สะ บาย ดี " หลวงพระบาง " (Part 1)
06 DECEMBER 2016
: หลวงพระบางเมืองมรดกโลก :
เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ชื่อนี้ได้ยินมานานครั้งแรกเลยที่สนใจจริงจังก็คือจากภาพยนต์เรื่อง "สะบายดีหลวงพระบาง " แล้วเหมือนการเดินทางมาที่นี่จะต้องมีเหตุให้คลาดกันหรือมาไม่ได้หลายครั้ง เพื่อนๆและน้องที่ออฟฟิสเก่าจัดทริป Backpack กันไป เมื่อหลายปีก่อนตอนยังไม่ลาออก ก็วางแพลนแล้วว่า ไปได้ชัวร์ จนใกล้ถึงวัน ก็ทำตัวเกเรไปเทน้องๆเพื่อนๆ เลยอดไปเที่ยวด้วย
เมื่อครั้งต่อๆมาเพื่อนๆก็ชวนไปแต่ก็ไม่มีเวลาว่างไปทริปไกลๆนานๆโดยเฉพาะต่างประเทศยิ่งเวลาไม่ลงตัว ชีวิตทั้งงาน ทั้งเรื่องส่วนตัว ดูวุ่นวายไปหมด
จนในที่สุดปีที่แล้วตั้งใจตั้งแต่ต้นๆปีว่าจะมาหลวงพระบางให้ได้ ที่นี่อาจเป็นจุดหมายปลายทางหลัก ที่ทำความตั้งใจให้ลุล่วงไปสักที (ผลัดผ่อนมาหลายปี) เลยวางแผนการเดินทางการเที่ยวแบบคร่าวๆ คือเราจะไม่เน้นเที่ยวเป๊ะๆว่าต้องไปตรงนั้นตรงนี้ คืออยากไปก็ไปหาข้อมูลเอาหน้าทริปเลย
สรุปแล้วBackpacke ไปกับเพื่อน 2 คน ลางานพักร้อนรวมกับวันหยุดในช่วงต้นเดือนธันวาคมอีก รวมแล้วก็สิบกว่าวันเป็นคนชอบเที่ยวหน้าหนาวหาอากาศ หาภูเขาที่ไม่มีในกรุงเทพ
จุดหมายหลักในทริปนี้ ไม่ใช่ "วังเวียง" แต่เป็น " เมืองหลวงพระบาง และ เมืองงอยเก่า"
- ถึงขนาดลงทุนทำแผนที่ให้ตัวเองเข้าใจง่ายในการเดินทางไปแต่ละเมืองตั้งแต่ขามาและขากลับ ซึ่งขามา เดินทางเข้าทางหนองคาย ขากลับเข้าทางเชียงราย
ทำแผนที่การเดินทางคร่าวๆ
: หลวงพระบางเมืองมรดกโลก (ຫຼວງພຣະບາງ) :
เข้าเรื่องเลยดีกว่า ต่อจากการเดินทางข้ามคืนมาจากวังเวียงกันดีกว่า สรุปแล้วทั้งคืนนอนไม่หลับเลย ภาวนาให้ถึงไวๆ รู้สึกการนอนไม่หลับระหว่างการเดินทางที่ยาวนานนั้นมันทรมานและมีผลกระทบในการเที่ยววันถัดไปอย่างมาก ถึงกับต้องปรับแผนเที่ยว
เวลาประมาณ ตีห้า กว่าๆ รถนอนแต่ไม่ได้นอน 555 พาพวกเรามาถึงขนส่งสายใต้ของหลวงพระบาง รีบลุกอย่างสะลึมสะลือ ครึ่งหลับครึ่งตื่นลงมาจากรถ เอารองเท้าจากถุงก็อบแก็ปมาใส่ ยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย อากาศยามเช้าที่นี่หนาวเย็นดีจัง ความที่ได้ยินมาว่าหลวงพระบางเป็นเมืองเงียบสงบแล่นเข้ามาในความคิดทันที อืม..."น่าจะจริง" ยืนงงๆสักพัก ซึ่งเพื่อนเรางงกว่า (ทำไมต้องมีคนงงๆกว่าเราด้วย ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเล้ยย) มีลุงที่ยืนอยู่ที่รถสองแถวกวักมือเรียกว่า ใครจะเข้าหลวงพระบางมาทางนี้ ค่ารถราคา 20 บาทคิดเป็นเงินไทยแล้ว
รถพามาส่งตรงสี่แยกของเมืองหลวงพระบางแล้วปล่อยให้ทุกคนต่างแยกย้ายเดินไปที่พักของตัวเอง
ซึ่ง
เราก็ยังไม่มีที่พัก ไม่ได้จอง จะเดินมาหาเอาดาบหน้า ขนกระเป๋าลงจากรถ
ยืนตั้งสติแป้บนึงก่อนจะจัดแจงถามคนแถวนั้นว่า ที่พักแถวริมโขงไปทางไหน...
เจอหน้าคนที่นี่ต้องทักทายด้วยการกล่าว " สะบายดี๊ "
รถมาจอดให้ลงยังจุดนี้
รถจอดให้ลงตรงสี่แยก ถ้าเดินขึ้นไปเป็นเมืองหลวงพระบางโซนที่เป็นวัดวาอารามเก่าๆ บ้านเก่าๆซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของที่นี่
ถ้าไปทางด้านขวาจะเป็นทางที่ไปยังริมแม่น้ำคาน ด้านนี้จะเก่ากว่าหน่อยคนไม่ค่อยเดินกันเท่าไหร่ ถ้าไปด้านซ้ายจะเป็นริมแม่น้ำโขง ซึ่งแม่น้ำคานและแม่น้ำโขงจะไหลมารวมกัน เรียกว่า ปากคาน
เราตัดสินใจไปเดินหาที่พักริมแม่น้ำโขงด้วยความเพลียและง่วงนอนเป็นอย่างมาก กะว่าได้ที่พักเร็วสุดจะได้ล้มตัวลงนอนแบบตายสนิทเสียที่
เดินหาที่พักทางฝั่งแม่น้ำโขง
เดินไปเดินมาหิวข้าว ง่วงก็ง่วงมาก หิวก็หิวอีก เดินหาข้าวเช้ากินกันก่อน มีแรงจะได้เดินหาที่พักต่ออีกรอบ เราเดินมาเจอ "ร้านประชานิยม " โดยบังเอิญ ร้านดังในตำนานคู่เมืองหลวงพระบาง เห็นรีวิวกันเย่อะมีคนมากินโจ๊ค เครื่องดื่มกาแฟ โอวัลติ แล้วกลับไปรีวิวกัน
ร้านประชานิยม ร้านกาแฟคู่แท้หลวงพระบาง
อาหารและเครื่องดื่มราคาเท่าๆกับของไทย ปาท่องโก๋ชิ้นละบาท
สั่งโจ๊คใส่ไข่และโอวัลตินไป ราคามิตรภาพแต่รสชาติสุดฟินนนน ร้านเพิงธรรมดาแต่รสชาติและบรรยากาศไม่ธรรมดา ร้านประชานิยม ตั้งอยู่ฝั่งริมแม่น้ำโขง ที่นี่เหมือนเป็นสภากาแฟ คนเฒ่าคนแก่ มักจะมานั่งกินพูดคุยกัน เหมือนร้านกาแฟต่างจังหวัดบ้านเรานั่นแหละ ป้าที่ใส่เสื้อแดงนั้นเป็นเจ้าของร้าน
หลังจากกองทัพต้องเดินด้วยท้อง จนอิ่ม แบบไม่อยากลุกจากเก้าอี้เลยแต่ต้องจำใจลุก 555 กำลังชอบบรรยากาศแบบนี้เลยต้องตัดใจมาเดินหาที่พักต่อ...
เรือนพักพระสิงห์ ( NORASINGH GUEST HOUSE)
หน้าตาในภาพนั้นคือง่วงมาก555
"หนูตกลงพักที่นี่ 2 คืนเลยคะ " ( พูดภาษาไทยเว้ากันซื่อๆนี่แหละ คนที่นี่เขาฟังภาษาไทยออก )แกก็เลยบอกให้รอแป้บนึง เดี่ยวแกให้เด็กรีบทำความสะอาด เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ให้ ส่วนเรานั่งรอ นั่งเล่น มีแมวด้วยนะ ฮ้าๆๆ ค่อยหายง่วงไปนิดนึง เล่นกับแมวฆ่าเวลาระหว่างรอ
ราคาที่พัก คืนละ 500 บาท พักสองคืน 1000 บาท เป็นเตียงเดี่ยวสองเตียง มีแอร์ มีพัดลมทั้งสองอย่างในห้องเดียวกัน มีทีวี ห้องน้ำส่วนตัวเลย แถมที่นี่สะอาดสะอ้านมาก บรรยากกาศเงียบ มีกาแฟ โอวัลตินให้ดื่มฟรี แต่ไม่มีอาหารเช้านะ
ที่พักตั้งอยู่ตรงข้าม วัดใหม่สุวรรณภูมาราม หรือที่ชาวหลวงพระบางเรียกกันว่า "วัดใหม่" เดินทางสะดวกใกล้ที่เที่ยวและของกิน ตอนกลางคืนหน้าที่พักเป็นที่ตั้ง ตลาดมืด หรือตลาดกลางคืน
หลังจากห้องพักทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เราก็เลยรีบเข้าไปจับจองที่นอนเพื่อขอนอนหลับสักตื่นใหญ่ๆซึ่งน่าจะตื่นมาเกือบเย็นๆแน่นอน (ตารางเที่ยวรวนแล้ว แต่ทำไงได้ร่างกายต้องการพักผ่อนจริงจัง T-T)
ภายในห้องพัก
ประเดิมการเที่ยวหลวงพระบางด้วยการนอนเลยทีเดียว55555
ช่วงเวลาแห่งการนอนจริงจังมาถึงแล้ว เปิดแอร์ ห่มผ้า ปิดหน้าต่าง ปิดไฟ นอนแล้ว นอนมันตอนเช้ายั้นบ่ายนี่แหละ หลับสนิท ตื่นมาจริงๆคือบ่ายสองโมง อาบน้ำแต่งตัวแล้วไปเดินเล่นกัน....
: หลวงพระบางเมือง SLOW LIFE ของแท้ :
เมื่อนอนเต็มอิ่ม และตื่นเอาตอนบ่ายสองแล้ว อาบน้ำแต่งตัว เตรียมกล้อง ไปเดินเล่นชมเมืองหลวงพระบาง แม้จะเป็นช่วงบ่ายเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ที่นี่กลับไม่วุ่นวายเลย ไม่แย่งกิน แย่งเที่ยวกัน ทุกคนรวมทั้งนักท่องต่างทำตัวเป็นคน SLOW LIFE ไปโดยอัตโนมัติ แม้จะตอนบ่ายแต่ที่นี่ก็อากาศเย็นๆ ดูครึ้มฟ้าครึ้มฝน บวกกับคนที่นี่ใจเย็น ใช้ชีวิตช้าๆเหมือนกัน เราเลยไม่รีบ เดินเล่นไปเรื่อยๆ และหาที่แลกเงินอีก 5000 บาท เพราะของกินที่นี่ก็แพงเอาเรื่องอยู่นะ...
: ตามหาส้มตำหลวงพระบางในตำนาน :
ตอนบ่ายไม่ได้นึกถึงที่เที่ยวที่ไหนเลย นอกจากเรื่องกิน เรามาตามหาส้มตำหลวงพระบางที่รสแซ้บบบกันดีกว่า หาพิกัดแล้วก็เดินไปทางร้านเรื่อยๆ ร้านจะตั้งอยู่ฝั่งแม่น้ำโขงแต่ยังไม่ถึงริมโขงนะ พอเดินมาเรื่อยๆจนถึง แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เพราะร้านนั้นภายนอกมองผ่านๆนึกว่าบ้านที่อยู่อาศัย เลยเดินเข้าไปถามว่าร้านเปิดอยู่ไหม ซึ่งตอนแรกเหมือนจะปิดอยู่ แต่พอบอกว่าขายอยู่ดีใจเลย ได้กินส้มตำหลวงพระบางแล้ว
กินกันสองคนเบาๆ ^^
ส้มตำหลวงพระบาง เส้นมะละกอจะเป็นแผ่นๆ รสชาติจะกะปินำ กลมกล่อมอร่อยมากก
: SLOW LIFE ไปกับเมืองมรดกโลก :
เดินย่อยด้วยการเดินเล่นชมบ้านชมเมืองหลวงพระบาง บ้านเรือน วัดวาอารมที่นี่ยังคงอนุรักษ์ รักษาเป็นอย่างดี ถึงจะมีสร้างใหม่ หรือ Renovate ก็ไม่ให้ดูแตกต่างหรือทิ้งความเป็นเมืองมรดกโลกเมืองเก่านี้ไปมากนัก ทุกอย่างล้วนมีการวางแผนและจัดการเป็นอย่างดี
ศูนย์วัฒนธรรมเด็ก
ส่วนใหญ่ถนนเส้นนี้จะเป็นที่พัก ราคาค่อนข้างสูง (ฝั่งแม่น้ำโขง)
ยังคงมีบ้านเรือนเก่าตั้งอยู่ท่ามกลาง GuestHouse มากมายที่ขนาบทั้งสองข้าง
ภาพวาดและภาพถ่ายตั้งขายอยู่ทางเดินริมแม่น้ำโขง
ถังขยะที่หลวงพระบาง
: พระอาทิตย์ตกน้ำที่ริมโขง :
เราเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆตามถนนที่ทอดยาวขนาบแม่น้ำโขงแล้วหาทางลงไปยังพื้นทรายชายหาดของแม่น้ำ เห็นแล้วคิดถึงครั้งแรกที่เห็นแม่น้ำสายนี้ที่เชียงรายเลย ตื่นมาตอนเช้าที่เชียงของ พระอาทิตย์ขึ้นที่ฝั่งแม่น้ำไกลๆ เราถ่ายภาพเก็บไว้นะ แต่ตอนนี้มันหายไปกับ Hardisk ที่พังไปแล้ว เที่ยวครั้งนี้ดีนะที่มีเพื่อนมาด้วย ไม่งั้นคงเหงาแย่ ความเหงาที่นี่ไม่ใช่การอยู่คนเดียว (ที่ชินแล้ว) แต่ต้องอยู่กับความเหงาในความคิด...
....ความคิดถึงเมื่อวันวาน...
อยากมีใครสักคนที่ชอบยืนมองท้องฟ้า รอแสงเช้าแสงเย็นเหมือนๆกัน
เมื่อไม่อาจย้อนคืนวันเวลากลับมาได้ใหม่ เราก็ต้องมีชีวิตที่ก้าวต่อไป
: Luangprabang Handicraft Festival :
มาเที่ยวหลวงพระบางช่วงนี้ถือว่าโชคดี มีทั้งงานแสดงภาพยนต์นานาชาติ หลวงพระบาง และงานแสดง Luangprabang Handicraft Festival ซึ่งคนที่มาร่วมงานจะมาแสดงงานและขายงานพวกเครื่องแต่งกายถัก ทอ สาน และการแสดงศิลปะวัฒนธรรมบนเวที อีกทั้งยังมีการพูดคุยเสวนาของศิลปินแขนงต่างๆที่บุคคลที่มีชื่อเสียงของที่นี่
Luangprabang Handicraft Festival
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติหลวงพระบาง (Luang Prabang Film Festival 2106)
เป็นช่วงที่มีหนังเทศกาลของที่นี่พอดี มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวลาวที่มาจับจองที่นั่งกันเย่อะเลย ก่อนหนังจะเริ่มฉาย ก็จะมีการแสดงร้องเพลงของนักร้อง ดาราที่มีชื่อเสียงของลาว สลับการแสดงขึ้นมา สร้างความสนุกสนาน ม่วนใจ๋ ให้กับทุกคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เป็นฝรั่ง ถึงกับลุกขึ้นมาเต้นกันกันเป็นแถว ฮ้าๆ
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติหลวงพระบาง (Luang Prabang Film Festival 2106)
: พาชิม บุฟเฟ่ 15,000 กีบ ที่ตลาดกลางคืน เมืองหลวงพระบาง :
ตลาดกลางคืนที่ขายแต่ของกินที่นี่ ถือเป็นสวรรค์ของนักกินโดยแท้ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ทั้งฝรั่ง จีน เกาหลี จะเย่อะมาก แม้อาหารจะหน้าตาและรสชาติใกล้เคียงพอกับเรา แต่สำหรับต่างชาติแล้วดูเขาค่อนข้าง Happy กับการกินที่นี่มาก โดยเฉพาะบุเฟ่ จะตักกี่อย่าง มากน้อยเท่าไหร่ ก็ได้ แต่ตักได้ครั้งเดียวแล้วจ่ายเงิน และมีของกินมากมายให้เลือกกิน
ป่ะ .... ไปดูกัน ว่าน่ากินไหม
ขนมครกและร้านผลไม้หน้าทางเข้าตลาด
สองร้านนี้เป็นร้านข้าวแกงบุฟเฟ่
ดูจากหน้าตาแล้วไม่ค่อยจะมีเนื้อสัตว์เท่าไหร่เลย
เห็นไก่ย่างและภาพส้มตำก็ลอยมาทันที
ขนมของหวาน เค้ก คุ้กกี้
: เดินตลาดมืดก่อนกลับที่พัก :
หลังจากพาเที่ยวตลาดของกินกลางคืนแล้วเราก็กลับออกมายังลาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติหลวงพระบาง2016 เพื่อนั่งดูหนังสัก 1 เรื่อง ซึ่งเรื่องแรกที่เราดูจบจะเป็นหนังของประเทศลาว ส่วนเรื่องที่สองเป็นหนังไทย จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่ดูแล้วเลยไม่อยู่ดูต่อ จึงไปเดินเล่นตลาดมืดดูของ ดูเสื้อผ้า ก่อนจะกลับเข้าที่พัก
จากที่เดินและสังเกตดูวนไปวนมาเกือบทุกร้าน จับประเด็นได้ว่า แม่ค้าพ่อค้าที่นี่จะไม่ค่อยชอบลูกค้าคนไทย เพราะแต่ละคนต่อเก่งมาก เขาเลยไม่ค่อยอยากขาย ยืนดูต่อรองราคากันแล้ว ไม่รู้จะเห็นใจใครดีนะ
ตลาดมืดที่หลวงพระบาง
หน้าที่พักเป็นที่ตั้งตลาดมืดพอดี เราเลยไม่ต้องเดินกลับที่พักไกลๆ มันดีงามตรงนี้แหละ ได้เวลานอนแล้วหลังจากทั้งวันนั้น ครึ่งวันแรก นอนอย่างเดียว ส่วนครึ่งวันบ่ายยั้นมืดนั้นเดินเที่ยวชิวๆ ปรับร่างกายที่อ่อนล้าก่อนตะลอนเที่ยวในวันถัดไป
----------------------------------------------
ติดตามได้ใน หลวงพระบาง Part 2 นะคะ
แมวพเนจร : Coco's Journey
วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.57 น.