ทักทายและรู้จักกันเพิ่มขึ้นได้ที่https://www.facebook.com/Paikontay/และhttp://www.govivigo.com/user/MEEpanda


บันทึกการเดินทาง ก.ย. 59

สวัสดีค่ะ แพนกลับมาอีกแล้วกับรีวิวการเดินทางอย่างคนกระเป๋าบางงงงงงงงง

สืบเนื่องจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแพนเอารถไปเติมน้ำยาแอร์ ในขณะที่กำลังก้มๆ เงยๆ มองช่างทำรถท่ามกลางแดดจ้าอยู่นั้น

ก็เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้น เหยยยยยยย มีความมือเท้ากระดิกเหมือนอยากเอารถคันนี้ไปไหนซักที่เพื่อเทสแอร์ที่เพิ่งเติมน้ำยา ประจวบเหมาะพอดี๊ พอดี กับคุณเพื่อนคนนึงที่แชทมาเมาท์มอย ตอนนั้นเวลาประมาณ 10 โมงได้ เราคุยกันอยากไปติดเกาะที่ไหนซักที่ เหมือนจะเป็นแค่การคุยเล่นๆ แต่ดั้นนนนเอาจริงซะนี่ ข้อแม้คือตอนนี้สายมากแล้วควรจะไปที่ที่ไม่ไกลนัก เท่านั้นเอง...เกาะสีชังก็ผุดๆๆๆๆๆๆๆ เหมือนน้ำเดือดปุดๆอยู่บนหัว ให้เวลาเพื่อนครึ่งชั่วโมง ไปรับและออกเดินทางกันเล้ย!

ครั้งนี้เราไปกันทั้งหมด 4 คน เต็มคันรถพอดี สาเหตุที่ต้องชวนกันมาให้ครบ 4 ก็มิใช่อะไรอื่น หาตัวหารนั่นเอง แฮร่!!

ก็เราไปกันแบบประหยัดนี่คะ อิอิ ^.^



สำหรับการเดินทาง

จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสายบางนา - ตราด เข้าจังหวัดชลบุรี ไปทางบางแสนค่ะ (หลักกิโลเมตรที่ 104 จะถึงแยกขวามือเข้าหาดบางแสน ) จากทางเข้าหาดบางแสน ขับตรงไปประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงห้างโรบินสันศรีราชา จากนั้นให้เลี้ยวขวาตรงห้างโรบินสัน ขับตรงไปยังท่าเรือเกาะลอยประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ถึงแล้วค่ะ



เรื่องการจอดรถ เค้าให้ไปจอดที่โรงเจค่ะ

สถานที่กว้างขวางดีค่ะ พอจอดเสร็จก็มีรถสามล้อมารอเทียบเลยจ้า บริการไปส่งถึงท่าเรือ ใครใคร่ขึ้นก็ขึ้นค่ะ คนละ 20 บาท

แต่จะเดินก็ไม่ไกลเท่าไหร่นะ เลือกเอาละกันเนาะ



แพนใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯมาถึงท่าเรือประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนนั้นก็เที่ยงครึ่ง ต้องรอเรือเที่ยวต่อไปคือเที่ยวบ่ายโมง

มาคุยกันเรื่องตารางเดินเรือนะคะ

เรือข้ามเกาะจะออกทุก 1 ชั่วโมง เที่ยวสุดท้ายคือ 2 ทุ่ม ส่วนขากลับเที่ยวสุดท้ายคือ 1 ทุ่ม ตามด้านบนนี้ๆๆๆๆๆ

ค่าเรือข้ามไปเกาะ ราคาคนละ 50 บาทค่ะ ระหว่างรอเรือออกใครหิว ตรงท่าเรือก็มีของกินขายนะเลือกสรรค์ตามสบาย แพนนั่งรอซักพักเรือก็ออก จะบอกว่าเรือที่นี่ตรงเวลาม้าก มาก ดีจัง

บ้าย บาย เกาะลอย เก๊าจะไปสีชัง

ใช้เวลาเกือบ 45 นาที ก็ถึงแล้วคร่า เห็นหมู่บ้านชาวเกาะมาแต่ไกล

ถึงแล้วๆๆๆๆๆๆๆ 13.45 น. ประมาณนี้ค่ะ คร่าวๆ เท่ากับว่าแพนมีเวลาอยู่บนเกาะนี้แค่ 5 ชั่วโมงนิดๆ

ก่อนจะขึ้นเรืองเที่ยวสุดท้ายตอนทุ่มนึงเพื่อข้ามไปฝั่งศรีราชา

ท่าเรือฝั่งสีชังก็มีอาหารขายเหมือท่าเรือฝั่งเกาะลอยนะคะ นิดๆหน่อยๆ และก็มีบรรดารถเช่าต่างๆเตรียมพร้อมรอบริการ

ราคารถเช่า

รถสามล้อนำเที่ยว

ราคา 250 บาท นั่งได้ 4 - 5 คน พาเที่ยวตามจุดสำคัญต่างๆบนเกาะ

รถมอไซด์พร้อมน้ำมันเต็มเครื่อง

ชั่วโมงละ 80 บาท วันละ 250 บาท ค้างคืน 300 บาท



มาถึงเกาะตอนบ่ายโมงกว่าๆแบบนี้เวลาจำกัด เพื่ออรรถรสในการเที่ยวและสามารถควบคุมเวลาได้แพนและเพื่อนเลือกเช่ามอไซด์ค่ะ 2 คัน แผนที่พร้อม คนพร้อมก็ลุยสิคะ วันที่ไปท้องฟ้าโปร่งมาก แดดออกนะคะ แต่มีลมพัดด้วย ไม่ร้อนเท่าไหร่ อากาศไม่แห้งมาก

เกาะสีชังแพนว่าก็ไม่ใหญ่มากสามารถเที่ยวรอบเกาะได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงนี่แหละค่ะ อันนี้ดูจากแผนที่ตอนแรกนะคะ มีจุดท่องเที่ยวหลักๆอยู่ 10 ที่

• ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่

• รอยพระพุทธบาท

• ช่องอิศริยาภรณ์ (ช่องเขาขาด) ไว้ดูพระอาทิตย์ตกดิน

• อ่าวอัษฎางค์ (หาดถ้ำพัง) สำหรับเล่นน้ำหรือนอนเกลิอกกลิ้งบนเตียงผ้าใบ

• แหลมจักรพงษ์

• พระบรมรูปรัชกาลที่ 5

• สะพานอัษฎางค์ จุดถ่ายพรีเวดดิ้งยอดฮิต

• เรือนไม้ริมทะเล

• ตึกผ่องศรี

• วัดอัษฎางค์นิมิตร

แต่ก็มีที่เที่ยวย่อยๆอยู่ตามแหล่งชุมชน อ่านป้ายเอานะคะ



นี่ๆๆๆ แพนชอบเกาะสีชังตรงนี้ ดูถนนเค้าสิ ดูบ้านช่องเค้าสิ ดูต้นไม้พวกนั้นสิ คือทุกอย่างมันอยู่รวมกันแบบลงตัวมาก แพนอยากได้บ้านติดภูเขาบ้างจัง ตื่นมาคงฟินน่าดู สูดอากาศบริสุทธิ์ ซู้ดดดดดดดด

เราไปดูที่เที่ยวในเกาะนี้กันดีกว่า แพนเริ่มต้นการเดินทางจากท่าเรือเลี้ยวขวาตรงแยกเซเว่นเพื่อไปที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เป็นที่แรก

แล้วเราก็จะวนไปตามทางถนนจนรอบเกาะ

ไหว้พระเสริมสิริมงคลกันก่อนนะคะ เจ้าพ่อเขาใหญ่และเจ้าแม่กวนอิม แพนจอดรถไว้ด้านล่างแล้วเดินขึ้นเขาด้วยบันไดที่มีกี่ชั้นไม่ทราบแต่เหนื่อยดี

เหนื่อยๆๆๆๆ แต่พอมาเจอวิวด้านบนแบบนี้ หายเหนื่อยเลยค่ะ

ชอบอีกอย่างคือบนนี้ลมเย็นม้าก มาก นั่งฟินไปพักใหญ่ก็เริ่มเดินทางต่อค่ะ จุดท่องเที่ยวถัดมาอยู่ไม่ไกลกันนักคือ รอยพระพุทธบาท

บนนี้มองเห็นวิวรอบเกาะเหมือนตรงศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เลย แต่จะเห็นเป็นมุมที่สูงกว่า ที่ว่าสูงกว่าเพราะต้องขี่รถขึ้นเขามาตามทางชัน

ที่ขาลงนี่ทำเอาหัวใจแทบวาย ประหนึ่งกำลังเล่นซุปเปอร์สแปรชที่ดรีมเวิลด์ กราบสักการะรอยพระพุทธบาทจำลองกันเสร็จก็ลุยกันต่อ

แต่ลุยในที่นี้คือลุยอาหารนะคะ ก็แหมบ่ายกว่าแล้วยังไม่มีข้าวเที่ยงตกถึงท้องเลย



นี่ๆๆๆๆๆ มีร้านแนะนำ เป็นร้านส้มตำไก่ย่างค่ะ อยู่ริมถนนเลย ทางที่จะไปช่องเขาขาด คือลงจากรอยพระพุทธบาทมาไม่ไกลนักก็เจเลย ไม่มีชื่อร้านนะ เหมือนมีแต่ชาวบ้านแถวนั้นที่มาทานร้านนี้กัน แพนเข้าไปไม่มีนักท่องเที่ยวเลย

ตามด้านบนนี้นะคะถ้าเจอร้านหน้าตาประมาณนี้ก็จอดรถแวะทานข้าวได้เลย คิดดูละกันนั่งจกข้าวเหนียวจิ้มน้ำส้มตำใต้ต้นตะขบ

มองไปทางขวาเจอแก๊งแม่ไก่ ลูกเจี้ยบ มองทางซ้ายก็เจอภูเขาที่ถูกโอบด้วยต้นไม้สีเขียว ลมก็พัดเย็นๆ

ที่สำคัญที่ซู้ดดดดด ราคาถูกมาก จานละ 40-50 บาท ได้เยอะด้วย มื้อนั้นจัดหนัก น้ำตก ส้มตำ ไก่ย่าง สารพัด 4 คน จ่ายแค่ 290 บาท

อิ่มท้องก็ลุยกันเลย แพนดูตามแผนที่ สถานที่ต่อไปที่ผ่านคือเขาช่องขาด แต่พวกแพนคุยกันว่ากะจะเก็บไว้เป็นที่สุดท้ายเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน

เลยผ่านก่อน มุ่งหน้าไปที่ พระเหลือง ถ้ำจักรพงษ์

พระพุทธรูปจำลององค์ใหญ่มาก สีทองอร่ามเชียว แพนไหว้พระขอพร เรียบร้อยก็เดินสำรวจถ้ำที่อยู่ใต้ศาลา

ถ้ำจักรพงษ์ เป็นถ้ำเล็กๆ ที่ต้องเดินลงไปตามขั้นบันได เมื่อไปจนสุดทางจะพบกับพระพุทธรูปให้กราบสักการะบูชา



ไหว้พระเสร็จก็มุ่งหน้าไปตามทางถนนต่อ แพนจะไป สะพานอัษฎางค์ สถานที่ยอดฮิตสำหรับการถ่ายภาพเลยมั้ง

ซึ่งไกล้ๆกันนั้นก็จะมีสวนพักผ่อนตามที่รู้ๆมาว่าในอดีต รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 เสด็จมาประพาสพักผ่อน โดยเฉพาะรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างพระราชฐานบนเกาะขึ้นเป็นแห่งแรก เพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน ด้านในสวนก็จะมีตึกต่างๆที่สวยงาม เป็นสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก

และก็มีมุมนี้

เอ๊ะนั่นใครมานั่งพลอดรักกัน อ๋ออออออออออ เพื่อนแพนเอง ^^



เดินถ่ายรูปกันจนทั่ว พร้อมแล้วเราไปลุยที่ท่องเที่ยวจุดต่อไปกันเลย ขี่รถออกมาจากชลทัศนสถานให้เลี้ยวซ้าย เราจะไปหาดถ้ำพังกันค่ะ



หาดนี้สำหรับการเล่นนำ้นอนชิวบนผ้าใบค่ะ อาหาร ห้องน้ำ พร้อมเพรียงเชียว แต่หาดจะไม่ใหญ่มากนะคะ

ส่วนเรื่องความสะอาด แพนให้กลางๆแล้วกัน น้ำเล่นได้ นี่แพนไม่ได้มาหน้าเที่ยวนะ พวกเต้นท์ผ้าใบก็ว่างๆเยอะแยะ นึกภาพไม่ออกเลยถ้าเข้าฤดูเที่ยวคนจะแออัดขนาดไหน เอ้อๆ หาดนี้ดีอย่างคือเราไม่ต้องเสียค่านั่งคะ เต้นท์ผ้าใบบริการฟรี ดี ดี๊ ดี

ไปกันต่อค่ะ ออกจากหาดถำ้พังเลี้ยวซ้ายตรงมาเรื่อยๆไม่ไกลมากจะเจอแหลมจักรพงษ์

นี่เลยพีคสุด สำหรับแพนสวยที่สุดบนเกาะนี้เลยแหละค่ะ ที่ชอบเพราะบริเวณแหลมตรงนี้จะเป็นเขา เป็นผา มีต้นไม้ ต้นหญ้าขึ้นเต็ม

ลมแรงๆพัดปะทะใบหน้า หูยยยย ชอบมาก

ที่สำคัญตอนนั้นเป็นเวลา 4 โมงกว่าๆได้ แสงกำลังสวย แอคท่าเท่ๆ ถ่ายรูปสนุกเลย

กำลังเพลินๆกับการมโนว่าตัวเองเป็นนางแบบถ่ายภาพขึ้นปกนิตยสารอยู่แท้ๆ เพื่อนก็บอกให้รีบไป เขาช่องขาด จะ 6 โมงแล้ว เดี๋ยวไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกดิน แพนก็รีบสิคะคราวนี้ ไปกันเล้ยยยย

พอมาถึง

เดินตามสะพานเลียบเขามาเรื่อยๆเพื่อมาให้ถึงจุดชมพระอาทิตย์ สุดท้ายมาถึงก็ดันเจอกองถ่ายซะงั้น แง่วววว

เลยถ่ายมาเท่าที่ได้แล้วกัน

คุณลุงยืนตกปลาอยู่ริมผาพอดี และในที่สุดพระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไป แพนก็ขี่รถกลับมายังท่าเรือ

เพื่อซื้อตั๋วข้ามไปฝั่งเกาะลอย รอบสุดท้ายพอดี 1 ทุ่มตรง ราคาตั๋วรอบสุดท้ายจะใบละ 60 บาทนะคะ

เดินทางโดยสวัสดิภาพจนถึงกรุงเทพฯทุกคนค่ะ



สรุปค่าใช้จ่าย

ค่าก๊าซ NGV ไป-กลับ กรุงเทพ ศรีราชา 200 บาท

ค่าทางด่วน ไป-กลับ 160 บาท

ค่าเรือ 4 คน 440 บาท

ค่าเช่ามอไซด์ 2 คัน 500 บาท

ค่าอาหารทั้งหมด 300 บาท

ค่าทำบุญ อันนี้ไม่เอามารวมละกัน

รวม 1600 บาท

เฉลี่ย 4 คน ตกคนละ 400 บาท

มีทริคเล็กน้อย กรอกน้ำจากที่บ้านไปไว้ดื่มนะคะประหยัดไปได้เยอะเชียว



สรุปทริปสั้นๆกับเวลา 5 ชั่วโมงนิดๆบนเกาะสีชัง

สนุกมาก เหนื่อยมาก มีความสุขมาก ถ้าคราวหลังมีโอกาสมาเที่ยวสีชังอีก คงต้องนอนค้างซักคืนล่ะเนาะ

ขอให้ทุกคนสนุกกับการเดินทางนะคะ

ความคิดเห็น