หลายคนมักจะคิดว่าแค่หยุดเสาร์-อาทิตย์จะไปพักผ่อนที่ไหนได้ไกล ซึ่งนั่นก็เคยเป็นความคิดของเราในหลายปีก่อน เพราะเมื่อก่อนตั๋วเครื่องบินราคาแพงมาก จนหลายคนไม่สามารถจับต้องได้ (รวมทั้งเรา) แต่ปัจจุบันราคาตั๋วเครื่องบินที่ไม่แพงจนเกินไป และยังมีโปรโมชั่นเด็ด ๆ ออกมาอยู่เป็นประจำ ทำให้เราสามารถจัดทริปไปเที่ยวเหนือ ใต้ อีสานได้อย่างสะดวกสบายมาก

วันนี้เราเลยจะขอมาแนะนำหนึ่งในจังหวัดที่เราไปเยือนมาแล้วประทับใจ และก็เป็นการมาเยือนจังหวัดนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว นั่นก็คือ นครพนม เมืองแห่งความสุขที่สุด ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และสวยที่สุด


ก่อนการเดินทาง

2 เดือนก่อนเดินทาง: เริ่มต้นด้วยการหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกล่วงหน้า ได้ราคาตั๋วไปกลับ 511+1,020 = 1,531 บาท/คน

1 เดือนก่อนเดินทาง: จองโรงแรม หลังจากหาข้อมูลจนพอใจแล้ว ทริปนี้เราเลือกพักที่โรงแรมพิมพ์ศิริ ในราคาห้องละ 708 บาท/คืน ห้องสะอาด ใหม่ มีอาหารเช้า

5 วันก่อนเดินทาง: จองรถเช่าทางอินเตอร์เน็ตของ AVIS ไว้ล่วงหน้า ในราคา 1,944 บาท

1 วันก่อนเดินทาง: เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และไม่ต้องรีบออกจากบ้านเช้าจนเกินไป เราเช็คอินผ่านทางอินเตอร์เน็ตล่วงหน้า เมื่อถึงสนามบินค่อยไปสั่งปริ้นท์ตั๋วตรงเครื่องคีออส รับตั๋ว แล้วก็เดินไปเกทได้เลยค่ะ (เราไม่ได้โหลดกระเป๋า ถ้าใครโหลดกระเป๋าให้ไปโหลดกระเป๋าก่อนนะคะ)


ออกเดินทาง

วันเสาร์

ขาไปจากดอนเมือง-นครพนม เครื่องออกเวลา 8.30 น. ใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึงสนามบินนครพนมแล้ว หลังจากนั้นก็ไปรับรถแล้วขับออกไปกินอาหารเช้ากัน


ชิมสารพัดเมนูอาหารเช้าแบบพื้นเมือง เริ่มที่ร้านข้าวเกรียบปากหม้อศรีเทพ (90 บาท) ต่อด้วยร้านพรเทพอาหารเช้า (70 บาท) หลังจากกระเพาะของเราถูกเติมเต็มไปด้วยเมนูปากหม้อธรรมดา ข้าวเกรียบปากหม้อ ยำแหนม ขนมจีนทรงเครื่องแบบเวียดนาม ขนมปังยัดไส้แล้ว ก็ออกเดินทางท่องเที่ยวกันเลย


ชมวิวทิวทัศน์กันที่ริมแม่น้ำโขง ขับรถจะไปไหว้พระธาตุพนม แต่ก็เบรกรถกันตัวโก่ง เนื่องจากได้จังหวะเห็นทิวเขาสวย ๆ ฝั่งลาว ประกอบกับก้อนเมฆรูปทรงน่ารักลอย อยู่ เลยขอแวะถ่ายรูปสักหน่อย ช่างงดงามเหมาะสมกับสมญานาม “งามที่สุด” จริง ๆ


สักการะพระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดนครพนม พระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ และเป็นพระธาตุประจำปีวอก ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ ได้รับสมญานามว่า “ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด”ด้านหน้าของพระธาตุมีรูปปั้นประจำปีนักษัตรต่าง ๆ ให้สรงน้ำ

ก่อนกลับไม่ควรพลาดการช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง เช่น ข้าวสารจากชาวนา มันแกวส๊ด สด (มันแกวนอกจากเอามากินสด ๆ แล้ว ยังเอามาทำกับข้าวได้ด้วยนะคะ) ผ้าพื้นเมืองราคาถู๊ก ถูก (เราเสียเวลาอยู่ตรงจุดนี้ค่อนข้างนาน ได้มา 10 ตัว ราคาเริ่มตั้งแต่ 120-350 บาท มีทั้งแบบผ้าพิมพ์ลาย และผ้าทอมือ)


ชิมกะละแมพรประเสริฐ ของฝากขึ้นชื่ออีกอย่างของนครพนม แต่เราไม่ได้ซื้อไปฝากใครหรอก เนื่องจากตอนที่ไปทางร้านขายดีมาก กำลังบรรจุให้คนที่มาสั่งไว้หลายร้อยถุง เราเลยขอแบ่งซื้อมาสักถุงเดียว (100 บาท) กินกันสองคนจนหมด หอมอร่อยมาก


สักการะพระธาตุเรณูนคร พระธาตุประจำวันจันทร์ แต่ถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูพาสเทลแสนหวาน เชื่อกันว่าผู้ที่ได้มาสักการะบูชาพระธาตุเรณูนครจะมีผิวพรรณงดงามผุดผ่องดั่งแสงจันทร์ ข้างพระธาตุจะมีโบสถ์ที่ประดิษฐานพระองค์แสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองเหลืองปางสมาธิ อายุเก่าแก่ยาวนานกว่า 100 ปี หลังจากนั้นก็แวะเลือกซื้อผ้าพื้นเมืองอีกครั้งที่ตลาดบริเวณวัด แบบถูกใจ และราคาแสนถูก (ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 50-250 บาท)




ล่องเรือระหว่างพรมแดนสองประเทศ การล่องเรือชมความงามของสองฝั่งโขงยามเย็นเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่หลายคนแนะนำมา ซึ่งอันที่จริงเราค่อนข้างเฉย ๆ กับกิจกรรมชมความงามริมน้ำ เนื่องจากเราอาศัยอยู่ที่บ้านริมแม่น้ำตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อได้ลองมาสัมผัสกับกิจกรรมในครั้งนี้ รู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินค่าตั๋ว 50 บาทมาก บรรยากาศลมเย็น ๆ เคล้ากับเสียงบรรยายคละความรู้แสนสนุกของไกด์ประจำเรือทำให้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนนครพนม

ปล. ถ้าไปเที่ยวกันหลายคนโทรไปจองก่อนก็ดีนะคะ เพราะตอนเราไปก็มีคนจองไปเป็นหมู่คณะกันหลายคน ดีที่เราไปแค่ 2 คนเลยยังพอมีที่นั่งเหลือ


เดินถนนคนเดินริมน้ำโขง เดินชิม ช้อป ถ่ายรูปกับพร๊อบเก๋ ๆ ได้ทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ โดยเฉพาะถ้าช่วงฤดูหนาวนี่ ลมเย็น ๆ พัดมาจากแม่น้ำโขง อากาศหนาวไม่แพ้ทางภาคเหนือเลย


ชิมเมนูปลาจุ่มสด ๆ จากลำน้ำโขง นี่เป็นครั้งที่สองที่เราได้ลองชิมเมนูนี้ ครั้งแรกไม่ค่อยประทับใจเท่าที่ควรกินอีกร้านนึง ครั้งนี้เราลองมากินที่ร้านจำปาสัก เค้าแนะนำว่าวันนี้เป็นปลาคังที่จับได้สด ๆ จากแม่น้ำโขง มาจุ่มกับน้ำซุปเผ็ดเปรี้ยวแซ่บที่เดือดปุด ๆ และผักนานาชนิด อิ่มอร่อยได้สุขภาพมาก

อีกเมนูที่สั่งคือหมูพันตะไคร้ (อิ่มนี้ 525 บาท)


ถ่ายรูปที่จุดชมวิวพญาศรีสัตตนาคราช ไหว้สักการะพญาศรีสัตตนาคราชซึ่งเป็นผู้ก่อเกิดแม่น้ำโขง และถ่ายรูปไฟประดับสีสันสวยงามยามค่ำคืน



วันอาทิตย์

กินอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้อิ่มจนแน่นเลย หลังจากนั้นออกไปเที่ยวชมสถานที่ที่ไม่ไกลจากโรงแรมกันค่ะ

ไหว้พระที่วัดมหาธาตุ เป็นพระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันเสาร์ กราบนมัสการหลวงพ่อองค์แสน


ถ่ายรูปที่จุดชมวิวพญาศรีสัตตนาคราชอีกสักรอบ ตอนเช้าวันนี้อากาศเย็นสบายมาก เย็นแบบฤดูหนาวที่หาไม่ได้ตอนอยู่ในเมืองกรุง


สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ได้รับสมญานามว่า “สวยที่สุด” เป็นสะพานที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่งด้านการค้า และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างไทย ลาว เวียดนาม และภาคใต้ของจีน


กินส้มตำ มื้อกลางวัน พวกเรามาแวะกินส้มตำกันที่ร้านในเมืองแถวหน้าโรงพยาบาล กินกันอิ่มมาก 3 คน จ่ายแค่ราคาไม่กี่ร้อยเอง มื้อนี้พี่ที่รู้จักกันที่นครพนมพาไปเลี้ยงค่ะ


ชมบ้านลุงโฮจิมินหลังเก่า ขับรถออกมาจากตัวเมืองไม่ไกล ก็จะถึงบ้านลุงโฮหลังเก่า เป็นบ้านที่ท่านโฮจิมินมาอาศัยอยู่ในช่วงเตรียมการปฏิวัติต่อสู้ ปัจจุบันภายในบริเวณบ้านมีการปลูกต้นไม้ ดอกไม้สวยงามมาก ไม่มีการเก็บค่าเข้าชมสถานที่ แล้วแต่เราจะบริจาคเพื่อบำรุงสถานที่ค่ะ

ปล. เขียนโฮจิมิน ไม่มี ห. การันต์ ตามป้ายชื่อหน้าบ้านนะคะ


อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ เป็นอนุสรณ์สถานที่เพิ่งสร้างขึ้นมาได้ไม่นาน ภายในมีพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ร้านขายของที่ระลึก ให้เช่าชุดอ๊าวหย่ายถ่ายรูป บ้านลุงโฮแบบจำลอง แต่ภายในโล่ง ๆ ไม่มีอะไร




แวะถ่ายรูปที่วัดนักบุญอันนา โบสถ์คริสต์ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา มีสะพานเชื่อมอยู่ระหว่างบนยอดโบสถ์ทั้งสองด้าน สร้างมาตั้งแต่ 65 ปีก่อน ถ้ามาถ่ายรูปที่นี่ มาตอนเช้าน่าจะสวยกว่านะคะ เพราะไม่ย้อนแสง ครั้งก่อนมาถ่ายรูปตอนเช้าไปแล้วรู้สึกว่าแสงสวยกว่า



นั่งพักชมวิวริมน้ำ บริเวณริมแม่น้ำโขง จะมีร้านอาหารต่าง ๆ มากมายให้เลือก ช่วงที่เราไปนั่งพักกัน ลมแรงมาก จนเรียกว่ามากจนเกินไป พัดจนหัวฟู และต้องใส่แว่นกันลม



ซื้อของฝาก

- ตลาดอินโดจีน จะเป็นพวกของแห้ง สมุนไพร ผ้าพื้นเมือง ขนม และของใช้จากจีน

- มะขามยักษ์แช่อิ่ม เห็นว่าร้านนี้จัดร้านได้น่าซื้อดี ฝักใหญ่มาก เริ่มต้นที่ 30 บาท

- ร้านเหรียญทอง ซื้อหมูยอ แหนม

- ตลาดโต้รุ่ง มีพวกขนมจีนน่ากิน

ขากลับจาก นครพนม-ดอนเมือง มีไฟลท์กลับช่วงเย็น ทำให้มาถึงกรุงเทพไม่ดึกจนเกินไป


สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน ไม่รวมค่าแท๊กซี่ไป-กลับ และของฝาก

ค่าเดินทาง 2,503 บาท

ค่าที่พัก 354 บาท

ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 492 บาท

ค่ากิจกรรมล่องเรือ 50 บาท

ค่าของฝาก (ล้มละลาย)

เฉลี่ยคนละ 3,399 บาท


ความคิดเห็น