เป็นอีกหนึ่งวัดที่ไม่ควรพลาดชมหากมาเที่ยวเชียงใหม่ เพราะวัดในลักษณะนี้หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว การเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ยาก เพราะวัดอุโมงค์อยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครับ
3. วัดศรีสุพรรณ
วัดศรีสุพรรณ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2043 เป็นอีกหนึ่งวัดที่เก่าแก่ในเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในย่านถนนวัวลายครับ
ภายในพระวิหารทรงล้านนา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธประวัติและชาดก มีการวาดลวดลายเป็นพระมหาเจดีย์ที่สำคัญๆ หลายแห่ง ตามเสาประดับด้วยลวดลายสีทอง งดงามมากครับ
ถัดจากพระวิหารทรงล้านนา เป็นที่ตั้งของหอไตร เคียงคู่อยู่กับพระอุโบสถหลังเงิน อุโบสถหลังนี้แหล่ะครับที่ทำให้ผมต้องมาที่วัดศรีสุพรรณ
พระอุโบสถหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนพระอุโบสถหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมลงไป โดยได้นำเอาโลหะเงินและดีบุกเข้ามาเป็นวัสดุหลักในการปฏิสังขรณ์ บวกกับฝีมือและภูมิปัญญาของช่างท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องเงิน จึงทำให้พระอุโบสถหลังนี้เป็นพระอุโบสถเงินทรงล้านนาหลังแรกของเมืองไทยครับ
ภายนอกพระอุโบสถ รวมถึงหลังคา ประดับด้วยเครื่องเงินที่มีลวดลายวิจิตรอลังการ ด้านหลังเป็นงานดุนลายบอกเล่าเรื่องราวในพุทธประวัติและความเป็นมาของพระเจ้าเจ็ดตื้อ
ซุ้มประตูทางเข้า มีการดุนลวดลายเป็นองค์เทพพนม
ส่วนบนของปีกซ้ายและขวา จำลองเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท สวยงามมากๆ ครับ
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธปาฏิหาริย์ (พระเจ้าเจ็ดตื้อ) พระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อทองสัมฤทธิ์ ดูอร่ามเรืองรอง โดดเด่นขึ้นมาจากลวดลายของแผ่นเงิน งดงามมากๆ ครับ
และถ้าหากสังเกตดีๆ ที่พระบาทซ้ายของพระเจ้าเจ็ดตื้อ จะเห็นร่องรอยของกระสุนปืนที่มีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลก เนื่องจากบริเวณวัดศรีสุพรรณเคยเป็นฐานที่มั่นของกองทัพญี่ปุ่น โดยใช้หอไตรเป็นหอบัญชาการ เมื่อกองทัพญี่ปุ่นถูกศัตรูบุก กระสุนปืนจึงมาโดนที่พระบาทซ้ายของพระเจ้าเจ็ดตื้อ ปรากฏเป็นร่องรอยให้เห็นจนถึงปัจจุบันครับ
ผนังด้านในของอุโบสถเป็นที่บรรจุอัฐิธาตุของพระหลายองค์มากครับ
ในวันที่ผมไป บริเวณใกล้ๆ พระวิหารทรงล้านนา มีช่างกำลังดุนลายของแผ่นเงินอยู่พอดี เห็นแล้วต้องยอมรับฝีมือของช่างทุกคนที่ร่วมกันสร้างพระอุโบสถเงินหลังนี้จริงๆ ครับ แต่ละลวดลายต้องใช้ความประณีตบรรจงในการลงลายเป็นอย่างมาก ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนมาเที่ยวเชียงใหม่ แนะนำว่าไม่ควรพลาดมาชมพระอุโบสถหลังเงินแห่งนี้นะครับ รับรองเพื่อนๆ ต้องตะลึงในความงดงามแน่ๆ
4. วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ถือเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดปีมะโรง หากได้มานมัสการจะเป็นมงคลสูงสุดทำให้อายุมั่นขวัญยืน มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไปครับ
ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน ภายในวิหารโดดเด่นด้วยจิตกรรมฝาผนังเรื่องสุพรรณหงส์และสังข์ทอง ซึ่งพบเพียงที่นี่แห่งเดียวครับ
ด้านข้างของพระอุโบสถแลเห็นหน้าต่างขนาดใหญ่ตีเป็นช่องแบบไม้ระแนง แต่ภายในเป็นหน้าต่างจริง มีลวดลายจิตกรรมฝาผนังที่ละเอียดอ่อนงดงาม
บานประตูหน้าต่างลงลักปิดทอง ดูงดงามมากๆ ครับ
5. วัดเจดีย์หลวง
วัดเจดีย์หลวง เป็นอารามหลวงแบบโบราณ มีการบูรณะมาหลายสมัยโดยเฉพาะเจดีย์ นับว่าเป็นพระเจดีย์ที่มีความสำคัญที่สุดองค์หนึ่งในเชียงใหม่เลยครับ วัดเจดีย์หลวงมีสิ่งสักการะหลายอย่าง ได้แก่ เจดีย์หลวง อินทขีล ต้นยางกุมภัณฑ์ พระฤาษี แต่เนื่องจากผมมาถึงดึกแล้ว จึงทำได้เพียงเดินชมโดยรอบองค์พระเจดีย์เท่านั้น
พระเจดีย์หลวงสร้างเมื่อปี พ.ศ.1934 โดยมีความสูง 80 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 56 เมตร ปรับรูปทรงเป็นแบบโลหะปราสาทของลังกา รูปลักษณ์ทรงเจดีย์แบบพุกาม ดัดแปลงซุ้มตรงสี่มุมของมหาเจดีย์ มีรูปปั้นช้างค้ำรายล้อมรอบองค์เจดีย์ รวม 28 เชือกครับ
มาเชียงใหม่แล้ว ลองไปสัมผัสความเด็ดของวัดทั้ง 5 ดูนะครับ
ท้ายสุดนี้ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปให้กำลังใจและติดตามผลงานของผมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/unclegreenshirt นะครับ
ลุงเสื้อเขียว
วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.48 น.