บ่ายวันอาทิตย์วันนี้ไม่ได้ออกไปไหนเลยครับ ปีนี้ก็ไม่ได้ไปไหนไกลๆ ด้วย หลังจบทริปใกล้ๆ อย่างที่เมืองกาญจน์กับหัวหินแล้ว ใกล้สุดก็ธันวาโน่นเลยที่จะไปภูเก็ต และแผนไปญี่ปุ่นต้นมกราแล้ว ก็เรียกได้ว่าเว็บกระเป๋าเล่าเรื่องนี้ว่างสุดๆ ไปเลย เลยถือโอกาสเอาการบ้านที่ค้างไว้มาส่งให้ครับ วันนี้พาไปเที่ยวเมืองดาวอส เมืองไฮโซของสวิตเซอร์แลนด์กันครับ

ที่ว่าเป็นเมืองไฮโซเพราะที่ดาวอสนี้จะเป็นที่ประชุมของผู้นำประเทศต่างๆ ที่จะมาคุยและตกลงกันในเรื่องเศรษฐกิจที่เรียกว่า the World Economic Forum กันทุกๆ ปีครับ ผมก็เลยอยากมาดูสักหน่อยว่าทำไมตัวดาวอสถึงได้ดึงดูดใจให้ท่านผู้นำประเทศต่างๆ ในโลกทั้งหลายเรื่องเมืองนี้เป็นที่พบปะสังสรรค์กันล่ะ

ดาวอสเป็นเมืองใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสวิสอยู่ใกล้กับออสเตรียและอิตาลี ขับรถไปทางไฮเวย์สบายๆ จากซูริคไม่ถึงสองชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ จริงๆ แล้วนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมุ่งไปเมืองใกล้ๆ กันอย่างแซงมอริส (Saint Moritz) มากกว่า แต่ค่าที่พักที่นั่นแพงเอามากๆ ครับ ขนาดผมไปช่วงโลว์นะ ก็เลยเลือกไปพักดาวอสมากกว่า ในช่วงโลว์ดาวอสถูกกว่าช่วงไฮซีซันเกือบครึ่ง แต่ก็ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และเพราะเป็นช่วงโลว์เมืองดูไม่ค่อยมีคนเท่าไร แค่หกโมงเย็นก็มืดสนิทแล้วครับ แต่โชคดีช่วงที่ไปมีการแตะบอลลีกของสวิสพอดี เลยทำให้เมืองพอดูมีสีสรรบ้าง แต่ถ้าไม่นับสีสรรความครึกครื้นแล้ว ธรรมชาติและความเงียบสงบของดาวอสเรียกว่าได้เป็น travelholic therapy ได้เลยครับ มิน่าทำไมบรรดาไฮโซ เซเลบ และนักการเมืองทั้งหลายถึงชอบมาที่นี่ ของพวกผมพักที่ Hilton Garden Inn ที่ตั้งอยู่บนถนนช๊อปปิ้งหลักของเมืองเลยครับ ไปดูบรรยากาศโรงแรมไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนไปพักที่ดาวอสก่อนนะครับ

ในช่วงไฮที่ดาวอสเป็นลานสกีขนาดใหญ่ แต่ในช่วงปลายพฤศจิกายนที่เราไปแม้ว่าหิมะจะยังไม่หนามาก แต่อากาศก็เกือบติดลบได้ทุกวันเลยครับ มีบางวันหิมะต้นฤดูก็โปรยปรายมาบ้าง ในช่วงโลว์ก็ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำมากมายครับ แต่ก็ได้ Davos Card ที่เป็นตั๋วรถไฟฟรีให้ไปนั่งชมทิวทัศน์กับเมืองใกล้ๆ อย่างเมือง Kloster ได้ หรือไม่ก็นั่งกระเช้าขึ้นไปชมวิวภูเขาสูงๆ ที่มีอยู่ทุกที่ของเมืองที่สวิส ไปชมบรรยากาศของเมืองดาวอสกันครับ

โรงแรมที่อยู่นี่คือ Hotel Belvedere ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประชุม World Economic Forum ทุกปีครับ สร้างตั้งแต่ปี 1875 เป็นหนึ่งในโรงแรมหรูระดับโลก และก็ไม่ได้เปิดให้เข้าพักตลอดนะครับ อย่างช่วงที่ผมไปก็ปิด แต่นั้นแหล่ะให้เปิดคงไม่มีปัญญาพักเหมือนกัน ฮะ ฮะ ครับ



ดาวอสเป็นเมืองขนาดเล็ก (จริงๆ น่าจะเท่ากับหมู่บ้านหรือตำบลในบ้านเรามากกว่า) ใช้เวลาเดินแค่ชั่วโมงก็ครบทั้งเมืองแล้วครับ จุดท่องเที่ยวหลักๆ ก็คือถนน Promanade ที่อยู่หน้าโรงแรมนั้นแหล่ะครับ เป็นถนนเส้นตรงตั้งแต่ต้นเมืองไปท้ายเมืองเลย และก็เป็นถนนสายช๊อปปิ้งสำคัญสายเดียวด้วย และเพราะเป็นดาวอส ก็เลยเป็นที่ตั้งของแบรนด์หรูๆ จำนวนมากตั้งเรียงรายสลับไปกับร้านคาเฟ่ และผับเล็กๆ พาให้บรรยากาศเมืองเปี่ยมสุข แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นก็ตาม แค่ร้านขายของที่ระลึก ร้านหนังสือข้างทาง ก็ทำให้เราจุ่มตัวอยู่ได้เป็นวันๆ แล้วล่ะครับ



เช้าวันต่อมาต้องรีบเก็บแต้มล่ะครับ เพราะเราจะอยู่ที่ดาวอสเป็นวันสุดท้ายแล้วครับ อากาศดีมากๆ และแดดก็ดี ออกมานี่แม่คะนิ้งเต็มถนนไปหมด ไม่ต้องขึ้นไปบนยอดดอยอินนทนนท์ด้วย ก็ทั้งเมืองนั้นอยู่บนดอยนี่เนอะ วันนี้เป้าหมายคือขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปชมวิวที่ยอดดอยจาค็อบ หรือ Jakobshorn ครับ ซึ่งมีความสูงถึง 2590 เมตร สูงกว่าดอยอินทนนท์เล็กน้อยที่สูง 2565 เมตรครับ ที่ด้านบนของดอย Jakobshorn ในหน้าหนาวหิมะท่วมแล้วยังเป็นที่เล่นสกีที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะที่จัดโดย BMW ด้วยล่ะครับ ใช้เวลาทั้งสิ้น 10 นาที โดยต้องไปเปลี่ยนขบวนที่สถานีที่สองด้านบน ซึ่งเป็นสถานทีที่สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้ด้วยครับ และเป็นที่ที่นิยมมาเล่นแฮงไกเดอร์ด้วย ใครชอบอะไรพวกเสียวๆ นี้ลองเล่นได้เลยนะครับ เห็นมีหลายคนเล่นอยู่ แต่ผมบาย



อยู่บนเขามันเหงาและหนาวมาก สายๆ ก็ลงมาแล้วครับ เดี๋ยวเราจะนั่งรถไฟไปชมเมืองใกล้ๆ กันคือเมือง Kloster ครับ ประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว



สุดท้ายแล้วก็กลับมาเดินเล่นยามเย็นในเมืองดาวอสกันครับ เดี๋ยวพาไปเดินเล่นริมทะเลสาบที่อยู่หน้าเมืองกันครับชื่อเดียวกันกับเมืองเลยคือทะเลสาบดาวอส ฟินกับบรรยากาศที่สวยงามของสวิสแล้วเดินทางป้ายต่อไปที่โดโลมิเทส ประเทศอิตาลีครับ



และปิดท้ายด้วยภาพสุดท้ายกับวิวสองข้างทางบนภูเขาและหุบเขาชายแดนระหว่างเดินทางจากดาวอสไปยังโดโลมิเทสในประเทศอิตาลี ขอบคุณครับ



เรียนเชิญเข้าไปชมรีวิวอื่นๆ ในเพจผมได้นะครับขอบคุณครับ https://www.facebook.com/thetravelbagstory/



ความคิดเห็น