 
"นครพนม" 
	เช้าวันนี้ก็เหมือนทุกๆวัน
	ผู้คนที่นี่ก็ยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติ ไม่ได้ช้าหรือเร็ว
	เหมือนที่นักท่องเที่ยวหลายๆคน ยกมาใช้ให้มันสโลไลท์ ดูเก๋ๆ 
	หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ก็ยังทำงาน หมุนตามจังหวะของเวลาเป็นปกติ
	จะมีแต่หนุ่มนักเดินทางคนเดียวที่ดูเหมือน จะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของชาวบ้านที่นี่ไปแล้ว
	...
	พระอาทิตย์ในฤดูฝนยังคงขี้อาย 
	ไม่ยอมโผล่ออกมาให้เห็น บรรยากาศคลึ่มฟ้าคลึ้มฝน 
	ที่โปรยลงมาในตอนเช้าและตกหนักในช่วงเย็น
	...
	ยายบัว หญิงสาววัยชรา ที่ออกนั่งมารอใส่บาตรในทุกๆเช้า
	บริเวณหอนาฬิกา ยังคงยิ้มทักทายในไมตรีให้ทุกวัน
	ในทุกๆวันก็จะมีคำถามเดิมๆว่ามาจากไหน ? .. กลับวันไหน.? ...
	เป็นบทสนนาที่คุ้นเคย ที่แกอาจจะลืมในความชรา
	..
	คุยยายขายขนมใข่หงษ์ที่อยู่ในซอยแคบๆ มาหลาย 10 ปี
	ที่มีแมวที่พึ่งออกลูกมาใหม่ 4-5 ตัวเป็นเพื่อนแก้เหงา
	กับพิกัดร้านจะหายากหน่อย..วันนี้คุณยายตื่นสายหน่อย
	เพราะไม่ค่อยสบาย ช่วงสายๆแกบอกค่อยกลับมาใหม่
	..
	คุณตาหลังจากที่มาใส่บาตรริมแม่น้ำโขง
	ก็นั่งให้อาหารนกพิราบเหมือนเคยทุกวัน พร้อมคำกล่าวสวัสดี ยกมือไหว้
	ของผู้คนที่มาออกกำลังกายตอนเช้า ผ่านไปผ่านมาด้วยความเคารพ .. 
	ก่อนที่ฝนจะโปรยลงมาในเช้าวันนี้เช่นเคย
	======================
	"ที่นี่นครพนม"
	เมืองที่ไม่สิ้นมนค์ขจลัง , เมืองสงบริมฝั่งโขง,เมืองแห่งความสุข ริมฝั่งโขง
	และอีกหลายคำ  หลายๆนิยาม ที่ผู้คนต่างยกขึ้นมาหากเอ่ยถึงจังหวัดนี้     
	
	ครั้งนี้ผมได้กลับมาเยื่องเมืองนครพนมอีกครั้งในช่วงฤดูฝน
	ฤดูที่หลายๆคนอาจจะต้องนั่งแช่อยู่แต่ในร้านกาแฟ หรือโรงแรม 
	วันนี้ผมจะนำภาพนครพนมมาให้ได้ชมกัน ไม่ว่าจะเป็นในด้านของธรรมชาติ
	วัฒนธรรม บ้านมือง ในจังหวัดนครพนม เผื่อจะทำให้หลายคนอยากจะมาชื่นชมเมืองนี้สักครั้ง
	
	ตามกันไปดูได้เลยครับ
 
การเดินทางไปยังจังหวัดนครพนม ก็มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
	1.โดยรถยนต์
	จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงจังหวัดสระบุรี บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 107 แยกขวา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมา จนถึงอำเภอบ้านไผ่ แยกขวาเข้าสู่ทางหลวง หมายเลข 23 ไปจนถึงจังหวัดมหาสารคาม แล้วแยกใช้ทางหลวงหมายเลข 213 ผ่านจังหวัดกาฬสินธุ์ จนถึง จังหวัดสกลนคร แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 22 ต่อไปจนถึงจังหวัดนครพนม รวมระยะทางประมาณ 740 กิโลเมตร 
	
	2. โดยรถประจำทาง
	มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-นครพนม ออกจากสถานีขนส่ง สายเหนือ (หมอชิต 2) ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง สอบถาม รายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 www.transport.co.th
	ปัจจุบันบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com นอกจากนี้ยังสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ไทยรูท ดอทคอม www.thairoute.com
	
	3.เครื่องบิน  นกแอร์เปิดเที่ยวบินตรงสู่จังหวัดนครพนมโดยเข้าไปเลือกเที่ยวบิน และโปรโมชั่นได้ที่ www.nokair.com
	
	4.รถไฟ  สามารถเดินทางไป - กลับ ด้วยรถไฟ ขบวนต้นทางกรุงเทพฯ - ปลายทางหนองคาย
	แล้วลง สถานี จ.ขอนแก่น หรือ จ.อุดรธานี แล้วต่อรถโดยสาร หรือรถตู้เข้าสู่จังหวัดนครพนม
	
 
 
สิ่งแรกเมื่อมาถึงนครพนม ในยามเช้าคือการใส่บาตรริมโขง
	ในบรรยากาศที่เงียบสงบ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
คุยยายขายขนมใข่หงษ์ที่อยู่ในซอยแคบๆ มาหลาย 10 ปี
	ที่มีแมวที่พึ่งออกลูกมาใหม่ 4-5 ตัวเป็นเพื่อนแก้เหงา
	กับพิกัดร้านจะหายากหน่อย
สายๆ ปั่นจักรยานชมเมือง หรือจะใช้บริการรถสามล้อเครื่องก็ดูคลาสสิค
	และที่จังหวัดนครพนมนี้ เป็นเส้นทางจักรยานที่สวยงาม อีกแห่งของประเทศ
	จัดการได้อย่างมีระเบียบลงตัว โดยเฉพาะเส้นตลอดริมฝั่งแม่น้ำโขง
 
 
 
 
 
ในตัวเมืองนครพนมมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง
	เรามาเริ่มปันจักยานกันเลยครับ เพราะนครพนมเป็นเมืองเล็กๆ       
	การปั่นจักยานเที่ยวถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่ประหยัดในราคาเช่าวันละไม่กี่บาท
	แต่เป็นการออกกำลังกายไปในตัว แถมถนนจักยานที่นี่สวยไม่แพ้ที่อื่นแน่นอน
	
	เรามาเริ่มจาก หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ เป็นหอนาฬิกาที่ชาวเวียดนามได้สร้างไว้เป็นอนุสรณ์แก่ชาวนครพนม 
	เมื่อคราวย้ายกลับ ปิตุภูมิประเทศเวียดนาม สร้างเมื่อ พ.ศ.2503 สูงประมาณ 50 เมตร 
	ตั้งอยู่ที่ถนนสุนทรวิจิตร เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม 
	เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมืองนครพนมโดดเด่นเป็นสง่า
 
 
 
 
 
 
 
 
 
จากหานาฬิกสสองขาปั่นสองล้อตามถนนอภิบาลบัญชา มาไม่ไกลก็จะมาถึง
	หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
	ที่เดิมเคยเป็น ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังเก่า) มาก่อน  
	อาคารเก่าแก่สีเหลืองสวยงามที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมผสมระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและยุโรป
	สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ตรงกับ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕  
 
 
 
 
หอสมุดแห่งนี้ เป็นแหล่งรวบรวมมรดกทาง สติปัญญาของชาติที่อยู่ในรูปของหนังสือ สิ่งพิมพ์ โสตทัศนวัสดุ 
	หนังสือภาษาโบราณ หนังสือตัวเขียน จารึก คัมภีร์ใบลาน เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมหนังสือหายากเลยก็ว่าได้
 
 
 
 
 
 
บนถนนเลียบริมโขง ปั่นไปเรื่อยๆ ใช้แรงไม่มากนักก็จะมาถึง 
	วัดนักบุญอันนา หนองแสง
	เป็นโบสถ์คริสต์ที่มีความเก่าแก่สวยงามแห่งหนึ่งในจังหวัดนครพนม ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขง
	เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา และยังมีอาคารที่ทำการศาสนกิจของบาทหลวงนิกายคาทอลิก
	ก่อตั้งโดยบาทหลวงเอดัวร์นำลาภ   ที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาของชาวคริสต์
 
 
 
 
 
 
บนเส้นทางจักรยานที่สวยงามร่มรื่นริมแม่น้ำโขง
	ปั่นกันต่อยามไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าสู่สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 3
 
 
 
 
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน) เป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทย (นครพนม) กับประเทศลาว (คำม่วน) พื้นที่ฝั่งไทยที่บ้านห้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ฝั่งลาวอยู่ที่บ้านเวินใต้ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน
 
 
 
จากนั้นปั่นกลับเข้าสู่ในเมืองไปยังพระธาตุนคร สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการได้กราบไหว้พระธาตุต่างๆ
	ใครมีเวลาก็เดินสายไหว้ให้ครบทั้ง 8 พระธาตุเลยก็ได้
	1 พระธาตุพนม พระธาตุประจำวันเกิดวันอาทิตย์ อ.ธาตุพนม
	2 พระธาตุเรณู พระธาตุประจำวันเกิดวันจันทร์ อ.เรณูนคร
	3 พระธาตุศรีคุณ พระธาตุประจำวันเกิดวันอังคาร อ.นาแก
	4 พระธาตุมหาชัย พระธาตุประจำวันเกิดวันพุธ อ.ปลาปาก
	5 พระธาตุมรุกขนคร พระธาตุประจำวันเกิดวันพุธ (กลางคืน) อ.ธาตุพนม
	6 พระธาตุประสิทธิ์ พระธาตุประจำวันเกิดวันพฤหัสบดี อ.นาหว้า
	7 พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุประจำวันเกิดวันศุกร์ อ.ท่าอุเทน
	8 พระธาตุนคร พระธาตุประจำวันเกิดวันเสาร์ อ.เมือง
	หรือจะไหวะพระธาตุประจำวันเกิดของตัวเองก็ดี
	ครั้งนี้ผมไม่สารมารถไปครบทั้ง 8 พระธาตุได้ด้วยเวลาไม่อำนวย
	แต่ก็จะพาไปชมพระธาตุหลักๆ ที่ขาดไม่ได้เมื่อมานครพนมกัน มีที่ไหนบ้างตามมาเลยครับ
	=================================================
	
	"พระธาตุนคร"
	พระธาตุนคร เป็นพระธาตุที่อยู่บนถนนสายเลียบโขง ตั้งอยู่ในวัดมหาธาตุ 
	รอบองค์พระธาตุมีลานประทักษิน (พื้นรอบพระธาตุที่อยู่ในกำแพงแก้ว) ลักษณะการสร้างก็มีความสวยงามตามแบบของพระธาตุพนม
	ด้านหน้าพระธาตุประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก พระพุทธรูปประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันเสาร์
	
 
 
 
 
จากตัวเมืองจะเช่ามอเตอรไซค์ นั่งสองแถว  หรือขึ้นรถตู้ก็ตามแต่สะดวก
	มุ่งหน้าไปยังพระธาตุพนม ที่ถือว่าถ้ามานครพนมแล้ว ถ้าไม่ได้มาไหว้พระธาตุพนม
	ถือว่าทริปที่มานั้นจะไม่ครบถ้วน
	
	ครั้งนี้ผมบิดมอเตอร์ไซต์ด้วยระยะทางกว่า 50  กิโลเมตรเพื่อมาไหว้พระธาตุ
	และเวียนเทียนในช่วงวันอาสาฬหบูชาพอดี ก็จะเป็นช่วงที่ชาวพุธททั้งหลายให้ความศรัทธา
	ผมใช้เวลาอยู่ที่พระธาตุพระนมตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงตอนเย็น เพื่อจะรอเก็บภาพในช่วงตอนกลางคืน
 
 
 
 
 
 
 
จากพระธาตุพระนม ขากลับเข้าเมือง 
	ก็ยังทันเวียนเทียนอีกหนึ่งพระธาตุที่  พระธาตุมรุกขนคร
	เป็นความบังเอิญที่สังเกตุเห็นตั้งตระหง่านอยู่ข้างทาง
	ถือว่าคุ้มมาก เพราะการเดินทางไม่ไกลกัน
	ยังแอบเสียดายที่ไม่ได้ไปพระธาตุเรณู
 
 
กลับเข้าสู่ในเมืองอีกครั้ง เราตรงไปที่หอนาฬิกา
	เพราะว่าทุกๆคืนวันศุกร์และเสาร์ของที่นี่จะมีถนนคนเดิน
	เป็นถนนเล็กๆ จัดวางของได้อย่างน่ารัก ดูอบอุ่นของคนที่นี่
	โดยตั้งต้นเริ่มจากท่าเทียนบเรือท่องเที่ยว มาจนถึงลานคนเมือง
	เลียบฝั่งแม่น้ำโขง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ชื่อภูเขาฟังไพเราะมีที่มากจากเจดีย์ทรงลังกา
	ตั้งอยู่บนยอดภู ภายในในอุทยานแห่งชาติภูลังกา
	ที่มีพื้นที่ครอบคลุม ตำบลไผล้อม อ.บ้านแพง 
	จังหวัดนครพนม และ อ.บึงโขงหลง อ.เซกา จังหวัดบึงกาฬ
	....
	อุทยานแห่งชาติภูลังกา
	ห่างจากตัวอำเภอบ้านแพงประมาณ 6 กิโลเมตร
	การเดินทาง จากตัวเมืองนครพนมใช้เส้นทาง
	สายนครพนม-บ้านแพง ระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร
	และเลี้ยวซ้ายบริเวณกิโลเมตรที่ 220
	สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ
	และป่าแดงที่สมบูรณ์มีสัตว์ป่าชุกชุม
	เป็นต้นกำเนิดของน้ำตก และลำธารใหญ่น้อยหลายสาย
	ด้านบนภูลังกามี เจดีย์กองข้าวศรีบุณเนาว์ ตั้งอยู่บนลานหินที่มีลักษณะคล้ายกองข้าวซึ่งเป็นจุดสูงสุดของภูลังกาสูงประมาณ 563 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ขึ้นจากแม่น้ำโขงและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในตอนเช้าที่สวยมาก เจดีย์นี้อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูลังกาประมาณ 4 กิโลเมตร และต้องเดินเท้าขึ้นเท่านั้น
	====================================
	แต่ที่อธิบายมาทั้งหมดนี้คือเส้นทางปกติที่นักท่องเที่ยวทั่วไปเขาใช้ในการเดินขึ้นกัน ส่วนคนไม่ปกติอย่างเราๆ ครั้งนี้เราจะเดินขึ้นในเส้นทางใหม่ ที่ใต่ลัดเลาะไปตามน้ำตกที่สวยงาม
 
 
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นคนไม่ปกติอย่างเราต้องหาอะไรใหม่ๆเข้ามาเพิ่มรสชาตินั้นก็คือการเดินขึ้นยอด ภูลังกา ที่เดินตามธารของน้ำตกแห่งใหม่ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก แม้กระทั้งคนในพื้นที่หลายๆคนยังไม่คุ้นชื่อ เพราะน้ำตกแห่งนี้จะสวยงามก็ต่อเมื่อมีฝนตกลงมาเท่านั้น
	น้ำตกแห่งนี้มีนามอันไพเราะว่า
	"น้ำตกตาดวิมาทิพย์"
 
"น้ำตกตาดวิมานทิพย์"
	อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.นครพนม
	ส่วนตัวน้ำตกจะอยู่ที่ฝั่ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ 
	แน่นอนการเริ่มตนเราก็จะเริ่มกันที่พื้นที่ของอำเภอบึงโขงหลง
	บริเวณสำนักสงฆ์ฐิติสาราราม ที่หางไปจากอำเภอบ้านแพง
	จ.นครพนม ไปประมาณครึ่งชั่วโมง
	โดยครั้งนี้เราจะเริ่มเดินสำรวจจากชั้นแรกขึ้นไปเรื่อยๆ 
	โดยสรุปแล้วเรานับชั้นใหญ่ๆได้ทั้งหมด 7 ชั้น
	โดยชั้นที่1 เป็นชั้นที่เข้าถึงง่ายที่สุด
 
 
 
จากชั้นที่ 1 เดินเท้าไปยังชั้นต่างๆ เส้นทางค่อนข้างลาดชัน และลื่น ควรใช้ความระมัดระวัง
	และควรมีคนนำทาง เส้นทางจากนี้ขึ้นไปจะไม่ชัดเจน
 
ชั้นที่ 2-3-4-5-6-7  ก็ตามไปชมบรรยากาศกันได้เลยครับ
	ก่อนที่เราจะไปนอนค้างบนยอดภูลังกากัน
 
 
 
 
 
 
 
..ถามว่า...
	เดินยากมั้ย ???
	สำหรับผมไม่ยาก...แต่ถ้าเป็นนักเดินทางทั่วไปจะลำบากนิดหน่อย
	ถ้าไปแค่ชั้นแรกไปได้สบาย มาเที่ยวเองได้ แต่ถ้าชั้นต่อๆไป 
	นับมาได้หลักๆ ไม่รวมยิบย่อยก็ 7 ชั้น 
	หลายจุดยังอันตราย ยังมีความเสี่ยง ทางชัน หินลื่นมาก 
	(ขนาดผมที่เดินมาเยอะก็เกือบหลุด ต้องถอยหลังไปตั้งหลักใหม่)
	..
	และเส้นทางที่จะขึ้นไปชั้นอื่นๆในแต่ละชั้นก็ไม่ชัดเจน
	ต้องมีคนนำทาง
	..
	ติดต่อได้ที่ไหน ?? 
	ติดต่อไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.นครพนม
	ได้โดยตรงเลยครับเพื่ออำนวยความสะดวก
	พิกัดจุดเริ่มเดิน : ตั้งอยู่ ที่ บ.วิมานทิพย์ อ.บึงโขงหลง 
	ทางขึ้น สำนักสงฆ์ฐิติสาราราม
	+++++++++++++++++++++++++++
	และที่สำคัญควรเช็คอากาศก่อนเดินทาง 
	เพราะน้ำตกที่นี่จะสวยงามก็ต่อเมื่อหลังฝนตกเท่านั้น 
	ถ้าฝนไม่ตกติดกันนานๆ น้ำจะน้อย สายน้ำตกจะบางๆความสวยงามก็หายไปบ้าง
 
 
 
 
 
 
 
หลังจากเดินสำรวจลัดเลาะมาตามน้ำตกแล้ว 
	จุดหมายเราไม่จบเพียงเท่านี้  ครั้งนี้เราจะเดินกันต่อไปอีกไม่ไกล
	ก็จะถึงยอดภูลังกา (ฝั่งทิศใต้)  สำหรับค้างแรม 1 คืน
 
 
ตัดบรรยากาศมายังเช้าอีกวัน หลังจากเมื่อคืนตั้งใจ เตรียมกล้องจะถ่ายทางช้างเผือกกัน
	แต่ท้องฟ้าในหน้าฝนก็ไม่ยอมเปิดให้เราสักที
	ก็จะมีแต่วิวยามเช้าบนยอดภูลังกาที่พอจะได้เก็บมาให้ชม
 
 
 
 
 
เสร็จสิ้นภารกิจพิชิตภูลังกา สำรวจน้ำตกตาดวิมานทิพย์
	สายๆ เราก็อำลาลงจากเขา โดยใช้อีกเส้นทาง
	เพราะว่าเส้นทางที่เดินตามน้ำตกทั้งชัน และลื่น
	อาจจะทำให้เสียเวลา  เพราะว่าช่วงบ่ายวันนี้เราจะไปชมงานรำบวงสรวง พญาศรีสัตนาคราช 
	ที่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาก ของจังหวัดนครพนม
 
โดยงานงานรำบวงสรวงพญาศรีสัตนาคราช นั้นทางจังหวัดนครพนมได้ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง 
	กำหนดจัดงานบวงสรวงเปิดฟ้าสักการะพระธาตุพนม รวมถึงพระธาตุประจำวันเกิดในพื้นที่ จ.นครพนม
	รวม 8 พระธาตุ และขอพรมงคลจาก พญาศรีสัตนาคราช แลนด์มาร์กพญานาคศักดิ์สิทธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำโขง
	ซึ่งได้มีการจัดสร้างขึ้น เมื่อปี 2559 ที่ผ่านานมา ง จึงได้มีการจัดงานบวงสรวงขึ้น 
	ระหว่างวันที่ 7 – 13 กรกฎาคม 25620 รวม 7 วัน 7 คืน เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ 
	ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้มาร่วมทำบุญ
	=================
	การเดินทางมานครพนมครั้งนี้ผมเลยได้มีโอกาศได้เข้าไปเที่ยว เก็บภาพภายในงาน
	โดยเฉพาะปีนี้ได้มีน้องแต้วจากละครนาคี ร่วมรำบูชา พญานาคริมโขง ด้วย
	ไปชมบรรยากาศภายในงานกันได้เลยครับ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
จากแหล่งท่องเที่ยวทั้งชุมชน วัฒนธรรมและธรรมชาติกันว่า
	มาดูร้านกาแฟ และที่พัก ร้านอาหารที่อยากแนะนำกันบ้าง
	...
	สำหรับร้านกาแฟก็ต้องที่ The P Cafe ที่โรงแรม The P Hometel Hotel
	ร้านกาแฟเล็กๆ น่ารักๆ ใกล้กับหอนาฬิกา ฝั่งโขง และถนนคนเดิน
	ด้านบนของร้านเปิดให้บริการที่พักด้วย มีจักยานให้ยืมฟรีสำหรับลูกค้าด้วย
 
 
 
 
 
 
ที่พัก The River Nakhonphanom
	โรงแรมใหม่ Modern Style ตั้งริมหาดทรายทองศรีโคตรบูรณ์ ติดริมแม่น้ำโขง
	ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น River Bar & Restaurants ร้านอาหารสุดคูล
	ดีไซน์สไตล์นิวยอร์ค มีทั้งไวน์ชั้นเลิศกับอาหารอร่อยหลากรสที่ต้องลองสัมผัส 
	และ River Coffee ร้านกาแฟเท่ห์ๆ ก็มีมุมให้นั่ฃชิล
 
 
 
ร้านอาหาร ที่นครพนมก็มีให้เ้ลือกมากมายหลายแบบ
	ตามความต้องการ ทั้งร้านใหม่ ร้านดั่งเดิม 
	หนึ่งในนั้นก็ต้องมีร้านพรเทพ  ร้านอาหารเช้าที่ชาวท้องถิ่นแนะนำมา บอกว่าเด็ด
	ที่มีเมนูมีหลากหลายให้เลือก ทั้งโจ๊กหมู ต้มวุ้นเส้น ต้มเลือดหมู ไข่กระทะ ไข่ดาว+หมูแฮม 
	ขนมปังยัดไส้ แซนวิส และเครื่องดื่ม ชาร้อน กาแฟร้อน ไมโล โกโก้ และอีกมากมาย
 
 
 
การเเดินทาทงท่องเที่ยวในจังหวัดนครพนมในครั้งนี้
	ถึงแม้ว่านครพนมจะเป็นจังหวัดเล็กๆ ไม่ใหญ่โตมากมาย
	แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หน้าสนใจอยู่ามากมาย
	ไม่ว่าจะเป็นในด้านของธรรมชาติ วัฒนธรรม ชุมชน
	ศาสนา อาหารการกิน  รวมไปถึงการข้ามไปเที่ยวยังประเทศเพื่อนบ้าน
	
	บอกได้เลยว่าการมาเที่ยวนครพนม อาจจะทำให้คุฯหลงรักเมืองนี้
	เมืองที่มีความสุขที่สุด ,เมืองสงบริมฝั่งโขง
	
	ที่นี่ "นครพนม"
	
	=========
	
	ขอจบรีวิวทริปนครพนมไว้เพียงเท่านี้ 
	แต่ยังไม่สิ้นสุดของการเดินทาง เพราะความงามของนครพนมในช่วงฤดูอื่น
	บังคงน่าสนใจ และในช่วงหน้าหนาว ความสวยงามของที่นี่ก็คงจะสวยไปอีกแบบ
	
	ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยวชม
	ครั้งน่าจะพาไปที่ไหน  เอาไว้จะนำมาให้ชมกันอีกครับ
 
สะพายเป้ เท่ทั่วไทย
วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 01.33 น.

 Readme before you journey
Readme before you journey













