ช่วงนี้กระแสโปรโมต 12 เมืองต้องห้ามพลาด ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กำลังมาแรง หลายคนคงได้ยินกันมาบ้างแล้ว
มีทั้งหมด 12 จังหวัดด้วยกัน
ได้แก่ ลำปาง เพชรบูรณ์ น่าน บุรีรัมย์ เลย สมุทรสงคราม ราชบุรี ตราด จันทบุรี ตรัง ชุมพร และนครศรีธรรมราช
และทริปนี้ผมจะพาไปอีกหนึ่งจังหวัด นั่นก็คือ จ. ตราดนั่นเอง
.....
..
.
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางของผมติดตามได้ที่ "สะพายเป้ เท่ทั่วไทย"
https://www.facebook.com/saphipae



การเดินทางครั้งนี้ผมได้มีโอกาศเข้าร่วมกิจกรรมของ ททท ในการโปรโหมตสถานที่ท่องเที่ยวใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด
โดยแบ่งออกเป็น 12 ทีม 12 เมือง โดยผมได้รับเลือกเป็นตัวแทนของจังหวัดตราด
ในการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยว จะมีที่ไหนก็ตามกันไปชมกับรีวิวนี้ได้เลยครับ
กับ "เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน
หลังอานหมาดียุทธนาวีที่เกาะช้าง สุดทางบูรพา"

การเดินทางในครั้งนี้เร่มจากกรุงเทพมหานคร โดยได้รับการสนับสนุนรถเช่าในการเดินทางจากไทยเร้นท์ อะคาร์
รถเช่าที่มีให้เช่าทุกหัวเมืองใหญ่ๆในประเทศไทย ปาเจโร่คันใหญ่ก็พร้อมออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เ้มืองเกาะในฝันกัน
ทริปนี้เรามาสมาชิกมาด่วยกันทั้งหมด 4 คน

เราเดินทางมาถึงจังหวัดตราดก็ดึกพอสมควร คงไม่ต้องออกไปไหนต่างคนต่างแยกย้ายเข้าที่พัก


เก็บแรงพักผ่อนให้เต็มที่ รู้สึกตัวอีกทีก็พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาแล้ว พวกเรานัดกันที่ ชุมชนคลองบางพระ

เป็นสถานที่แรกของทริปนี้



ชุมชนคลองบางพระ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวไทยขึ้นชื่อของจังหวัดตราด ถ้ามาเที่ยวที่นี่แล้ว ก็ควรหาเวลาแวะมาเที่ยวเดินเล่น หรือจะพักสักคืนก็ยิ่งดี ที่นี่ถือว่าเป็นชุมชนการค้าเก่าแก่ ในอดีตชุมชนแห่งนี้เคยเป็นที่พบปะแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า เคยได้รับดีเด่นด้านการท่องเที่ยวจาก ททท. ในปี 2550 อีกด้วย

ปัจจับันที่นี้ยังคงอนุรักษ์ตึกเก่าเอาไว้ได้อย่างโดดเด่น เปลี่ยนแปลงเป็นร้านค้าบ้าง ที่พักบ้าง
โดยเฉพาะชาวต่างชาติจะนิยมมาพักก่อนเดินทางลงเกาะต่างๆ ในจังหวัดตราด
หลายคนบอกว่าที่นี่คล้ายกับเชียงคาน จึงได้ขนานนามว่า "เชียงคานตะวันออก"



ต่อจากคลองบางพระ พร้อมอิ่มท้องมื้อเช้ากันทุกคน เรามุ่งหน้าต่อไปยัง ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด
ตั้งอยู่บนถนนหลักเมือง ใกล้วัดโยธานิมิตร ศาลนี้มีลักษณะแปลกจากศาลหลักเมืองอื่น ๆ
คือ ตัวอาคารก่อสร้างในลักษณะเป็นเก๋งจีน



หลังจากที่แวะไหว้ศาลหลักเมืองเพื่อเป็นศิลิมงคลเป็นที่เรียบร้อย
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปเยือนคือบ้านน้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ ทางผ่านที่เราจะไปท่าเรือลงเกาะ
ไหนๆก็ผ่านแล้วก็ควรแวะไปเที่ยวชมกันก่อน
.....
..
.
บ้านน้ำเชี่ยว สถานที่ท่องเที่ยวชุมชนเชิงวิถีชีวิตวัฒนธรรมซ่อนกายอย่างเงียบๆ
ไม่ไกลจากจุดลงเรือเฟอร์รี่ไปเกาะช้างเท่าไหร่ ที่นี่เป็นแหล่งผลิต "งอบ"
ถเป็นผลิตภรรเครื่องจักรสานของชาวบ้าน ที่นำวัสดุธรรมชาติที่หาได้จากท้องถิ่น
มาทำเป็นหมวกที่เรียกว่างอบ นั่นเอง


ชุมชนสองศาสนาบ้านน้ำเชี่ยวพุทธและอิสลาม ที่อยู่ด้วยกันมาช้านานได้อย่างลงตัว
และมีคลองน้ำเชี่ยวไหลผ่านชุมชนลงสู่อ่าวไทย ปัจจุมีการเปิดโฮมสเตย์ที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย


ลักษณะงอบที่ทำจากใบตาล ของบ้านน้ำเชี่ยว จะมีด้วยกันหลายแบบ
และเป็นสินค้าขึ้นชื่อของที่นี้นอกจากรายได้หลักจากการทำประมง



บางส่วนของรางวัล บ้านน้ำเชี่ยวที่ได้รับจากที่ต่างๆ เป็นตัวการันตรีได้อย่างดีว่า หมู่บ้านนี้เป็นอีกสถานที่ ที่ไม่ควรพลาด



สถานนีต่อไป "เกาะช้าง"
เสร็จภารกิจกับการเที่ยวชมบ้านน้ำเชี่ยว พวกเราขับรถมุ่งหน้าต่อ ไปยังท่าเทียบเรือเฟอร์รารี่ ที่อำเภอแหลมงอบ
มุ่งหน้าต่อไปยังเกาะช้าง เกาะในฝันของใครหลายๆคน เรียกได้ว่าถ้าใครมาเที่ยวจตังหวัดตราด
ชื่อของเกาะช้างคงจะเป็นอันดับต้นๆ ในรายการท่องเทีร่ยวของใครหลายคน



แผนของเราในทริปนี้เมื่อถึงเกาะช้างจะแบ่งการเดินทางท่องเที่ยวแยกกันอกไปตามสถานที่ต่างๆ
โดยส่วนหนึ่งเก็บชายหาด บางส่วนเก็บที่พัก จุดชมวิว
ส่วนผมได้รับหน้าที่ไปยังจุดชมวิวสูงสุดของวเกาะช้าง นั้นก็คือ "ยอดเขาแหลม"



เรือเฟอร์รารี่จอดเทียบท่าที่เกาะช้างก็เที่ยงกว่าแล้ว โดยบ่ายวันนี้ผมได้นัดเพื่อนๆจากเพจ "เกาะช้างเลี้ยวซ้าย"
ในฐานะคนท้องถิ่นให้เป็นไกด์ในการเดินป่าขึ้นไปยังเขาแหลมในครั้งนี้ หลังจากแยกย้ายจากสมาชิก
...
..
.


การเดินทางขึ้นเขาแหลม ถ้าอยากชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน จำเป็นจะต้องค้างคืน 1 คืนบนยอดเขา
การค้างแรมบนยอดเขาสิ่งแรกที่ต้องเตรียมตัวคืออุปกรณืการแค็มป์ปิ่ง ไม่ว่าจะเป็น เปลหรือเต็นท์ ถุงนอน
อุปกรณืทำอาหารสำหรับ 2 มื้อ ตามความถนัดของแต่ละบุคคล โดยครั้งนี้พวกเราเตรียมอาหารแบบง่ายๆ
ไม่ต้องยุ่งยากอะไร และด้านบนเขาแหลมไม่มีน้ำดื่ม หรือสิ่งอำนวยความสดวกใดๆ นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมไปเอง
เอาละ กายพร้อม ใจพร้อม ก็ลุยกันเลย เรานัดเจอกันบริเวณสวนยางของชาวบ้านเป็นจุดเริ่มเดิน



การเดินทางครั้งนี้เรามีนักท่องเที่ยบวต่างชาติสองสามีภรรยาขอร่วมติดตามไปด้วย
ก็ได้โอกาศพูดคุยแรกเปลียนประสบการท่องเที่ยวกัน โดยเฉพาะเกาะช้าง



ป่าไม้ที่นี่ถึอว่ายังอุดมสมบูรณ์ ถ้าไม่นับสวนยางที่เดินผ่านมาตอนแรก ยังพอมีต้นไม้ใหญ่ และกล้วยไม้ให้เห็นตลอดรายทาง
อากาศวันนี้ค่อนข้างเย็นสบาย อีกทั่งยังมีฝนโปรยลงมาเล็กน้อย ถือเป็นการเดินที่ไม่ร้อน ทำให้ไม่เหนื่อยง่าย



เราใต่ระดับความสูงขึ้นมาเรื่อยๆ แทบจะไม่มีทางเรียบให้ได้เห็น เดินไปพักไป พูดคุยให้กำลังใจกัน
แต่ดูเหมือนฝรั่งสองสามีภรรยาเอาแรงมาจากไหน เดินไวมาก ผมต้องเร่งฝีเท้าตามให้ทัน
เพราะโม้ไว้เยอะเรื่องการเดินป่า 55555555



สองเท้าเก้าเดินผ่านผืนป่าจนมาถึงป่าไผ่ ได้ยินเพื่อนร่วมทางบอกว่าใกล้ถึงแล้ว เลยป่าไผ่ไปอีกไม่ใกล
ได้ยินแบบนี้แรงใจก็มีเพิ่มขึ้น เพราะพึ่งจะเดินทางชั่วโมงกว่า ก็ครึ่งทางแล้ว ถือว่าไม่ใกลและเหนื่อยอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก



เนินสุดท้ายก่อนถึงยอด เล่นเอาเหงื่อออกได้พอสมควร



ใช้เวลา 2 ชั่วโทงกว่าๆเราก็เดินทางมาถึงแค็มป์บนยอดเขาแหลม ก็ไม่รอช้ารีบจัดแจงเตรียมสถานที่พักและอาหารมื้อเย็น
วันนี้กินง่ายอยู่ง่าย นอนเปลชิวๆ แต่ควรจะมีฟรายชีตคุมด้านบนด้วย เพื่อกันน้ำค้างและฝน



จัดแจงที่พักเสร็จก็มาชมวิวกันโดยบนเขาแหลมจะเห็นทะเลทั้งสองฝั่ง และพระอาทิตย์ขึ้นและตก
แต่วันนี้โชคไม่ค่อยเข้าข้าง ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมเยอะ และดูเหมือนฝนจะตก
แต่ไม่เป็นไร มาเที่ยวธรรมชาติป่าเขาในช่วงฤดูฝน ก็ต้องเตรียมใจเผื่อมาอยู่แล้ว
แต่การเที่ยวป่าหน้าฝนก็จะเห็นภูเขาป่าไม้เขียวขจีสวยงามไปอีกแบบเช่นกัน



บนยอดเขาแหลมผมได้เห็นต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ้งพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก แต่บนยอดเขาแหลมมีเห็นเห็นเยอะพอสมควร
หม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นพืชกินแมลง ลักษณะของใบของมันให้เป็นกับดักรูปทรงกระบอกซึ่งเอาไว้ดักจับแมลงเพื่อนำสารอาหาร
บางชนิดยังมีขนแหลมที่บริเวณปาก



ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เมื่อพระอาทิตย์โผล่ออกมาให้เห็นเพียงแป๊บเดียว ก่อนที่จะตกดิน
ถือเป็นช่วงนาทีสำคัญก็ว่าได้ เสียงชัตเตอร์แต่ละคน รัวแบบไม่มียั้ง ก่อนที่จะมืดสนิทบนยอดเขาที่สูงที่สุดบนเกาะช้าง
คืนนอนสูงกว่าใครบนเกาะ



เช้าวันใหม่ในจุดชมวิวที่สูงกว่าใครบนเกาะช้าง เช้าวันนี้วิวเปิดเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าสวยงามทีเดียว
กับจุดชมวิวตรงนี้ พร้อมกับกาแฟร้อนๆในยามเช้าบนถ้วยบุบๆ ที่อร่อยกว่าทุกถ้วยบนโต๊ะทำงาน



ถึงแม้เช้าวันนี้จะไม่มีพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาให้เห็น แต่ก็ไม่อาจปิดบังความสวยงามของที่นี่ได้
ผมนั่งชมวิวอยู่ตรงนี้ได้ไม่นานนัก ก็ได้เวลาเก็บสัมภาระ เพื่อเดินทางกลับไปยังด้านล่าง
เพราะวันนี้นัดสมาชิกไว้ให้มารับตอนสายๆ เพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังสถานีถัดไป



สถานีต่อไป "เกาะหมาก"



และสามารถชมรีวิวสถานที่อื่นๆบนเกาะช้าง
กับสมาชิกท่านอื่นที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันได้ตามลิ้งนี้ครับ
http://www.thethailandbloggernetwork.com/teams/detail/T09



สามารถเข้าไปโหวตเป็นกำลังใจกันได้เช่นกันนะครับ



เกาะหมากการเดินทางจากเกาะช้าง สามารถต่อเรือไปยังเกาะหมากได้เลย แต่ครั้งนี้ด้วยเวลา
ผมต้องนั่งเรือขึ้นมาฝั่งก่อน แล้วค่อยต่อเรือเร็วไปยังเกาะหมากอีกครั้ง
..
..
การเดินทางไปเกาะหมากครั้งนี้ผมใช้บริการเรือเร็วของ ลีลาวดี รอบบ่ายสองโมง
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆก็มาถึงเกาะหมากแล้ว แบบรวดเร็วทันใจ

เรือลีลาวดี
ท่าเรือบนฝั่ง : ท่าเรือกรมหลวงฯ
ท่าเรือบนเกาะ : ท่าเรือมากะธานี รีสอร์ท
เวลาในการเดินทาง : 1 ชั่วโมง
เวลาออก (ฝั่ง) : 8.00 น.
: 10.30 น.
เวลาออก (เกาะ) : 08.00 น.
: 10.30 น.
ค่าโดยสาร : 450 บาท /คน/เที่ยว
900 บาท /คน/ไป-กลับ



เผลอแป็บเดียวก็มาถึงแล้วเกาะหมากที่ท่าเรือที่นี่จะมีรถสองแถวบริการเดินทางไปทั่วเกาะ
หรือสมารถติดต่อที่พักให้หารถมารับก็ได้เลยเพื่อความสดวก



ออกจากท่าเรือรถสองแถวก็มาส่งเราที่พัก วันนี้พักที่เดอะซินนาม่อน รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะหมาก‎
เป็นรีสอร์ทที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามลงตัวด้วยรูปแบบของไทยสไตล์บูติกเฮ้าส์
กับบรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบายริมทะเลตั้งอยู่บนอ่าวส่วนตัวชื่อว่าอ่าวตาตั๋น
เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างสูง



มาแล้วก็เดินเลนชิวๆ บนสะพาน เนื่องจากเดินทางมาช่วงฝน ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมา
แถมคืนนี้มีที่พักของเราจองมาแค่ 1 ห้องเท่านั้นแหมมันช่างส่วนตัวจริงๆ



ว่าแล้วก็ยืมจักรยานพนักงานปั่นเล่นซะหน่อย



เผลอแป๊บเดียวก็ต้องทานมื้อค่ำแล้ว กับบรรยากาศริมทะเล
เสียดายวันนี้พระอาทิตย์ไม่โผล่มาให้เห็นอีกตามเคย
จัดไปกับมื้อง่ายๆพอแค่อิ่มท้องสำหรับคืนนี้



ท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อน แต่ก่อนจะกลับห้อง ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพสะพานยามแสงไฟสะท้อนน้ำ
ก็ได้บรรยากาศสวยงามไปอีกแบบ



เช้าวันใหม่ ตื่นขึ้นมาเก็บบรรยากาศตอนเช้าบริเวณหน้าที่พัก
และก็เป็นอีกสเน่ห์ของที่นี่ และเป็นความชอบส่วนตัวของผมด้วย
กับซากเรือที่ลอยลำทิ้งเกยตื้นอยู่หน้าหาด ดูแล้วมีสเน่ห์ดึงดูดให้ถ่ายภาพยิ่งนัก



.....
...
.


หลังมื้อเช้า วันนี้เรามีโปรแกรมตระเวณรอบเกาะ โดยจุดแรกบนเกาะหมากเรามาเริ่มกันที่ เกาะหมาก ก.ม.0
"เกาะหมาก ก.ม.0" ถือเป็นจุดเร่มต้นการท่องเที่ยวบนเกาะหมากเลยก็ว่า ได้ เพราะลงจากท่าเรือ ก็จะถึงที่นี่เป็นอันดับแรก
และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เกาะหมาก ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในเกาะหมาก



พิพิธภัณฑ์เกาะหมากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดให้ชมฟรี และยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหารเกาะหมากซีฟ๊ด
เดินชมพิพิธภัณฑ์เกาะหมาก แล้ว ก็สามารถรัปประทานอาหารที่นี้ได้อย่างสดวก
และส่วนใหญ่อาหารทะเลที่นี่จะรับมาจากชาวประมงบนเกาะ ถือได้ว่าเป็นการกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนอีกทาง



ภายในพิพิธภัณฑ์เกาะหมาก จะเป็นการจัดแสดง สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เล่าเรื่องราวของเกาะหมากจากอดีตเมื่อวันวานที่ผ่านมา
ตั้งแต่บุคคลสำคัญที่เข้ามาบุกเบิกเป็นครังแรก ตลอดจน ประวัติศาสตร์โบราณคดี และศิลปหัตถกรรม ต่างๆ
ที่มีเรื่องราวความเป็นมาอย่างชัดเจน



เสร็จสิ้นกับเรื่องราวบนเกาะหมากจสกอดีตจนถึงปัจจุบัน จากนั้นก็ไปยังสถานที่ต่อไป "อ่าวบ้านใหญ่"
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะหมากถือว่าเป็นหาดอันดับต้นๆ ที่สวยงานบนเกาะหมาก ทั้งหาดทรายที่ขาว
ทิวต้นมะพร้าวที่เอนลำต้นลงมาอย่างสวยงาม
และถัาหากมาถูกช่วงเวลา ทก็สามารพบเห็นทะเลแหวกได้ที่หาดนี่ โดยทอดตัวยาวไปจนถึงเกาะระยัง



ชายหาดบรริเวณอ่าวบ้านใหญ่ ที่เห็นด้านซ้ายคือเกาะระยัง
อย่างที่กล่าวไว้ด้านบน ถ้ามาถูกช้วงเวลา
จะมีทะเลแหวกทอดยาวไปจนถึงอีกเกาะ
เป็นที่หน้าเสียดาย ที่วันนี้มาช้าไปแป๊บเดียว



เป็นชายหาดที่มีทิวมะพร้าวล้มตัวเอนต้นลงมาอย่างสวยงามอีกแห่งของเมืองไทย
มาเที่ยวเกาะหมากแล้ว ต้องไม่ควรพลาดที่จะต้องมาเยือน "อ่าวบ้านใหญ่"



เที่ยวยังไม่ทั่วเกาะแป๊บเดียวเที่ยงอีกแล้ว
ได้รับคำแนะนำจากคนท้องถิ่นว่า ร้านป๋าแป๋วนี่แหละ ขึ้นชื่อบนเกาะหมาก
ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวไทย หรือต่างชาติ หรือคนบนเกาะ ต่างก็ยกย่องของรสชาติอาหารของที่นี่
โดยเฉพาะใบหน้าที่ยิ้มแย้มของป้าแป๋วที่เป็นมิตรภาพกับทุกคน
...
.
ร้านป้าแป๋วเป็นร้านอาหารตามสั่งธรรมดา แบบบ้านๆ ไม่หรูหรา แต่รสชาติต้องยกนิ้วให้เลยครับ
ยังไงก็อย่างลืมแวะมาเยี่ยวเยียนแวะชิมอาหารแบบบ้านๆที่ไม่บ้านๆสักครั้ง
ตั้งอยู่ใกล้กับอนามัย ถามคนแถวนั้นรู้จักหมด



อีกหนึ่งที่จะพบเห็นบ่อยเวลาเดินทางบนเกาะหมาก นั่นก็คือทิวต้นมะพร้าวที่ปลูกเรียงกันอย่างมีระเบียบ
ดูแล้วสวยงาม ก็ไม่พลาดให้จะให้รถจอดเก็บภาพไว้



จำได้ว่าครั้งแรกที่มาเกาะหมากเมื่อ 8 ปีก่อนผมได้มาพักที่นี่ "เกาะหมาก โคโค่เคป"
ซึ่งเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรลองแวะมาชม สะพานในตำนาน ที่สวยอีกแห่งบนเกาะ
เป็นสะพานทอดตัวยาวไปในทะเล และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม



นอกจากจะมีสะพานไม้ที่โดดเด่นแล้ว ที่เกาะหมากโคโค่เคป ก็มีที่พักไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน



จากเกาะหมากโคโคเคป ขึ้นเขามาอีกนิดก็จะเป็นจุดชมวิวอีกแหงที่สามารถมาชมพระอาทิตย์ตกได้เช่นกัน
ที่มองเห็นสะพานด่านล่าง ก็เป็นสะพานเดียวกันที่เราเข้าไปเมื่อกี้ และสามารถมองเห็นเกาะขามออกไปไม่ใกล
..
..
ชมวิวจนเพลิน พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เป็นสัญญาณว่าต้องกลับที่พักแล้ว



คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ผมมาใช้ชีวิตบนเกาะหมาก เป็นเวลา 2 คืน คืนนี้ผมพักที่ ชีวาน่า บีช รีสอร์ท
ตั้งอยู่บริเวณอ่าวสวนใหญ่ ที่มีชายหาดยาว ไม่ใกลจากเกาะขาม จากจุดนี้สามารถพายเรือคายัคไปเกาะขามได้
มีที่พักให้เลือหลายแบบ โดยทุกหลังติดทะเล มองเห็นวิวชัดเจน



มาแล้วก็จัดซีฟู๊ดสักมื้อ เดี๋ยวจะว่าไม่ได้มาทะเล



ตื่นมารับบรรยากาศยาวเช้าบริเวณชายหาดอ่าวสวนใหญ่ ที่มีชายหาดทอดยาว ทรายสีขาว กับน้ำทะเลใสๆ
เป็นอีกชายหาดที่ขึ้นชื่อของเกาะหมาก



มุมชิวๆ อ่านหนังสือ รับลมทะเล สายๆได้เวลาเดินทางกลับ เวลาช่างผ่านไปเร็วซะเหลือเกิน
เผลอแป็บเดียวต้องกลับแล้ว มาเที่ยวเกาะหมากคราวหน้าควารมรเวลาสัก 3 คืนกำลังดี ไว้มีโอกาศจะกลับมาเยือใหม่แน่นอน
วันนี้ต้องเดินทางกลับแล้วกับเรือเที่ยว 9 โมงเช้า



สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำหรับกิจกรรมดีๆในครั้งนี้
และผู้สนับสนุดหลักในการเดินทาง
ขอขอบคุณ Nok Air ( http://www.nokair.com/nokconnext/aspx/Index.aspx)
รถเช่าจาด Thai Rent A Car ( http://www.thairentacar.com/TH/rentcarthailand3.php)
รองเท้า KEEN( http://www.keenthailand.com/)
อุปกรร์แค็มปิ้งท่องเที่ยวจาก Outdoor Innovation ( http://www.outdoor.co.th/)



สามารถติดตามชมรีววิวจังหวัดตราด 12 เมืองต้องห้ามพลาดของพวกเรา ทีม T09 และให้กำลังใจร่วมโหวตได้ที่
http://www.thethailandbloggernetwork.com/teams/detail/T09



ขอขอบคุณสมาชิกทีม T09 ทุกท่านที่ร่วมทำกิจกรรมในครั้งนี้

ขอบคุณพี่หยี แห่งเพจ น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา Travel Blog
https://www.facebook.com/Namfapakhao

ขอบคุณพี่กล้องแห่งเพจ หยิบกล้องไปท่องโลก
https://www.facebook.com/yhibklong

ขอบคุณน้องรินจากเพจ RinSa YoyoLive Travel Blogger
https://www.facebook.com/RinsaYoyoliveTravelBlogger
...
..

และสามารถติดตามการเดินทางของผมได้ที่ สะพายเป้ เท่ทั่วไทย
https://www.facebook.com/saphipae

และสุดท้ายต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชอ ขอบคุณทุกกำลังใจในการเดินทางครับผม แล้วเจอกันทริปหน้า เร้ซ๐ฯ๊็

สะพายเป้ เท่ทั่วไทย

 วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 18.09 น.

ความคิดเห็น