:: สวัสดีคะ ใช่คุณไมรึป่าวคะ? ครับ พอดี ทาง Qatar Airlines อยากจะให้คุณไมบินไปฮานอยอะคะ ไปดูว่าที่นั้นมีอะไรน่าเที่ยวหรือน่าสนใจบ้าง ไม่ทราบว่าคุณไมสนใจรึป่าวคะ? ทำท่าคิดนานๆ ว่าตารางว่างรึป่าว... อ่อ ว่างพอดีเลยครับ สนใจครับ งั้นคุณไมไปนะคะ คร้าบบบบบบ... > <



-- FOLLOW US --



Youtube : https://goo.gl/rVqoVe

Fan Page : https://goo.gl/kDE9eh

Facebook : https://goo.gl/Wjz5On

Instagram : https://goo.gl/60tM0B

Twitter : https://goo.gl/wx2I34



‪#‎palapilii‬

‪#‎wanderlust‬

‪#‎palapiliireview‬

:: อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นครับ ว่าทริปนี้ผมได้ความอนุเคราะห์จากสายการบิน Qatar Airways ให้บินไปเยี่ยมชมประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม สำหรับรีวิวตัวนี้ ไมจะเล่าเรื่องน้อยๆ แต่จะเน้น How to แบบเนื้อๆ เลย เอาแบบรู้วิธี รู้ราคา หรือไต๋ของคนประเทศนี้ให้หมด เพระอย่างที่หลายคนได้ยินกันมา ใครไปเวียดนามไม่ถูกโกง ถือว่าไปไม่ถึง ๕๕๕



:: ผมมีเวลา 5 วัน 4 คืนอยู่ที่นั้น ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนบ้าง ทำอะไรดี แต่ของแบบนี้คงไม่อยากเกินไป ผมจองตั๋วขาไปในช่วงบ่าย 3 กะถึงที่นั้น 5 โมงเย็น เวลาที่นั้นเท่าๆ กับประเทศไทย จริงๆ ควรจะช้ากว่า 5 นาที แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น สำหรับผม ครั้งนี้คือครั้งแรกสำหรับสายการบินอันดับโลกอย่าง Qatar Airways และอย่างที่ล่ำรือกันครับ มันหรูจริงๆ และนี่สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของสายการบินและช่องทางการจองตั๋วครับ : http://www.qatarairways.com/



:: หลังจากที่เท้า ก้าวเข้าไปในตัว Cabin สุดหรู ก็แลกรอยยิ้มให้กันกับพนักงาน ข้างในตัวเครื่องดูโอ่อ่าห์มาก ผมเข้าไปนั่งในที่ของผม วางกระเป๋าที่ถือมาไว้ในชั้นวาง ยืดขาเหยียดสุด พร้อมกับรับไวน์แดงที่ทางพนักงานได้เซิร์ฟต้อนรับผู้โด... เห้ย! นั่นมันชั้น business เมิงแค่ economy ๕๕๕ เออๆๆ นั่นแหละ กุมโนอยู่ เอาเป็นว่าที่นั่งสบายมาก ขาเหยียบได้เยอะเลย ที่รองหัวสามารถปรับเปลี่ยนให้กระชับกับรูปทรงศรีษะของเราได้ บริการโอเคเลยหละ ระหว่างที่รอเครื่อง take off ก็กด IFE (In Flight Entertainment) เล่น ของเค้าดีจริงมีหลาย App หลาย function มาก แต่ที่ติดใจคือ สามารถ ส่ง e-mail และ โทรหาคนที่อยู่ด้านล่างได้ด้วยในระหว่างที่เครื่องกำลังบินอยู่ ชอบก็ตรงนี้แหละ ๕๕๕ หลังที่เครื่อง Take off ได้ 20 นาที ก็ทานอาหารที่ทางสายการบินเตรียมมาให้ เล่นเกมส์ ดูหนัง ฆ่าเวลากันไป สุดท้ายก็หลับและตื่นมาอีกทีตอนเครื่อง Landed ที่ฮานอย...

:: ย่านตัวเมืองหรือถิ่นสำหรับ Backpacker ในเมืองฮานอย คือ Old Quarter ซึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่าง จะรวมตัวกันอยู่ตรงนี้หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นตั๋วรถ package ทัวร์ไปในที่ต่างๆ บลาๆ ซึ่งครั้งนี้ ไมจะยึดตามหัวกระทู้เลย นั่นก็คือ เราจะไป ซาปา ฮานอย และฮาลองเบย์ โดยมี 5 วัน 4 คืนเท่านั้น ด้วยเงิน 4,000 บาท แล้วไปได้จริง ซึ่งแพลนคร่าวๆ ของไมก็มีประมาณนี้



Day 1 (8 สิงหาคม 2558)



- เดินทางมาถึงฮานอยตอน 5 โมงเย็น

- หารถไปที่ down town และวางแผนตอนนั้นเลย ซึ่งแผนที่ได้ ก็คือข้างล่างนี้



Day 2 (9 สิงหาคม 2558)



- เดินทางจากฮานอยไปซาปาในคืนแรก เวลารถออก 22.00 น. มาถึงซาปาประมาณตี 5 ของวันที่สอง

- Trekking ซาปา 2 วัน 1 คืน (นอนในหมู่บ้านชาวม้ง)



Day 3 (10 สิงหาคม 2558)



- Trekking ออกมาจากหมู่บ้านชาวม้ง ถึงตัวเมืองซาปาตอนบ่ายๆ

- เช่ามอเตอร์ไซต์ ขับเก็บสถานที่สำคัญๆ ในซาปา เช่น silver waterfalls, Cat cat village, tra trom pass viewpiont เป็นต้น

- 22.00 น. นั่งรถกลับไปฮานอย



Day 4 (11 สิงหาคม 2558)



- ตี 4 กว่าๆ จะถึง ฮานอย แล้วเตรียมเดินทางไป ฮาลองเบย์

- ช่วง แปดโมงเช้า จะมีรถมารับไปฮาลองเบย์

- เที่ยวฮาลองเบย์ทั้งวัน แล้วกลับมาถึงฮานอยประมาณทุ่มครึ่ง

- อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปทัวร์ nightlife ในย่าน old quarter



Day 5 (12 สิงหาคม 2558)



- ตื่นแต่เช้า sightseeing รอบเมืองฮานอย พวกพิพิธภัณธ์ โฮจิมินห์มิวเซียน หาของกินดังๆ บลาๆ

- บ่ายสีโมงบินกลับถึงไทย 6 โมงเย็น



:: เป็นไง ทริปนี้ แน่นเอี๊ยดมั้ย ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ตามมาด้านล่างต่อเลยจ้าาาา > < airport



:: จากสนามบิน เราจะต้องเดินทางไปย่าน Old quarter ครับ ซึ่งจากข้อมูลที่ผมหามา บวกกับเหตุการณ์จริงที่ไป มันจะมี bus หมายเลข 17 ที่รับเราจากสนามบินไปลง มี Private Car ราคา 20$ แต่ที่ผมแนะนำคือ Van to City ครับ ราคา 3$ ใช้เวลา 45 - 60 นาที ก็เข้าไปถึงตัวเมืองได้เลย หลังจากที่เพื่อนๆ เดินออกจากนอกสนามบิน ให้มองเยื้องไปทางซ้าย จะมีรถตู้คล้ายๆ กับแถวๆ อนุสเสาวรีย์จอดอยู่ เพื่อนๆ ก็เข้าไปเลย แล้วก็บอกว่าจะ Old Quarter ราคาแรกเค้าจะบอกว่า 5$ ครับ แต่จริงๆ คือ 3$ เท่านั้นแหละ ยังไงก็ลองเถียงกันดู ว่าเพื่อนๆ จะได้ราคาเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิน 5$ ด่ามันว่าฟัคแรงๆ ครับ ๕๕๕๕



:: บรรยากาศก็จะเหมือนรถตู้จาก อนุสฯ ไปพัทยาครับ แน่นเ_ี้ยๆ มีหลากพันธุ์หลายเชื้อชาติมาก ตรงนั้นก็ทำความรู้จักเพื่อนๆ ไว้เยอะๆ จะได้มีพวกครับ เวลาคุยเรื่องราคาจะได้รุมคนขับได้ ซึ่งผมก็นัดกันกับคนในรถเหมือนกัน ว่าห้ามเกิน 5$ ทีนี่มาพูดถึง Old Quarter เราจะไปลงตรงไหน ผมแนะนำให้ลง Backpacker Hostel ครับ เพราะอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวทุกๆ ที่เลย รวมไปถึงการขนส่งด้วย ตรงนั้นแหละ ผมว่า work สุดแล้ว ค่าทีพักคืนละ 10 - 15$ ห้ามเกินนี้ ถ้าเกินแสดงว่าโดนหลอก แต่สำหรับคืนแรก เราคงไม่ได้พักครับ เพราะเราต้องเดินทางไปซาปาในคืนนี้เลย



:: เรื่องเงินของที่นี่วุ่นวายมาก จะจ่ายทีต้องใช้เวลาคิดเยอะ ก็แม่มเล่นมีถึงหลักล้าน กว่าจะคิดมาเป็นไทย ก็ใช้เวลานานอยู่ ก็เรากลัวโดนหลอกใช่ปะละ แต่ผมก็เก็บหลักการง่ายๆ เวลาจ่ายตังค์นะว่าจะเทียบยังไงดี ซึ่งช่วงที่ผมไป ค่าเงินมันเทียบได้ประมาณนี้ครับ



1$ = 35 บาท



20,000 don = 30 บาท



:: ประมาณนี้ครับ จำไปแบบนี้เลย อาจะบวกลบทบเกินมานิดหน่อย แต่เพื่อให้ง่ายแก่การเข้าใจ ก็ประมาณนี้เลยครับ ซึ่งหลังจากที่รถจอดที่ Backpacker hostel เพื่อนๆ ก็เดินทาง Agency ต่างๆ เลยครับ เพื่อที่จะไปดู package ต่างๆ ว่าไปนู้นไปนี่ราคาเท่าไหร่ ผมก็เดินดูอยู่หลายที่เหมือนกัน โดยแพลนของเราวันนี้คือจะต้องเดินทางไป ซาปา 3 คืน 2 วัน และกลับไป take day trip ที่ฮาลองเบย์ต่อ 1 คืน ก่อนที่จะกลับมานอนที่ฮานอยอีก 1 คืน แล้วกลับไทย ผมได้ราคามาประมาณนี้ครับ



- Package ซาปา 3 คืน 2 วัน จะอยู่ที่ 45 - 55$ ไม่เกินนี้ (สำหรับนั่ง Sleeping bus แต่ถ้า by train เพื่อนๆ ลองหาข้อมูลเพิ่มอีกที

- Package day trip ฮาลองเบย์ 20 - 25$ ไม่เกินนี้

- ค่าที่พักอีก 1 คืนที่ Backpacker hostel ราคา 10 - 15$ อย่าเกินนี้



:: ซึ่งผมก็บอกแผนการของผมให้หมดเลย แล้วก็คุยเรื่องราคากัน เค้าเสนอราคามาที่ 130$ ผมคิดว่าแพงเกินไป แต่ก็ไกล่เกลี่ยกันจนได้ 120$ ก็ตอบตกลง ราคานี้ คือรวม Package ซาปา 3 วัน 2 คืน + Package day trip ฮาลองเบย์ + ที่พัก 1 คืนในฮานอย ซึ่งแต่ละวัน รวมอาหารทุกมื้อเลยครับ ยกเว้นคืนสุดท้ายที่อยู่ฮานอย ซึ่งผมคิดว่าพอใจกับราคานี้แล้ว ก็เลยตอบตกลงโดยทันที สรุป ทั้งทริปนี้ราคาแค่ 120$ ไม่ถูกไม่แพง แต่ได้ราคาแรงโคตรๆ ๕๕๕๕

:: หลังจากที่เคลียทุกอย่างเสร็จแล้ว เราจะมีเวลาเดินเล่นอยู่ใน Down town ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงครับ เมืองนี้แปลกมาก ทุกทีแทบจะมี Free wifi ผมเลยไม่ซื้อ sim อะไรทั้งนั้นครับ ไม่จำเป็นเลย ทุกที่มี wifi จริงๆครับ หรือถ้าที่ไหนมีรหัสให้ต้องใส่ ลอง ซุ่มตัวเลข 4 ชุดนี้ไปได้เลย



– 88888888

– 68686868

– 66886868

– 123456789



:: ประมาณนี้ครับ ซุ่มทีไร ได้ทุกที โคตรพีคอะ เลยตัดค่าใช้จ่ายออกไปได้ 300 บาท คืออย่างว่า ไม่รู้จะโทรคุยกับใคร ถ้าเราเตรียมตัวมาดี อุปกรณ์พร้อม แค่นี้การเดินทางก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยาก แล้วยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ผมจะแนะนำ นั้นก็คือ App นี้ครับ Currency เอาไว้แปลงค่าเงินแบบเร็วๆ เลย เค้าบอกราคามาเท่าไหร่ ก็พิมพ์ลงไป แต่ข้อเสียคือต้องใช้ในที่ที่มีเน็ต และอีก App หนึ่งพีคสึสๆ maps.me ครับ อันนี้ผมใช้ทุกทีเลย มันคือ app ที่เป็นแผนที่ offline สามารถบอกตำแหน่งที่อยู่ หรือหา route ในการเดินทางไปในสถานที่ที่เราต้องการจะไปได้ อันนี้เป็นตัวช่วยที่ดีมาก ซึ่งจะต้องโหลด map เก็บไว้ก่อน ยังไงเพื่อนๆ ลองใช้ดูครับ work มากๆ



:: ผมก็ใช้เวลาเดินเล่นใกล้ๆ นั้นแหละครับ หาของกินง่ายๆ ที่ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร ก็ได้แต่ใช้มื้อชี้เอาจานโต๊ะข้างๆ ๕๕๕ ตลกดี ไม่ใช่ทุกคนในเวียดนามที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษรู้เรื่องครับ และก็มีคนบอกมาว่า มาเวียดนามต้องกินเบียร์ถัง ฮาๆๆ เด่วรอกลับมาคืนสุดท้ายก่อน จะจัดให้เละ หลังจากทานเสร็จแล้วก็กลับไปรอที่ hostel ให้รถมารับ



:: เวลาสามทุ่มครึ่ง จะมีรถ mini bus มารับเราที่ hostel ครับ ของไหนไม่จำเป็น เพื่อนๆ สามารถ Drop ไว้ที่ hostel ได้ครับ เลือกเอาไปแต่สิ่งที่จำเป็น เพราะยังไงเราก็ต้องกลับมาที่นี่อีก (ไม่มีค่าใช้จ่าย) เราก็นั่ง mini bus ไปเรื่อยๆ จนไปถึงท่ารถครับ มันไม่ใช่ บขส. อะ แต่มันเป็นคล้ายๆ กับรถร่วมฯ ซึ่งครั้งนี้ผมเดินทางโดย Quenn buss ก็จะเป็น Sleeping bus อย่างที่เพื่อนๆ เห็นในภาพ



:: เอออ… เวลาจะซื้ออะไร ต้องให้เค้าเขียน Detail ให้เราใน bill เลยนะ ว่าเราจะต้องได้อะไรบ้าง ไม่ใช่ว่าจ่ายเงิน แล้วได้แต่ราคามาเฉยๆ เสี่ยงถูกโกงมากๆ เข้ามาเรื่องของเรากันต่อ ใน Bus มันก็เป็น style แบบ Pancake route ครับ คือนอนสบายๆ เลย และส่วนใหญ่ใน sleeping bus จะมี free wifi ให้ด้วย เห็นมะ sim ไม่จำเป็นอีกต่อไป คราวนี้ก็นอนหลับไหลกันยาวๆ ตื่นอีกทีก็คงถึงซาปาเลย ใช้เวลา 6 ชั่วโมงในการเดินทาง

DAY 2



:: ตื่นมาเพราะเสียงจอแจของคน มองไปข้างนอก รู้เลยว่าอากาศต้องหนาวแน่ๆ เด็กๆ ชาวม้ง ก็เตรียมมาต้อนรับเราอย่งาดี ร่วมถึง taxi ผู้ที่ไม่น่าไว้ใจหลายๆ คน ๕๕๕ ทำไงได้ว่ะ ก็ชื่อเสียงประเทศเมิงมันดังอะ เอาหละ ลงจากรถ แล้วแบกกระเป๋า เช็คชื่อกับ Agency ที่นี่ ว่ามีชื่อเรามั้ย? ถ้าไม่มีก็เอา bill ให้เค้าดูเลย (คือจะมีคนถือ paper มายืนรอตรง bus เลยครับ เราก็เดินเข้าไป check) หลังจากตรวจเช็คชื่อกันเสร็จแล้ว เค้าก็จะให้เราขึ้น taxi ไป ยัง hostel หรือ office เค้าครับ เพื่อไปทานอาหารเช้า ซึ่ง taxi ตรงนี้ รวมอยู่ใน package ที่เราซื้อมาแล้ว ไม่มีจ่ายเพิ่มนะครับ ถ้าโดนเรียกเก็บ ก็พยายามเถียงๆ ไป taxi หนึ่งคันจะบังคับนั่ง 6 คนครับ อัดกันยังกะปลากระป๋อง ใครไปเด่วเจอแน่ ไม่ได้โม้ ๕๕๕



:: มาถึงแล้วววววว เค้าเอาเรามา drop ไว้ที่ Grand View Sapa Hotel และก็จะมีอีกหลายๆ คนตามมาครับ ก็เข้าไป Check ชื่ออีกรอบว่า Package ที่เราเลือกมันตรงกับที่เลือกไว้ตอนอยู่ Hanoi รึป่าว หลังจากเช็คเสร็จแล้วก็เตรียมตัวครับ เค้าจะให้เราเก็บข้าวของที่ไม่จำเป็นทิ้งไว้ที่นี่ เพราะการ trekking จะต้องใช้เวลานาน หนทางชัน เพื่อความสบายของตัวเราเอง ต้องเลือกไปแต่สิ่งที่จำเป็นครับ อาหารเช้ามีตอน 7 โมง และจะเริ่ม Trekking ตอน 8 โมงครึ่งครับ มาดูว่า ของที่จำเป็นควรเอาอะไรไปบ้าง



– ไฟฉาย

– ยากันยุง

– ชุดนอน 1 ชุด ชุด trekking 1 ชุด

– ครีมกันแดด แว่นกันแดด (จำเป็นมาก)

– หมวก (จำเป็นมาก)

– ผ้าเช็ดตัว เครื่องอาบน้ำ ยาประจำตัว

– รองเท้าผ้าใบ



:: หลักๆ ก็จะประมาณนี้ ส่วนพวกตากล้อง จะเอาขากล้องไปด้วยก็ได้ เพราะว่าได้ใช้แน่ ๕๕๕ ผมก็เอาไปเหมือนกัน หลังจากที่เก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลากินข้าวเช้า เตรียมพลังก่อนเดินทางไกลในช่วงเช้าวันนี้



:: Trekking เริ่มต้น ด้วยการมีชาวม้งมารับถึงที่ แต่ละคนจะประกบคู่นักท่องเที่ยว เพื่อดูแลแบบหวังผลประโยชน์เป็น tip หรือช่วยซ์้อของที่ระลึก ก็ดูแปลกตาดี ใครไปคนเดียวก็ไม่เหงาครับ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เค้าจับเป็น Group ครับ อย่างผมไปคนเดียว ก็ไปรวมกรุ๊ปกับคนอื่น ครั้งนี้ของผมมีประมาณ 10 คนเห็นจะได้ ก็มาจากต่างที่ต่างถิ่นกันเลย เอาหละ มาดูว่า Trekking 2 วัน 1 คืน เค้าวางแผนให้เราไปไหนบ้าง



Day 1



เดินลัดเลาะหมูบ้านไปเรื่อยๆ ราวๆ 10 km ทางขึ้นซะส่วนใหญ่ สลับลงตอนสุดท้าย เพื่อไปนั่งทานข้าวบริเวณหมู่บ้านก่อนถึงที่พัก บรรยกาศตรงนั้นจะเป็นริมน้ำ และมีสะพานให้กระโดดน้ำเล่น ฟินดี เค้าจะให้เวลาเราเล่นน้ำราวๆ ครึ่งชั่วโมงหลังทานข้าวเที่ยง ก่อนจะเดินทางต่อไปที่ที่พักของคืนแรกในหมู่บ้านชาวม้ง



Day 2



เดินทางกันต่อเพื่อชมวิวนาขั้นบันได ช่วงนี้พีคมาก พีชสึสๆ เพื่อนๆ จะเห็นวิวนาขั้นบันไดแบบนาขั้นบันไดจริงๆ คือเดินบนขั้นบันไดเลยก็ว่าได้ พอจบนาขั้นบันได ก็จะเป็นป่าไผ่ แล้วป่าเฟิร์น ก็จะไปถึงน้ำตก ประมาณเกือบเที่ยง เค้าก็จะให้แวะเล่นน้ำกันนิดหน่อย แต่น้ำตกน่ากลัวไปนะ ตกไปคือตาย เด่วลองไปดูกัน หลังจากเล่นน้ำตก ลงไปอีกหน่อย ก็จะถึงพื้นราบ ระยะทางวันที่สองประมาณ 2 km ทานข้าวเที่ยวเสร็จ ก็จะมี mini bus มารับเรากลับที่พัก



:: ก็ประมาณนี้ครับ สำหรับกิกรรมใน package ที่รวมมาด้วย ซึ่งในแพคเกจ รวมอาหารทุกมื้อไว้แล้ว รวมถึงอาหารเย็นในวันสุดท้ายด้วย ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่เห็นของแปลกแล้วอยากลอง ซึ่งข้างทางก็มีเยอะพอสมควร ๕๕๕๕



:: ระหว่างทางไปก็จะเป็นป่า เขา สลับกับหมู่บ้านครับ เดินไปเรื่อยๆ พักบ้าง เหนื่อยบ้าง สนุกดี อย่างที่เค้าบอก ระหว่างทางของการเดินทางมักจะมีมุมมองลับๆ แปลกตาที่สวยงามเสมอ ปล่อยให้ภาพบอกเล่าเรื่องราวแทนคำพูดแล้วกันนะครับ



:: บ่ายกว่าๆ เราก็เดินทางมาถึงจุดทานข้าวกลางวันครับ เป็นไงบ้าง วิวสวยใช่ได้รึป่าว หวังว่าจะยังไม่เบื่อกัน อาหารส่วนใหญ่ที่เวียดนามจะเน้นผัก แล้วยิ่งมาถึงถิ่นเกษตรกรรมแล้ว ผัก ผัก ผัก มีแต่ผักครับ โคตรจะไม่แปลกเลย ผมไปเจอรีวิวหนึ่งน่าเกลียดมาก เค้าบอกว่า เวลานั่งทานข้าวให้เลือกนั่งกับต่างชาติ เค้าจะใช้ตะเกียบไม่คล่อง รู้สึกว่าน่าเกลียดมาก แต่ก็รู้สึกดึไปในตัว อ้าววว กุทำตามรีวิวเป๊ะ แต่ระหว่างที่กินและคุยกัน เพื่อนชื่อ jessica เป็นคนฝรั่งเศสมาจากประเทศจีน ใช้ตะเกียบเก่งกว่าเรามาก เรายอม ๕๕๕ อาหารอร่อย วิวดี เห้ออออ สบายตา ๕๕๕



:: หลังจากที่ทานข้าวกลางวันกันเสร็จ เค้าก็จะปล่อยให้พวกเราไปเล่นน้ำด้านล่างครับ แต่ก้ไม่ได้เล่นหรอก ไม่มีอารมณ์อยากเปียกเลย อยากไปถึงที่พัก แล้วนอนกางแขนขาสบายๆ ๕๕๕ แต่ก้ลงไปนะ ไปเอาเท้าจุ่มน้ำให้รู้ว่ามาแล้วก็ยังดี



:: เอาหละ ถึงเวลาต้องเดินทางกันต่อ ช่วงนี้จะเป็นช่วงเดินไปตามทางของหมู่บ้านครับ เจออะไรแปลกตาหลายอย่างเลยทีเดียว แต่วิวข้างทางก็ยังสวยเหมือนเดิม ยอมกับเมืองนี้จริงๆ ถ้ามาปลายฝนต้นหนาวจะฟินขนาดไหนเนี่ย ไม่ก็มาตอนช่วงเค้าเกี่ยวข้าวนะ โฮฮฮฮฮ ไม่อยากจะพูดเลย ๕๕๕



:: และแล้วเราก็มาถึงที่พักของเราจนได้ครับ ที่พักของเราอยู่ติดนาขั้นบันได เดินลงไปหน่อยก็จะเป็นแม่น้ำ เรานั่งล้อมวง ชนชากันเพื่อฉลองการจบ Trekking สำหรับวันแรก มันฟิน มันถึง มันสุด มันได้ใจมากๆ อธิบายออกมาเป็นคำพูดหรือรูปภาพไม่ได้ ต้องไปสัมผัสด้วยตาของตัวเอง พวกเรารีบเอากระเป๋าไปเก็บ เพื่อที่จะมาชมกับความงามของธรรมชาติโดยรอบ และนี่คือห้องนอนของพวกเราในค่ำคืนนี้



: ลักษณะจะเป็นบ้านสองชั้นครับ ข้างล่างเอาไว้ทำกิจกรรม ทานข้าว บลาๆ ส่วนข้างบนเอาไว้นอนอย่างเดียว มันดู county สุดๆ สำหรับผม เหมือนได้กลับไปอยู่ตามบ้านนอกอีกครั้ง แต่ไกลจากบ้านหน่อย ๕๕๕ เราเดินดูรอบๆ บ้าน ก็พบว่า แค่วิวข้างนอกบ้านของเรา ก็สวยขาดแล้ว



:: เราถามเจ้าของบ้านว่า แม่น้ำข้างล่างนั้นเล่นได้รึป่าว เค้าบอกได้ หลังจากนั้นพวกเราก็รวมตัว แล้วเดินลงไปเล่นแม่น้ำข้างล่าง ถือเบียร์คนละขวด เดินคุยกัน นั่งคุยกันริมน้ำ บรรยากาศแบบนี้ มีเบียร์ในมือแบบนี้ มันฟินจนแบบ ผมอยากจะกลับมาที่นี่อีก อารมร์มันคล้ายวังเวียงที่ผสมกลิ่นอายของหลวงพระบาง มันโอเคมากๆ มันโอเคจริงๆ > <



:: ผมชอบนะ การนั่งแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างการเดินทาง จากนักเดินทาง มันได้เห็นมุมมองที่แปลกและแตกต่างจากนักท่องเที่ยวคนไทย ต่างประเทศกับคนไทยแตกต่างกันจริงๆ ไม่ใช่ว่าคนไทยไม่ดีไม่เก่ง แต่ทุกอย่างสำหรับคนต่างชาติแถบยุโรป มันเอื้อต่อการท่องเที่ยวจริงๆ คนส่วนใหญ่มาเที่ยวกันอย่างต่ำเป็นเดือน บางประเทศที่ทำงานอนุญาตให้ลางานได้เป็นเดือนๆ หรือหนึ่งปีก็มี ผมละอิจฉาพวกเค้าจริงๆ และที่ได้เปรียบกว่าบ้านเราคือค่าเงิน ของเค้ามาเที่ยวบ้านเราได้อย่างชิวๆ ฟังแล้วก็อิจฉาตาร้อน ทำไปมบ้านเรา ไม่มีสวัสดิการดีๆ อย่างบ้านเค้าบ้างนะ น่าคิดจริงๆ อาจไม่ใช่ค่าเงินที่มันเกี่ยวกับเศรษฐกิจ แต่ขอแค่สวัสดิการสำหรับการท่องเที่ยวก็ได้ บางครั้งบางทีมันอาจจะทำให้ประชากรในประเทศมีคุณภาพมากขึ้นก็ได้



: หลังจากที่เล่นน้ำเสร็จ ก็ขึ้นมาอาบน้ำล้างตัว ส่วนผมก็เข้าห้องครัว ทำกับข้าวร่วมกับชาวม้ง สนุกดีครับ ทำอะไรที่นานๆ จะได้ทำที มันดี มันมีความสุข ของทุกอย่งาเสิร์ฟบนโต๊ะพร้อมหน้า พวกเราถ่ายรูปรวมเป็นที่ระลึก แล้วก็เริ่มทานกันด้วยความหิวมาตลอดทั้งวัน



:: ระหว่างที่กินกัน เจ้าของบ้าน ก็เอาเหล้าต้ม (เหล้าม้ง) มาเติมให้พวกเราคนละจอก รอบแรก ก็กินกันยกกระดกครั้งเดียว แล้วมันก็มาเรื่อยๆ ครับ สนุกมาก ทุกคนร้องเพลง เล่มเกมส์ระหว่างกินข้าว เจ้าของบ้านก็เติมให้เรื่อยๆ เค้าคงเห็นพวกเรามีความสุข มีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม อย่างว่าละนะ ใครที่เห็นรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของคนอื่น ความสุขก็มักจะตามมา กินกันจนข้าวหมด แต่เหล้าไม่หมดเลย ถูกเติมเรื่อยๆ มีอยู่เกมส์หนึ่ง ผมประทับใจมาก พวกเราเล่นร้องเพลงชาติกัน ซึ่งก็จะวนไปแต่ละประเทศ จนมาถึงคิวของเราคนไทย ซึ่งมีกันอยู่ 4 คน (ฮาาๆ ลืมบอกไปเลย ว่ากรุ๊ปผมมีพี่ๆ คนไทยด้วย พี่ๆ น่ารักมาก ถ้าไม่ได้พี่ๆ บางทีก็ไม่รู้จักพูดขำๆ กากๆ กับใครเหมือนกัน ขอบคุณพี่ๆ ทั้ง 3 มากครับ ถ้าเจอกระทู้นี้ อยากจะบอกว่า “คิดถึง" นะครับ : ))



:: หลังจากทุกคนเริ่มเมากันได้ที่ ก็ชวนกันออกไปนั่งที่ Bar ข้างนอก ว่าแต่มีใครเคยเล่น have ever/never บ้างมั้ยครับ เกมส์ที่ถามเพื่อนร่วมวงว่าคุณเคยทำหรือไม่ทำอะไรบ้าง คืนนั้นเราชวนเพื่อนๆ ออกมานั่งเล่นที่บาร์ใกล้ๆ home stay นั่งกันยาวๆ เลยแวะมาที่เกมส์นี้ มาดูบทสนทนาของกรุ๊ปผมนะ…



– have you been Africa?

– have you ever eaten snake?

– Have sex on shower?

– have sex in a car?

– have ever kissed 3 people in the same day?

– have ever cheated your couple?

– have ever suck a pennis?

– have sex in public place?

– sky dive?

– hiking?

– sayto your girl/boy friend?

– have sex with 2 people in the same day?



:: และอีกมากมาย แต่ละคนแม่ม เดือดสัส 555 เคย alone traveling มาแล้วทุกคน ผู้ชายเยอรมัน หญิงคนแรกจากซ้ายจากอังกฤษ คนที่สองจากฝรั่งเศส คนนั่งข้างผมจากโปรตุเกต เป็นไงหละ มาคนเดียวก็เงี่ยะ ก่อนกลับสาวๆ มาทำพิธี good bye โดยการเอาแก้มมาชนทั้งสองฝั่ง ผมนิเคลิ้มเลยยยยย >///<



DAY 3



:: สวัสดีเช้าวันใหม่ วันนี้เราต้องเดินต่ออีก 12 km ผมตื่นขึ้นมา ก็ถือกล้องถ่ายรุปเล่นรอบ home stay ในบรรยากาศยามเช้า เห้ออออ ทำไมมันบริสุทธิ์ขนาดนี้นะ



:: หลังจากข้ามสะพานเส้นนี้ไป เค้าก็จะให้เราทานอาหารกลางวันก่อนที่จะมี mini bus รับเรากลับตัวเมืองครับ ถามว่าถ้าจะให้ trekking ที่นี่อีกรอบสนมั้ย ตอบว่าสนครับ แต่ไม่ใช่ที่นี่ ขอเป็น fansipan ครับ ยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนาม ผมจะกลับมาอีกแน่นอน จากทางออกไปถึงตัวเมืองซาปาใช้เวลาราวๆ ครึ่งชั่วโมงครับ แต่วิวระหว่างทางกลับทำร้ายจิตใจเราเหลือเกิน เพราะสวยมากๆ สวยโคตรๆ สวยไม่บันยะบันยัง สวยกว่าตอนเดิน trek อีก แต่ก็อย่างว่า ได้อย่างเสียอย่างครับ เราไปลุยกันต่อดีกว่า



:: หลังจากที่ไปถึง Hostel ก็เก็บข้าวของ และสอบถามตารางรถสำหรับคืนนี้ รถออกจากที่นี่ 4 ทุ่มครับ แต่เค้าให้เรามาเจอตอน 3 ทุ่ม และก็จะมี dinner ประมาณ 1 ทุ่ม ผมมีเวลาเหลืออยู่ที่นี่ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง ซึ่งนั้น ก็พอสำหรับการ sightseeing รอบเมืองซาปาสำหรับผม ผมวางแผนไว้ว่าจะไปเก็บสถานที่สำคัญต่างๆ ให้ได้มากที่สุด หลักๆ ก็จะมี Cat Cat Village, Silver Waterfalls, Trad trom Pass View point ประมาณนี้ครับ และก่อนไป ผมพอจะรู้ว่าเพื่อนชาวโปรตุกิส ก็ต้องกลับรอบเดียวกับผม ผมจึงชวนเธอไปด้วย โดยใช้แผนที่ผมบอกตอนต้นเสนอให้เธอรู้ และเธอก็ตอบตกลง…



:: ผมขับไปไม่นาน รถก็ล้มครับ เพราะมัวแต่ Selfie กัน ให้ตายเถอะ เธอถามผมว่าผมโอเครึป่าว ผมตอบโอเค ในใจเป็นห่วงเธอซะมากกว่า มัวแต่ถือกล้องถ่ายวีดีโอ อีกมือจับแฮนด์ แต่ดันเป็นทางลง พอรถเบรค ล้อหน้าก็ลาก แล้วสบัดลงข้างทาง ดีนะที่ไม่มีใครเป็นอะไร หลังจากนั้น ขับไม่ถึง 40 km/h ๕๕๕๕ กลัวคว่ำเว้ยเห้ยยยยยย



:: ที่นี่คือ Cat Cat Village เป็นสถานที่ที่คนพูดถึงกันเยอะมาก ผมรู้แล้วว่าทำไมเค้าพูดถึงกัน เพราะแม่มมาง่ายมาก ห่างจากตัวเมืองแค่ 2 กิโลเอง เสียค่าเข้าไปดู 40,000 ดอง แต่แบบ ไม่โอเคอะ ไม่ชอบ ไม่โอมาก เป็นไปได้ไม่ต้องมาก็ได้ครับ ถ้าไป trekking แล้ว มาแล้วจะรู้สึกเสียใจ แต่ข้างในก็มีน้ำตก มีอะไรให้ได้ดูผ่อนคลายดี ก็เดินๆๆ รอบๆไปครับ ที่นี่ต้องเดินเป็นวงกลมนะครับ แต่ถ้าใครไม่อยากเดินดูรอบๆ พอถึงน้ำตก ก็เดินขึ้นทางเดิมเลยก็ได้ ชัน และเหนื่อยมาก บอกเลย



:: เออ ลืมบอกเรื่องมอเตอร์ไซต์ ค่าบริการ 5$ นะครับ ไม่รวม Gas น้ำมันก็ประมาณ 20,000 ดองต่อลิตรครับ เติมลิตรเดียวพอ ไปได้ครบ เชื่อผม หลังจากตรงนี้เราก็ดิ่งตรงไปที่จุดชมวิวที่เค้าบอกว่าห้ามพลาด ห่างจากตัวเมืองไป 14 km ระหว่างทางไปจะมีผลไม้ และต้นไม้หลากหลายพันธุ์ ทิวเขาสูงชันตั้งตระหง่า บรรยกาศดีมากๆ จะผ่าน Silver waterfall ไปก่อน จากนั้น 2 km จะเป็น love waterfalls แล้วอีก 2 km ก็จะถึงจุดชมวิว รับรองว่าทุกคนจะต้องชอบ



:: ช่วงที่เราไปอากาศไม่เปิดครับ แล้วถ่ายย้อนแสงด้วย ภาพที่ได้มาก็เลยไม่ค่อยจะชัดเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าบรรยากาศดีเว่อร์ ข้างบนจะมีเพิงขายของพวก ปิ้งๆ ย่างๆ ท่ามกลางบรรยกาศเย็นๆ ครับ ฟินมาก จิบน้ำชา สั่งของร้อนๆ กิน นั่งคุยกัน สนุกดี



:: ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่เยอะพอสมควรครับ เพราะมันฟินจริงๆ ฟินจนลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ไปน้ำตก Silver แต่ว่าช่วงที่อยู่ที่นี่ก้ได้รู้จักเพื่อนใหม่เยอะเลย เพราะเป็นทางผ่านของหลายๆ คน เรานั่งคุยกัน ยืนคุยกัน และก็แลกเปลี่ยนทัศนคติของประเทศนี้ ว่าเป็นยังไง ส่วนใหญ่แล้วทุกคนชอบซาปา ฮอยอัน กับฮานอยคับ ไม่มีใครไม่ชอบเลย : )



:: เสร็จจากจุดชมวิวผมก็ไปที่ Silver Waterfalls ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินครับ ไม่น่าเชื่อว่าน้ำตกที่นี่จะสวยงามขนาดนี้ คือในภาพมันดูธรรมดามากเลยนะ แต่พอไปยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ จะรู้ว่ามันตระหง่ามาก จะอธิบายแบบนี้ ระหว่างที่เราขับรถมาไกลๆ เราจะเห็นน้ำตกที่หล่มมาจากยอดสุดของภูเขา ซึ่งนั้นแหละคือ Silver waterfalls มันสุดๆ จริงๆ นะ ใครไม่แวะเข้าไปดูก็บ้าแล้ววววว > < เออ ค่าเข้าคนละ 15,000 ดองนะ แต่หลัง 5 โมงเย็นเข้าฟรี ครับ : )



:: หลังจากที่ชมน้ำตกเสร็จเราก็รีบบึ่งกลับอย่างเร็ว เพราะกลัวมืดแล้วจะเป็นอันตราย และเนื่องจากว่า ผลไม้ข้างทางมันล่อตาล่อใจมากๆ เราเลยต้องจอดเพื่อลองดู คือผลไม้มันเหมือนจะคล้ายๆ บ้านเรา แต่ไม่ใช่หวะ มันแปลกกว่านั้น คือไม่มีอะไรที่บ้านเราปลูกหรือขายแบบปกติเลย แต่ละอย่างไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร หยิบใส่ๆ อย่างละ 1 ลูกแล้วจ่าย 50,000 ดองไปเลย หารกันกับเพื่อน แล้วให้เค้าปลอกให้ตอนนั้น กินกันตรงนั้นเลย อร่อยอ๊าาาาาาาาาห์ > <



:: กลับไปทานข้าว และก็เมาส์กับเพื่อนต่างประเทศที่รอคิวรถบัสเหมือนกัน อาหารก็เหือนเดิมครับ เนื้อสัตว์ ผัก ผัก และก็ผัก หลังจากทานข้าวเสร็จ ก็เก็บข้าวของเตรียมเดินทาง ระหว่างนั้นก็เดินเล่นอยู่ในตัวเมืองครับ อากาศอี อารมณ์คล้ายกับว่าอยู่แถบโพคาราประเทศเนปาล เอ่อ มันได้จริงๆ นะ ผมชอบเมืองนี้มาก จะกลับมาอีกแน่นอน และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางอีกครั้ง ผมร่ำลาเพื่อน และสหายผู้ร่วมเดินทางตลอดสองวันหนึ่งคืนที่ผ่านมา Taxi มารับเราถึงหน้าที่พัก เพื่อเอาเราไปส่งในสถานที่ที่บัสจะมารับเรา ใจหายหวะ อยู่ไม่นานนะ แต่รู้สึกผูกพัน แล้วการของผมก้ได้เริ่มต้นอีกครั้ง…



:: รถมาจอดที่ไหนก็ไม่รู้ครับ แต่เป็นเวลาประมาณตี 4 ผมหาที่พักไม่เจอ เลยเปิด App maps.me ที่เคยบอกไปตั้งแต่ตอนต้น เวลาอยู่ที่ไหน หรือสถานที่สำคัญๆ ผมก็จะปักไว้ตลอดครับ และมันก็ช่วยได้จิงๆ ตอนแรก ก็หลังครับ จนสุดท้ายต้องหยิบขึ้นมาใช้จริงๆ



:: จริงๆ ผมเคยทำบทสรุปไว้นะ ว่า App ไหน ที่นักเดินทางควร Load ทิ้งไว้บ้าง นี่เลยครับ 8 Application ที่เหล่า Backpacker ไม่ควรพลาด อาจจะไม่ได้ update แล้ว แต่เชื่อว่า เอาอยู่พอตัวครับ : http://www.palapilii-thailand.com/archives/118



:: หลังจากกลับไปถึงที่พัก เพื่อรอ Bus มารับไป Halong Bay ตามมารยาทของที่นี่ เค้าจะให้พวกเราพักฟรีในคืนนั้นครับ และเค้าก็เชิญเราจริงๆ เค้าให้เวลาเราพักในห้องส่วนตัวประมาณ 3 ชั่วโมงครับ จะนอนหรือทำอะไรก็ได้ ก็ว่ากันไป ผมก็จัดแจงนอนแป๊บหนึ่งอาบน้ำล้างตัว เก็บข้าวของบางส่วนที่ไม่จำเป็นออก แล้วรีบตื่นขึ้นมาดูเมืองฮานอยตอนเช้ากัน

DAY 4



:: อาหารเช้า ก็ถูกรวมอยู่ในมื้อนี้ครับ อย่างที่บอก จ่ายครั้งเดียว ไม่ต้องจ่ายอะไรอีกเลย ยกเว้นแต่อยากกินของแปลกเอง ผมทานอาหารเช้าแบบฝืดๆ ก่อนที่จะมี mini bus มารับ เพื่อไปที่ Halong Bay การเดินทางไปฮาลองเบย์ต้องใช้เวลาราวๆ 4 – 5 ชม. แล้วแต่สภาพการจราจรเลยครับ ซึ่ง ผมคิดว่า Choice นี้ ไม่เหมาะสำหรับคนร่างกายไม่แข็งแรงครับ นั่งรถไป อยู่ฮาลองเบย์ไม่นานก็ต้องกลับมา ถามว่าคุ้มมั้ย ไม่คุ้ม แต่ถามว่าไปมั้ย ไปดิวะเห้ย มาแล้ว ๕๕๕๕



:: นั่งๆ นอนๆ กันไป รถก็ติดเหลือเกิน กฏหมาประเทศนี้ บังคับใช้ ห้ามขับรถเกิน 90 km/h ไม่มีใครขับเกินจริงๆ ครับ รักษามาตรฐานคำว่าเวียดนามไว้อย่างดีมาก แต่เรื่องขับสวนเลนส์ ลัดไฟแดง ขับข้ามเลนส์นี่ เมิงทำยังกะว่าไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติเลยนะ ๕๕๕ ขำ เอาหละ เด่วมันก็ต้องถึง ทนเอาหน่อย



:: ตูดแหกตูดบานกันเลยทีเดียว มาถึงซะทีเว้ยเห้ยยยย จากนั้นก็จะมีอีกคนมานำเราครับ คือเวียดนามเค้าก็สามัคคีกันดีเนอะ ทำงานกันเป็นระบบ เป็นขึ้นเป็นตอน จะโกงก็โกงกันอย่างสามัคคี โกงกันเป็นขั้นทีละตอน ทำยังกะเพจสัตว์โลกอมตีนไปได้ สองบาทสามบาทก็เอา ๕๕๕ เอาหละ ไปเช็คชื่อ เอาตั๋วเรือมา แล้วเดินทางกันต่อเลย



:: หลังจากที่เรือออกไม่ทันไร ก็จะมีเรือค้าแล่นมาขนาบข้างขายของเลยครับ ๕๕๕ ตลกอะ รู้งานจัง แต่ก้ไม่ค่อยมีคนซื้อหรอก เค้าร้อนกัน และอีกอย่าง ในเรือก็มีอาหารให้เรากินฟรีครับ จะบอกว่าPackage นี้ ไม่รวมค่าเรือนะครับ ทุกคนต้องออกค่าเรือ bamboo boat กันเอง ป้ายเขียน 60,000 ดอง แต่เก็บกุ 100,000 อิห่า นิเมิงก็เอาไปสร้างตึกเลยรึง๊ายยยยยยยย > < โมโหจีจี



:: ประมาณ 45 นาทีก็มาถึงครับ ถามว่าสวยมั้ย ก็สวยอะ แต่สู้เขื่อนรัชประภาไม่ได้เลย ๕๕๕๕ กุ้ยหลินเมืองไทยสวยกว่าเยอะ เราเดินลงไป จ่ายตังค์ค่าเรือแล้วเตรียมตัวนั่ง bamboo boat ชมความงามของ Halong bay มรดกโลกชื่อดัง ที่ถ้าใครมา ก็ต้องแวะมาที่นี่ เห้ออออ แต่เอาจริงมั้ย ไม่ต้องมาก็ได้ ๕๕๕๕



:: ก็หลังจากที่เราลงเรือ ก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ในการชมความสวยงามของทีนี่ครับ ไปดูวิวและบรรยากาศกัน ว่ามันจะสวยงามอย่างที่ผมพูดไว้ จริงรึป่าว ๕๕๕



:: หลังจากนั้น เราก็ขึ้นเรือแล้วก็วกไปอีกฝั่งของเขาครับ ระหว่างทางก็จะมีหินรูป ไก่ชนกันอยู่สองตัว พอไปถึงหน้าทางเข้าถ้ำ ไกด์เค้าก็จะมรบรีฟเราครับ คือเข้าทางหนึ่ง จะออกอีกทางหนึ่ง ข้างในตัวถ้ำ ก็จะเป็นหินงอกหินย้อย อันนี้ก็ธรรมดาๆ เหมือนบ้านเรา สำหรับผม เฉยๆ มาก แต่ไม่แน่ บางคนที่ไม่ค่อยเที่ยว อาจจะตื่นเต้นกับสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้ : ) ยังไงลองชมภาพกันครับ



:: หลังจากจบจากตรงนี้ ก็เดินทางกลับครับ นอนตายกันไปเลยก็ว่าได้ เออ ระหว่างที่ take trip ฮาลองเบย์ ผมดันไปเจอพี่ๆ คนไทย ที่เรียนอยู่ ม.เดียวกันกับผมพอดี คืนนี้เราเลยนัดกันที่ย่านนั่งชิวในตัว Old Quarter ครับ



:: เอาหละ มาดูแผนที่ข้างบนนี่กัน จะยึดแผนที่นี้เป็นหลักเลยนะ สถานที่หลักๆ ที่ผมจะแนะนำ มีอยู่ 10 สถานที่ด้วยกัน ซึ่ง ทั้ง 10 สถานที่นี้ จะเป็นการ sightseeing ในวันพรุ่งนี้ และรวมถึงย่านราตรีที่ทุกคนควรไปนั่งเก้าอี้ซักผ้า ยกเบียร์สดจากถังกันด้วย มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง



1. Ho chi minh Masoleum (สุสานโฮจิมินห์)

2. Ho Chi Minh Museum (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ โฮจิมินห์)

3. Bac Son Monument

4. The back pavilion of Hanoi citade (ตรงนี้ควรไปมาก ปกติไม่ชอบเรื่องประวัติศาสตร์ แต่ไปแล้วอึ้งเลย)

5. Defence Ministry

6. ตลาดสด (ใครอยากจะไปจับจ่าย ดูของขายแปลกตา เชิญที่นี่เลย)

7. Ta Hien Road (ตรงนี้เด็ดสุดๆ ร้านเหล้าเพียบ) ซึ่งเย็นวันนี้ เราจะไปเดินในเส้นนี้กันครับ

8. Pho Cuong (ร้านเฝ่อที่อร่อยที่สุดในฮาอย) การันตีครับ กุนิยังต้องเบิ้ลเลย

9. Ngoc Son Temple

10. ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม



:: จริงๆ มันมีเยอะกว่านี้อีกนะ แต่แค่นี้ ก็เบื่อแล้ว เอาจริงๆ หลักๆ ผมไปไม่กี่ทีหรอก เพราะโดยส่วนตัวไม่ชอบเดินดูหรือศึกษาประวัติศาสตร์อะไรพวกนี้ เลยไม่ค่อยเห็นความสำคัญเท่าไหร่จะเน้นกิน เน้นทำมากกว่า แต่นะ ใครที่ไม่ชอบ ยังไงก็ต้องไป The back pavilion of Hanoi Citade ให้ได้นะ สุดจริง ขนาดคนไม่ชอบประวัติศาสตร์อย่างเรา ยังอึ้งเลย เพราะมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยด้วย ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นประมาณ 2 ชั่วโมงได้ เอาหล่ะ ไหนๆ ก็นัดพี่เค้าแล้ว อย่ารอช้า ออกไปท้าราตรีกันเลยยย > <



:: ไม่ไกลจากที่พักมากครับ และเมื่อไปถึง ก็ต้องตกใจกับบรรยากาศ โฮฮฮฮฮ ยังกะข้าววาร แต่ดู country กว่าเยอะครับ ผมชอบมาก นั่งเก้าอี้ซักผ้า ถือเบียร์คนละขวด คุยกัน บารากุ ก็มี แล้วคือ แบบนี้ มีทุกซอยในบริเวณนั้น ราวกับว่า ใครมีบ้านอยู่บริเวณนั้น เมิงขายอะไรไม่ได้แล้ว ตอนกลางคืนต้องขายเหล้า ๕๕๕๕ ซึ่ง ทุกร้านจะปิดเที่ยงคืนครับ กฏหมายเค้าเคร่งคัดมากๆ แต่จะมีอยู่ร้านหนึ่ง ที่ปิดหลังเที่ยงคืน คือประมาณว่า แอบเข้าไปต่อข้างในได้ เป็น Pub ครับ ชื่อ Funky Bhudda เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมเลยไม่ถ่ายรูปอะไรมาก นั่งจิบเบียร์เบาๆ เคล้ากับเพลงสากลบางๆ จนดึกเลยหล่ะ ๕๕๕๕



DAY 5



:: สวัสดีเช้าวันใหม่ วันนี้ ต้องตามเก็บสถานที่ที่ผมอยากไป ในตัวเลขที่ผมโชว์ในแผนที่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งหลักๆ ผมจะพยายามไปแค่ที่ที่ผมอยากไป เพราะร้อน และไม่ชอบเที่ยวแบบนี้ แต่ก็จะพยายามเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆ ให้ได้มากที่สุดนะครับ ผมเช่ามอเตอร์ไซต์คันละ 100,000 don ต่อวัน พวกเราสามารถติดต่อกับทาง hostel ได้เลย แล้วเด่วจะมีคนมารับ หลังจากยื่น passport และเซ็นยอมรับเงื่อนไขเสร็จเรียบร้อย เค้าก็จะพาเราขับไปเติมน้ำมันครับ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป



:: ก็หลังจากที่เติมน้ำมันเสร็จ เราก็ต้องมาขับกันเองครับ บนถนนที่เรียกว่า ฮานอย เพื่อนๆ ก็พอจะรู้กันอยู่แล้ว ว่ามั่วขนาดไหน แต่เอาจริง มาฮานอย ต้องเช่ามอไซต์ขับครับ มันมาก ผมชอบ มันมั่วดี ขับเร็วๆ ขับเบียดไปมา บีบแตรหนักๆ ชนกันก็แค่เข็นรถออกแล้วขับต่อ เว้นซะว่าร่างกายจะบาดเจ็บ ที่นี่เค้าชิวกันมากๆ ผมชอบ ชอบมาก และแนะนำให้เพื่อนๆ เช่ามอเตอร์ไซต์ขับที่นี่ ถามว่าอันตรายมั้ย ไม่หรอก ถ้าขับเป็นอยุ่แล้ว ไม่มีใครพาตัวเองล้ม หรือชนคนอื่นง่ายๆ หรอก เชื่อผม ต้องลอง



:: เอาหละ คราวนี้ ก็มาดูว่า ผมไปที่ไหนก่อนบินกลับประเทศบ้าง ผมเหลือเวลาครึ่งวันสำหรับเมืองนี้ คิดว่าเพียงพอ และพอเพียง ขึ้นอยู่กับว่าจะเบื่อและขับกลับที่พักเมื่อไหร่เท่านั้นเอง



:: ที่แรกคือสุสานลุงโฮห์ครับ ตรงนี้ ใครที่จะเข้าไปชมด้านใน ห้ามเอากล้องถ่ายรุปเข้าไปครับ จะมีบริการรับฝาก และไปคืนตอนออกมาครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เข้าไปชมข้างในนั้น มันบอกไม่ถุกแฮ๊ะ ถ้าใครพอจะรู้ประวัติเกี่ยวกับลุงโฮจะเข้าใจเอง ว่าทำไมคนบ้านเมืองนี้ถึงรักแกขนาดนี้ ผมขอไม่ลงลึก แต่เอาเป็นว่า ถ้ามีโอกาสได้ไปเวียดนาม หรือฮานอย คุณควรเข้าไปในสุสานแห่งนี้ซักครั้ง ก่อนตาย จริงๆ ด้วยความเคารพ



:: หลังจากนั้นผมก็ขับรถเล่นไปเรื่อย ไปกิน เฝ่อชื่อดัง ตามที่แผนที่ที่ผมบอกไว้ข้างบน ขับจนเบื่อเลยรีบกลับ แต่ย้ำอีกครั้ง ว่าทีที่เพื่อนๆ ควรไปอีกที่หนึ่งคือ ความหลังเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม เกี่ยวกับประเทศนี้ครับ นั้นคือหมายเลขที่ 4 ในแผนที่ เพื่อนๆ ต้องไปนะครับ มันอาจจะดูไม่มีอะไร เป็นตึกเก่าๆ ทรงโบราณ แต่ลองเข้าไปชมเรื่องราวข้างใน จะรู้ว่า ประวัติศาสตร์สำคัญแค่ใน ผมประทับใจอยู่อย่างหนึ่ง ข้างในนั้นมันจะมีห้องใต้ดิน สำหรับผู้บังคับบัญชาเวลาประชุมกัน ในนั้นมีแผนที่การบินจากอู่ตะเพาไปลงที่ฮานอยด้วย ผมถ่ายรูปเก็บไว้นะ อยากรู้รายละเอียดและประวัติศาสตร์ อยากเข้าใจแผนการแต่ละแผนการที่ถูกโชว์บนฝนัง แต่ก็ทำได้แค่ถ่ายรูปเก็บไส้ และจะไม่เอามาโชว์ในกระทู้ด้วย เพราะคิดว่าเรื่องแบบนี้ ควรเห็นด้วยตาของตัวเอง มันเป็นประวัติศาสตร์ มันมีเรื่องราว มันเป็นสิ่งล้ำค้า ที่แม้แต่คนไม่เห็นคุณค่าอย่างผม ยังต้องถ่ายเก็บไว้



: เอาหละ สุดท้ายของเรื่องราว 5 วัน 4 คืนของผม คงจะช่วยให้เพื่อนๆ เดินทางได้ง่ายขึ้นนะครับ อ่อ อย่าลืมไปกินร้านเฝ่อชื่อดังหมายเลข 8 ในแผนที่หละ ผมหิวมาก มันอร่อยมาก ไม่ได้ถ่ายรูปไว้อะ แต่ต้องไปนะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่ากระทู้นี้เพื่อนๆ จะได้รับประโยชน์จากประสบการณ์ของผม ไม่มากก็น้อย ขอบคุณทุกคนครับ ขอบคุณมากจริงๆ



— FOLLOW US —

Youtube : https://goo.gl/rVqoVe
Fan Page : https://goo.gl/kDE9eh
Facebook : https://goo.gl/S42XZq
Instagram : https://goo.gl/60tM0B
Twitter : https://goo.gl/wx2I34

‪#‎palapilii‬
‪#‎wanderlust‬
#‎palapiliireview‬

ความคิดเห็น