"ลำปาง" เมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ทั้ง วัดวาอารามศิลปะแห่งล้านนา ยังรวมไปถึงความสโลว์ไลฟ์ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถม้า นั่งร้านอาหารริมแม่น้ำอันแสนสงบ และยังขึ้นชื่อเรื่องเครื่องปั้นดินเผา สิ่งเหล่านี้ดึงดูดใจทำให้เราไม่พลาดที่จะมาปล่อยชีวิตช้าๆดูบ้าง..กับการ "แอ่วลำปาง 3 วัน 2 คืน..ไปครั้งหนึ่งคิดถึงตลอดไป

"ติดตามภาพถ่ายอื่นๆได้ที่^^

เพจ>> https://www.facebook.com/keepinaphotograph

Instagram>> https://www.instagram.com/au.keepinaphotograph

::Day1::

เราเริ่มเดินทางกันตั้งแต่ 9.30น. โดยรถยนต์จาก จ.เชียงใหม่ เราใช้เส้นทางผ่านอำเภอสันกำแพง แล้วเข้าสู่ถนนสายห้วยแก้ว ผ่านบ้านแม่กำปอง บ้านป่าเหมี้ยง จุดแรกที่เราไปคือ "อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน"

ตอนขับรถไปมีฝนตกตลอดทางทำให้เราต้องค่อยๆไปเพราะมีถนนบางช่วงมีการก่อสร้างทางอยู่เราถึงอุทยานก็เกือบเที่ยงแล้วค่ะ เราเลยไปหาข้าวกินที่ร้านอาหารในอุทยานกัน ที่นี่อากาศดีมากอาจเป็นเพราะฝนเพิ่งหยุดตกทำให้ทุกอย่างดูสดชื่นไปหมด

ทานอาหารกันเสร็จก็ไปเดินถ่ายรูปกันที่น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ถึงที่นี่อย่างแรกที่ไม่พลาดคือการ "ต้มไข่" ^^ที่บ่อน้ำพุร้อน มันก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ เสร็จจากที่อุทยานแล้ว เราเดินทางกันต่อเข้าตัวเมืองลำปางเพื่อไปเช็คอินที่พักค่ะ

เราจองที่พักไว้ที่ "เดอะพริ้ง Cafe' & Hostel" ตั้งอยู่ที่ถนนคนเดินกองต้า ราคาห้องที่เราพักคืนละ 600฿ เป็นอาคารเก่าแก่(ชื่อว่าอาคารฟองหลี) พนักงานบริการดีค่ะภายในห้องก็ตกแต่งน่ารัก หลังจากเราเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ที่ต่อไปที่เราจะไปกันคือ "สถานีรถไฟลำปาง"

สถานีรถไฟห่างจากที่พักประมาณ3กิโล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเมืองลำปางค่ะ

เราเข้าไปเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันนิดหน่อยแล้วก็มาทานข้าวกันที่ร้านข้าวหมูแดงอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟค่ะ

หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วเราก็ขับรถไปที่หน้าศาลากลางเก่าซึ่งเป็นจุดจอดรถม้า เพื่อไปนั่งรถม้าชมบรรยากาศรอบๆเมืองลำปางกันค่ะ ราคารอบละ 300บาท(ขึ้นอยู่กับระยะทาง) ใช้เวลาประมาณ20-30นาที รถม้าจะพาเราผ่านจุดสำคัญๆในตัวเมืองแบบช้าๆ^^หลังจากวนครบรอบแล้วเราก็สอบถามคุณลุงขับรถม้าว่ามีร้านอาหารแนะนำบ้างไม๊^^ลุงบอกว่ามีร้านนึงอยู่ติดริมแม่น้ำวังชื่อร้านไฉไล เราเลยไปทานข้าวที่ร้านนี้กัน


เมื่อไปถึงก็ไม่ผิดหวังค่ะ บรรยากาศดี อาหารอร่อย เรานั่งกันจน3ทุ่มก็กลับที่พักค่ะ

::Day2::

เราตื่นแต่เช้าไปเดินเล่นชมบรรยากาศเมืองเก่าจากที่พักไปถึง"สะพานรัษฎาภิเศกหรือสะพานขาว" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองลำปาง

ระหว่างทางเดินกลับเราก็แวะฝากท้องกันที่ร้าน"บะหมี่เกี๊ยวมากองต้า"เป็นร้านบะหมี่ที่ตกแต่งสไตล์คลาสสิค ได้บรรยากาศย้อนยุคเหมือนกับไปเป็นเด็กอีกครั้งและรสชาติบะหมี่ยังอร่อยอีกด้วย^^

ทานเสร็จแล้วเราก็ขับรถไปชมความงามของเจดีย์พุทธคยาที่วัดจองคำกัน ขับรถไประยะทางประ71km ก็ถึงวัดจองคำ

เจดีย์พุทธคยาจะอยู่หลังวัดสามารถขับรถเข้าไปได้ค่ะ ความสำคัญของเจดีย์พุทธคยาคือเป็นสถานที่เพื่อรำลึกถึงการตรัสรู้ ด้านในเจดีย์ประดับด้วยพระพุทธรูปปางต่างๆล้อมรอบอุโบสถสวยงามมาก ไหว้พระขอพรกันเสร็จแล้วก็ขับรถกลับมาในเมืองกันค่ะ

สถานที่ต่อไปคือไปเยี่ยมชม"บ้านเสานัก" เป็นบ้านไม้สักเรือนไทยทรงโบราณอายุร้อยกว่าปี มีเสามากถึง 116 ต้นสมชื่อบ้านเสานัก(มาก)^^ ภายในจะตกแต่งด้วยของเก่าโบราณ ที่นี่มีค่าบำรุงสถานที่คนละ50฿ค่ะ เราสามารถเข้าได้ในทุกส่วนของบ้าน หลังจากเก็บภาพเสร็จคุณยายที่บ้านก็ได้เตรียมน้ำและขนมไว้ให้เราทานพร้อมทั้งชวนเราคุยอย่างเป็นกันเอง เราใช้เวลาที่นี่ไม่มากเพราะเราต้องไปกันต่อที่ "พิพิธภัณฑ์ธนบดี"

เพราะลำปางขึ้นชื่อเรื่องเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิคเราเลยไม่พลาดที่จะต้องมาที่นี่ ที่นี่มีค่าเข้าชมคนละ60฿ค่ะ

พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดียังคงความเป็น เอกลักษณ์เฉพาะและเป็นต้นกำเนิดชามไก่ของนครลำปาง ซึ่งมีโบราณสถานที่ทรงคุณค่าที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น เตามังกรโบราณ ชามตราไก่จิ๋ว ชามตราไก่ทองคำ และยังมีการแสดงนิทรรศการ เกี่ยวกับต้นกำเนิดชามตราไก่ ที่ถือเป็นศิลปะและวัฒนธรรมเชิงวิถีชีวิต

และยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีโอกาสได้เพนท์ชามที่เป็นลวดลายของเราเองอีกด้วย(งานอาร์ตชิ้นเดียวในโลก^^)

ในส่วนของการเพนท์จะมีสีให้เลือก2แบบค่ะ สีน้ำกับสีน้ำมัน เราเลือกสีน้ำมันเพราะสามารถรอรับได้เลยภายในครึ่งชั่วโมงแต่สีน้ำต้องใช้ระยะเวลาอบสีหลายวันโดยทางร้านจะส่งทางไปรษณีย์ไปให้เราที่บ้านค่ะ หลังจากเพนท์เสร็จก็5โมงเย็นพอดีได้เวลาไปเดินเล่นถนนคนเดินกาดกองต้ากันค่ะ

ที่ถนนคนเดินวันนี้คนเยอะมาก ส่วนใหญ่ขายของที่ระลึกและมีของกินเพียบ^^ แต่เดินเล่นได้ไม่นานฝนก็ตกค่ะ ทำให้วันนี้ตลาดปิดเร็วกว่าทุกวัน

::Day3::

เช็คเอาท์เรียบร้อยแล้วเราก็ไปกินบะหมี่ที่ ร้านมากองต้า กันอีกรอบนึงเนื่องจากติดใจในรสชาติอิอิ^^ หลังจากนั้นก็ออกเดินทางเพื่อไป"วัดพระบาทปู่ผาแดง"เป็นระยะทางประมาณ60km.

เมื่อถึงลานจอดรถชั้น1ของวัด เราจะต้องจอดรถไว้ที่ชั้นนี้และนั่งรถรับ-ส่งของทางวัดเพื่อขึ้นไปยังลานจอดรถชั้น2เนื่องจากเป็นทางชันและคดเคี้ยว(ค่าตั๋วคนละ100฿)

หลังจากนั้นก็เดินเท้าขึ้นไปประมาณ1กิโลเมตรก็จะถึงยอดเขา แนะนำให้ซื้อน้ำดื่มขึ้นไปด้วยเพราะไม่มีขายด้านบนค่ะ

ระหว่างทางที่เราเดินขึ้นบนยอดดอย จะมีจุดชมวิวให้แวะพักแวะชมวิวสวยๆ ถ้ามองลงไปข้างล่าง จะเห็นวิวของตัวอำเภอเมืองปาน บ้านเรือน และทุ่งนาสวยๆสุดสายตา เราเดินกันแบบชิลๆเดินไปถ่ายรูปไปก็มาถึงยอดเขา

วิวด้านบนสวยงามมาก จะมองเห็นเป็นผาหินสูงชัน บนยอดสูงสุดจะมีเจดีย์สีทอง ที่สร้างอยู่บนภูเขาสูง และรอบๆ ก็จะมองเห็นเจดีย์สีขาวหลายองค์ด้วยกัน

หลังจากเราไหว้พระขอพรกันเรียบร้อยแล้วก็กลับกันลงมา เพื่อเดินทางต่อไปยังวัด "พระธาตุลำปางหลวง"

เมื่อเราไปถึงที่วัดมีงานทอดผ้าป่าพอดีค่ะ ทำให้วันนี้ในวัดมีคนเยอะเป็นพิเศษ

"วัดพระธาตุลำปางหลวง" เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวลำปางมาแต่โบราณ และเป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง หลังจากเราได้ไหว้พระและเดินชมความสวยงามของวัดเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับกันค่ะ

::::ขอบคุณทุกคนที่ติดตามการเดินทางและภาพถ่ายของเรานะคะ◡̈แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ::::

we journey

 วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.52 น.

ความคิดเห็น