ปีใหม่ที่ผ่านมาไปเที่ยวน่านมาครับ ผมว่าน่าจะเป็นปีที่หนาวมากที่สุดปีหนึ่งของประเทศเลยครับ ขากลับกรุงเทพมาพักที่กลางทางที่จังหวัดสุโขทัย มาปักพินสองวันเพื่อไปเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย (จริงๆ ต้องรวมกำแพงเพชรด้วยนะ) มีโอกาสได้มาพักโรงแรมที่เรียกว่าหรูของจังหวัดแห่งหนึ่งเลยครับ หลังๆ สุโขทัยก็มีโรงแรมหรูหลายแห่งนะครับ โรงแรม Sukhothai Treasurer ครับ


ที่ตั้งของโรงแรมอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร และตั้งอยู่โดดๆ ห่างจากสิ่งเจริญหูเจริญตา แต่ก็เงียบสงบ และอยู่ไม่ไกลจากอุทยานประวัติศาสตร์ แต่เดินไปไม่ได้นะครับ ต้องขับรถไป อยู่บนถนนเส้นเดียวกับที่ตรงไปอุทยานฯ เลย เส้นเดียวกับโรงแรมไพลินโรงแรมในตำนานนั้นแหล่ะครับ ไม่ไกลกันเท่าไร ใกล้ๆ กันมีห้างคือบิ๊กซี ที่มาฝากท้องซื้ออาหารได้ ตรงข้ามโรงแรมมีร้านของชำเล็กๆ ไว้ซื้อน้ำซื้ออะไรได้ แต่โดยรวมต้องถือว่าอยู่ไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นพอสมควร ต้องมีรถถึงจะไปไหนมาไหนสะดวก เพราะค่ารถมอเตอร์ไซค์และสองแถวเหมาของสุโขทัยเหมือนเมืองท่องเที่ยวทั่วไปครับ โขกกันสุดๆ แม้กับคนไทยเองนี้แหล่ะ ทำแบบนี้นักท่องเที่ยวเขาคงมาแค่ครั้งเดียว ทั้งที่สุโขทัยมีอะไรสวยงามเยอะมาก ผมไม่อยากให้เป็นแค่เมืองผ่านเลยกับอดีตราชธานีเมื่อ ๗๐๐ กว่าปีก่อนของเรา

เกรดของโรงแรมน่าจะสี่ดาว พอฟัดพอเหวี่ยงกับบูติคโฮเต็ลอีกแห่งหนึ่งคือ สุโขทัย เฮอริเทจ แต่เหนือกว่าเลเจนดร้า ที่เคยไปพักมาเมื่อปีก่อนอยู่สักหนึ่งช่วงตัวครับ เป็นรีสอร์ทที่แบ่งอาคารออกเป็นหลังๆ ในหนึ่งหลังจะมีห้องพักประมาณ ๔ ห้อง ชั้นบนและชั้นล่าง โชคดีเราได้อัปเกรดเป็นห้องใหญ่ครับ ซึ่งได้ห้องที่ใหญ่โตมโหฬารเลยครับ แอร์เย็นเชียบ เพราะนั้นหน้าหนาวนะครับ แต่ที่สุโขทัยนี่ร้อนตับเอามากๆ คนละเรื่องกะน่านเลย แต่พูดตรงๆ ครับ มาสุโขทัยหลายครั้งแล้วไม่เห็นว่าสุโขทัยจะหนาวเลยนะ อ้อ แต่ตอนกลางคืนก็เย็นๆ สบายครับ


ช่วงที่ผมไปคือวันที่ ๓๑ ธันวาคมพอดี อากาศร้อนอยู่พอสมควรครับ ยกเว้นตอนกลางคืนไปแล้ว ที่สุโขทัยหลายคนให้เป็นทางผ่านขึ้นเหนือ แต่ผมว่าหากเลือกพักกลางทาง ผมให้โรงแรมที่สุโขทัยดูดีกว่าที่นครสวรรค์ หรือพิษณุโลกนะครับ อย่างที่สุโขทัย เทรชเรอร์เนี่ยใช้ได้เลยล่ะ น้ำแรง น้ำร้อน แอร์ยอดเยี่ยม บริการก็ดีครับ แต่อาหารปานกลางครับ ตอนที่เราไปพักมีคืนเคาน์ดาวน์ด้วย เขาขอให้ซื้อ voucher เค้านท์ดาวน์แบบบวกไปกับราคาที่พักแล้ว อาหารปานกลาง อาจจะเรียกได้ว่าแพงกว่าราคาที่จ่ายไปอยู่บ้าง แต่ถ้าใครชอบทานแอลกอฮอลล์หรือไวน์ คงชอบล่ะครับ เพราะเห็นว่ามีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นเลย ส่วนอัตราการเข้าพักผมว่า ถ้าไม่ใช่ช่วงพีคๆ อย่างลอยกระทงล่ะก็ ไม่น่าจะแน่นนะครับ เพราะอย่างที่ไปพักคืนปีใหม่ แม้จะคนเยอะ แต่ผมว่าก็ไม่ได้แน่นจนรบกวนความสงบแต่อย่างไร

จากรูปที่เอามาฝากจะเห็นว่าห้องพักมีขนาดใหญ่สบายมากครับ แอร์เย็นเชียบ ผมว่าห้องอื่นๆ ก็ไม่จะเล็กกว่านี้เท่าไรหรอก น้ำอาบเป็นแบบเรนชาวเวอร์ ซึ่งน้ำแรงมากครับ ถ้าน้ำไม่แรงแล้วติดเรนแบบกระแสนิยมนี่เรียกว่าได้ทำให้คะแนนตกเลยนะครับ น้ำก็ร้อนสม่ำเสมอครับ อ้างกว้างใหญ่นอนแช่น้ำร้อนสบายเลย นึกถึงตอนที่เพิ่งกลับจากน่าน ถ้าได้น้ำร้อนและอ่างแบบนี้กลับอากาศหนาวๆ โอยญี่ปุ่น ฮ่องกง มีหลบเลยครับ ข้อเสีย (ที่อาจไม่นับเป็นข้อเสียสำหรับท่านอื่นๆ ก็ได้) คือโรงแรมโดดเดี่ยวไปหน่อยครับ สองข้างนี้คือทุ่งนาล้วนๆ เลย แต่มองไปมองมาก็สวยไปอีกแบบครับ โรงแรมในส่วนอื่นๆ จึงอัดโทนสีเขียวมาให้อย่างเต็มที่เลย ซึ่งผมว่าชาวต่างชาติน่าจะชอบ อย่างที่ตอนไปพักพอคนไทยเช็คเอ้าท์ออกไป เพราะส่วนใหญ่มาพักคืนเดียว ก่อนขึ้นเหนือ ที่เหลือมีแต่ฝรั่งกับญี่ปุ่นครับ ข้อดีก็คือโรงแรมอยู่ใกล้กับอุทยานประวัติศาสตร์ แม้จะไกลแบบเดินไม่ได้ แต่ฝรั่งผมเห็นเขาเดินไปกันนะครับ พาหนะยอดฮิตคือ จักรยาน ซึ่งโรงแรมยังไม่มีให้ยืมมากเท่าไรครับ ผมว่าถ้าโรงแรมเน้นบริการตรงนี้เพิ่ม น่าจะได้ยอดแขกเพิ่มกันเลยล่ะ โรงแรมออกจะสดวกสบายขนาดนี้

ท้ายรีวิวกันที่โรงแรมกันที่บรรยากาศคืนฉลองปีใหม่ ซึ่งคนเยอะไปหมด ผมว่าคนนอกมาแจมด้วยแหงม เพราะที่สุโขทัยนี้แค่ทุ่มหนึ่งก็มืดมากแล้วครับ เป็นเมืองสโลว์ไลฟ์ไม่แพ้น่านเลยล่ะ ผมว่า ยิ่งออกมานอกเมืองแบบนี้ ถ้าไม่นับบิ๊กซีแล้วคงไม่มีที่อื่นให้คนไปท่องราตรีกันล่ะ คนเลยมาฉลองปีใหม่ที่นี่กันเยอะพอสมควร สำหรับ Sukhothai Treasurer ผมว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเลยล่ะ สำหรับเป็นที่พักระหว่างทางขึ้นหรือลงจากภาคเหนือ หรือถ้าใครอยากไปลองบรรยากาศวันลอยกระทงกันที่สุโขทัยสักครั้ง

https://www.facebook.com/thetravelbagstory/

TravelTherapy

 วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 23.32 น.

ความคิดเห็น