เปิดกระทู้ปีนี่กับพาไปเที่ยวใกล้ๆ หนีร้อนไปพี่งเย็น (ถึงหนาวมาก) ที่ฮ่องกงครับ ปีนี้ไม่ได้เอากล้องใหญ่ไป เพราะไปกันทุกปีติดกันเกือบทุกปีแล้ว ปีนี้เน้นภารกิจไหว้พระ 9 วัดแทนครับ เลยใช้กล้อง iPhone แม้ภาพจะ fake ผ่านการตกแต่งและไม่ถือว่าเป็นภาพที่ดีสำหรับนักถ่ายภาพ (ผมไม่ใช่นะครับ ฝีมือไม่ถึง) เอาเป็นว่าพามาเที่ยวกันในอีกโหมดหนึ่งแล้วกันนะครับ ปีนี้เราพักกันที่ Y-Loft Hotel แม้จะอยู่ไกลแต่ก้อสะดวกมากสุดสายรถไฟฟ้า MTR สาย Island ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีถึงตัวเมืองครับ ประมาณนั่งจากแบริ่งมาแถวสีลม ประมาณนั้นนะครับ โรงแรมดีมาก สะอาด และไม่ถึง 3000 บาทต่อคืนในช่วงปีใหม่ น้ำแรงสุดๆ แต่ wifi แรงแต่ไม่เสถียรเอามากๆ เดี๋ยวหลุดๆ อ้าวลืมไปพาไปไหว้พระนี่นะ ไม่ได้มารีวิวโรงแรมสักหน่อย

ไปกันที่แรกเลยครับพระใหญ่วัดโปลิน บนเกาะลันเตา ปีนี้นั่งรถเมล์ขึ้นไป วิวสวยเหมือนกันนะครับ ให้เลือกนั่งฝั่งคนขับนะคับ

จุดนมัสการพระใหญ่ของคนจีนไม่ใช่เดินไปถึงข้างบนนะครับ อันนั้นวัดศรัทรา แต่รับพลังจะอยู่ที่ตรงเวทีนี่ครับ ยืนตรงจุดกลมๆ เหมือนกับที่เทียนถานปักกิ่ง เวลาขอพรพระต้องมองหน้าท่านนะครับ อย่าหลับตาอฐิษฐานแบบไทยๆ

ขอบารมีพระอมิตตาอำนวยพรอำนวยสุขให้ชาวพันทิปทุกท่านนะครับ

คนที่ศรัทราก้อสามารถเดินไปไหว้องค์พระท่านที่ฐานด้านบนเลยครับ (ผมก้อไปว่าปีนี้จะไม่ขึ้นแล้วนะ ทดสอบความฟิตหน่อย)

แต่ถ้าขึ้นไปก็จะได้ภาพแบบนี้เป็นรางวัลล่ะครับ อากาศดีมากที่ฮ่องกงก่อนปีใหม่ครับ

เรารู้จักพระท่านในนามพระใหญ่ แต่จริงๆ พระนามคือ Tian Tan Buddha ครับ เพราะทรงประทับอยู่ที่แท่นบูชารูปดอกบัว ซึ่งจำลองแบบมาจากเทียนถานที่ปักกิ่ง (สถานที่ที่ใช้บูชาเทพของฮ่องเต้ตั้งแต่สมัยหมิงเป็นต้นมา) องค์พระสูง 34 เมตร มีน้ำหนักถึง 250 ตัน ความยิ่งใหญ่ขององค์่ท่านว่ากันว่า สามารถมองเห็นได้จากมาเก๊าเลยทีเดียวถ้าเป็นวันที่อากาศสดใสเอามากครับ องค์พระท่านสร้างขึ้นในปี 1990 แล้วเสร็จในวันวิสาขบูชาปี 1993 ครับ

การเดินทางมาที่วัดโปลินและพระใหญ่ไม่ยากครับ เพราะอยู่สุดสาย Tungchung เลย โดยต้นสายอยู่ที่สถานี Hong Kong ซึ่งเชื่อมต่อกับสถานี Central (เดินเอาเหนื่อยเหมือนกันนะใต้ดิน ผมแนะนำให้เดินข้างบนครับจะมี Sky Walk ผ่านห้างต่างๆ ไปด้วยในตัว ถ้าไม่รีบนะครับ) ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงไปสุดสายที่ตุงชุงได้เลยครับ พอไปถึงก้อเลือกขึ้นกระเช้างองปิงก็ได้ หรือขึ้นรถเมล์ก็ได้ ทั้งสองที่อยู่ติดกับห้าง Citigate เลยครับ โดยรถเมล์สาย 23 ครับ รถออกทุก 30 นาที ดูเวลาการออกการมารับไว้ก็ดีนะครับ แต่ถ้าไม่อยากยืนก้อมาก่อนเวลาเยอะๆ นะครับ ของผมไปวันธรรมดาครับ คนยังเยอะเลย แต่ไม่ต้องยืนไปตลอด มีแต่ขากลับยืนหน่อย ใครมีโอกาสนั่งรถอีกสายจากงองปิงไปลงที่เมืองไทโอ (Tai O) ดูบรรยากาศท้องถิ่นของฮ่องกงบ้าง เมืองนี้เป็นเมืองประวัติศาสตร์ด้วยนะครับ เห็นว่ากันว่าเป็นจุดที่ฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ่ง ซ่งตี้ปิง (จ้าวปิง) ทรงโดดน้ำหนีหนีการตามล่าของมองโกลครับ

กลับมาแล้วครับพาไปไหว้พระวัดที่สองต่อ วัดหวังต้าเซียนครับ

จริงๆ วัดหวังต้าเซียน หรือ หวงไท้ซิน ไม่ใช่วัดพุทธแต่เป็นวัดในลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นวัดที่ได้รับการนับถือมากที่สุดแห่งหนึ่งของคนฮ่องกงและคนจีนโพ้นทะเลครับ สร้างโดยซินแสชาวกว่านตง (กวางตุ้ง) นามท่านเหลียงเหรินอั๊น ที่อพยพเข้ามาในฮ่องกงตั้งแต่ปี 2458 โดยมาเป็นหมอฝังเข็มยาสมุนไพรที่หวั่นไจ๋ก่อน แล้วที่ร้านก็มีแท่นบูชาเทพหวังต้าเซียน ซึ่งเป็นเทพแห่งการแพทย์ด้วยตำแหน่งหนึ่ง ไว้เป็นที่บูชาของคนทั่วไป ต่อมาร้านของท่านไฟไหม้ ท่านก็มีนิมิตว่าท่านเซียนมาขอให้สร้างที่บูชาให้ใหม่ โดยเดินจากท่าเรือจิ่วหลง (เก๊าหลุน) ไปสามพันเก้าถึงหมู่บ้านชุกหยวนฉุ้น ก็เลยตกลงสร้างวัดขึ้นที่ตรงนั้นโดยในระยะเริ่มแรกเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของผู้นับถือศาสนาเต๋าเท่านั้น จนกระทั่งปี 2499 ถึงได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการะครับ

วัดหวังต้าเซียน อย่างที่บอกว่าเป็นเทพทางการแพทย์ด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง คนส่วนใหญ่มักจะมากราบไหว้โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ของทุกปีและวันที่ 23 เดือน 8 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวันเกิดของท่านเซียน โดยถือเคล็ดว่ามาขอให้สุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาว โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนทุกคนจะรอจนถึงเที่ยงคืนเมื่อเข้าวันใหม่ซึ่งคือปีใหม่จริงๆ จะเฮกันเข้าไปรับกลิ่นธูปเข้าตัวเอง (เหมือนคนญี่ปุ่น) ทำนองรับพรรับสิ่งมงคลเข้าตัวครับ

เนื่องจากวัดนี้เป็นวัดที่คนไทยส่วนใหญ่จะไปเยี่ยมชมมาแล้ว และกล้อง iPhone ถ่ายเยอะก็ไม่สวยเท่าไร เลยไม่ได้ถ่ายสถานที่โดยรอบมาด้วยนะครับ แต่ขอบอกว่าสวยมาก

สำหรับการเดินทางไปยังวัดหวังต้าเซียนไม่ยากเลยครับ เพราะมีสถานี MTR ถึงหน้าวัดเลยคือใช้สายกวนตง (KTL) ใครพักอยู่แถวเยามาไต๋หรือมงก๊กสะดวกมากครับ นั่งไปลงที่สถานีชื่อเดียวกันเลย Wang Tai Sin เป็นอันพาเที่ยววัดที่สองเสร็จแล้วนะครับ ไปต่อกันวัดที่สามเลยอยู่ติดกับวัดหวังต้าเซียนเดินทางไปอีกหนึ่งสถานีลงที่สถานี Diamond Hills อ้อสถานีทั้งสองแห่งอยู่ติดห้างเลยครับ แต่ห้างทั้งสองเป็นห้างนอกเมืองไปนิด แต่ก้อเป็นห้างใหญ่พอตัวโดยเฉพาะที่สถานี Diamond Hills มี Mark&Spencer ร้านเบ้อเริ่มเลย และเกรดของห้างจะดีกว่าห้างตรงวัดหวังต้าเซียนหน่อย อ้อโม้มาเยอะวัดนี้ชื่อวัดชีหลิน หรือวัดนางชีครับ

เมื่อเปรียบเทียบกับความจอแจที่วัดหวังต้าเซียนแล้ววัดชีหลินมีความสงบแบบคนละขั้วเลยครับ วัดเป็นแบบพุทธแท้ๆ นิยายฌานหรือเซ็นที่รุ่งเรืองในจีนช่วงสมัยถังและเป็นต้นแบบพพุทธในญี่ปุ่นด้วย สถาปัตยกรรมจะเห็นได้ว่าเป็นวัดแบบญี่ปุ่นแต่จริงๆ แล้วควรจะบอกว่าเป็นต้นตำรับให้ญี่ปุ่นจะดีกว่าครับ ที่นี้เน้นความสงบไม่มีจุดธุป มีแต่การสวดมนต์ จึงไม่ค่อยนิยมรับทัวร์ครับ ผมไม่รู้ว่าทัวร์เคยจัดไปหรือเปล่า แต่ถ้าไปคงต้องเตือนเรื่องเสียงโฉ้งเฉ้งของคนไทยที่ไม่แพ้คนจีนกันหน่อย คนไทยเสียงดังนะครับ อย่าคิดว่าไม่ดัง ผมหลุดไปที่วัดนี้ขอบอกว่าเพลินแล้วรู้สึกเป็นสุขเผลอๆ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงไม่รู้ตัว ยิ่งอากาศเย็นๆ ด้วยแล้ว สุดยอดครับ ผมยกให้เป็นวัดอันดับหนึ่งของผมในฮ่องกงไปแล้วเลยสำหรับวัดนางชี

วัดชีหลินสร้างขึ้นในปี 2477 และได้รับการบูรณะในปี 2533 เป็นวัดท่ีมีสถาปัตยกรรมแบบถังอย่างที่ได้กล่าวไว้ตอนแรกครับ ซึ่งมีความโดดเด่นที่โครงสร้างเป็นไม้สักทั้งหลายมาสบกัน ผมไม่รู้ศัพท์สถาปัตย์ด้วยสิ แต่เป็นการเอาไม้มาวางค้ำกันในตำแหน่งที่ได้น้ำหนักพอดี โดยไม่ต้องใช้ตะปูตอกให้ยึดแน่นกัน ซึ่งลักษณะการสร้างวัดแบบนี้ยังเห็นอยู่มากในจีน เกาหลี และก็ญี่ปุ่น ส่วนในเมืองไทยวัดจีนจะเป็นวันผสมเต๋าเสียมากกว่า จะคล้ายๆ กับวัดหวังต้าเซียนหรือวัดโปลินครับ ภายในวัดจะประดิษฐสถานพระพุทธโคดม พระพุทธเจ้าในกัลป์ปัจจุบัน พระศรีอาริยเมตไตรยพระพุทธเจ้าในกัลป์หน้า เจ้าแม่กวนอิม และพระโพธิสัตว์อีกหลายองค์ ซึ่งองค์ที่สวยที่สุดคือเจ้าแม่กวนอินพันมือรูปทองด้านในนะครับ คล้ายๆ กับวัดที่นาริตะหรือเกียวโตเลย ยังกะถอดแบบกันมา อ้อห้ามถ่ายรูปนะครับ

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจในวัดก็คือคือสวนหนันเหลียน ซึ่งตกแต่งแบบเซ็นหรือแบบถังนั้นเองครับ ซึ่งตอนนี้เปิดเป็นสวนสาธารณะและมีพิพิทธภัณฑ์รูปจำลองวัดต่างๆ ทั่วเมืองจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ที่สร้างด้วยไม้ในแบบเดียวกันครับ

คืนนี้ขอปิดทัวร์ที่วัดที่สามนี่ละครับ พรุ่งนี้จะไปเที่ยวอีกวัดคนละมุมเมืองเลย แต่อยู่ไกล้กับงองปิงนะครับ ใครเวลาไม่พอวางแผนการเดินทางได้ก็ดีนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ

สถานีต่อไปวัดหยวนหยวน หรือสถาบนหยวนสวน หรือวัดกี่เพ้านั้นเองครับ วัดหยวนหยวน เดิมคนไทยอาจจะรู้จักกันน้อยหน่อยครับ แต่พอหนังกี่เพ้าไปถ่ายที่นั้นเลยมีการตามรอยละครกันใหญ่เลย วัดหยวนหยวนอยู่ในเขตฉุ่นหวานเชิงเขาซัมดิปตัม (มั๊ง) มีจุดเด่นที่รวบรวมเอาสิ่งเคารพของสามศักดิ์สิทธิ์ของจีนไว้ ก็คือ พุทธ เต๋า และหยู (ขงจื้อ) ครับ

ที่วัดหยวนยวนส่วนใหญ่จะมาไหว้ท่านเทพไท้ส้วยกันครับ โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่มากราบไหว้เพื่อให้พันจากเคราะห์ภัยทั้งปวงโดยเฉพาะคนที่เกิดปีชง ตรงกลางวัดจะเป็นหอสักการะฟ้าสร้างเลียนแบบเทียนถานที่ปักกิ่งเหมือนกัน ด้านในก็จะมีรูปจำลองท่านไท้ส่วย แถมวัดนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีฮวงจุ้ยดีอีกด้วยคนกราบไหว้ก้อจะเฮงเฮงเฮงท้ายปี ลั้นลัํ้นลั่นลา

วันที่ผมไปเหมือนมีเทศกาลชมดอกเบญขมาศหรือดอกไม้ด้วยหรือเป่าไม่รู้ คนเยอะมาก แต่ผมไปถึงตอนจบงานแล้ว แต่ก้อยังทันความสวยครับ

และก้อมีงานประกวดบอนไซอีกด้วย ทัวร์จีนวันนั้นเยอะมากเหมือนกัน

วัดหยวนหยวนว่าสวยแล้ว ด้านข้างของวัดติดกันเป็น Western Monastry มีเจดีย์แปดเหลี่ยม เราเดินไปเที่ยวกันต่อเลยครับอยู่ใกล้ๆ กันเอง

Western Monastery เรียกได้ว่าเป็นอุทยานพระโพธิสัตว์กวนอินครับ เพราะจะมีรูปเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐอยู่มากมาย

อุทยานเจ้าแม่กวนอิมหลายปางจะอยู่ด้านหน้าเลยครับ ด้านในจะมีรูปปั้นเจ้าแม่องค์ใหญ่มากและสวยงามอยู่ จนลืมถ่ายรูปเก็บไว้บูชาเลยอ่ะ

อีกด้านนึงครับ เดี้ยวพาไปชมด้านในครับ

Western Monastery สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2505 ตั้งแต่หมู่บ้านโหล่ไหวยังเป็นบ้านนอกอยู่เลยครับ (จริงๆ หมู่บ้านแถว Northern Territories เนี่ย ถ้าหลุดเข้าไปจะเห็นว่าเป็นคนละโลกกะฮ่องกงเลย ประมาณลาดกะบัง หนองจอก อ่ะครับ เนี่ยถ้ามีโอกาสไปเที่ยว Wetland ลองดูนะครับ บรรยากาศดิบๆ แบบไม่คิดว่าฮ่องกงจะมี) ด้านในมีพระเจดีย์สูง 9 ชั้น เป็นที่ประดิษฐานพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ภาพพุทธประวัติ (แบบจีนอารมณ์คนละแบบกะบ้านเราเลย)

ด้านในเป็นพระเจดีย์ 9 ชั้นครับ

Western Monastery ดูจะคนน้อยและเงียบสงบมากกว่าวัดหยวนหยวนหน่อยครับ อันนี้ผมนับทั้งสองแห่งเป็นสถานที่เดียวกันสำหรับโครงการไหว้พระ 9 วัดนะครับ เพราะถ้านับแยกรวมวัดฝรั่งด้วยเกินกระจายเลย

สำหรับการเดินทางไม่ยากไม่ง่ายครับ เพราะ MTR ไปไม่ถึง แต่ที่ใกล้ท่ี่สุดคือ Tsuen Wan หรือไม่ก้อ Tsuen Wan West ครั บแต่แนะนำ Tsuen Wan เพราะเดินทางง่ายกว่า และหากจะไปไหว้พระใหญ่ที่งองปิงก็สามารถเปลี่ยนสายได้ที่ ไร่ขิง (Lai King) ได้ด้วยนะครับ พอมาถึงสถานีก้อง่ายล่ะครับ จะมีห้างใหญ่อยู่เชื่อมกับสถานีเลย เดินไปเรื่อยๆ มองทางขวามือไว้จะเป็นทางไป Bus Terminal กะ Taxi Terminal ครับ ของผมไป Taxi ครับง่ายดี เลือกที่เป็น Taxi สีแดงเท่านั้นนะครับ บอกว่าไป หยุนหยุ่นเฮาะหยุน ก็ไปถึงหน้าวัดเลยครับ ค่าเดินทางของผมไปวันอาทิตย์ประมาณ 80 บาท สะดวกดีครับ แต่ถ้าใครไปรถเมล์ล่ะก้อ ก้อไปได้แต่ผมไม่ได้ไปเพราะคนเข้าคิวเยอะ ปีนี้เลยไป Taxi แทน การเดินทางด้วยรถเมล์ ออกจาก MTR Exit B1 ออกไปเชื่อมกะห้างนั้นแหล่ะครับ โดยจะเจอสวนไซเล้าก๊อก Sai Lau Kok ข้ามสะพานลอยไปแล้วเลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวขวาอีกทีจะเจอป้ายรถมินิบัสสาย 81 บนถนน Siu Wo ครับ ก้อรถสายนั้นนั้นแหล่ะครับ

วัดที่ห้าแล้วครับ วัดทินเหา หรือเทียนโหว หรือเจ้าแม่สวรรค์ครับ

วันทินเหาในฮ่องกงจริงๆ แล้วมีอยู่มากเลยนะครับที่ชื่อนี้ แต่วัดทินเหาหรือเทียนโหวที่ผมพาไปนี่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมีสถานี MTR ชื่อเดียวกันเลย อยู่บนเกาะฮ่องกงครับ วัดทินเหาอีกสองที่อยู่ที่เหยามาเต้ย และก้อตรง Stanley หรือตลาดฝรั่งอ่ะครับ กับที่ริมฝั่งจอสเฮาส์ซึ่งอันนั้นเก่าแก่และใหญ่ที่สุดครับและอยู่บนฝั่งเกาลูนครับ ส่วนที่นี้ก็มีตำนานความเก่าแก่ไม่แพ้กันนะครับ

วัดทินเหาแห่งนี้สร้างขึ้นโดยตระกูลไท้ที่เป็นจีนแคะอพยพมาจากกวางตุ้งแล้วตั้งรกรากอยู่ฝั่งเกาลูนก่อนในราวศตวรรษที่ 18 ก่อนที่ฮ่องกงจะเป็นอาณานิคมของอังกฤษครับ โดยพวกเขามาเก็บสมุนไพรที่เกาะฮ่องกงแล้วก้อเจอรูปปั้นเจ้าแม่สวรรค์ ซึ่งเป็นที่เคารพว่าจะเป็นเทพที่ปกปักษ์รักษาชาวเรือนั้นเอง เลยสร้างวัดบูชาท่านที่นี่ครับ เจ้าแม่สวรรค์หรือเทียนโหวครับ ตำนานรู้จักนามท่านในหลายๆ นามมาก ทั้ง หม่าโจ้ว จุ๊ยบ๊วยเนี้ยว เทียนโหวเซี่ยบ้อ เจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ เจ้าแม่เขาสามมุก เจ้าแม่ทับทิม ตุ้ยบ๊วยเต๋งเนี่ยง อาม่า ม่าจู เทียนเฟย ซึ่งก็คือเทพผู้ปกปักษ์แม่น้ำทะเลและชาวเรือครับ โดยท่านจะได้รับการเคารพยกย่องอย่างสูงจากชาวจีนโพ้นทะเล และชาวจีนที่อยู่อาศัยริมฝั่งทะเลตั้งแต่ฝูเจี้ยน (ฮกเกีี้ยน) ยันลงมาถึงไห่หนาน (ไหหลำ) เย่วหนาน (เวียดนาม) จนถึงไทย มาเลย์ สิงคโปร์กันเลยครับ ตามตำนานบอกว่าเจ้าแม่ถือกำเนิดที่ฝูเจี่ยนนี้แหละครับ ในสมัยปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ซ่งจ้าวควงอิ้นครับ แต่พระเจ้าหงวนซีโจ้ว หรือหยวนซื่อจู้ (กุบไลข่าน) เป็นคนสถาปนาให้เป็นเจ้าแม่สวรรค์ครับ (มีแต่ฮ่องเต้นะครับที่พระราชทานตำแหน่งให้ได้ เพราะเป็นโอรสสวรรค์) นอกจากนี้อีกตำนานก็บอกว่าท่านทรงประสูติที่เกาะไหหลำนั้นแหล่ะ ย้อนไปได้ถึงสมัยราชวงศ์ฮั่นเก่ากว่าตำนานนับพันปี

การเดินทางมาง่ายมากครับ มาลงที่สถานี Tin Hua ของสายไอส์แลนด์ แล้วจะมีป้ายบอกทางมาโดยตลอดเลยครับ

กั้นด้วยบรรยากาศคริสมาสกับสองเทพกันหน่อย

วัดที่หกแล้วครับ ไปไหว้เหล่าเทพที่ Repulse Bay อีกแหล่งหนึ่งที่คนไทยรู้จักกันดีครับ ที่ Repulse Bay นี้เป็นแหล่งรวมเทพเจ้าเลยครับ ทั้งสะพานอายุยืน กามเทพ ท่านไช่ซิง แพะสามตะวันเบิกฟ้า เทพมังกร เจ้าแม่ทับทิม ท่านทิก๊วยลิเตรียมข้ามทะเล ฯลฯ พระพรหมยังมีเลยครับ คนไปที่นั้นก็จะขอพรกับเทพทุกองค์ครับ ทั้งขอให้รวย ขอลูก ขอให้อายุยืนแข็งแรง

และที่สำคัญก็คือมานมัสการเจ้าแม่กวนอิมและเจ้าแม่ทับทิมด้วยครับ รีพัลส์เบย์เป็นหาดทรายรูปจันทร์เสี้ยวที่เขาว่าสวยที่สุดในฮ่องกง ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะฮ่องกงทางไปทางเดียวกับ Ocean Park และ Standley Market ครับ ประวัติเดิมบอกว่าเป็นที่ตั้งของโจรสลัดซึ่งคอยปล้มสดมภ์เรือสินค้าของต่างชาติกับจีนเสมอ แต่ต่อมาก็โดนปราบโดยอังกฤษตอนมายึดฮ่องกงเป็นอาณานิคม

และก้อตึกอดีตโรงแรมรีพลัสที่ต้องเจาะรูตรงกลางให้มังกรได้ลอดลงเล่นน้ำ กิจการถึงได้รอดจากการขาดทุนได้ครับ

ที่ Repulse Bay ไม่มี MTR ผ่านนะครับ (แต่เห็นว่ามีกำลังจะสร้างไปถึง Ocean Park ซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่ก้อเดินอ๊วกอยู่เหมือนกัน เพราะต้องขึ้นเขาลงเขา) ให้นั่งไปลงที่สถานี Central ออกทางออกที่เป็นตึก Exchange ครับ (ตึกที่จะไปเชื่อมกะตึก IFC) ที่ตึกนั้นจะมีต้นสายรถเมล์อยู่ครับ แล้วนั่งรถเมล์ไปสาย6 6A 6X และก้อสาย 260 ครับ

วัดที่เจ็ดแล้วครับ วัดกังหันหรือวัดแชกงมิ่วครับ

วัดแชกงเป็นวัดเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกง อายุมากกว่า 300 ปีแล้ว อยู่บนฝั่งเกาลูนในเขตซาติ่น และเป็นที่ประทับของท่านเทพแชกุงครับ ประวัติท่านบอกว่าท่านเป็นนายพลเก่าและมีกังหันคู่กายที่ออกรบทีไรท่านต้องหมุนกังหันก่อนทุกครั้งและได้รับชัยชนะครับ จากรูปไม่ใช่ท่านนะครับ เป็นเหล่าขุนนางบุ๊นบู้ทั้งหลายครับ เพราะรูปท่านจะใหญ่โตมากและห้ามถ่ายรูปครับ

วัดแชกงยังเป็นที่นิยมในการทำพิธีของจี้เพชรกังหันด้วยครับ ส่วนใหญ่ใครซื้อไปก็จะมาทำพิธีหมุนรอบกังหันที่นี่เพิ่ม แต่จริงๆ แล้วร้านเขาทำพิธีมาแล้วครับ

รวมไปถึงการแก้ปีชงด้วยนะครับ ไปวัดนี้ไม่ต้องห่วง พูดภาษาไทยกันได้คล่องแคล่วถ้าไม่ได้ไปกับทัวร์ แถมพิธีการต่างๆ ยังมีเขียนเป็นภาษาไทยไว้อีก เผลอๆ คนไทยจะเยอะกว่าฮ่องกงด้วยมั๊ง ไม่ค่อยเห็นคนฮ่องกงแก้ชงกันเท่าไร

สำหรับการเดินทางไม่ยากครับ แต่อย่าไปลงสถานีีที่ชื่อเดียวกับวัดสถานี Che Kung Temple นะครับ เพราะเดินไกลมากและต้องต่อรถอีก สถานีที่ใกล้กว่าก็คือสถานี Tai Wai ซึ่งเป็นสถานีใหญ่เป็นชุมทางรถไฟและรถบัสเลยครับ เดินออกจากสถานี Tai Wai ไปที่เป็นท่ารถบัส ก็จะเห็นหลังคาวัดเลยครับ ใกล้ๆ วัดมีสวนด้วย สงบมากครับ บรรยากาศชานเมืองมาก อ้อสถานี Tai Wai เป็นรถไฟที่วิ่งไปถึงเซิ่นเจิ้นได้เลยครับ

อีก วัด จะพาข้ามฝั่งไปยังมาเก๊าครับ แต่ก่อนอื่นไปเดินเล่นดูของเล่นแถวมงก๊กกันก่อนดีกว่า คั่นอารมณ์ธรรมกันหน่อย

แถวนี้คือ Temple Street ครับ แหล่งฮิตของฮ่องกง แต่เหมือนจตุจักรบ้านเรา ที่ไม่เหมือนคือ อากาศเย็นสบายกว่ามั่ก พาข้ามทะเลไปไหว้พระกันที่มาเก๊าครับ วัดแรกคือวัดเจ้าแม่กวนอิมครับ

วัดเจ้าแม่กวนอิมหรือวัดพระโพธิสัตว์กวนอิมเป็นวัดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในมาเก๊่าครับ มีอายุมากว่า 600 ปีแล้วครับ และยังเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์การลงนามสันติภาพจีนสหรัฐในปี 1844 อีกด้วยครับ

ที่วัดจะมีรูปปั้นเทพและพระโพธิสัตว์ในนิกายมหายานมากมายครับ ทั้งท้าวจตุโลกบาลที่อยู่หน้าประตู และด้านในมีองค์พระประธาน 3 องค์ คือพระพุทธโคดมอยู่องค์กลาง ขนาบข้างด้วยพระผูเชียนผู่ซา (พระสมัตภัทรโพธิสัตว์) และพระเวิ่นฉูชิลิผู่ซา (พระมัญชูศรีโพธิสัตว์) โถงถัดไปเป็นที่ประทับของพระศรีอาริยเมตไตรย พระพุทธเจ้าในกัลป์หน้า และด้านในสุดจึงเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม การคารวะจึงให้คารวะจากเจ้าแม่กวนอินด้านในสุดเป็นองค์แรกก่อนครับ เจ้าแม่กวนอิมนี้มีชื่อว่าเจ้าแม่หนานไห่ผู้โถว่ซาน แปลง่าพระธรรมาจารย์แห่งทะเลใต้ (ยังกะเรื่องมังกรหยก) จึงทรงเครื่องชุดเป็นพระธรรมาจารย์ แต่หลายคนมั่วว่าทรงเครื่องแต่งงานซะงั้น

รูปถ่ายองค์พระต่างๆ ผมไม่ได้ถ่ายมาเยอะมากเท่าไรนะครับ เพราะเห็นในพันทิปนี้ถ่ายมาเยอะมากอยู่แล้ว สำหรับการเดินทางไปสักการะวัดนี้ไม่ยากนะครับ แม้มาเก๊าจะไม่มีรถไฟฟ้า (จริงๆ น่าจะมีแต่มาเก๊าเล็กกว่าฮ่องกงมาก) สามารถนั่งรถบัสก้อสะดวกดีนะครับ มีสาย 6 สาย 12 17 18 19 22 23 28C ผ่านเลยครับ แต่นั่งแท๊กซี่ก็สะดวกดีนะครับจากท่าเรือไม่น่าเกิน 80 บาท

อ้อ ข้างๆ วัดกวนอิมยังมีวัดเล็กๆ อีกวัดนะครับ ด้านในก็สวยไม่แพ้กันแต่คนไม่ค่อยเข้าเท่าไร เลยนำรูปเจ้าแม่สวรรค์รายล้อมด้วยเหล่าโป๊ยเซียน พระถังซัมจั๊ง นาจา และหงอคงครับ

และวัดสุดท้ายแล้วครับ วัดอาม่า หรือวัดเจ้าแม่ทับทิมนั้นแหล่ะครับ วัดอันเป็นที่มาขอชื่อมาเก๊า ที่ฝรั่งโปรตุเกสฟังเพี้ยนไปนั้นเอง

วัดอาม่าเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่สวรรค์หรือเท่ียนโหวอย่างที่ในฮ่องกงเหมือนกันครับ วัดอาม่าตั้งอยู่บริเวณเขาบาร์รา สร้างขึ้นเพื่อถวายสักการะแก่เจ้าแม่สวรรค์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ตามความเชื่อที่ว่าเจ้าแม่เคยเสด็จขึ้นเกาะที่บริเวณวัดนี้่ เจ้าแม่เทียนโหวของมาเก๊าก็มีตำนานของที่นี้เองนะครับ ว่ากันว่าในอดีตท่านคือหญิงสาวชาวฝูเจีี้ยน (ฮกเกี้ยน) ชื่อหลิงม่า แต่ที่่ต่างจากตำนานอื่นคือ วันหนึ่งหลิงม่าอยากช้ามฝั่งมายังคาบสมุทรเอ้าเหมิน (ชื่อมาเก๊าในภาษาจีนกลาง) ตอนที่ข้ามมามีพายุใหญ่ล่มเรือไปจำนวนมาก แต่เรือที่หลิงม่านั่งมาไม่เป็นอันตรายอะไรเลย แล้วเธอก็ขึ้นฝั่งบริเวณนี้ก่อนจะหายลับขั้นสวรรค์ไป ที่บริเวณนี้จึงได้ชื่อว่า อาม่าเกา หรืออ่าวของอา(หลิง)ม่า โปรตุเกสฟังเป็นมาเก๊านั้นเองครับ

รถเมล์สายที่ผ่านวัดอาม่านี้ผมแนะนำสาย 5 กับสาย 10 เลยครับ เพราะจะผ่าน Senado Square ด้วยครับ

เป็นอันว่าการเดินทางไหว้พระ 9 วัดครบถ้วนหมดตามที่ตั้งใจไว้ครับ ที่เหลือจะเอารูปวัดฝรั่งมาฝากนะครับ ของพระคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมนะครับ (พูดกับตัวคนเดียวแบบเศร้าๆ แล้วจากไป ขอบคุณทุกท่านครับ๗

www.facebook.com/thetravelbagstory

TravelTherapy

 วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.08 น.

ความคิดเห็น