เพิ่งผ่านวันหยุดช่วงสงกรานต์ไม่นาน นักท่องเที่ยวไทยต่างก็ได้เฮกับการคืนความสุขของรัฐบาลกันระลอกสองกับวันหยุดพิเศษยาวๆ ในวันที่ ๖ พฤษภาคมที่ผ่านมา หลายคนหยุดสองลูกควบเมื่อวันอังคารกับวันพุธที่ผ่านมา รวมกับวันนี้วันพืชมงคล รวมแล้วหยุดกันยาวเลยครับ ๑๑ วัน ช่วงเมษายนถึงพฤษภาคมนี้เรียกได้ว่าเป็น Golden Weeks ของพี่ไทยเลยก็ว่าได้ เฟสเพื่อนๆ หลายคน อัพสเตตัสเอาซะแอ๊ดมินได้เที่ยวรอบโลกภายใน ๒๔ ชั่วโมงครบทุกทวีปกันเลยทีเดียว


เห็นเอารูปทะเลตราดมาจั่วหัวรีวิวฉบับที่ ๓๘ แปลว่า แอ๊ดมินออกท่องเที่ยวอีกแล้วเหรอ ... ปิ๊งป่อง ... เฉลย แอ๊ดมินไม่ได้ไปไหนเลยล่ะครับ ตั้งแต่ทริปญี่ปุ่นเมื่อต้นปี เพราะงานมันไหลมาไหลมาไม่รู้จักหยุดหย่อน จะร้องตะโกนบอกฟ้าว่าตรูไม่ทันแล้ว และเก็บกระเป๋าไปเที่ยว คงได้เที่ยวเป็นทริปสุดท้ายคาหน้าแข้งเจ้านายเป็นแน่แท้ อากาศกรุงเทพก็ร้อนจนเก็บตั่บแทบกันไม่ทัน ปาไปกว่า ๔๐ องศา เที่ยวก็ไม่ได้เที่ยว อยู่บ้านเปิดแอร์ก็ไม่คลายร้อน ยิ่งเห็นเพื่อนๆ อัปเฟสแต่ล่ะที่เย็นๆ กันทั้งนั้น ยิ่งทำให้ทั้งกาย ตา และใจแอ๊ดมินร้อนกันผ่าวๆ เลย ก็เลยไปเปิดรูปไปเที่ยวทะเลเก่าๆ ดูบ้าง แล้วก็มาพลิกสารบัญการรีวิวดู ก็พบว่า ยังไม่ได้รีวิวทะเลตราด เมืองไทยสุดสวยของเราเลยนี่นา ไปเที่ยวมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วนี่นา หวังว่ายังไม่เก่าเกินไปนะครับ สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังหาข้อมูลที่พักที่จังหวัดตราด

รีสอร์ทที่จะพาไปเยี่ยมชมกันวันนี้ชื่อ เซ็นทารา ชานทะเล ตราด ของเครือเซ็นทาราครับ อยู่จังหวัดตราด แทบจะริมสุดขอบประเทศไทยอยู่ใกล้ด่านคลองใหญ่ติดประเทศกัมพูชาแบบหายใจแป๊ปเดียวก็ถึงเขมรแล้ว (ก็แป๊กไปมุก จริงๆ ประมาณเกือบๆ ๒๐ กิโลจะถึงกัมพูชาต่างหากล่ะครับ) เรียกได้ว่าเป็นรีสอร์ทหรูสุดแล้วก่อนพ้นชายแดนประเทศไทยออกไป แม้ว่าตัวโรงแรมจะอยู่ห่างไกลตัวเมืองตราดมาพอสมควร แต่ก็อยู่ใกล้อำเภอคลองใหญ่ที่คึกคักไปด้วยการค้าชายแดน เรียกได้ว่าเป็นอำเภอใหญ่อำเภอหนึ่งเลยทีเดียว ช่วงกลางวันไม่เปลี่ยวเท่าไรหรอกครับ สามารถขับรถจากรีสอร์ทไปทานข้าว ซื้อของที่เซเว่นกลับมาเก็บไว้ได้ตั้งเยอะ แถมโรงแรมก็ไม่ได้กันดารอะไร มีบริการครบครันครับทั้ง ร้านอาหาร ยิม และสปา แต่ตอนกลางคืนนี่สิ เปลี่ยวโพดๆ อย่าได้ออกไปขับรถตอนกลางคืนเลยดีกว่าครับ ถ้าไม่ชินทาง เพราะอีกด้านของภูเขาด้านหลังโรงแรม ก็คือประเทศกัมพูชาเพื่อนบ้านเรานั่นเอง

พูดถึงทะเลตราด หลายคนคงมุ่งหน้าไปนอนแช่น้ำเย็นใสกับที่เกาะช้างหรือเกาะกูดกันเสียมากกว่า (ให้ตายเหอะโรบิ้น แอ๊ดมินเองยังไม่เคยไปสองเกาะนี้เลย ต้องจัดให้ได้สักครั้ง) รีสอร์ทริมทะเลที่ตราดดูเหมือนจะเป็นอะไรที่นอกสายตาและไม่เป็นที่นิยม ทั้งที่จังหวัดตราดมีพื้นที่ติดทะเลยาวกว่า ๑๕๐ กิโลเมตร และมีหาดทรายและทะเลที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดบนแผ่นดินใหญ่ของภาคตะวันออก เมื่อพ้นเขตอำเภอเมืองเพื่อต่อเรือไปยังเกาะช้างหรือเกาะกูดกันแล้ว ชายทะเลที่ยาวและแคบไปจนติดประเทศกัมพูชา เลยยังไม่เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเท่าไรนัก หนึ่งเพราะในอดีตเคยเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งทางการเมืองกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นที่ตั้งของค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา จนเวลาผ่านมาหลายสิบปีแล้ว แต่ก็ยังมีนักธุรกิจไปบุกเบิกพื้นที่แถวนี้ยังไม่มากเท่าไรครับ พื้นที่ริมทะเลยังเป็นของชาวบ้านและนายทุนท้องถิ่นเสียมากกว่า แต่ปัจจุบันก็มีป้ายปักเขียนขายที่ดินกันเยอะไปตลอดเส้นทางถึงตัวรีสอร์ทเลยครับ

และเพราะอยู่ไกลปืนเที่ยงขนาดนั้น รีสอร์ทส่วนใหญ่จะเป็นรีสอร์ทขนาดเล็กและเก่าแก่เสียมากกว่า แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่ไม่แพงหลักร้อยบาท แม้แต่ Centara Chaan Talay ที่เรียกได้ว่าหรูที่สุดแล้วในแถบนั้น ก็ราคาหลักพันกว่าบาทเองครับ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าห้องพักจะหรูหราเหมือนโรงแรมห้าดาวอื่นๆ ในเครือเซ็นทารา แหมก็จ่ายแค่พันกว่าบาทเอง ผมว่าส่วนตัวโรงแรมอยู่ในระดับสามดาวเท่านั้นเองครับ แต่เท่านี้ก็หรูและสะดวกสบายเพียงพอแล้วครับ เพราะสิ่งที่ได้มาไม่ใช่แค่ราคาสมเหตุผลกับความสะดวกสบาย ปลายใส้ติ่งประเทศไทย แต่ทะเลที่นี้สงบ สง๊บ สงบมาก เสียจนไม่กล้าจะเล่นน้ำเลยครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เราไปถึงรีสอร์ทก็บ่ายเย็นแล้วครับ หลังจากที่ไปเถลไถลที่เมืองจันทร์และตราดเสียนาน ยิ่งคราวนี้เช่ารถขับมาแบบ ๑๖๐๐ ซีซี ก็เลยใช้เวลานานกว่าปกตินิดหน่อยครับ รีสอร์ทไปไม่ยากเลยครับ ตรงโลดมาจากระยอง ไปจันทร์ ตามเส้นทางไปด่านคลองใหญ่ ถนนหนทางดีตลอดเส้น แม้ว่าจะเป็นถนนสองเลนในช่วงที่ไปคลองใหญ่ แต่ก็ถนนดีมากครับ แอบเปลี่ยวนิดหน่อย แต่ก็มีรถสวนทางเป็นระยะๆ ถ้าเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ เชื่อไหมครับ รีสอร์ทเต็มตลอด แต่ผมอยู่ต่อในวันธรรมดาอีกสองสามวัน รถน้อยมาก ขับสบายๆ เลยครับ ตัวโรงแรมอยู่ริมถนนหลวงเลยครับ หาง่ายไม่ซับซ้อนครับ

ราจองห้องพักจากเว็บไปในราคาโปรโมชั่น แต่ทางรีสอร์ทใจดีอัปเกรดให้จากห้องการ์เด้นวิว เป็นห้อง บีชฟรอนต์ครับ ต้องขอขอบพระคุณเป็นยิ่งสูง ซึ่งห้องพักแถบนี้จะเห็นทะเลจากหน้าห้องพักได้เลย เรียกว่าเดินลงหาดไปได้สบายๆ แต่ห้องพักของแอ๊ดมินจะมีสระว่ายน้ำกั้นอยู่ก่อนถึงหาด ห้องที่ขนาดใหญ่กว่านี้ จะติดหาดเลย และมี Jacussi ให้ลงไปแช่ชมวิวทะเลด้วย (แต่อยู่ตรงระเบียงหน้าห้องเลย ใครจะกล้าอวดหุ่นล่ะเนี่ย ถ้าไม่ใช่พี่ฝรั่ง) แต่ห้องพักประมาณนี้ก็ถือว่ากว้างขวางสะดวกสบายแล้วครับ เป็นห้องสวีทเลย มีแยกส่วนห้องนั่งเล่น และห้องนอน เรียกได้ว่านอนกันสิบคนก็ไม่แคบ เพียงแต่ตัวเขาไม่ให้นอนเท่านั้นเอง สัญญานโทรทัศน์ชัดแจ๋ว แม้จะยังไม่เป็นสัญญาณดิจิตัล (ป่านนี้น่าจะเป็นแล้วมั๊ง) มีเครื่องเล่นดีวีดีให้เอาหนังไปดูแก้เหงาด้วย ในส่วนห้องนอนไม่มีทีวี เอาไว้นอนสบายๆ อย่างเดียว แอร์เย็นฉ่ำจนหนาวเลยครับ เรียกได้ว่า comfy สุดๆ เตียงก็นุ่มสบายใหญ่กำลังดีเลย มีสิบเกือบให้สิบเต็มเลย แต่เอ๊ะช้าก่อน มีจุดสองจุดที่สำคัญต้องรับรู้ไว้ก่อนนะครับ และอาจจะเป็นจุดที่ต้องระวังด้วย ก็เพราะหลังรีสอร์ทคือเทือกเขาบรรทัดครับ อีกฝั่งคือกัมพูชาที่ยังเป็นป่าขนาดใหญ่ สัตว์ป่าคงไม่ลงมาเดินเล่นในรีสอร์ท แต่ที่มาคือ "ยุง" ครับ "ยุง" ตัวเบ้อเร่อเลย เรียกว่าขนาดทาซอฟเฟลแล้วยังเอาไม่อยู่ ดังนั้นอย่าเปิดประตูห้องทิ้งไว้ ม่านกันยุงนี้สำคัญมาก ขนาดช่วงที่ผมไปเป็นตอนต้นปี อากาศยังเย็นอยู่ แต่ยุงไม่เย็นด้วย มากันเพียบเลยครับ (โดยเฉพาะต้องระวังยุงลาย) แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นยุงรำคาญครับ แล้วยุงพวกนี้หากินเฉพาะช่วงหัวค่ำครับ เลยสักสองทุ่มไปแล้ว ยุงก็ไม่มีแล้วครับ เพราะลมทะเลที่พัดเข้าฝั่งจะแรงและเย็นมากครับ

นอกเหนือจาก "ยุง" แล้วก็คือ "แมงกะพรุน" ครับ ช่วงที่ผมไปคือช่วงต้นปี ซึ่งเป็นช่วงท่องเที่ยวของทะเลอ่าวไทย ดังนั้นทะเลใสน้ำสวย จนเย็นไปด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นหน้าฝน เขาว่ากันว่าจะได้พบปรากฏการณ์น้ำทะเลที่มีแมงกะพรุนอยู่ในท้องทะเลเป็นจำนวนมากเป็นแมงกะพรุนหลากสี น่าท่องเที่ยวอีกเหมือนกัน แต่ก็อันตรายอย่าไปโดนเข้าล่ะได้แสบๆ คันๆ ผมไม่ได้เห็นหรอกครับ เพราะต้องรอหน้าฝนก็เลยยืมรูปจากเว็บกระปุกมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน ต้องขอบคุณ kapook.com ด้วยนะครับ


นอกจากนั้นส่วนที่ต้องให้คะแนนติดลบคงเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของครอบครัวเราเลย เพราะพวกเรารักการอาบน้ำมากๆๆๆๆๆ น้ำที่นี่ "ไม่แรง" เอาเลยครับ แต่ก็แรงพอผ่านมาตรฐานนะครับ ไม่ถึงกับไหลเอื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้แรงแบบอาบน้ำได้ฉ่ำปอดอะไรประมาณนั้น อยู่ในระดับใช้ได้ และน้ำร้อนก็อาจะไม่เสถียร ยิ่งหน้าหนาวตื่นตอนเช้าเนี่ย อาบน้ำร้อนบ้างเย็นบ้างเนี่ยถึงกับอู้หูฟู้กันเลยทีเดียว ต้องตั้งไปร้อนสุดถึงจะเอาอยู่ แต่ก็ต้องคอยปรับลดความร้อนเป็นระยะไม่งั้นสุกแน่ๆ จากห้องพักไปดูส่วนอื่นของโรงแรมกันบ้างครับ

ที่รีสอร์ทมีครบทุกอย่างที่โรงแรมใหญ่ๆ ควรจะมี ทั้งสปา ทั้งยิม และกิจกรรม outdoor ทั้งหลาย อย่างพายเรือคายัคหรือเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด เท่าที่ผมเห็นนอกจากวัดหยุดสุดสัปดาห์ที่คนไทยจะเยอะขึ้นมาบ้าง แต่ตลอดที่พักแล้วประชากรส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ ที่พักอยู่ยาวเสียมากกว่า (ช่างขยันหาโรงแรมเปลี่ยวๆ แบบนี้ได้เก่งจริง) ซึ่งพวกนี้จะบ้าพลังเอาเสียด้วย แต่อาจเพราะเป็นทะเลหน้าหนาว น้ำทะเลเย็นมากๆ ขนาดตอนบ่ายๆ แดดจ้าอยู่แต่ใต้ผิวน้ำก็เย็นเอาเรื่องครับ ก็เลยไม่ค่อยเห็นฝรั่งลงไปเล่นน้ำเท่าไร


ร้านอาหารของโรงแรมที่นี่มีแห่งเดียว ให้บริการทั้งอาหารเช้าซึ่งถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์ผมเห็นเป็นบุฟเฟต์ แต่วันธรรมดาเปลี่ยนเป็นเซ็ตเมนูแทนครับ ซึ่งคุณภาพพอใช้ได้ครับไม่โดดเด่นเท่าไร แต่ก็ไลน์มาตรฐานมีให้ทานครบครับ แต่ที่ชอบที่สุดคืออาหารเย็นครับ เราตัดสินใจกันลองดูสักมื้อหนึ่ง หลังจากเบื่อไปทานอาหารทะเลข้างนอก แม้ว่าอาหารที่นี้ไม่เน้นบาร์บีคิวปิ้งย่าง แต่ต้องบอกว่ารสชาดอาหารเย็นของเชฟที่นี้ ระดับยอดฝีมือครับ ถึงเห็นได้ว่าคนท้องถิ่นเข้ามาจอดรถทานอาหารมื้อค่ำกันที่โรงแรมตลอดเหมือนกัน และราคาก็ไม่แพงมาก พอๆ กับร้านอาหารในเมืองทั่วไปครับ เมนูไวน์ก็มีให้เลือกด้วย (แต่ผมไม่ทานแอลกอฮอลล์เลยรีวิวไม่ได้นะครับ) สุดท้ายแล้วเลยต้องปิดกับมื้อเย็นที่นีไปสองวันติดกันเลย อ้อแต่ต้องทำใจกันเรื่องยุงหน่อยนะครับ

และมาถึงบทส่งท้าย หลายคนคงอยากรู้ว่าทะเลที่ริมฝั่งตราดนั้นน้ำใสและสวยหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่าสวยและใสในระดับต้นๆ ของประเทศเหมือนกันครับ แม้จะสวยหรือใสไม่ได้เท่ากับฝั่งอันดามัน แต่ถ้าเทียบกับที่ผมได้ไปเห็นมาจากที่พีพี ภูเก็ต เขาหลัก ชลบุรี ระยอง จันทร์ ไม่นับชายหาดบนเกาะต่างๆ แล้ว ผมว่าทะเลที่นี้สวยและน้ำใสมากรองจากภูเก็ตแล้วล่ะครับ อาจจะสวยกว่าหาดนพรัตน์ฯ ของกระบี่ หรือหาดเขาหลักด้วยซ้ำ แล้วยิ่งไปเทียบกับหาดของทหารแถวสัตหีบ อาจเรียกได้ว่าสูสี หาดที่ตราดสวยและน้ำใสกว่าเล็กน้อยครับ อาจเพราะยังเป็นหาดที่สงบเงียบเอามากๆ แทบจะทุกหาด ยังไม่ได้พัฒนาเป็นหาดสำหรับการท่องเที่ยวจริงจัง ก็เลยมีความสงบและยังรักษาความเป็นธรรมชาติเอาไว้ได้เต็มเปี่ยม อย่าไปเทียบกับจอมเทียน หรือ พัทยา บางแสนเลยครับ หาดพวกนั้นมันหาดตายแล้ว ถ้าใครเคยไปในฐานทัพเรือที่สัตหีบ บอกได้ครับว่า น้ำใสทรายขาวกว่านั้นอีก แต่ข้อเสียคือ มันเงียบสงบเกินไปนะสิครับ เงียบสงบเสียจนไม่กล้าเล่นน้ำเลย คือผมเนี่ยเห็นแล้วได้แต่เลาะๆ แถวชายหาดตั้งแต่เช้า ไม่มีใครลงไปเล่นน้ำทะเลใสๆ แบบนี่เลย ให้ลงคนเดียว มีกลัวฉลามกลัวจระเข้สิครับ (แม้ว่ามันจะไม่มีก็เถอะ) ต้องโน่นรอให้พี่ฝรั่งใจกล้าไปพายเรือเล่น เล่นน้ำทะเลสักห้าหกคนก่อน กว่าจะได้เล่นก็บ่ายแล้วครับ (ก้อป๊อดนี่นา) แต่ก็ถือเป็นข้อดี เพราะแดดกำลังอุ่น น้ำไม่เย็นเกินไปครับในช่วงบ่าย และลมสงบแล้ว สิ่งที่น่าจะเป็นอันตรายอีกอย่างคือ น้ำที่นี้ค่อนข้างลึกครับ และเป็นทะเลเปิดครับ คลื่นแรงมากๆ ตอนเช้าที่น้ำขึ้นเนี่ย แทบจะกลบหาดหมดเลย คลื่นสัดฝั่งนี้แรงจนขนลุกเอาเหมือนกันนะ ถ้าไม่ใช่คนท้องถิ่น ผมว่ารอบ่ายๆ ก่อน แต่คลื่นนี้ก็แรงตลอด ประมาณเดียวกับหาดสุรินทร์ หรือหาดบางเทาที่ภูเก็ตเลยครับ อ้อแต่ทรายไม่ขาวขนาดนั้นหรอกนะครับ แต่ก็ละเอียดนุ่มเท้าดีเหมือนกัน

มาถึงตอนจบแล้วนะครับ ปิดเครดิตท้ายเรื่องด้วยภาพสุดท้าย ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกันนะครับ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ สำหรับอากาศร้อนๆ แบบนี้ สวัสดีครับ แอ๊ดมินขอหนีร้อนไปพิ่งเย็นในตู้เย็นแพล็บครับ

https://www.facebook.com/thetravelbagstory/

ความคิดเห็น