พูดถึงอาหารอินเดียแล้วนึกถึงอะไรกัน

สำหรับเรา ๆ คิดถึงอาหารที่เต็มไปด้วยความหอมกลิ่นเครื่องเทศและผงกะหรี่

ซึ่งส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบอาหารประเภทที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศอยู่แล้ว

แต่ถ้าสำหรับหลาย ๆ คนแล้วเชื่อว่าคงไม่อยากลองอาหารอินเดียกันซักเท่าไหร่


The Great Kabab Factory

ร้านอาหารอินเดียรสชาติดีร้านนี้ถ้าได้มาลอง เชื่อว่าจะถูกใจ



วันนี้เรามาทานเป็นมื้อกลางวัน วันเสาร์ ซึ่งจะมีทั้ง Buffet และ a la carte

ราคาบุฟเฟ่ต์อยู่ที่ 800 net รวมเครื่องดื่ม

แต่วันนี้จะมาเต็มอิ่มกับเมนูแบบ a la carte

เข้ามาก็ได้รับการบริการอย่างดี จากพนักงานที่ร้าน

(พนักงาน99%เป็นคนอินเดีย แต่ไม่ต้องห่วงมีพนักงานชาวไทยสามารถช่วยให้ข้อมูลได้)


สิ่งแรกที่มาก่อนเลยหลังจากสั่งอาหารไปแล้วก็คือ "ซอส" ทั้ง 4 แบบ

พร้อมกับหัวหอม พริก และมะนาวที่ไว้กินเป็นเครื่องเคียง

ซอสสีแดง เป็นซอสมะเขือเทศแต่เป็นซอสมะเขือเทศสไตล์ที่ใช้กับอาหารอินเดีย

ซอสสีเขียว เป็นซอสมิ้นท์

ซอสสีขาว เป็นซอสโยเกิร์ต

ซอยสีน้ำตาล เป็นซอสมะขาม

ซึ่งซอสทั้ง 4 แบบก็กินกับแต่ละเมนูแตกต่างออกไป

แต่จริง ๆ แล้วก็แล้วแต่คนชอบมากกว่าว่าอยากจะกินกับเมนูไหน



มาเริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย เป็นเมนูต้อนรับที่ทางร้านมีบริการให้กับทุกโต๊ะ

Papri Chaat sphere

เป็นแคร็กเกอร์ราดด้วยซอสโยเกิร์ต แล้วซอสมิ้นและก็ซอสมะเขือเทศ



มาแล้วจานแรก Masala Papad 120++

เมนูนี้จะไม่มีเนื้อสัตว์ เป็นแป้งกรอบ รสชาติแป้งจะออกเค็ม ๆ

นำมาห่อกับถั่วงอก หัวหอม มะเขือเทศ แล้วก็ใส่ Chat masala ลงไปด้วย


เมนูเด็ดมาแล้วววววว Galouti Kabab(490++)

จานนี้เป็น Signature Dish ของร้าน

มันคือกะบับเนื้อแกะบด ถามว่าเด็ดยังไง บอกเลยว่า

เนื้อแกะบดมันละลายในปากกกกกกกกกกกกกกกกก

มันละลายจริง ๆ นะคุณผู้โชมมมมมมมม


เมนูนี้จะเสิร์ฟกับแป้งแซฟฟรอนสีเหลือง ๆ แบบนี้

แนะนำว่าทานกับซอสมิ้นท์จะเข้ากันมาก


เท่านั้นยังไม่พอขอต่อที่ Burrah Kabab(800++)

มันคือกะบับเนื้อแกะนิวซีแลนด์ ย่างหอม ๆ ตามแบบฉบับอินเดียด้วยเตาทันดูร์

เนื้อแกะจานนี้ทำดีมาก ไม่เหนียว และไม่มีกลิ่นสาป แต่เราจะได้กลิ่นเครื่องเทศที่หมักหอมดีค่ะ


เมนูเด็ดยังไม่หมดแค่นั้น Atta Chicken(550++)

ยกมาเสิร์ฟถึงกับตกใจว่าทำไมมันมาเป็นก้อนแบบนี้

เมนูนี้เป็นไก่ย่าง แต่มาเสิร์ฟแบบนี้มันไม่ธรรมดาแน่ ๆ





มันคือไก่ย่าง ๆ ด้วยเตาทันดูร์ จากนั้นก็จะห่อด้วยใบเตย แล้วก็ขนมปังอีกชั้น แล้วจึงเอาไปอบต่อ

เพื่อให้ความหอมของเครื่องเทศถึงเนื้อไก่ เมนูนี้แนะนำว่ากินกับซอสโยเกิร์ต

ปล.ขนมปังที่ห่อมาเนี่ยะกลิ่นเตะจมูกเหมือนกัน แต่ว่ากินไม่ได้นะจ๊ะ




Char Mirch Ka Salmon Tikka(500++)

แซลมอนติ๊กก้า ปลาแซลมอนหมักเครื่องเทศถึง 4 ชนิด

แล้วนำไปย่าง รสชาติเข้าเนื้อกำลังดี แถมรสชาติเนื้อปลาแซลมอนก็ยังอยู่



Multani Murg Tikka(350++)

ไก่ย่างติ๊กก้า ไก่ย่างนี้นุ่มมาก หมักด้วยเครื่องเทศหอม ๆ

เสิร์ฟมาในหม้อสวย ๆ ที่ด้านล่างมีถ่านวอร์มไก่ให้อุ่น ๆ

ยกมาเสิร์ฟกลิ่นหอมมาก่อนเลย





มาทานอาหารอินเดียทั้งทีถ้าเราไม่มีเมนู Curry ก็เดี๋ยวหาว่าไม่สุด ถ้าอย่างงี้ต้องจัดซินะ

เมนูนี้เป็นเมนูประจำวันที่ทางร้านแนะนำ จะเป็นแกงกะหรีชนิดหนึ่งที่ใส่ชีส

ชีสในที่นี้จะแตกต่างจากซีสของทางยุโรปที่เราเคยเห็น ๆ กัน

ในจานที่เราเห็นสี่เหลี่ยมขาว ๆ นั่นคือ Paneer เป็นเนยแข็งของอินเดีย

มันจะเด้ง ๆ เหมือนเต้าหู้ขาว แต่อร่อยกว่า จะมัน ๆ และออกเปรี้ยวนิดนึงตามแบบฉบับการหมัก

เห็นสีแบบนี้หลายคนคงคิดว่ากลิ่นต้องแรงมากแน่ ๆ บอกเลยว่ากลิ่นอ่อนกินง่าย

รสชาติคนละแบบกับแกงกะหรี่แบบฉบับคนไทยเลย


สำหรับถ้วยนี้คือ Dal Factory(270++)

Dal จะเป็นแกงถั่วที่เคี่ยวข้ามคืนผสมกับเครื่องเทศต่าง ๆ

ถ้วยนี้กลิ่นจะคล้าย ๆ มัสมั่นของบ้านเรา ด้วยว่ามีกลิ่นถั่วเป็นส่วนผสม

เมนูแกงทั้ง 2 เมนูจะให้อร่อยต้องกินคู่กับแป้งนานหรือแป้งโรตี

แป้งโรตี (60++) ของที่ร้านเป็นแป้งโฮลวีทนุ่มอร่อย

แป้งนาน แบบใส่เนยและกระเทียม (90++) อันนี้หอม

แป้งทั้ง 2 อร่อยคนละแบบนะ แต่อร่อยทั้งคู่ คือจิ้มกับแกงไม่หยุดเลย

ถามว่าชอบอันไหนมากกว่า บอกไม่ถูกเพราะชอบหมดเลย

จิ้มกิน จิ้มกิน โอย ๆ ๆ คือดีงาม


และแล้วก็มาถึงเมนูอาหารคาวเมนูสุดท้าย ปิดด้วยจานหนัก

Lucknowi Murg Biyani(350++)

ถ้าเรียกง่าย ๆ ก็ข้าวหมกไก่นี่แหละ แต่ว่ามันไม่เหมือนของไทยเราซะทีเดียว

ข้าวจานนี้จะเป็นข้าวอินเดีย ดูจากเม็ดจะเห็นว่าเม็ดเรียวยาวกว่าข้าวไทย

จะบอกว่าอร่อยมากกกกก กลิ่นเครื่องเทศมันหอมละมุนมาก

กินแล้วมีกลิ่นในข้าวและไก่เบา ๆ (ตัดภาพข้าวหมกไก่แบบไทย ๆ ออกไปได้เลย)

แต่ด้วยมาจานสุดท้ายเราเลยกินได้ไม่เยอะมาก จริง ๆ อยากกินให้หมด ;p



ของคาวก็เรียบร้อยไปแล้ว มาต่อที่ของหวานกันต่อ

ของหวานแบบฉบับอินเดียจะเน้นที่ความมันของนม และความหวาน

Malai Jamun with Chocotate sauce (195++)

คล้าย ๆ เค้ก นุ่ม ๆ แต่จะเน้นหนักออกไปทางครีม มีสตรอเบอร์รี่สดช่วยตัดความหวาน

Assorted Kulfi (145++)

มันคือไอศครีมสไตล์อินเดีย ถามว่าต่างจากไอศครีมที่เรากินยังไง

ไอศครีมสไตล์อินเดียจะเน้นความมันของนมมาก นมมัน ๆ มันอร่อยดีนะ



และนี่คือหน้าตาเครื่องดื่มระหว่างมือวันนี้

Saptrasa (160++) แนะนำว่าเจออาหารมื้อหนัก ๆ แบบนี้ Saptrasa สามารถช่วยคุณได้


เรียบร้อยไปอีก 1 มื้ออร่อย ๆ

อาหารอินเดียแบบออริจินัลมันกินง่ายกว่าที่คิดเยอะ

แนะนำเลยสำหรับใครอยากลอง ไม่ต้องกลัวว่าจะกินไม่ได้

เราว่ากลิ่นเครื่องเทศอ่อนมากเมื่อเทียบกับเมนูบางอย่างที่มีขายทั่วไปในไทย

กลิ่นเครื่องเทศจะละมุน ๆ ขึ้นจมูกหน่อย ๆ

ถ้าใครชอบพวกเครื่องเทศบอกเลยจะถูกใจร้านนี้

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดร้านเพิ่มเติมได้ที่

https://www.facebook.com/TGKFThailand/


การเดินทางง่าย ๆ ด้วย BTS

ให้ลงสถานีเพลินจิต แล้วเดินย้อนกลับมาเข้าซอยนิดหน่อย รร.อยู่ขวามือ

ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 1 โรงแรม Majestic Grande สุขุมวิท ซอย 2

ขอให้สนุกกับการทานอาหารนะคะ





i am travelaholic

 วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.28 น.

ความคิดเห็น