ประเทศตุรกีเป็นประเทศที่หลายคนอาจมองข้ามสำหรับการมาเที่ยว เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย ไม่ปลอดภัย ลำบากต่าง ๆ นานา แต่บอกเลยว่าจากประสบการณ์ตรง ประเทศนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยค่ะ แถมบ้านเมืองเค้ายังสะอาด สวยงาม ผู้คนก็เป็นมิตร แถมคนไทยยังมาง่ายเพราะไม่ต้องใช้วีซ่า เพียงแค่ถือพาสปอร์ตก็เข้ามาเที่ยวตุรกีได้ถึง 30 วัน แค่อาจจะต้องนั่งเครื่องนานหน่อย เพราะจากเมืองไทยมาตุรกีใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมงถ้าบินตรงกับ Turkish Airline แต่ถ้าต่อเครื่อง ส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมงค่ะ แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการมาเยือนแน่นอน

ให้ข้อมูลกันสักหน่อย ประเทศตุรกีนี้เป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ใน 2 ทวีป โดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในเอเชีย แต่อิสตันบูลซึ่งเป็นเมืองท่าการค้าและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของตุรกีที่หยกจะพาไปเที่ยวกันในวันนี้เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป ทั้งเอเชียและยุโรปค่ะ เห็นไหมคะ แค่เริ่มเรื่องเมืองนี้ก็เก๋แล้ว

เอาละค่ะ เรามาเริ่มชมเมืองอิสตันบูลกัน

มาถึงอิสตันบูล สถานที่แรกที่ทุกคนต้องไปเยือนก็คือ Hippodrome of Constantinople ที่ในอดีตตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ บริเวณนี้เป็นสนามแข่งม้า ที่ตอนนี้เหลือเพียงเสาสูง 3 ต้น ให้นักท่องเที่ยวมาชมเท่านั้น




วันที่หยกไปอิสตันบูลตรงกับช่วงปีใหม่ของปี 2017 ที่ผ่านมาค่ะ อากาศที่นั่นก็เลยหนาวแบบหิมะตกกันเลยทีเดียว ที่เห็นเปียก ๆ บนพื้นนั่นไม่ใช่ฝนตกนะคะ เป็นหิมะที่เพิ่งละลายค่ะ เพราะฉะนั้นใครเดินทางไปต่างประเทศช่วงหน้าหนาวก็เตรียมร่างกาย อุปกรณ์ เสื้อผ้า และหยูกยากันให้พร้อมนะคะ เพราะไปถึงแล้วจะป่วยพาให้เที่ยวไม่สนุกเอาได้ค่ะ


ชม Hippodrome of Constantinople เสร็จ ก็เดินข้ามมาชม Blue mosque มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด หรือที่เรียกกันว่ามัสยิดสีฟ้าหรือมัสยิดสีน้ำเงินก็ได้ค่ะ มัสยิดแห่งนี้เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองอิสตันบูล อ้อ คนส่วนใหญ่ในประเทศตุรกีนับถือศาสนาอิสลามนะคะ แต่แทบจะดูไม่ออกเลย เพราะเค้าจะแต่งตัวออกไปในสไตล์ยุโรปค่ะ

ด้านหน้า Blue mosque มีน้ำพุให้นักท่องเที่ยวและชาวอิสตันบูลนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ถ่ายรูปกันได้อย่างสวยงาม

เข้ามาด้านในมัสยิดมีการตกแต่งด้วยกระจกและวาดตกแต่งด้วยลวดลายต่าง ๆ ภายในจะมีชาวมุสลิมเข้ามาทำพิธีกรรมทางศาสนาตลอดทั้งวัน สำหรับผู้หญิงเมื่อเข้ามาแล้วต้องดูป้าย และฟังไกด์ให้ละเอียดสักหน่อยนะคะ เพราะด้านในบริเวณที่ทำพิธีเค้าจะไม่ให้ผู้หญิงเดินเข้าไป ยืนชมและถ่ายรูปได้เฉพาะด้านนอกค่ะ


ชมความงามของมัสยิดสีน้ำเงินกันแล้ว ก่อนที่จะไปกันต่อ ออกมามองซ้ายมองขวา หาของกินดีกว่า ที่อิสตันบูลก็มี Street food นะคะ เป็นรถขายเกาลัดกับข้าวโพดปิ้ง รสชาติก็คล้าย ๆ ข้าวโพดกับเกาลัดบ้านเรา อร่อยดี

ถัดมาจากมัสยิดสีน้ำเงิน ก็คือวิหารเซนต์โซเฟีย หรือ Mosque of Hagia Sophia ซึ่งเป็นโบสถ์คาทอลิกที่เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง และมีโดมใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก อลังการจริง ๆ ค่ะ


ภายในมีภาพของพระแม่มาเรีย และประดับด้วยโคมไฟอย่างสวยงาม

นี่เป็นภาพของปีศาจที่ถูกจารึกไว้บนหินอ่อนภายในโบสถ์ ดูออกกันไหมคะ

ข้ามถนนมาอีกฝั่งไม่ไกลจากมัสยิดสีน้ำเงินกับวิหารเซนต์โซเฟีย ก็คืออุโมงค์เก็บน้ำชื่อว่าอ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน เป็นที่เก็บน้ำเอาไว้ใช้สำหรับพระราชวังในอดีต ภายในจะมืดหน่อยต้องเดินระวัง ๆ อ่างเก็บน้ำนี้ก็ขลังอย่างบอกไม่ถูกนะคะ ต้องเดินลงมาใต้ดิน แล้วก็จะมีเสาอยู่มากมาย

เสาต้นนี้เป็นเสาสลักรูปนางเมดูซา หลายคนคงจะเคยได้ยินหรือดูหนังกันมาบ้าง นางเมดูซานี้จะมีอิทธิฤทธิ์คือหากใครสบตานางแล้วจะกลายเป็นหิน เค้าเลยถือเคล็ดสร้างเสาสลักรูปนางเมดูซาแบบกลับหัวเพื่อไม่ให้สาปใครแต่ให้นางอยู่เฝ้าอ่างเก็บน้ำนี้ไปตลอดกาลแทนค่ะ ฟังดูก็แอบน่ากลัวเบา ๆ

หลังจากชมความงามของสถาปัตยกรรมในเมืองอิสตันบูลกันแล้ว เราเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวตลาดกันบ้างค่ะ ที่นี่คือตลาดสไปซ์ (Spice Market) หรือจะเรียกว่าตลาดเครื่องเทศก็ได้ แต่ในตลาดไม่ได้มีเฉพาะเครื่องเทศนะคะ ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

เริ่มกันด้วยเครื่องเทศของที่นี่


ร้านนี้ขายเครื่องเคลือบวาดลายแฮนด์เมดค่ะ สวยมาก ๆ มีทั้งนาฬิกา ถ้วย ชาม โคมไฟ เยอะแยะเต็มไปหมด ร้านนี้หยกซื้อถ้วยน้ำจิ้มเล็ก ๆ กลับมาฝากคุณแม่ค่ะ ราคาไม่แพง พ่อค้าแพ็กกันกระแทกมาให้อย่างดี ถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ


ต่อกันด้วยขนมตุรกีที่ขึ้นชื่อเรื่องความหวานกับ Turkish Delight ลักษณะจะเป็นเนื้อแป้งเหนียว ๆ มีรสชาติมากมายหลากหลาย นิยมรับประทานกับชา บอกเลยว่า Turkish Delight นี่ถือว่าหวานมากทีเดียวนะคะ เดินเที่ยวตลาดที่นี่ชิมได้ทุกร้านค่ะ พ่อค้าน่ารัก พอใจร้านไหนก็ค่อยซื้อได้ค่ะ


ประเทศนี้ขนมและของหวานเยอะเชียวค่ะ สีสันสวยงามน่าทานไปหมด

พ่อค้าที่นี่ก็เป็นมิตรมาก เห็นนักท่องเที่ยวอย่างเราก็โพสท่าชวนให้ถ่ายรูปเสร็จสรรพ นี่คือร้านขายชีสค่ะ เป็นไงคะ ก้อนใหญ่เห็นแล้วน้ำลายไหลกันเลยทีเดียว


หนุ่ม ๆ ที่นี่หน้าตาดีนะคะ มีภาพประกอบ อิอิ


เอาละค่ะ เดินชิมขนม ช้อปปิ้งกันเต็มอิ่ม เราไปต่อกันที่ไฮไลท์ของเมืองอิสตันบูลกันดีกว่า ไปล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัสกันค่ะ

ความจริงแล้ววันที่ล่องเรือเป็นเช้าวันรุ่งขึ้นนะคะ เพราะเป็นช่วงที่อากาศดี ได้ถ่ายรูปพร้อมแสงพระอาทิตย์ขึ้นกันได้อย่างสวยงาม


ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบที่กั้นแบ่งอิสตันบูลระหว่างยุโรปกับเอเชีย อีกทั้งยังเป็นช่องแคบที่เชื่อมต่อระหว่างทะเลดำกับทะเลมาร์มะร่า ซึ่งใช้เป็นเส้นทางการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างเอเชียกับยุโรป ทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประทศตุรกีนั่นเองค่ะ


สะพานที่เห็นคือสะพานบอสฟอรัส ซึ่งใช้เป็นเส้นทางบกในการเดินทางไปมาระหว่างเอเชียกับยุโรปของเมืองอิสตันบูลค่ะ

ใครมาเยือนอิสตันบูลห้ามพลาดการมาชมช่องแคบบอสฟอรัสอย่างเด็ดขาดนะคะ เพราะถือเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ค่ะ

ปิดท้ายกับภาพหวาน ๆ บนเรือสักหน่อย (หวานรึปล่าว ไม่ค่อยแน่ใจ ฮ่าๆ)

เป็นไงคะ อ่านจบแล้วอยากมาเที่ยวอิสตันบูลกันบ้างละยัง ประเทศตุรกีไม่ได้มีแต่เมืองอิสตันบูลที่น่าเที่ยวนะคะ เดี๋ยวตอนต่อไปหยกจะมาเล่าให้ฟังว่าประเทศนี้มีเมืองไหนและสถานที่ใดน่าเที่ยวกันอีกบ้าง ติดตามต่อได้ใน Unseen Turkey ตอนที่ 2 ค่ะ วันนี้ลาไปก่อน บ๊ายบายยยย

ติดตามต่อ Unseen Turkey ตอนที่ 2 Ephesus - Cappadocia - Pamukkale https://th.readme.me/p/11083

https://www.facebook.com/YokoGoAround/










Time2Travel

 วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.41 น.

ความคิดเห็น