ชิราคาวาโกะ Shirakawago หรือหมู่บ้านแม่น้ำสีขาว เนื่องจากในฤดูหนาวหิมะจะปกคลุมหมู่บ้านกลางหุบเขาในเขตกิฟุเสียจนหมด ภาพบ้านสามชั้นแบบโบราณที่มีหิมะปกคลุมตลอดในฤดูหนาว และแสงไฟที่ถูกจุดในบ้านหลังต่างๆ มักจะปรากฎในสื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นหลายๆ ครั้ง เย้ายวนนักท่องเที่ยวให้มาเยือนหมู่บ้านมรดกโลกของญี่ปุ่นยอดนิยมแห่งนี้ เรียกได้ว่ามีอาคันตุกะมาเยือนหมู่บ้านอันสงบสุขแห่งนี้กันทั้งปี

เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งทั้งของนักท่องเท่ียวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบกับชิราคาวะโกะเป็นหมู่บ้านในหุบเขาลึก การเดินทางไปถึงหากไม่ขับรถไปเองก็ต้องอาศัยรถสาธารณะ ซึ่งชิราคาวาโกะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของญี่ปุ่น “ที่รถไฟไปไม่ถึง” การเดินทางไปชิราคาวะโกะต้องเดินทางโดยรถบัสเจ้าประจำที่วิ่งระหว่างเมืองสำคัญของภูมิภาคนี้สองแห่งก็คือ การเดินทางไปจากเมืองทากายาม่า หรือเดินทางไปจากเมืองคานาซาว่า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวจะเลือกไปพักกันที่เมืองคานาซาว่า แล้วซื้อตั๋วรถบัสไป หรือไม่ก็นั่งรถไฟไปที่เมืองทากายาม่าจากโตเกียว หรือจากนาโกย่า แล้วซื้อตั๋วรถบัสไป ซึ่งเราก่อนเดินทางก็ตัดสินใจไปด้วยเส้นทางนี้เหมือนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ


แต่อย่างที่บอกครับ ชิราคาวะโกะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากของนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นแท้ และชาวต่างชาติอย่างเรา ขนาดเราเลือกเดินทางวันธรรมดา แต่เพราะเป็นการเดินทางในสัปดาห์สุดท้ายก่อนขึ้นปีใหม่ ซึ่งคนนิยมไปดูหิมะท่วม แล้วในที่สุดก็เจอกับประสบการณ์ “ตั๋วเต็ม” ไปยาวหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งถ้าหากเรารอ เท่ากับต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางทุกอย่างใหม่ทั้งหมด เพราะเรามาพักกันที่คานาซาว่าเพียงสองคืน แล้วจะเลือกหนึ่งวันธรรมดาไปชิราคาวะโกะ เพราะคิดว่าวันธรรมดาคนไม่เยอะมาก จริงๆ แล้ว ในเว็บการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเองก็บอกแล้วว่าให้จองตั๋วรถบัสทางอินเตอร์เนตกับโนฮีบัสก่อน ที่เว็บ www.nouhibus.co.jp แต่เจ้ากรรมช่วงเวลาก่อนที่ไปกว่าเราจะวางแผนอะไรแล้วเสร็จก็ปาไปต้นธันวาคม อันประกอบกับเว็บของโนฮีบัสไม่สามารถเข้าได้ และไม่สามารถจองรถบัสได้ล่วงหน้า คือถ้าเราจองล่วงหน้าตั้งแต่คิดว่าจะไปแล้วตั้งแต่ต้นปี คงไม่มีปัญหา แต่ก็นั้นแหล่ะเนอะ ใครจะจองไปก่อนตั้งแต่ต้นปี เพราะกว่าแผนการจะลงตัว ทั้งการเคลียร์งาน วางแผนพักร้อนหยุดยาวแบบนี้ แต่เอาเป็นว่าในที่สุดเราก็ตกรถไม่ได้ไปชิราคาวะโกะกันอย่างที่วางแผนไว้ แผนสำรองคือ ถ้าไม่ขับรถไป ก็ต้องอยู่เที่ยวคานาซาว่า หรือนั่งชินกันเซ็นไปกันที่เมืองอื่นๆ ที่น่าสนใจใกล้เคียงแทน

ตัดสินใจได้แล้วก็เลยไปติดต่อขอเช่ารถกับศูนย์โตโยต้า อยู่หน้าโรงแรมนิกโก้ตรงข้ามกับสถานทีรถไฟคานาซาว่าที่เราพักเลย โรงแรมนี้สะดวกมากครับ เดี๋ยวว่างจะจัดรีวิวให้วันหลัง กลับมาเรื่องเช่ารถดีกว่า ไปติดต่อที่ศูนย์แล้ว ศูนย์จึงถามถึงประสบการณ์การขับรถบนภูเขา สบายมากครับ เชียงใหม่ อีสาน ดอยอินทนนท์ ภูทับเบิกไปมาหมดแล้ว ไม่ใช่แล้วป่ะ เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์หมายถึงประสบการณ์การขับรถท่ามกลางพายุหิมะ เพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีหิมะตกหนักไปตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนปีใหม่ งานเข้าสิครับ บอกไม่เป็นไรครับขอลองของ แต่เขาไม่แน่ะนำ เนื่องจากวันนี้บ่ายไปแล้วหิมะจะตกหนักมาก และเป็นหิมะแรกหลังจากที่หยุดไปตั้งแต่ต้นเดือน คงยังไม่มีรถกรุยเส้นทางให้ อีกประการหนึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าทั้งพายุหิมะ ทั้งรถติดด้วยเพราะช่วงนี้คนไปเที่ยวกันเยอะแล้ว เขาให้ข้อมูลแบบนี้อยู่ที่เราตัดสินใจแล้ว แหมก็ให้ข้อมูลซะละเอียดแบบนี้ โรคปอดอย่างผมมองหน้ากับหวานใจแล้ว ไม่อาวดีกว่า บายล่ะครับ


ส่วนตัวผมถอดใจไปแล้ว กำลังวางแผนหาที่เที่ยวแถวคานาซาว่า แต่คุณปดิวรัดดาท่านไม่ยอมถอดใจง่ายๆ ครับ อันนี้ต้องขอบคุณคุณลุงที่ศูนย์ส่งเสริมการท่องเที่ยวคานาซาว่าเลยครับ ที่นี้คนพูดภาษาอังกฤษได้น้อยก็จริง แต่ที่ศุนย์กลางท่องเที่ยวถือว่าใช้ได้เลย หลังจากที่คุณแฟนลากผมไปคุยกันคุณลุง สุดท้ายก็ได้ข้อมูลว่าการไปชิราคาวะโกะ สามารถไปได้อีกเส้นทางคือไปจากเมืองทากาโอกะแทนทาคายาม่า โดยเราสามารถนั่งชินคันเซ็นไปลงสถานทีชินทากาโอกะ นอกเมืองทากาโอกะ แล้วนั่งรถบัสธรรมดาๆ ไปก็ถึงเหมือนกัน แต่ต้องไปเสี่ยงดวงเอาเอง เพราะรถบัสนี้ไม่มีให้จองตั๋วครับ แล้วใช้เวลาเดินทางนานกว่า และรถมีรอบน้อย ผมก็คิดในใจว่าจะเสี่ยงไหมหนอ หากไม่มีรถกลับทำยังไง วันที่คนท่องเที่ยวกันเยอะขนาดนี้แล้วไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้าจะทำอย่างไงดี ต้องติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะไม่สนุกแน่ กลัวนั้นกลัวนี่ไปหมด ในขณะที่กำลังยืนเครียดตัดสินใจนั้น คุณแฟนก็เดินกลับมาพร้อมตั๋วชินกันเซ็นไปสถานีชินทากาโอกะเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องคิดมากไปเป็นไป (ว่ะ) แล้วแทนที่จะไปวันธรรมดา เราก็ไปมันวันอาทิตย์วันรุ่งขึ้นนั้นแหล่ะ โหพี่ท่านไม่ได้สนใจคำนวณประชากรนักท่องเที่ยวกันเลย บทอยากจะไปก็ไป อะไรก็ฉุดไม่อยู่สะงั้น

การเดินทางด้วยเส้นทางนี้ ก็เริ่มต้นจากสถานีคานาซาว่านั่งชินกันเซ็นสายโฮคุริคุประมาณครึ่งชั่วโมงไปลงที่สถานีชินทากาโอกะครับ ที่สถานีจะมีรถบัสไปสถานที่ต่างๆ ซึ่งก็รวมถึงรถบัสที่ไปหมู่บ้านชิราคาวะโกะด้วย และอย่างที่บอกครับต้องไปเสี่ยงดวงกันเอง เพราะไม่มีการจองตั๋วรถหน้าเหมือนกับโนฮีบัส แต่ข้อดีอีกอย่างคือรถบัสนี้ผ่านอีกสองหมู่บ้านมรดกโลกด้วยคือ อาอิโนะคุระ และ ซูงะนูมะด้วย แล้วเหมือนจะพลิกล็อกขนาดเราเดินทางวันอาทิตย์ปรากฎว่า รถไม่เต็มครับ สบายๆ เลยๆ สถานที่ชินทากาโอกะนี้เหมือนกับเป็นสถานีร้างผู้คนเลย คนไม่เยอะ ซึ่งบนเส้นทางนี้คนกลับน้อยกว่าเส้นทากายาม่า ผ่านหมู่บ้านมรดกโลกอื่นๆ สามารถนั่งรถไฟไปลงที่สถานทีโจฮานะอีกหนึ่งเมืองสวยตามเส้นทางไปหมู่บ้านขิราคาว่าอีกด้วย และขากลับเรายังได้เที่ยวเมืองทากาโอกะ เมือง Unseen อีกแห่งหนึ่งด้วย ต้องขอบคุณคุณแฟนจริงๆ ที่กลับกล้าเสี่ยงมาเส้นทางนี้ อ้อแม้เส้นทางนี้จะผ่านเมืองและหมู่บ้านน่าลงเยอะ แต่วันเดียวคงเที่ยวไม่หมดหรอกครับ รวมถึงวันที่เราไปเป็นวันที่มีพายุหิมะตกมาก ก็เลยต้องพับแผนแวะโจฮานะ และหมู่บ้านอื่นๆ เอาแค่ไปให้ถึงชิราคาวะโกะ และมีรถกลับมาเที่ยวทากาโอกะอีกครึ่งวันบ่ายก็น่าจะกำไรแล้วล่ะ ผมคิดแบบนั้นจริงๆ อ้อ ผมแนะนำให้ซื้อตั๋วแบบ round trip ไปเลยนะครับ ราคาจะถูกกว่าซื้อแบบแยกอยู่พันเยน แล้วเราจะ hop in hop off ยังไงก็ได้กับสถานที่ต่างๆ ตลอดเส้นทาง ตั๋วนี้เรียกว่า Gokayama-Shirakawago Free Kippu ราคา 3500 เยนครับ ตั๋วขึ้นไปซื้อบนรถบัสได้เลยครับ คนไม่เยอะมาก วันนี้เราไปมีกรุ๊ปคนไทย-อินเดียไปกับเราด้วย แล้วก้อนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น จีน อีกจำนวนหนึ่ง รถว่างครับ แต่จะไปแน่นระหว่างทางที่คนขึ้นจากจุดต่างๆ ครับ



พยากรณ์อากาศที่นี้แม่นมาก จากฟ้าใสที่คานาซาว่า มาถึงสถานีชินทากาโอกะหิมะก้อเริ่มตกโปรยๆ ทักทายเราแล้ว (เดินออกจากสถานีไปจะมีห้างอิออนอยู่ตรงหัวมุมพอดีครับ แวะทานข้าวช๊อปปิ้งก่อนได้) และยิ่งรถผ่านเส้นทางไปเรื่อยๆ หิมะเริ่มตกหนาขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเป็นเส้นทางแคบบนเขาด้วยทางนี้ ดีแล้วที่ไม่เช่ารถมาเอง ตลอดเส้นทางขาวโพลนไปหมด จริงๆ หากขับรถมาเองก็ไปตามทางด่วนได้นะครับ ใช้เวลาไม่มากและน่าจะปลอดภัยด้วย แต่คงไม่ได้วิวอย่างที่ผมไป ซึ่งหิมะที่ตกตลอดทางก็ทำให้สองข้างทางได้ภาพขาวโพลนๆ ที่สวยงามเยอะแยะเลยครับ แต่ที่แย่คือ ยิ่งหิมะตก รถที่หวานเย็นอยู่แล้ว ยิ่งหวานเย็นหนักขึ้นไปอีก รวมแล้วสองชั่วโมงเราก็มาถึงชิราคาวะโกะ ตามที่ตั้งใจไว้จนได้



ผ่านดงหิมะที่ทำให้ภาพถ่ายเรากลายเป็นภาพขาวดำได้โดยอัตโนมัติ ก็มาถึงหมู่บ้านชิราคาวะโกะในที่สุด แต่พอมาถึงก็แอบผิดหวังเล็กน้อยครับ เพราะที่ชิราคาวะโกะหิมะเพิ่งเริ่มตกได้ไม่นาน ไม่ยักกะท่วมท้นแบบตลอดเส้นทางที่เราผ่านมา ในใจนึกว่าหากลงที่ไออิโนะคุระดีกว่า เพราะดูจากรถบัสแล้วหิมะท่วมท้นมากกว่า แต่ยังไงได้ครับ ยังไงก็ต้องมาสร้างแลนด์มาร์กกันที่ก่อนเนอะ ไม่งั้นจะบอกว่ามาแล้วก็คงไม่ได้


ที่ชิราคาวาโกะ ก็สวยงามตามคำร่ำลือครับ นอกจากอากาศหนาวที่ติดลบ หิมะที่ตกตลอดเวลาแบบซีรีส์เกาหลีแล้ว ความรู้สึกผมก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้จริงๆ ครับ อาจได้สัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นแบบชนบทโบราณจริงๆ แต่จะสวยคงต้องวันที่ฟ้าใสจริงๆ ถ่ายรูปตัดกับหิมะท่วมขาวๆ หรือในกลางคืนที่มีแสงไฟจุดจากบ้านหลังต่างๆ (ซึ่งแปลว่าต้องมาค่างที่นี้ครับ) ที่เขาจะจัดกันกลางเดือนมกราคมไปแล้ว ดังนั้นชิราคาวะโกะ ถ้าอยากมาแบบมีออปชั่นเต็มควรจะมาช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ครับ แล้วมาค้างสักคืนเพราะรถเมล์ยังไงเขาหยุดวิ่งตั้งแต่หกโมงแล้วครับ วันที่หิมะไม่ตกจะได้วิวฟ้าใสกับหิมะขาวๆ สวยกว่าครับ ไปดูมุมต่างๆ ของหมู่บ้านกันครับ



สำหรับเส้นทางอื่นๆ ที่เป็นเส้นทางปกตินั้น ก็เป็นเส้นทางตามรถโนฮีบัสที่วิ่งระหว่างเมืองคานาซาว่าและทาคาชาว่าครับ แต่มีเส้นทางหนึ่งที่ผมไม่น่าพลาดเลยคือ การเดินทางจากนาโกย่าครับซึ่งสะดวกมากครับ แต่อาจจะไกลหน่อยแนะนำให้เป็นเส้นทางระหว่างโทยาม่า-นาโกย่าครับ โดยนั่งรถไฟด่วนจากนาโกย่าไปพักที่เมืองเกโระก่อน แล้วไปพักที่เมืองทาคายาม่าซึ่งเป็นต้นทางไปชิราคาวาโกะไม่ไกลแล้วครับ (แต่ไม่ผ่านหมู่บ้านไออิโนะคุระกับซุงะนุมะ) แล้วจากทาคายาม่าก็ไปจบที่เมืองโทยาม่า อีกเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นครับ จากโทยาม่า ก็เลือกได้แล้วว่าจะนั่งชินกันเซนไปคานาซาว่า หรือไปโตเกียวก็ได้แล้วครับ

https://www.facebook.com/thetravelbagstory/


TravelTherapy

 วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 23.51 น.

ความคิดเห็น