สวัสดีค่ะ เมื่อวันที่ 9-13 สิงหาคม 2560 เราได้เดินทางไปประเทศเวียดนาม โดยเดินทางไปเที่ยวที่เมืองฮานอย และซาปา



การเตรียมตัวไปประเทศเวียดนาม

- เตรียมหนังสือเดินทาง ซึ่งเราแสกนเก็บไว้ในอีเมลล์ สำรองไว้ด้วย เผื่อหนังสือเดินทางหายระหว่างทาง เราสามารถเดินทางเที่ยวเวียดนามได้เลยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า และสามารถอยู่ได้เวียดนามได้ 30 วัน

- แลกเงินสกุลเวียดนาม หรือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

- ศึกษาอุณหภูมิ สภาพอากาศในสถานที่เราจะเดินทางไป

- หัวแปลงปลั๊กไฟ สำรองไว้ แต่บางโรงแรมมีให้ แต่ที่เราไปปลั๊กไฟเหมือนกับประเทศไทย

- ยาประจำตัว

- โหลดแอฟที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง เช่นแอฟแปลภาษา แปลงสกุลเงิน แผนที่หรืออื่นๆ



วันที่ 1 : เริ่มเดินทาง

เราเดินทางโดยเครื่องบิน โดยสายการบินนกแอร์ ถึงสนามบินโหน่ยบ่าย เวลาประมาณ 08.30 น. ในสนามบินจะมีจะมีที่ให้แลกเงิน และร้านขายซิมการ์ด ร้านอาหาร และทัวร์การท่องเที่ยวต่างๆ

หลังจากซื้อซิมการ์ดแล้ว ก็มีรถตู้มารับไปยังโรงแรม คืนแรกเราพักที่ฮานอย โรงแรมชื่อ luxury Hotel เมื่อถึงโรงแรม เราก็ฝากกระเป๋า และมาหาอาหารทานในมื้อเที่ยง สำหรับอาหารมื้อแรกของเรานั้นเป็นเฝอกับข้าวผัด แบ่งกันกับเพื่อนร่วมทาง อาหารที่นี่ให้เยอะมาก กินไม่หมดเลย แต่อาหารจะรสชาติจืดกว่าประเทศไทย

รับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อย สถานที่เที่ยวแห่งแรกก็เป็นโบสถ์เซนต์โจเซฟ อยู่ที่ถนนยาจุง อยู่ห่างจากที่พักเราไม่ไกลนักและอยู่ในย่านช็อปปิ้ง ที่เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านอาหาร ลักษณะของโบสถ์จะมีความเก่าแก่มาก เป็นอีกสถานที่หนึ่งในเมืองฮานอยที่ไม่ควรพลาด

จากนั้นเราก็เดินทางไปยังมี่พักเพื่อเช็คอินเข้าโรงแรม ซึ่งอากาศที่ฮานอยร้อน พอๆ กับประเทศไทย หลังจากเข้าเช็คอิน เตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ สถานที่เราจะเดินทางต่อไปคือ สะพานไม้สีแดง หรือ สะพานแสงอาทิตย์ เป็นสะพานที่ใช้เพื่อข้ามไปในวัดหง็อกเซิน วัดจะถูกล้อมรอบไปด้วย ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยมหรือทะเลสาบคืนดาบที่สวยงาม บรรยากาศที่นี่จะร่มรื่น เย็นสบาย และเป็นสวนสาธารณะให้พักผ่อนอีกด้วย

ใกล้ๆทางเข้าวัดเนินหยกแต่อยู่อีกฝั่งถนนจะมีอนุสาวรีย์วีรชนเวียดนาม

เวลาที่เหลือของวันนี้คือ การช็อปปิ้งถนน 36 สาย หรือ 36 เฝอเฟือง และก็ กิน กิน และก็กิน สินค้าส่วนมากก็จะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ของที่ระลึก ชุดประจำชาติเวียดนาม รวมถึงของกิน ตลอดทั้งสาย

ช็อปปิ้ง และต่อด้วยการกิน ลองรับประทานอาหารเวียดนามกันบ้าง ซึ่งก็มีหลายอย่างให้เลือก


ต่อด้วยของหวาน เป็นสลัดผลไม้ มีนมถั่วเหลืองกับผลไม้รวมกัน ไม่หวานมากนัก อร่อยนะ ต้องลอง

และช็อปปิ้งกันต่อ ช็อปปิ้งกันเสร็จก่อนเข้าที่พัก เราก็เดินกลับไปถ่ายรูปที่โบสถ์ในยามค่ำคืนอีกครั้งหนึ่ง

ถ่ายรูปเสร็จ เดินกลับมาพักผ่อนที่พัก

มาดูห้องพักกัน สำหรับห้องพักก็โอเคในระดับหนึ่ง แต่แอร์ไม่เย็นเลย

ทำภารกิจเสร็จก้อนอนหลับพักผ่อน คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


วันที่ 2 : ไปนาขั้นบันได ที่ซาปากัน

วันที่สองที่ฮานอย มื้อเช้าของวันนี้ทางโรงแรมมีอาหารเช้าให้ แต่ต้องเดินไปกินที่ร้านอาหาร ในซอยถัดไป เมนูอาหารก้อจะมีอาหารเวียดนาม และ breakfast แบบฝรั่ง เราเลือก breakfast

เช็คเอาส์ออกจากโรงแรม เตรียมเดินทางไปยังซาปา

ซาปา คือ เมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางเหนือของประเทศเวียดนาม ที่มีนาข้าวขั้นบันได เช่นเดียวกับป่าปงเปียงประเทศไทย แต่ป่าปงเปียงเรายังไม่เคยไปสัมผัสเช่นกัน ถ้าช่วงหน้าหนาวที่ซาปาจะมีหิมะตกด้วย แต่เราเลือกมาช่วงหน้าฝน เพราะนาข้าวจะเป็นสีเขียว ถ้าหลังจากนี้จะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวนาข้าวจะเป็นสีทอง

แต่มีคนแนะนำว่าควรมาทุกฤดูจะเห็นความแตกต่าง และที่ซาปาอากาศจะเย็นสบายตลอดปี การเดินทางของเราเป็นรถตู้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง

ภาพวิวทิวทัศน์ระหว่างทาง

จุดชมวิว

ต่อมาเราก็เดินทางถึงหมู่บ้านตาฟานก่อน แต่ยังไม่ถึงซาปานะคะ

สำรวจหมู่บ้านกัน ที่นี่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำที่ไหลจากภูเขา เป็นน้ำตก ธารน้ำที่สวยงาม ในวันที่เราไปนักท่องเที่ยวไม่ค่อยมากนัก แต่จะมีชาวเขาทั้งที่เป็นผู้ใหญ่และเด็ก มาจำหน่ายสินค้าที่ระลีก

ในที่สุดก็ถึงก็ถึงเมืองซาปา คืนนี้เราพักที่ SAPA BACKPACKER HOSTEL ที่พักไม่ได้ติดวิว เราพักอยู่ที่ชั้น 5 และไม่มีลิฟท์

หลังจากการเดินทางที่แสนยาวไกล หิวมาก เพราะตลอดทางที่ผ่านมา แวะร้านอาหารตามปั๊ม ไม่มีอาหารที่สนใจเลย เมนูแรกที่เขาแนะนำคือ ร้านปิ้งย่าง หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อย ภารกิจต่อไปคือ การกิน

ถึงแล้วค่ะ ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากที่พัก

แหล่งช็อปปิ้งในซาปา ก็จะเป็นเสื้อผ้า อัลมอลด์ ผลไม้ ร้านอาหารมีทั้งอิตาเลียน เวียดนาม ร้านชาบู และนักท่องเที่ยวไทยเยอะมาก บ้างร้านพ่อค้าแม่ค้าพูดไทยชัดมาก พ่อค้าร้านขายเสื้อผ้าบอกว่าคนไทยมาที่นี่เยอะเลย

จากนั้นเราก็เดินทางไปยังโบสถ์ เป็นสถานที่ที่เราต้องมาเยือน

ด้านล่างโบสถ์จะเป็นลานกิจกรรม

และเราได้คุยกับน้องชาวเขา น้องพูดภาษาอังกฤษเก่งมากๆ

คุยกันสักพัก เราก็เดินกลับไปห้องพัก เตรียมตัวพักผ่อน ให้ห้องนอนไม่มีแอร์ มีพัดลมให้ แต่อากาศไม่ร้อน เพราะที่ซาปาอากาศจะเย็นสบายๆ


วันที่ 3 : อยู่ซาปา เมืองแห่งสายหมอก

สวัสดีซาปา วันนี้ตื่นแต่เช้าเช่นเคย พร้อมกับสายฝนที่โปรยปราย ง่า วันนี้เราจะได้ไปเที่ยวไหม ?? เมื่อฝนซา เดินไปที่โบสถ์ บริเวณโบสถ์จะมีผู้คนมาออกกำลังกายในตอนเช้า

โบสถ์ในตอนเช้า

08.00 น. รถตู้มารับ วันนี้เราจะไปหมู่บ้านกัตกัต แต่ด้วยฝนยังตกโปรยปราย จึงต้องแวะที่ร้านกาแฟ กันก่อน ร้านมีชื่อว่า GEMVALLEY ART GALLERY กันก่อน

ในร้านจะมีผลงานศิลปะโชว์ หรือจำหน่ายด้วย เราก็ไม่แน่ใจ

ร้านนี้มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มจำหน่าย และที่สำคัญวิวหลักร้านเลย

อีกมุมหนึ่งของร้าน และร้านนี้มีโฮมสเตย์ให้พักด้วย เราว่าน่าพักมาก เพราะวิวสวยงามมาก

นั่งรอฝนซา ก็ได้เวลาไปหมู่บ้านกัตกัต หมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟเลย เดินไปนิดเดียวก็ถึง

เราต้องเสียค่าเข้าหมู่บ้าน คนละ 50,000 ดอง จะได้ตั๋วเข้าและแผนที่มา ได้เวลาเดินทางกันแล้ว ฝนตกเพิ่งเสร็จ ทางเดินก็ลื่นนิดๆ เดินกันอย่างระวัง

ระหว่างทางเดิน ในหมู่บ้านจะมีของที่ระลึกจำหน่าย ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม เหมือนกับหมู่บ้านชาวเขาในประเทศไทย

เดินชมหมู่บ้านไปเรื่อยๆ รู้สึกอิจฉาคนที่นี่มาก ทำไมใกล้ชิดธรรมชาติแบบนี้ ไม่อยากให้ความเจริญเข้าถึงเลย กลัวธรรมชาติจะจางหายไป

เดินมาสักพักเห็นน้ำตกอยู่ไกลๆ

หลังจากน้ำตก จะมีทางขึ้นเดินไปเรื่อยๆ จนถึงสะพาน ตรงนี้จะมีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ไปส่งเราต้องทางเข้า ค่าบริการอยู่คนที่ 20,000 ดอง อยู่ที่เราต่อราคากันด้วย

นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างมาถึง ก็กลับไปร้านกาแฟร้านเดิม และรับประทานอาหารมื้อเที่ยง

นายแบบของเราวันนี้

มื้อเที่ยง ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

สถานที่ต่อไป เราจะไปเขาฟานซิปัน "หลังคาแห่งอินโดจีน" ภูเขาสูงที่สุดในอินโดจีน (ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม)

ถึงแล้ว FANSIPAN LEGENG ก่อนจะเข้าอาคารเราจะเห็นศาลเจ้าแม่กวนอิม อยู่ทางด้านขวามือ

เข้าไปในตัวอาคารจะมีช่องจำหน่ายตั๋ว

ตั๋วขึ้นกระเช้า สำหรับผู้ใหญ่จะมี 2 ราคา

60,000 ดอง คือ นั่งเคเบิลคาร์ แล้วต้องเดินต่ออีก

70,000 ดอง คือ นั่งเคเบิลคาร์ และนั่งรถไฟต่อ จนถึงยอดเขาสูงสุด

เราเลือกอย่างที่สอง เมื่อได้ตั๋วมาเราต้องเก็บไว้ให้ดี เพราะต้องใช้ในการผ่านประตูแต่ละครั้ง

วิวที่มองจากกระเช้า ภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ เห็นน้ำตก เป็นธรรมชาติที่สวยมากๆ


เมื่อสูงขึ้นเรื่อยๆ หมอกเริ่มเยอะมาก อาจเป็นเพราะฝนตกในวันนี้ด้วย

ในสถานี ก็จะมีร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ก่อนออกจากกระเช้าเห็นพนักงานที่มารอรับ ใส่เสื้อกันหนาว ใส่ถึงมือ ต้องหนาวมากแน่ๆ พอออกมาเท่านั้นอากาศเย็นมาก ขึ้นไปเราจะเห็นภาพที่เราต้องการไหมเนี่ย หมอกลงจัดทำให้มีละอองฝน ยังกะอยู่บนสวรรค์ แต่เราก็เตรียมเสื้อกันหนาวและกันฝนมา ไหนๆ มาแล้วก็ลุย ไม่ได้สนใจความหนาวเลย เอาหล่ะเราไม่ได้มาที่นี่บ่อย เดินทางกันต่อ ถึงหมอกลงก็เก๋ๆ ไปอีกแบบ

เดินขึ้นกันไปอีกนิดเพื่อไปขึ้นรถไฟด้านบน

ถึงแล้วนะจ๊ะ ยิ่งสูงยิ่งหนาว

แม้วิวจะไม่ได้เป็นหมอกที่เราต้องการ แต่ก็ไม่เป็นไร สนุกไปอีกแบบ นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาชุดเดียวกับเรามีทั้งไทย จีน เกาหลี ถ่ายรูปกันสนุกสนาน จากอากาศที่หนาวๆ จนปรับอุณหภูมิได้เลย

ถ่ายรูปกันจนจุใจ ก็เดินกลับไปขึ้นรถไฟ และลงมาสู่ด้านล่าง สนุกอย่างบอกไม่ถูกเลย

กลับซาปากัน ถึงซาปาก็ปรับอุณหภูมิกันหน่อย เราก็ไปรับประทานช็อคโกแลตร้อนๆ และกลับมาที่พัก

กลางคืนวันนี้มีถนนคนเดิน ของที่ขายจะเป็นงานจากชาวเขา แต่เดินได้สักพักฝนตกหนัก เลยไปร้านปิ้งย่าง ร้านเดิม จนแม่ค้าจำเราได้ เพราะอาหารที่นี่เราไม่ค่อยถนัดเลย ถ้าอยู่นานกว่านี้เราต้องผอมแน่ๆ คิดถึงอาหารไทยมากๆ ในตอนนั้น


วันที่ 4 ปีนเขาฮอมรอง

วันนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีกแล้ว วันนี้ตั้งใจจะไปชมบรรยากาศเมืองซาปา ตั้งแต่มายังไม่ได้สำรวจเลย ก็เดินทางไปที่โบสถ์ ตั้งใจจะไปสถานที่หนึ่งแต่ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร เลยส่งรูปให้เขาดูว่าเราจะไปที่นี่ไกลไหม จนในที่สุดก็ไปกับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ในราคา 20,000 ดอง

ถึงแล้วค่ะ

ความจริงอยู่ไม่ไกลหรอก ห่างอยู่ 1 กิโลเมตร แต่ยังไม่ชำนาญพื้นที่ แต่ตอนกลับก็เดินกลับมาเรื่อยๆ

กลับมาแถวที่พักก็เตรียมตัวไปปีนเขาทางขั้นภูเขาอยู่ซอยใกล้ๆ ที่พักเราเลย แลกตั๋วค่าเข้า 70,000 ดอง

ทางขึ้นก็เดินตามบันได ระหว่างทางจะมีสวนดอกไม้ รูปปั้นถ่ายรูป นักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร บางคนยังใส่ส้นสูงขึ้นเลย

เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว ตอนที่ถึง เราก็ งง อ้าวถึงแล้วหรอ วิวก็ประมาณนี้ค่ะ

ระยะทางก็จะมีรอดถ้ำบ้าง แต่เราว่าไม่ไกลนะ

พอกลับมาอาคารนี้ที่เราเห็นตอนแรก แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เห็นคนเดินเข้าไป เราก็ตามๆ เขาไป

ออ ด้านในเป็นการแสดง การแสดงคล้ายๆ กับลาวกระทบไม้บ้านเรา ชมการแสดงเสร็จ เตรียมทานอาหารกลางวันเลย เพราะเดี๋ยวต้องเดินทางกลับฮานอยแล้ว

หลังจากเดินลงเขา เราก็เดินไปเรื่อยๆ จนเจอร้านอาหารที่เห็นวิวภูเขาสวยงาม สั่งอาหาร รับประทานเสร็จ กลับมาเก็บกระเป๋าและเดินทางกลับฮานอย

ก่อนกลับฮานอยเราก็แวะตลาดชาวเขากันหน่อย

ถึงฮานอยประมาณ 19.00 น. เข้ายังที่พัก ตอนแรกว่าอาบน้ำแล้วจะไปเดินเที่ยว เพราะที่พักอยู่แหล่งช็อบปิ้งเลย แต่ด้วยการเดินทางที่เหนื่อยล้า และพรุ่งนี้เราต้องบินแต่เช้า ก็เลยนอนหลับดีกว่า

เดินทางกลับ เช็คเอาต์ออกตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึงสนามบิน ผ่านตม. เราก็เพิ่งรู้ว่าผ่านตม. ที่นี่ต้องถอดรองเท้าด้วย จากนั้นไปรับประทานในเกต และบินกลับยังประเทศไทย

สำหรับทริปนี้เป็นทริปต่างประเทศ ที่ 2 ที่เราเคยเดินทาง ส่วนมากเราเที่ยวในประเทศไทย ก็เป็นประสบการณ์เล็กๆ ที่สนุกสนาน จากประเทศที่ไม่เคยอยู่ในความคิดที่อยากจะไป แต่พอได้สัมผัสก็หลงรัก โดยเฉพาะที่ซาปา วิวสวยงามตลอดทาง ก็ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ หากมีข้อเสนอแนะประการใด แนะนำได้นะคะ เจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ

การเดินทางของ Simmiee

 วันพฤหัสที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.20 น.

ความคิดเห็น