Contact and Follow me at Facebook Fan Page or Govivigo Blog


บันทึกการเดินทาง 3 ก.ย. 60

มีใครเป็นเหมือนแพนมั้ยถึงวันหยุดทีไรเป็นต้องหาเรื่องออกจากบ้านทุกที ฮร่า ครั้งก็เช่นกัน อันเนื่องมาจากว่าเพื่อนแพนจะกลับบ้านที่สุพรรณบุรีแพนเลยมีความหวังดีจะนั่งรถไปด้วยกลัวนางเหงา แหะๆ

มุ่งสู่สุพรรณบุรีกันเลยจร้าาาาาาาาาาา



มีแบบวีดีโอด้วยนะจ๊ะๆๆๆๆ




เวลาเปิดทำการของบ้านควาย

  • การเปิดทำการ : เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด
  • เวลาเปิด : 09.00 – 18.00 น.

การเดินทางสู่หมู่บ้านควาย

รถส่วนตัว : ออกจากกรุงเทพฯ ไปทางถนน กาญจนาภิเษก จากนั้น ออกสุพรรณที่ทางหลวงเส้น 340 วิ่งไปเรื่อยๆ จนถึงศรีประจันต์ บ้านควายตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 340 (สุพรรณบุรี-ศรีประจันต์) กิโลเมตรที่ 115-116 ถึงสามแยกก็เลี้ยวขวาเข้าไปเลยค่ะ ดูตามป้ายนะคะ หรืองงก็เปิด google maps เอ้อ...ง่ายดีเนาะ มีเทคโนโลยีก็ต้องใช้ 555

รถโดยสาร : นั่งรถตู้ รถทัวร์ มาลงบขส.สุพรรณบุรีแล้วต่อรถเมล์สาย สุพรรณบุรี - สามชุก แล้วบอกคนขับลงหมู่บ้านควายเลยจร้า


ทางเข้าจะมี 2 ทางค่ะ ถ้าเปิด Google maps จะนำให้มาทางนี้ และเราก็จะเจอพี่ควายตัวใหญ่ยืนท้าแดดท้าฝนต้อนรับเราแบบนี้ล่ะค่ะ

ลานจอดรถค่อนข้างกว้างขวางนะคะ ขับมาตามทางเข้าก็จะมาโผล่นนี่ล่ะค่ะ มีควายลากเกวียนแบบนี้มาถูกที่แน่นอน

เอ้อ! ตรงปากทางเข้ามีร้านกาแฟควายยิ้ม เห็นว่าเพิ่งเปิดใหม่ ถ้าอยากได้เครื่องดื่มเย็นๆ ไอติมเย็นๆ ก็แวะก่อนเข้าได้เน่อออออออ

ก่อนเข้าก็ต้องซื้อตั๋วก่อนนะคะ รายละเอียดตามนี้เลยค่ะ มีทั้งแบบบัตรแยกแล้วก็บัตรรวม เลือกสรรกันตามสะดวก ส่วนแพนซื้อเป็นบัตรแยก เดี่ยวตอนดูโชว์ค่อยไปจ่ายอีกทีนึง

บรรยากาศด้านใน

เดี๋ยวแพนเอาภาพบรรยากาศด้านในมาให้ดูก่อนเนาะ พอดีว่าวันที่แพนไปเค้ากำลังปรับปรุงสถานที่บางส่วนอาจทำให้เราพลาดมุมสวยบางมุมไป แต่แพนว่าเท่าทีมีดชว์ก็ไม่แย่เท่านะ ไม่เชื่อเลื่อนดูสิ


ท้องฟ้าเปิด เห็นเมฆสวย ถึงจะร้อนไปหน่อยก็เถอะ แพนว่าคนไทยน่าจะชินกันแล้วมั้ง รึเปล่า? 555 บรรยากาศด้านในก็ประมาณนี้ค่ะ มีการจัดแสดงบ้านเรือนไทยสมัยโบราณ จำลองความเป็นอยู่ในสมัยก่อน แล้วก็มีสวนสวยรอบสระน้ำ ที่ตอนนี้กำลังมีการปรับปรุง เห็นเค้าเพิ่งเอาต้นไม้ใหม่ๆมาลง แพนว่าถ้าทำเสร็จคงสวยน่าดู


ดู ดู๊ ดู ความ ควาย ควาย

อุตส่าห์บอกว่ามาหมู่บ้านควาย จะไม่มีควายได้ไงเนาะ ไปดูกันดีกว่า ฮร่าาาาาาาาาา

ที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งอนุรักษ์ควายไทยค่ะ เพราะมีการรวมควายไทยหลายๆสายพันธุ์ที่หาดูยาก อย่างตัวสีขาวๆนี่ควายเผือก

นอนเกลือกกลิ้งทำตะละห้อยนี่ก็ควายแคระ


แพนชอบเขาของควายตัวนี้มากเลยอ่า เหมือนกระทิงเลย อิอิ หน้าก็เข้มๆ ดุๆ หล่อชะมัด แต่เด๋อมาก กินหญ้าให้หญ้าขึ้นมาติดบนหัวเฉย พอแพนไปเอาออกให้นางมีค้อนด้วยนะ ฮร่า

จะบอกว่านอกจากจะมีจัดแสดงควายให้ดูแล้ว ภายในหมู่บ้านควายยังมีสัตว์อื่นด้วย อบ่างเช่นนกยูงแล้วก็กวางน้อย


พิพิธภัณฑ์ชาวนา

เพราะเป็นหมู่บ้านควาย ควายก็ต้องคู่กับชาวนาถูกปะ ที่นี่เลยมีพิพิธภัณฑ์ชาวนาซึ่งด้านในก็จะมีพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ของชาวนาในการทำนาโดยใช้ควาย เก็บสะสมไว้


การแสดงควาย

เดินดูกันจนรอบหมู่บ้านจนถึงเวลาแสดงโชว์แพนก็รีบไปหาจับจองที่นั่งเอาแถวหน้าสุดตรงกลางด้วย ทำเลดีเว่อร์ แหะๆ ในการแสดงโชว์ทุกวันหยุดเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะพิเศษกว่าวันธรรมดาตรงที่จะมีการร้องเพลงอีแซวพื้นบ้านประกอบการแสดงความสามารถควายด้วย

รอบการแสดง

  • วันธรรมดา มี 2 รอบ (วันจันทร์ – วันศุกร์) เวลา 11.00 – 11.30 น. และเวลา 15.00 – 15.30 น.
  • วันหยุด และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มี 3 รอบ เช้า เวลา 11.00 – 12.00 น., รอบบ่ายเวลา 14.30 – 15.30 น. และ เย็น 16.00 – 17.30 น.


ในการแสดงโชว์เค้าก็จะเล่าถึงความเป็นมาในการสนตะพายควายว่าทำอย่างไร และทำไปเพื่ออะไร การสาธิตวีดีไถนาโดยใช้ควายแบบโบราณ และที่น่าสนใจอื่นๆอีกเยอะแยะ ถ้ามีโอกาสต้องมาชมให้ได้นะคะ

อย่างการแสดงนี้คนพากย์บอกว่าคือที่มาของคำว่าสะพานควาย ด้วยสมัยก่อนถ้ามีแม่น้ำขวางการเดินทางเค้าก็จะให้ควายลงไปยืนในน้ำเรียงต่อกันแล้วคนก็เหยียบหลังควายข้ามไป

เอาตรงๆนะอย่างที่แพนดูๆมาจนจบ มันทำให้แพนรู้สึกอะไรได้อย่างนึง มนุษย์ใช้ประโยชน์จากควายมาก็เยอะ ตั้งแต่เริ่มต้นไปเจาะจมูกมันเพื่อให้มันทำตามคำสั่ง แล้วก็มาใช้มันไถนา ใช้ขนของใช้เป็นสะพาน ใช้เป็นพาหนะเดินทางทั้งหลายแหล่ แล้วสุดท้ายก็ไปดูถูกหาว่ามันโง่ ใช้เป็นคำด่าซะงั้น แทนที่จะยกย่องว่ามันคือสัตว์มีพระคุณกับเรา เอ้อ! งงแท้หลาวมนุษย์เอ๋ย

เข้าเรื่องการแสดงต่อค่ะ นี่ๆๆๆ แพนภูมิใจนำเสนอมาก เค้าบอกว่าควายตัวนี้เป็นควายที่สวยสมบูรณ์ที่สุดตามตำราควายเลยนะ เมื่อมันหล่อสุดก็มีคนอยากเข้ามาตีซี้มากที่สุด 555

แต่ไฮไลท์มันอยู่ตรงนี้ จนท อวยมาตั้งแต่ตอนซื้อตั๋วแล้วว่าห้ามพลาดเลยนะ ต้องดูให้ได้ "ควายยิ้ม"

พอการแสดงจบคนดูอย่างเราก็จะได้ลองขึ้นนั่งหลังควายด้วยนะ แพนก็จัดไปกระโดดขึ้นอย่างไวตามประสาเด็กบ้านนอกเก่า

สนุกสนานกับการดูโชว์แล้วก็น่าจะได้เวลา บ๊าย บาย แล้วล่ะ เดินมาตามทางออกจะเจอร้านขายของที่ระลึกค่ะ แพนพาลูกชายมาถ่ายรูปแล้วก็เดินเลาะดูของน่ารักๆ เผื่อใครสนใจก่อนกลับก็ลองมาสอยไปซักชิ้นสองชิ้นนะจ๊ะ

อ้อ! มีมุมถ่ายรูปก่อนกลับด้วย ตลกดี 555

เล่นซะให้สบายใจแล้วก็เดินทางกลับกันดีกว่าค่ะ



ยัง!!!!!!! ยังไม่กลับดีกว่า แพนแถมอีกนิดจะพามาดูจุดแลนด์มาร์คของจังหวัดสุพรรณบุรี

สวนเฉลิมภัทรราชินี และ หอคอยบรรหาร-แจ่มใส

หอคอยทรงลูกชิ้นเสียบไม้นี่แหละค่ะคือหอคอยบรรหาร แจ่มใส เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในสุพรรณบุรีเลยค่ะ มีความสูงถึง 123.25 เมตร มีชั้นสำหรับชมวิวในระดับสูงสุด 78.75 เมตร การจะขึ้นชมต้องเสียค่าเข้าก่อนนะคะ

เวลา 10.00-18.00 น.ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท
หลังเวลา 18.00 น. ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท

สำหรับหอคอยนี้จะตั้งอยู่ในสวนเฉลิมภัทรราชินี ซึ่งเป็นสวนสาธารณะประจำจังหวัดค่ะถ้าเราเข้าสวนก็ต้องมีค่าเข้า ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ไม่แพงเลยนะสำหรับบรรยากาศแบบนี้

นอกจากสวนเขียวๆกับน้ำตกใสๆแล้วก็มีสระว่ายน้ำสไลเดอร์ยักษ์ด้วยนะ ใครร้อนก็ไปโดดน้ำได้เลย เอาล่ะแพนว่าเราขึ้นไปชมวิวด้านบนกันดีกว่า

เราสามารถมองเห็นเมืองสุพรรณได้รอบทิศเลยค่ะ แล้วเค้าก็มีกล้องส่องทางไกลไว้บริการด้วย จะได้มองเห็นสุดลูกหูลูกตาไปเล้ย

สำหรับวันนี้ไปดีกว่า ขอบคุณทุกท่านที่อ่านและดูภาพทั้งหมดมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ ไว้แพนจะมาเมาท์ให้ฟังใหม่ บ้าย บายยยยยยยยยยยยยยยยย


ขอบคุณภาพบางส่วนจาก หมูโอ๊ตตตตตตตต https://www.facebook.com/muoatphoto/

ความคิดเห็น