หน้าฝนใคร ๆ ก็กลัวที่จะเดินทาง แต่สำหรับผมแล้ว การเดินทางทุกครั้งมักมีความทรงจำดีดีซึ่งมันจะมาช่วยขจัดสิ่งกลัวเหล่านั้นออกไปได้เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน การเดินทางของผมจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งโดยมีจุดมุ่งหมายที่ บ้านสายหมอกโฮมสเตย์ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

การเดินทางทุกครั้ง ผมจะมีพาหนะคู่ใจไปด้วยเสมอนั้นก็คือ น้อง Mazda 2 รุ่นปี 2012 ไปไหนก็ไปด้วยกัน ไม่เคยงอแง สมรรถนะดีมาก (ไม่มีค่าโฆษณาใด ๆ ทั้งสิ้นนะครับ แต่ต้องให้เครดิตเค้าหน่อย เพราะน้องเค้าดีจริง ๆ บอกเลย)

และการเดินทางครั้งนี้ก็มีผู้ติดตาม เอ๊ะ !! หรือจะเรียกว่าผู้คิดค้นทริปดีนะ เป็นน้องชายคนเล็กของผมเอง เมื่อพร้อมแล้วเราก็เริ่มเดินทางกันดีกว่าเนอะ ร่ายยาวกันมานานระ 555+

การเดินทางไป อำเภอเชียงดาว ไม่ยากนะครับ ขับรถไปตามเส้นอำเภอแม่ริม ผ่านอำเภอแม่แตงแล้วก็จะถึงตัวอำเภอเชียงดาวระครับ ขับรถไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงตัวอำเภอแล้วนะครับ และจากตัวอำเภอเชียงดาวไปยังบ้านสายหมอกโฮมสเตย์ ระยะทางอีกประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีครับ ระยะทางไม่ไกลแต่ถนนค่อนข้างจะแคบ แต่ก็ไม่ได้ลำบากมากนะครับ เพียงแต่ควรขับขี่กันด้วยความระมัดระวังเท่านั้นเอง เนื่องจากจะเป็นโค้งหักศอก เวลาก่อนเข้าโค้งก็ควรบีบแตรเพื่อให้สัญญาณแก่อีกฝั่งหนึ่งด้วยนะครับ อ๋อ !! ที่นี่จะผ่านด่านเก็บค่าบริการด้วยนะครับ 20 บาท/คน , ค่ารถยนต์ 30 บาท/คัน

ภาพแรกที่เห็นก็คือ ลานสำหรับชมวิวกลางบ้านสายหมอกที่เบื้องหลังเป็นวิวเขาสูงชันประดุจเป็นภาพในกรอบรูป คือแบบดีงามมาก ๆ ถ่ายมุมไหนก็สวย แถมอากาศดี๊ดี คือเอาเป็นว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็ได้ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยแถมไม่ร้อน นี่ขนาดขึ้นมาตอนเที่ยงวันนะครับ

ผมได้ทำการจองที่พักมาก่อนนะครับ ถึงแม้จะเป็นช่วงหน้าฝนแต่ที่พักก็มักจะเต็มอยู่ตลอด ใครที่ต้องการจะมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่นี่แนะนำให้จองมาก่อนนะครับ สำหรับที่พักตอนนี้คิดเป็นรายหัวนะครับ มี 2 แบบ คือ บ้านพักราคา 600 บาทต่อหัว และ เต้นท์ราคา 500 บาทต่อหัว ราคานี้รวมอาหารเย็นและอาหารเช้าแล้วนะครับ เพิ่มเติมข้อมูลหน่อยนะครับ ที่นี่จะไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นการเดินถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ทุก ๆ โอมสเตย์ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นญาติ ๆ กันนะครับ

นี่คือวิวที่ถ่ายจากลานกลางโฮมสเตย์บ้านสายหมอกครับ เบื้องหลังคือดอยหลวงเชียงดาว ที่ดูมีความยิ่งใหญ่แต่รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน อบอุ่น และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

แลนด์มาร์คกลางโฮมสเตย์ที่ใคร ๆ ก็ต่างมาเก็บบรรยากาศที่แสนชิลล์ สวยงามแลดูร่มรื่น


อุณหภูมิ ณ เวลา 12.00 น. อยู่ 25 องศา อากาศดีมากครับ

เนื่องจากที่โฮมสเตย์ไม่มีกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างอื่น จึงได้คำแนะนำจากน้องเจ้าของที่พักว่า ที่เมืองคองซึ่งอยู่ห่างจากโฮมสเตย์ประมาณ 20 กิโลเมตรนั้น เป็นหมู่บ้านที่คล้าย ๆ กับปายในอดีต ที่มีวิวทุ่งนาที่กว้างใหญ่เหมาะสำหรับการเก็บภาพท้องทุ่งนาอันเขียวขจี ผมก็เลยตัดสินใจลองไปดู เพราะไหน ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว ก็เลยไปให้สุด ๆ กันเลย ระหว่างทางก็เก็บภาพถ่ายกับหินผามาสักหน่อย ซึ่งผมชอบภาพแนวนี้มาก ๆ

ที่นี่มีก๋วยเตี๊ยวราคาชาวบ้านด้วยนะครับ ราคาธรรมดา 20 บาท พิเศษ 30 บาท แม่เจ้า !! จากภาพ เย็นตาโฟราคา 30 บาทนะครับ ดูปริมาณและรสชาติจากการลิ้มลองแล้ว เลยจัดก๋วยเตี๊ยวแห้งมาอีก 2 ถุง อร่อยไม่รู้ลืม 555+

นี่ไงครับ วิวทุ่งนาช่วงลงนาใหม่ ๆ ยังไม่มีกล้าข้าวสีเขียว ๆ ขึ้นมา ถ้าเป็นช่วงข้าวออกรวงผมว่าน่าจะสวยแบบสุด ๆ เหมือนปายในอดีตเลยทีเดียวครับ

ผมว่าที่นี่วิวสวยมากครับ ทั้ง 2 ข้างทางจะมีวิวทุ่งนาเป็นผืนเดียวกัน จริง ๆ รูปแบบนาก็ดูเป็นแบบขั้นบันไดเตี้ย ๆ อยู่นะ มีความลดหลั่นกันของระดับพื้นนา คือถ้ามีข้าวเต็มท้องทุ่งนาระก็ จะเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก

ถนนหนทางก็เป็นเหมือนจากตัวอำเภอเชียงดาวมายังบ้านสายหมอกโฮมสเตย์นะครับ เราต้องขับรถกันด้วยความระมัดระวังด้วยนะครับ ขาไปผมไม่ได้ถ่ายรูประหว่างทาง ขากลับก็เลยขอแชะมาสักภาพกับหลัก กม. ที่ 1 ก่อนถึงเมืองคองนะครับ

กลับมาจากเมืองคองแล้ว ก็มาแวะถ่ายรูปบริเวณบ้านวิวดอยหลวงนะครับ จุดนี้เป็นอีกจุดที่มองเห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวได้อย่างชัดเจน

มีวิวที่นั่งชิงช้าด้วยนะครับ ได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง ..

เริ่มเย็นแล้ว ผมก็ขอจัดภาพจากหน้าเต้นท์ที่พักของตัวเองสักหน่อย

ส่วนผมเองก็มีเพื่อนใหม่อีก 2 ตัว ชื่อเจ้าแบล็คกับเจ้าบราวน์ แลดูนางเฟรนด์ลี่ดีนะ เราอยู่ที่ไหนก็ตามไปที่นั่น (จริง ๆ เวลาเรากินอะไร นางก็จะตามไปที่นั่น ไ่ม่ได้เราจริง ๆ หรอกนะ)

นี่ก็อีกหนึ่งวิวจากบริเวณหน้าเต้นท์ของผมเอง

ภาพบ้านพักของสายหมอกโฮมสเตย์ครับ วันที่ผมเข้าพักบ้านพักเต็มหมด ผมเลยได้พักเต้นท์ ซึ่งเต้นท์จะมีแค่ 2 หลังนะครับ

ภาพแบบพาโนรามาถ่ายจากบริเวณลานกลางโฮมสเตย์ บริเวณด้านข้างจะเป็นอีกโฮมสเตย์หนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ซึ่งจะมีร้านขายของชำอยู่ด้วย

สวยงามกับภาพดอกไม้สีสันสดใสในโฮมสเตย์

สำหรับอาหารเย็นของบ้านสายหมอกโฮมสเตย์จะมีข้าว 1 โถ ไข่เจียว แกงจืดเต้าหู้ กะหล่ำผัดน้ำปลาและน้ำพริกสูตรพิเศษของจากโฮมสเตย์ที่กินกับอะไรก็อร่อย น้ำพริกจะเป็นส่วนช่วยให้อาหารแต่ละอย่างมีรสชาติเพิ่มมากขึ้น อาหารเย็นมื้อนี้ผมให้ผ่านครับ

หลังจากทานอาหารแล้ว ก็เริ่มเดินเก็บภาพบรรยากาศในหมู่บ้านบ้าง ภาพนี้อยู่บริเวณด้านหลังโฮมสเตย์เป็นภาพอาทิตย์ตกดิน แสงสวยมากครับ

เดินขึ้นมาบริเวณกลางหมู่บ้านก็จะเจอลานกลางหมู่บ้าน ตรงนี้น่าจะไม่มีเจ้าของนะครับ เป็นลานตรงกลางสำหรับไว้ให้นักท่องเที่ยวเก็บภาพบรรยากาศรอบ ๆ

มีไม้ไผ่ที่นำมาทำเป็นฟากและมาปูทำเป็นพื้นสำหรับใช้เป็นลานถ่ายภาพ สีดูคลาสสิคและอินดี้อยู่นะครับ เดินสักพักฟ้าก็เริ่มมืดก็เลยกลับเข้ามาเต้นท์เพื่อพักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้เช้าจะได้มีแรงมาเก็บภาพบรรยากาศก่อนเดินทางกลับดีกว่า

เดินมาตอนเช้าก็มีกาแฟ โอวัลตินพร้อมน้ำร้อนมาเสิร์ฟรอหน้าเต้นท์แล้วระครับ มีความสุขมาก ๆ เลยครับ

กาแฟยามเช้าผ่านวิวดอยหลวงเชียงดาว มีความสุขทีเดียวเนอะ

ดอกชบาท้าลมยามเช้า แสงและสีที่สดใส ชวนให้หลงใหลและคลั่งไคล้กับบรรยากาศแทบไม่อยากกลับเลยทีเดียว

ทานกาแฟเช้าแล้ว มื้อเช้ายยังตามมาด้วยข้าวต้มหมูสับร้อน ๆ ด้วยนะครับ ในราคา 500 บาทต่อหัว โคตรคุ้มมาก ๆ ผมว่า ที่นี่ให้มากกว่าความสุขนะครับ

ก่อนจะเดินทางกลับจากที่นี่ ก็เก็บภาพกันแชะ ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะมีโอกาสได้มาดื่มด่ำบรรยากาศแบบนี้อีก เก็บภาพวนไป ๆ

แสงสวย ๆ ก็จะได้ภาพสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ ตามมา

กับแลนด์มาร์กของโฮมสเตย์ ชิลล์มาก

และก็ถึงเวลาเซย์กู้ดบายกับบ้านสายหมอกโฮมสเตย์ ระหว่างทางก็จะมีทั้งวิวเขาและสายหมอกให้เห็นอยู่ตลอดการเดินทาง

สายหมอกกลางหุบเขาตัดผ่านวิวดอยหลวง งดงามและสร้างความสดชื่นให้แก่จิตใจอย่างยิ่ง

สุดท้ายท้ายที่สุด ก็ต้องกลับไปเดินทางตามแผนชีวิตของตัวเอง การเดินทางย่อมสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้แก่เราทุกครั้งเสมอไป ประสบการณ์ที่มีก็จะช่วยให้แผนชีวิตของเรามีเป้าหมายมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน


. . บ้ า น ส า ย ห ม อ ก โ ฮ ม ส เ ต ย์ @ เ ชี ย ง ด า ว . .



FreelyThailand

 วันพฤหัสที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.10 น.

ความคิดเห็น